SlideShare a Scribd company logo
1 of 9
ขบวนการเผด็จการไทยในปัจจุบันเป็นยาพิษต่อราชบัลลังก์
ขบวนการประชาธิปไตยและขบวนการคอมมิวนิสต์ในประเทศไทยว่าไม่เป็นภัยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
ขบวนการประชาธิปไตยตั้งแต่พระมหากษัตริย์เจ้านายขุนนางลงมาจนถึงประชาชน
ไม่แต่จะไม่เป็นภัยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้น ยังส่งเสริมความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์อีกด้วย
ส่วนขบวนการคอมมิวนิสต์ไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ก็เพราะพคท.แพ้สงครามโดยพื้นฐานแล้ว
ต่อไปนี้จะได้กล่าวถึงอีกขบวนการหนึ่งก็คือขบวนการเผด็จการ แบ่งอย่างกว้างๆขบวนการการเมืองของประเทศไทยมี
๓ขบวนการคือขบวนการเผด็จการขบวนการประชาธิปไตยและขบวนการคอมมิวนิสต์
ขบวนการเผด็จการคือขบวนการที่มีความมุ่งหมายจะรักษาระบอบการปกครองที่ดารงอยู่ไว้ซึ่งมีอยู่ ๒ระบอบสลับกัน
คือ ระบอบรัฐธรรมนูญและระบอบรัฐประหาร ทั้ง๒
ระบอบแม้ว่าจะมีรูปแตกต่างกันแต่ก็มีเนื้ออย่างเดียวกันคือระบอบหนึ่งใช้อานาจโดยรัฐธรรมนูญเรียกว่าระบอบรัฐธรรมนูญหรื
อระบอบรัฐสภา อีกระบอบหนึ่งใช้อานาจโดยการยึดอานาจ เรียกว่าระบอบรัฐประหาร หรือระบอบทหาร แต่ทั้ง ๒
ระบอบก็เป็นผู้แทนของคนส่วนน้อยอย่างเดียวกันโดยเฉพาะคือเป็นผู้แทนของผลประโยชน์ผูกขาดอย่างเดียวกัน
ดังนั้นทั้งอานาจอธิปไตยของทั้ง๒ระบอบ เป็นของคนส่วนน้อยโดยเฉพาะเป็นของผลประโยชน์ผูกขาดอย่างเดียวกันและดังนั้น
๒ระบอบจึงเป็นระบอบเผด็จการอย่างเดียวกันเรียกว่าระบอบเผด็จการรัฐสภาและระบอบเผด็จการรัฐประหาร
เมื่อเป็นดังนี้พรรคการเมืองใด กลุ่มการเมืองใดองค์การการเมืองใดบุคคลการเมืองใดตลอดจนมวลชนที่เดินตาม
จึงอยู่ในขบวนการเดียวกันคือขบวนการที่มีความมุ่งหมายจะรักษาระบอบเผด็จการรัฐสภาหรือระบอบเผด็จการรัฐประหารไว้
เรียกว่า”ขบวนการเผด็จการ“
ขบวนการประชาธิปไตยคือขบวนการที่ประกอบด้วยพรรคการเมือง กลุ่มการเมืององค์การการเมืองบุคคลการเมือง
ตลอดจนมวลชนซึ่งต่างก็มีความมุ่งหมายจะเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบเผด็จการไม่ว่าในรูปใดๆ
เป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตย หรือทาการปฏิวัติประชาธิปไตย
ขบวนการคอมมิวนิสต์คือพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.)
และบุคคลหรือมวลชนที่เห็นด้วยกับนโยบายขั้นต่าและขั้นสูงของพคท.
ขบวนการดังกล่าวนี้มีความมุ่งหมายจะเข้าไปนาการปฏิวัติประชาธิปไตยเพื่อพาไปสู่การปฏิวัติสังคมนิยม
เพื่อสร้างระบบสังคมนิยม และระบบคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย
ขบวนการเผด็จการเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าฝ่ายขวาขบวนการประชาธิปไตยเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าฝ่ ายกลาง
ขบวนการคอมมิวนิสต์เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าฝ่ายซ้าย
ฝ่ ายขวาฝ่ ายกลางและฝ่ ายซ้ายดังกล่าวนี้กาหนดจากขบวนการการเมืองทั้งหมดในประเทศ
คือรวมกันทั้งขบวนการเผด็จการขบวนการประชาธิปไตยและขบวนการคอมมิวนิสต์
แต่ทว่าในแต่ละขบวนการยังแบ่งออกเป็น“ฝ่ ายขวา“ “ ฝ่ ายกลาง“ และ “ ฝ่ ายซ้าย“
คือในขบวนการเผด็จการมีฝ่ายขวาฝ่ ายกลางและฝ่ ายซ้าย ในขบวนการประชาธิปไตยมีฝ่ายขวาฝ่ ายกลางและฝ่ ายซ้าย
และในขบวนการคอมมิวนิสต์มีฝ่ ายขวาฝ่ ายกลางและฝ่ ายซ้าย นัยหนึ่งฝ่ ายขวามีขวามีกลางและมีซ้ายฝ่ ายกลางมีขวา
มีกลางและมีซ้ายและฝ่ ายซ้ายก็มีขวามีกลางและมีซ้าย
สภาพเช่นนี้ทาให้บางคนเข้าใจว่าซ้ายของขบวนการเผด็จการเป็นขวาของขบวนการประชาธิปไตย
และซ้ายของขบวนการประชาธิปไตยเป็นขวาของขบวนการคอมมิวนิสต์
ความจริงแล้วขบวนการเผด็จการกับขบวนการประชาธิปไตยมีการปะปนกันได้
คือซ้ายของขบวนการเผด็จการเป็นขวาของขบวนการประชาธิปไตยได้
และอาจเป็นกลางหรือเป็นซ้ายของขบวนการประชาธิปไตยก็ได้
ยกตัวอย่างเมื่อก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง๒๔๗๕รัชกาลที่๗ทรงถูกถือว่าเป็นซ้ายในฝ่ ายขวา
(สมบูรณาญาสิทธิราชย์) พระองค์ท่านกลับทรงเป็นฝ่ ายