SlideShare a Scribd company logo
1 of 4
Download to read offline
ประวัติดนตรีแจ๊ส (jazz)
แจ๊ส (Jazz) เป็นลักษณะดนตรีชนิดหนึ่งที่พัฒนามาจากกลุ่มคนดาในสหรัฐอเมริกา (African Americans) ในช่วง
ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยมีลักษณะพิเศษคือโน้ตบลูส์ การลัดจังหวะ จังหวะสวิง การโต้และตอบทางดนตรี และการ
เล่นสด โดยแจ๊สถือเป็นลักษณะดนตรีคลาสสิคชนิดหนึ่งของสหรัฐอเมริกา
ความหมายของคาว่า แจ๊ส
ความหมายของคาว่าแจ๊ส เคยมีผู้พยายามนิยามความหมายไว้หลายแบบ ซึ่งยากต่อการนิยาม ตามความหมาย
ของคาว่าแจ๊สในในพจนานุกรมไทยวัฒนาพานิช โดย วิทูลย์ สมบูรณ์ หมายถึง ดนตรีเต้นราเล่นลัดจังหวะ, เล่นดนตรีชนิด
นี้, เต้นรา เข้ากับดนตรีชนิดนี้สาหรับพจนานุกรมฉบับอ๊อกฟอร์ดให้คาจากัดความไว้ว่า "เป็นดนตรีที่ถือกาเนิดจากชาว
อเมริกันเชื้อสายแอฟริกันซึ่งมีจังหวะชัดเจนที่เล่นอย่างอิสระโดยการประสานกันขึ้นเองของนักดนตรีในขณะที่กาลัง
บรรเลง"
ดุ๊ก เอลลิงตันเคยพูดไว้ว่า "แจ๊สก็คือดนตรีทั้งหมดรวมกัน" ซึ่งก็มีนักวิจารณ์พูดว่า เอลลิงตันนั้นจริงๆ แล้วเขาไม่ได้
ทาดนตรีแจ๊ส เพื่อนของเอลลิงตันอีกคนชื่อ เอิร์ล ไฮนส์ กล่าวไว้ว่า มันคือ "ดนตรีเปลี่ยนรูป" ส่วนเบน แรตลิฟฟ์ นักวิจารณ์
จากนิวยอร์กไทม์สเคยกล่าวไว้ว่า "ตัวอย่างที่ดีที่จะอธิบายขึ้นตอนของแจ๊สมันไม่มีเลย"
ประวัติดนตรีแจ๊ส
ดนตรีแจ๊สมีต้นกาเนิดราวทศวรรษ 1920 โดยวงดนดรีวงแรกที่นาสาเนียงแจ๊สมาสู่ผู้ฟังหมู่มากคือ ดิ ออริจินัล ดิกซี
แลนด์ แจ๊ส แบนด์ (The Original Dixieland Jazz Band: ODJB) ด้วยจังหวะเต้นราที่แปลกใหม่ ทาให้โอดีเจบีเป็นที่
กล่าวขวัญกันอย่างมาก พร้อมกับให้กาเนิดคาว่า "แจ๊ส" ตามชื่อวงดนตรี โอดีเจบีสามารถขายแผ่นได้ถึงล้านแผ่น
รากลึกของแจ๊สนั้นมีมาจากเพลงบลูส์ (Blues)คนผิวดาที่เล่นเพลงบลูส์เหล่านี้เรียนรู้ดนตรีจากการฟังเป็นพื้นฐาน
จึงเล่นดนตรีแบบถูกบ้างผิดบ้าง เพราะจามาไม่ครบถ้วน มีการขยายความด้วยความพึงพอใจของตัวเองเป็นหลัก ซึ่ง
กลายเป็นที่มาของคีตปฏิภาณ(Improvisation)
ในภายหลังดนตรีแร็กไทม์ (Ragtime) ก็เชื่อว่ามีต้นกาเนิดคล้ายๆ กันคือ เกิดจากดนตรียุโรปผสมกับจังหวะขัดของ
แอฟริกัน บลูส์และแร็กไทม์นี่เองที่เป็นรากของดนตรีแจ๊สในเวลาต่อมา
เพลงบลูส์เริ่มได้รับความนิยมในช่วงเวลาเดียวกันกับแร็กไทม์ ปลายๆ ทศวรรษ 1910 เพลงบลูส์และแร็กไทม์ถูก
ผสมผสานจนกลมกลืนโดย บัดดี โบลเดน (Charles Joseph 'Buddy' Bolden) เป็นผู้ริเริ่ม หากแต่เวลานั้นยังไม่มีการ
ประดิษฐ์คาว่าแจ๊สขึ้นมา และเรียกดนตรีเหล่านี้รวมๆ กันว่า "ฮ็อต มิวสิก" (Hot Music) จนกระทั่งโอดีเจบีโด่งดัง คาว่า
แจ๊ส จึงเป็นคาที่ใช้เรียกขานกันทั่ว แจ๊สในยุคแรกนี้เรียกกันว่าเป็น แจ๊สดั้งเดิม หรือ นิวออร์ลีนส์แจ๊ส
ทศวรรษที่ 1920 และ 1930
สหรัฐเขาร่วมสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ทางการสั่งปิดสถานเริงรมณ์ในนิวออร์ลีนส์ ทาให้นักดนตรีส่วนใหญ่เดินทางมา
หากินในชิคาโก นิวยอร์ก และ ลอสแอนเจลิส ทั้งสามเมืองจึงกลายเป็นแหล่งบ่มเพาะนักดนตรีแจ๊สในช่วงนั้ชิคาโกดูจะ
เป็นเมืองที่มีความก้าวหน้าทางดนตรีแจ็สเหนือกว่าอีกสองเมือง เพราะมีนักดนตรีมาทางานมาก ชิคาโกเป็นเมืองที่ทา
ให้ หลุยส์ อาร์มสตรอง (Louis Armstrong) เป็นที่รู้จัก และกลายเป็นนักดนตรี นักร้องแจ๊สชื่อก้องโลกในเวลาต่อมา ใน
ด้านการพัฒนา ชิคาโกมีดนตรีแจ๊สที่สืบสายมาจากนิวออร์ลีนส์แต่มีลักษณะเฉพาะตัว มีการทดลองจัดวงในแบบของ
ตัวเอง เริ่มเอาเครื่องดนตรีใหม่ๆ เช่น แซ็กโซโฟนมาใช้รวมกับ คอร์เน็ต ทรัมเป็ต มีการทดลองแนวดนตรีใหม่ๆ เช่น การเล่น
เปียโนแบบสไตรด์ (Stride piano) ของเจมส์ จอห์นสัน (James P. Johnson) ซึ่งมีพื้นฐานจากแร็กไทม์ การทดลองลาก
โน้ตให้ยาวจนผู้ฟังคาดเดาได้ยากของอาร์มสตรอง และการปรับแพทเทิร์นของจังหวะกันใหม่เป็น Chicago Shuffle
ส่วนนิวยอร์กรับหน้าที่เป็นศูนย์กลางของแจ๊สในยุคปลายทศวรรษ 1920 แทนชิคาโก ดนตรีแจ๊สในนิวยอร์กพัฒนา
เพื่อเป็นดนตรีเต้นราให้ความสนุกสนานบันเทิง และเป็นที่มาของ สวิง (Swing) และ บิ๊กแบนด์ (Big Band)
สวิงเป็นดนตรีที่ก่อให้เกิดการจัดวงแบบใหม่ที่เรียกว่า "บิ๊กแบนด์" ซึ่งได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และองค์ประกอบ
ของวงก็เริ่มลงตัว มีการแบ่งโครงสร้างเครื่องดนตรีเป็นสามส่วนคือ เครื่องทองเหลือง คือ กลุ่มแตรซึ่งมีทรัมเปทและทรอม
โบนเป็นหลัก จานวน3-5 คัน ,เครื่องลมไม้ มีแซกโซโฟนเป็นหลัก จานวน 3-5 คันและมักมีคลาริเนต ไว้ให้นักแซกโซโฟน
เพื่อให้เล่นสลับกันด้วย และเครื่องให้จังหวะ ได้แก่ กลองชุดซึ่งมีกลองเพิ่มเติม และกระดึงกับฉาบเพิ่มขึ้นอีก นอกจากนี้มี
เปียโน สตริงเบส และกีตาร์ ส่วนแบนโจก็จะถูกแทนที่ด้วยเปียโน
ศิลปินที่แจ้งเกิดในยุคนี้เช่น เอลลา ฟิทซ์เจอรัลด์ (Ella Fitzgerald) บิลลี ฮอลิเดย์ (Billy Holiday) และหลุยส์
อาร์มสตรอง จุดเด่นของนักร้องแจ๊สคือการ "สแกต" (Scat) หรือเปล่งเสียง ฮัมเพลง แทนเครื่องดนตรี ซึ่งนับเป็นการแสดง
คีตปฏิภาณของนักร้อง
ทศวรรษที่ 1940
เพลงสวิงมาถึงจุดอิ่มตัวเมื่อนักดนตรีเริ่มเบื่อหน่ายการจัดวงและการเรียบเรียงที่ค่อนข้างตายตัว จึงเริ่มเกิดการหา
แนวทางใหม่ๆ เล่นตามความพอใจหลังการซ้อมหรือเล่นดนตรี หรือเรียกว่า "แจม" (Jam session) ชาร์ลี "เบิร์ด" พาร์ค
เกอร์ (Charlie "Bird" Parker) นักแซ็กโซโฟน และ ดิซซี่ กิลเลสปี (Dizzy Gillespie) นักทรัมเป็ต เสนอแจ๊สในแนวทาง
ใหม่ขึ้นมา เมื่อทั้งสองร่วมตั้งวงห้าชิ้นและออกอัลบั้มตามแนวทางดังกล่าว คาว่า "บีบ็อพ" (Bebop) "รีบ็อพ" (Rebop)
หรือ "บ็อพ" (Bop) ก็กลายเป็นคาติดปาก
คาว่าบีบ็อพเชื่อกันว่ามาจากสแกตของโน้ตสองตัว (การร้องโน้ต2 ตัวเร็วๆ ) บ็อพมีสุ้มเสียง จังหวะ การสอด
ประสานที่ต่างไปจากสวิงค่อนข้างมาก เช่นจังหวะไม่ได้บังคับเป็น 4/4 เหมือนสวิง ใช้คอร์ดแทน (Alternate chords)
ในขณะที่โซโลและการแสดงคีตปฏิภาณยังคงวางบนคอร์ดเดิม
ทศวรรษที่ 1950
ไมล์ส เดวิส และ จอห์น โคลเทรน (John Coltrane) ก็มาลงตัวกับท่วงทานองที่ใช้ฮาร์โมนีของโหมด (Mode)
มากกว่า คอร์ด กลายมาเป็น โมดัลแจ๊ส(Modal Jazz) ในเวลาต่อมา โดยมีอัลบั้ม Kind of Blues ของเดวิสในปี 1959
เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของฟรีแจ๊ส การใช้โหมดทาให้นักดนตรีสามารถโซโล หรือแสดงคีตปฏิภาณได้อิสระยิ่งขึ้น เพราะไม่มี
ข้อจากัดเรื่องคอร์ดเหมือนที่ผ่านมา จึงเกิดสเกลแปลกใหม่มากมาย
ต่อมา ออร์เน็ต โคลแมน (Ornette Coleman) นักแซ็กโซโฟนก็เสนออีกแนวทางหนึ่งที่ให้อิสระยิ่งกว่าโมดัลแจ๊ส
คือดนตรีสายฟรีแจ๊ส (Free Jazz) ซึ่งเน้นปฏิสัมพันธ์เป็นแกน อาศัยความรู้สึกและคีตปฏิภาณอย่างหนักหน่วง ซึ่งมี
โครงสร้างของเพลงเพียงคร่าวๆ เท่านั้น หลายๆ เพลงไม่มีแม้แต่จังหวะทานอง ไม่มีห้องดนตรี และมักเน้นจังหวะตบหรือ
การรักษาความเร็วจังหวะน้อยกว่าแจ๊สยุคก่อนๆ ส่วนเครื่องดาเนินจังหวะ และแนวเบสได้รับการเน้นให้มีอิสระในการ
บรรเลงมากขึ้น
ดนตรีในแนวฟรีแจ๊สและที่ใกล้เคียงกันในเวลานั้นทั้งหมดเรียกรวมว่า "อวองต์ การ์ด" (Avante Garde) นอกจาก
โคลแมนแล้ว ผู้ที่มีชื่อเสียงในฟรีแจ๊ส เช่น อัลเบิร์ต ไอย์เลอร์ (Albert Ayler) ซึ่งเป็นผู้ชักนาให้ โคลเทรนหันมาสนใจฟรีแจ๊
สในระยะหลังๆ
ทศวรรษที่ 1970
หลังจากช่วงทศวรรษ 1960 ซึ่งเป็นยุคที่เพลงร็อก (ร็อกแอนด์โรล) มีอิทธิพลต่อวงการเพลง หลังกาเนิดฟรีแจ๊ส
ในช่วงต้นทศวรรษ 1970 ได้เกิดดนตรีแจ๊สอีกแนวที่เรียกว่า ฟิวชัน (Fusion) ซึ่งบ่งชี้ถึงการนาดนตรีสองแนวหรือมากกว่า
มาหลอมรวมกัน ซึ่งในช่วงนั้นคือการรวมกันของดนตรีแจ๊สเข้ากับร็อกเป็นหลัก โดยการใช้รูปแบบจังหวะ และสีสันของ
เพลงร็อก เครื่องดนตรีในวงฟิวชั่นมักประกอบด้วยเครื่องดนตรีสองประเภททั้ง เครื่องดนตรีดั้งเดิม และเครื่องดนตรีไฟฟ้ า
หรืออีเลคโทรนิค มีกลุ่มเครื่องประกอบจังหวะที่ใหญ่กว่าแจ๊สยุคก่อนๆ และมักมีเครื่องดนตรีต่างชาติอื่นเช่น เครื่องดนตรี
จากแอฟริกา ลาตินอเมริกา หรืออินเดีย และอีกสองลักษณะเด่นของฟิวชั่นแจ๊สคือ แนวทานองของอีเลคโทรนิคเบสและ
การซ้าทวนของจังหวะ
ไมล์ส เดวิส นักปฏิวัติดนตรีแจ๊ส ก็ได้หยิบเอาโครงสร้างของร็อกมารวมกับแจ๊ส ทดลองใช้เครื่องดนตรีไฟฟ้ า เครื่อง
ดนตรีประเภทสังเคราะห์เสียง โดยเริ่มจากอัลบั้ม In A Silent Way ก่อนจะมาเป็นอัลบั้ม Bitches Brew ซึ่งเป็นต้นแบบ
ของแนวฟิวชันในเวลาต่อมา
แจ๊สยุคใหม่
ยุคหลังทศวรรษ 1970 ฟิวชันไม่ได้ครอบคลุมเพียงแจ๊ส-ร็อก หากรวมถึงดนตรียุคหลัง เช่น แจ๊ส-รึทึม
แอนด์บลูส์ แจ๊ส-ฟังกี้แจ๊ส-ป๊ อป เป็นต้น ฟิวชันยุคหลังนี้มีอิทธิพลกับแนวดนตรีนิวเอจ (New Age) และ เวิลด์ มิว
สิก (World Music) ในเวลาต่อมาโดยมีสังกัด ECM และ วินด์แฮม ฮิล (Windham Hill) นักดนตรีฟิวชันที่โด่งดังมีหลาย
คน เช่น คีธ จาร์เร็ต (Keith Jarrett) แพท เมธินี (Pat Metheny) บิลล์ ฟริเซล (Bill Frisell) โตชิโกะ อะกิโยชิ (Toshiko
Akiyoshi) ซาดาโอะ วาตานะเบ (Sadao Watanabe) เป็นต้น
ช่วงต้นทศวรรษที่ 80 แจ๊สได้รับความนิยมระดับนึงมีการผสมแจ๊สเข้ากับป็อป เรียกป็อปฟิวชัน หรือ สมูธแจ๊ส
ประสบความสาเร็จในยอดการเปิดออกอากาศในสถานีวิทยุ นักแซกโซโฟนสมูธแจ๊สอย่าง กรูเวอร์ วอชิงตัน จูเนียร์,เคนนี
จี และ นาจี เพลงของพวกเขาเล่นในสถานีวิทยุโดยมักจะทาเพลงร่วมกับเพลงแนว ไควเอ็ดสตรอมในตลาดคนผิวสีใน
สหรัฐอเมริกา อย่างเช่นเล่นในเพลงของศิลปินอย่างอะนิทา เบเกอร์ ,ชากา คาน,อัล จาร์รู และชาเด เป็นต้น
มีความพยายามหาสุ้มเสียงใหม่ๆ จากฟิวชันเหมือนกัน เช่น แอซิดแจ๊ส (Acid Jazz) หรือกรูฟแจ๊ส (Groove Jazz)
ซึ่งเป็นผลการผสมระหว่างแจ๊ส โซล ฟังกี้และฮิปฮอป เช่น จามิโรไคว์ (Jamiroquai) อีกแนวที่ใกล้กับแอซิดแจ๊สคือ นู
แจ๊ส (Nu Jazz) หรือ อิเล็กโทรแจ๊ส (Electro-Jazz) ซึ่งเกิดในปลายทศวรรษ 1990 โดยนาเนื้อหนังของแจ๊สมาผสมผสาน
ด้วยดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องสังเคราะห์เสียง เช่น วงอิเล็กโทรนิกา (Electronica)
ขอบคุณที่มา :wikipedia.org

More Related Content

Viewers also liked

โครงงานคอมพิวเตอร์1
โครงงานคอมพิวเตอร์1โครงงานคอมพิวเตอร์1
โครงงานคอมพิวเตอร์1dekkok552
 
黒田貴美:キャンドルスタンドデコレーション
黒田貴美:キャンドルスタンドデコレーション黒田貴美:キャンドルスタンドデコレーション
黒田貴美:キャンドルスタンドデコレーションFlowerStudioPRISM
 
How to diagnose diabetes
How to diagnose diabetesHow to diagnose diabetes
How to diagnose diabetesShakeel-Hussain
 
フラワーデザイナー黒田貴美作品集
フラワーデザイナー黒田貴美作品集フラワーデザイナー黒田貴美作品集
フラワーデザイナー黒田貴美作品集FlowerStudioPRISM
 
007632 ec3 1_sokol_tridy_provedeni_podle_en_1090
007632 ec3 1_sokol_tridy_provedeni_podle_en_1090007632 ec3 1_sokol_tridy_provedeni_podle_en_1090
007632 ec3 1_sokol_tridy_provedeni_podle_en_1090Daniel Stuparek
 
Kantapon-12-612
Kantapon-12-612Kantapon-12-612
Kantapon-12-612dekkok552
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์dekkok552
 
foedumed:learning with technologies 12_16
foedumed:learning with technologies 12_16foedumed:learning with technologies 12_16
foedumed:learning with technologies 12_16farahsyed9
 
Group 2 innovation of money
Group 2 innovation of moneyGroup 2 innovation of money
Group 2 innovation of moneyKayleyChan
 
Airwil Aurum, Noida, Expressway sec 135, Excellent Location.
 Airwil Aurum, Noida, Expressway sec 135, Excellent Location. Airwil Aurum, Noida, Expressway sec 135, Excellent Location.
Airwil Aurum, Noida, Expressway sec 135, Excellent Location.Airwil,
 
Writing Successful Project Proposal
Writing Successful Project ProposalWriting Successful Project Proposal
Writing Successful Project ProposalGhulam Qadir
 
Ppt science 8 lesson 1 2nd quarter
Ppt science 8 lesson 1 2nd quarterPpt science 8 lesson 1 2nd quarter
Ppt science 8 lesson 1 2nd quarterChaire Retiro
 
The slide deck we used to raise half a million dollars
The slide deck we used to raise half a million dollarsThe slide deck we used to raise half a million dollars
The slide deck we used to raise half a million dollarsBuffer
 
The Best Startup Investor Pitch Deck & How to Present to Angels & Venture Cap...
The Best Startup Investor Pitch Deck & How to Present to Angels & Venture Cap...The Best Startup Investor Pitch Deck & How to Present to Angels & Venture Cap...
The Best Startup Investor Pitch Deck & How to Present to Angels & Venture Cap...J. Skyler Fernandes
 

Viewers also liked (17)

โครงงานคอมพิวเตอร์1
โครงงานคอมพิวเตอร์1โครงงานคอมพิวเตอร์1
โครงงานคอมพิวเตอร์1
 
黒田貴美:キャンドルスタンドデコレーション
黒田貴美:キャンドルスタンドデコレーション黒田貴美:キャンドルスタンドデコレーション
黒田貴美:キャンドルスタンドデコレーション
 
How to diagnose diabetes
How to diagnose diabetesHow to diagnose diabetes
How to diagnose diabetes
 
フラワーデザイナー黒田貴美作品集
フラワーデザイナー黒田貴美作品集フラワーデザイナー黒田貴美作品集
フラワーデザイナー黒田貴美作品集
 
007632 ec3 1_sokol_tridy_provedeni_podle_en_1090
007632 ec3 1_sokol_tridy_provedeni_podle_en_1090007632 ec3 1_sokol_tridy_provedeni_podle_en_1090
007632 ec3 1_sokol_tridy_provedeni_podle_en_1090
 
Kantapon-12-612
Kantapon-12-612Kantapon-12-612
Kantapon-12-612
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
foedumed:learning with technologies 12_16
foedumed:learning with technologies 12_16foedumed:learning with technologies 12_16
foedumed:learning with technologies 12_16
 
Group 2 innovation of money
Group 2 innovation of moneyGroup 2 innovation of money
Group 2 innovation of money
 
Airwil Aurum, Noida, Expressway sec 135, Excellent Location.
 Airwil Aurum, Noida, Expressway sec 135, Excellent Location. Airwil Aurum, Noida, Expressway sec 135, Excellent Location.
Airwil Aurum, Noida, Expressway sec 135, Excellent Location.
 
U4L5 - Climate
U4L5 - ClimateU4L5 - Climate
U4L5 - Climate
 
Asme wps-demo
Asme wps-demoAsme wps-demo
Asme wps-demo
 
Writing Successful Project Proposal
Writing Successful Project ProposalWriting Successful Project Proposal
Writing Successful Project Proposal
 
Ppt science 8 lesson 1 2nd quarter
Ppt science 8 lesson 1 2nd quarterPpt science 8 lesson 1 2nd quarter
Ppt science 8 lesson 1 2nd quarter
 
The slide deck we used to raise half a million dollars
The slide deck we used to raise half a million dollarsThe slide deck we used to raise half a million dollars
The slide deck we used to raise half a million dollars
 
The Best Startup Investor Pitch Deck & How to Present to Angels & Venture Cap...
The Best Startup Investor Pitch Deck & How to Present to Angels & Venture Cap...The Best Startup Investor Pitch Deck & How to Present to Angels & Venture Cap...
The Best Startup Investor Pitch Deck & How to Present to Angels & Venture Cap...
 

ประวัติดนตรีแจ๊ส

  • 1. ประวัติดนตรีแจ๊ส (jazz) แจ๊ส (Jazz) เป็นลักษณะดนตรีชนิดหนึ่งที่พัฒนามาจากกลุ่มคนดาในสหรัฐอเมริกา (African Americans) ในช่วง ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยมีลักษณะพิเศษคือโน้ตบลูส์ การลัดจังหวะ จังหวะสวิง การโต้และตอบทางดนตรี และการ เล่นสด โดยแจ๊สถือเป็นลักษณะดนตรีคลาสสิคชนิดหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ความหมายของคาว่า แจ๊ส ความหมายของคาว่าแจ๊ส เคยมีผู้พยายามนิยามความหมายไว้หลายแบบ ซึ่งยากต่อการนิยาม ตามความหมาย ของคาว่าแจ๊สในในพจนานุกรมไทยวัฒนาพานิช โดย วิทูลย์ สมบูรณ์ หมายถึง ดนตรีเต้นราเล่นลัดจังหวะ, เล่นดนตรีชนิด นี้, เต้นรา เข้ากับดนตรีชนิดนี้สาหรับพจนานุกรมฉบับอ๊อกฟอร์ดให้คาจากัดความไว้ว่า "เป็นดนตรีที่ถือกาเนิดจากชาว อเมริกันเชื้อสายแอฟริกันซึ่งมีจังหวะชัดเจนที่เล่นอย่างอิสระโดยการประสานกันขึ้นเองของนักดนตรีในขณะที่กาลัง บรรเลง" ดุ๊ก เอลลิงตันเคยพูดไว้ว่า "แจ๊สก็คือดนตรีทั้งหมดรวมกัน" ซึ่งก็มีนักวิจารณ์พูดว่า เอลลิงตันนั้นจริงๆ แล้วเขาไม่ได้ ทาดนตรีแจ๊ส เพื่อนของเอลลิงตันอีกคนชื่อ เอิร์ล ไฮนส์ กล่าวไว้ว่า มันคือ "ดนตรีเปลี่ยนรูป" ส่วนเบน แรตลิฟฟ์ นักวิจารณ์ จากนิวยอร์กไทม์สเคยกล่าวไว้ว่า "ตัวอย่างที่ดีที่จะอธิบายขึ้นตอนของแจ๊สมันไม่มีเลย" ประวัติดนตรีแจ๊ส ดนตรีแจ๊สมีต้นกาเนิดราวทศวรรษ 1920 โดยวงดนดรีวงแรกที่นาสาเนียงแจ๊สมาสู่ผู้ฟังหมู่มากคือ ดิ ออริจินัล ดิกซี แลนด์ แจ๊ส แบนด์ (The Original Dixieland Jazz Band: ODJB) ด้วยจังหวะเต้นราที่แปลกใหม่ ทาให้โอดีเจบีเป็นที่ กล่าวขวัญกันอย่างมาก พร้อมกับให้กาเนิดคาว่า "แจ๊ส" ตามชื่อวงดนตรี โอดีเจบีสามารถขายแผ่นได้ถึงล้านแผ่น รากลึกของแจ๊สนั้นมีมาจากเพลงบลูส์ (Blues)คนผิวดาที่เล่นเพลงบลูส์เหล่านี้เรียนรู้ดนตรีจากการฟังเป็นพื้นฐาน จึงเล่นดนตรีแบบถูกบ้างผิดบ้าง เพราะจามาไม่ครบถ้วน มีการขยายความด้วยความพึงพอใจของตัวเองเป็นหลัก ซึ่ง กลายเป็นที่มาของคีตปฏิภาณ(Improvisation) ในภายหลังดนตรีแร็กไทม์ (Ragtime) ก็เชื่อว่ามีต้นกาเนิดคล้ายๆ กันคือ เกิดจากดนตรียุโรปผสมกับจังหวะขัดของ แอฟริกัน บลูส์และแร็กไทม์นี่เองที่เป็นรากของดนตรีแจ๊สในเวลาต่อมา เพลงบลูส์เริ่มได้รับความนิยมในช่วงเวลาเดียวกันกับแร็กไทม์ ปลายๆ ทศวรรษ 1910 เพลงบลูส์และแร็กไทม์ถูก ผสมผสานจนกลมกลืนโดย บัดดี โบลเดน (Charles Joseph 'Buddy' Bolden) เป็นผู้ริเริ่ม หากแต่เวลานั้นยังไม่มีการ
  • 2. ประดิษฐ์คาว่าแจ๊สขึ้นมา และเรียกดนตรีเหล่านี้รวมๆ กันว่า "ฮ็อต มิวสิก" (Hot Music) จนกระทั่งโอดีเจบีโด่งดัง คาว่า แจ๊ส จึงเป็นคาที่ใช้เรียกขานกันทั่ว แจ๊สในยุคแรกนี้เรียกกันว่าเป็น แจ๊สดั้งเดิม หรือ นิวออร์ลีนส์แจ๊ส ทศวรรษที่ 1920 และ 1930 สหรัฐเขาร่วมสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ทางการสั่งปิดสถานเริงรมณ์ในนิวออร์ลีนส์ ทาให้นักดนตรีส่วนใหญ่เดินทางมา หากินในชิคาโก นิวยอร์ก และ ลอสแอนเจลิส ทั้งสามเมืองจึงกลายเป็นแหล่งบ่มเพาะนักดนตรีแจ๊สในช่วงนั้ชิคาโกดูจะ เป็นเมืองที่มีความก้าวหน้าทางดนตรีแจ็สเหนือกว่าอีกสองเมือง เพราะมีนักดนตรีมาทางานมาก ชิคาโกเป็นเมืองที่ทา ให้ หลุยส์ อาร์มสตรอง (Louis Armstrong) เป็นที่รู้จัก และกลายเป็นนักดนตรี นักร้องแจ๊สชื่อก้องโลกในเวลาต่อมา ใน ด้านการพัฒนา ชิคาโกมีดนตรีแจ๊สที่สืบสายมาจากนิวออร์ลีนส์แต่มีลักษณะเฉพาะตัว มีการทดลองจัดวงในแบบของ ตัวเอง เริ่มเอาเครื่องดนตรีใหม่ๆ เช่น แซ็กโซโฟนมาใช้รวมกับ คอร์เน็ต ทรัมเป็ต มีการทดลองแนวดนตรีใหม่ๆ เช่น การเล่น เปียโนแบบสไตรด์ (Stride piano) ของเจมส์ จอห์นสัน (James P. Johnson) ซึ่งมีพื้นฐานจากแร็กไทม์ การทดลองลาก โน้ตให้ยาวจนผู้ฟังคาดเดาได้ยากของอาร์มสตรอง และการปรับแพทเทิร์นของจังหวะกันใหม่เป็น Chicago Shuffle ส่วนนิวยอร์กรับหน้าที่เป็นศูนย์กลางของแจ๊สในยุคปลายทศวรรษ 1920 แทนชิคาโก ดนตรีแจ๊สในนิวยอร์กพัฒนา เพื่อเป็นดนตรีเต้นราให้ความสนุกสนานบันเทิง และเป็นที่มาของ สวิง (Swing) และ บิ๊กแบนด์ (Big Band) สวิงเป็นดนตรีที่ก่อให้เกิดการจัดวงแบบใหม่ที่เรียกว่า "บิ๊กแบนด์" ซึ่งได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และองค์ประกอบ ของวงก็เริ่มลงตัว มีการแบ่งโครงสร้างเครื่องดนตรีเป็นสามส่วนคือ เครื่องทองเหลือง คือ กลุ่มแตรซึ่งมีทรัมเปทและทรอม โบนเป็นหลัก จานวน3-5 คัน ,เครื่องลมไม้ มีแซกโซโฟนเป็นหลัก จานวน 3-5 คันและมักมีคลาริเนต ไว้ให้นักแซกโซโฟน เพื่อให้เล่นสลับกันด้วย และเครื่องให้จังหวะ ได้แก่ กลองชุดซึ่งมีกลองเพิ่มเติม และกระดึงกับฉาบเพิ่มขึ้นอีก นอกจากนี้มี เปียโน สตริงเบส และกีตาร์ ส่วนแบนโจก็จะถูกแทนที่ด้วยเปียโน ศิลปินที่แจ้งเกิดในยุคนี้เช่น เอลลา ฟิทซ์เจอรัลด์ (Ella Fitzgerald) บิลลี ฮอลิเดย์ (Billy Holiday) และหลุยส์ อาร์มสตรอง จุดเด่นของนักร้องแจ๊สคือการ "สแกต" (Scat) หรือเปล่งเสียง ฮัมเพลง แทนเครื่องดนตรี ซึ่งนับเป็นการแสดง คีตปฏิภาณของนักร้อง ทศวรรษที่ 1940 เพลงสวิงมาถึงจุดอิ่มตัวเมื่อนักดนตรีเริ่มเบื่อหน่ายการจัดวงและการเรียบเรียงที่ค่อนข้างตายตัว จึงเริ่มเกิดการหา แนวทางใหม่ๆ เล่นตามความพอใจหลังการซ้อมหรือเล่นดนตรี หรือเรียกว่า "แจม" (Jam session) ชาร์ลี "เบิร์ด" พาร์ค เกอร์ (Charlie "Bird" Parker) นักแซ็กโซโฟน และ ดิซซี่ กิลเลสปี (Dizzy Gillespie) นักทรัมเป็ต เสนอแจ๊สในแนวทาง ใหม่ขึ้นมา เมื่อทั้งสองร่วมตั้งวงห้าชิ้นและออกอัลบั้มตามแนวทางดังกล่าว คาว่า "บีบ็อพ" (Bebop) "รีบ็อพ" (Rebop) หรือ "บ็อพ" (Bop) ก็กลายเป็นคาติดปาก
  • 3. คาว่าบีบ็อพเชื่อกันว่ามาจากสแกตของโน้ตสองตัว (การร้องโน้ต2 ตัวเร็วๆ ) บ็อพมีสุ้มเสียง จังหวะ การสอด ประสานที่ต่างไปจากสวิงค่อนข้างมาก เช่นจังหวะไม่ได้บังคับเป็น 4/4 เหมือนสวิง ใช้คอร์ดแทน (Alternate chords) ในขณะที่โซโลและการแสดงคีตปฏิภาณยังคงวางบนคอร์ดเดิม ทศวรรษที่ 1950 ไมล์ส เดวิส และ จอห์น โคลเทรน (John Coltrane) ก็มาลงตัวกับท่วงทานองที่ใช้ฮาร์โมนีของโหมด (Mode) มากกว่า คอร์ด กลายมาเป็น โมดัลแจ๊ส(Modal Jazz) ในเวลาต่อมา โดยมีอัลบั้ม Kind of Blues ของเดวิสในปี 1959 เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของฟรีแจ๊ส การใช้โหมดทาให้นักดนตรีสามารถโซโล หรือแสดงคีตปฏิภาณได้อิสระยิ่งขึ้น เพราะไม่มี ข้อจากัดเรื่องคอร์ดเหมือนที่ผ่านมา จึงเกิดสเกลแปลกใหม่มากมาย ต่อมา ออร์เน็ต โคลแมน (Ornette Coleman) นักแซ็กโซโฟนก็เสนออีกแนวทางหนึ่งที่ให้อิสระยิ่งกว่าโมดัลแจ๊ส คือดนตรีสายฟรีแจ๊ส (Free Jazz) ซึ่งเน้นปฏิสัมพันธ์เป็นแกน อาศัยความรู้สึกและคีตปฏิภาณอย่างหนักหน่วง ซึ่งมี โครงสร้างของเพลงเพียงคร่าวๆ เท่านั้น หลายๆ เพลงไม่มีแม้แต่จังหวะทานอง ไม่มีห้องดนตรี และมักเน้นจังหวะตบหรือ การรักษาความเร็วจังหวะน้อยกว่าแจ๊สยุคก่อนๆ ส่วนเครื่องดาเนินจังหวะ และแนวเบสได้รับการเน้นให้มีอิสระในการ บรรเลงมากขึ้น ดนตรีในแนวฟรีแจ๊สและที่ใกล้เคียงกันในเวลานั้นทั้งหมดเรียกรวมว่า "อวองต์ การ์ด" (Avante Garde) นอกจาก โคลแมนแล้ว ผู้ที่มีชื่อเสียงในฟรีแจ๊ส เช่น อัลเบิร์ต ไอย์เลอร์ (Albert Ayler) ซึ่งเป็นผู้ชักนาให้ โคลเทรนหันมาสนใจฟรีแจ๊ สในระยะหลังๆ ทศวรรษที่ 1970 หลังจากช่วงทศวรรษ 1960 ซึ่งเป็นยุคที่เพลงร็อก (ร็อกแอนด์โรล) มีอิทธิพลต่อวงการเพลง หลังกาเนิดฟรีแจ๊ส ในช่วงต้นทศวรรษ 1970 ได้เกิดดนตรีแจ๊สอีกแนวที่เรียกว่า ฟิวชัน (Fusion) ซึ่งบ่งชี้ถึงการนาดนตรีสองแนวหรือมากกว่า มาหลอมรวมกัน ซึ่งในช่วงนั้นคือการรวมกันของดนตรีแจ๊สเข้ากับร็อกเป็นหลัก โดยการใช้รูปแบบจังหวะ และสีสันของ เพลงร็อก เครื่องดนตรีในวงฟิวชั่นมักประกอบด้วยเครื่องดนตรีสองประเภททั้ง เครื่องดนตรีดั้งเดิม และเครื่องดนตรีไฟฟ้ า หรืออีเลคโทรนิค มีกลุ่มเครื่องประกอบจังหวะที่ใหญ่กว่าแจ๊สยุคก่อนๆ และมักมีเครื่องดนตรีต่างชาติอื่นเช่น เครื่องดนตรี จากแอฟริกา ลาตินอเมริกา หรืออินเดีย และอีกสองลักษณะเด่นของฟิวชั่นแจ๊สคือ แนวทานองของอีเลคโทรนิคเบสและ การซ้าทวนของจังหวะ ไมล์ส เดวิส นักปฏิวัติดนตรีแจ๊ส ก็ได้หยิบเอาโครงสร้างของร็อกมารวมกับแจ๊ส ทดลองใช้เครื่องดนตรีไฟฟ้ า เครื่อง ดนตรีประเภทสังเคราะห์เสียง โดยเริ่มจากอัลบั้ม In A Silent Way ก่อนจะมาเป็นอัลบั้ม Bitches Brew ซึ่งเป็นต้นแบบ ของแนวฟิวชันในเวลาต่อมา
  • 4. แจ๊สยุคใหม่ ยุคหลังทศวรรษ 1970 ฟิวชันไม่ได้ครอบคลุมเพียงแจ๊ส-ร็อก หากรวมถึงดนตรียุคหลัง เช่น แจ๊ส-รึทึม แอนด์บลูส์ แจ๊ส-ฟังกี้แจ๊ส-ป๊ อป เป็นต้น ฟิวชันยุคหลังนี้มีอิทธิพลกับแนวดนตรีนิวเอจ (New Age) และ เวิลด์ มิว สิก (World Music) ในเวลาต่อมาโดยมีสังกัด ECM และ วินด์แฮม ฮิล (Windham Hill) นักดนตรีฟิวชันที่โด่งดังมีหลาย คน เช่น คีธ จาร์เร็ต (Keith Jarrett) แพท เมธินี (Pat Metheny) บิลล์ ฟริเซล (Bill Frisell) โตชิโกะ อะกิโยชิ (Toshiko Akiyoshi) ซาดาโอะ วาตานะเบ (Sadao Watanabe) เป็นต้น ช่วงต้นทศวรรษที่ 80 แจ๊สได้รับความนิยมระดับนึงมีการผสมแจ๊สเข้ากับป็อป เรียกป็อปฟิวชัน หรือ สมูธแจ๊ส ประสบความสาเร็จในยอดการเปิดออกอากาศในสถานีวิทยุ นักแซกโซโฟนสมูธแจ๊สอย่าง กรูเวอร์ วอชิงตัน จูเนียร์,เคนนี จี และ นาจี เพลงของพวกเขาเล่นในสถานีวิทยุโดยมักจะทาเพลงร่วมกับเพลงแนว ไควเอ็ดสตรอมในตลาดคนผิวสีใน สหรัฐอเมริกา อย่างเช่นเล่นในเพลงของศิลปินอย่างอะนิทา เบเกอร์ ,ชากา คาน,อัล จาร์รู และชาเด เป็นต้น มีความพยายามหาสุ้มเสียงใหม่ๆ จากฟิวชันเหมือนกัน เช่น แอซิดแจ๊ส (Acid Jazz) หรือกรูฟแจ๊ส (Groove Jazz) ซึ่งเป็นผลการผสมระหว่างแจ๊ส โซล ฟังกี้และฮิปฮอป เช่น จามิโรไคว์ (Jamiroquai) อีกแนวที่ใกล้กับแอซิดแจ๊สคือ นู แจ๊ส (Nu Jazz) หรือ อิเล็กโทรแจ๊ส (Electro-Jazz) ซึ่งเกิดในปลายทศวรรษ 1990 โดยนาเนื้อหนังของแจ๊สมาผสมผสาน ด้วยดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องสังเคราะห์เสียง เช่น วงอิเล็กโทรนิกา (Electronica) ขอบคุณที่มา :wikipedia.org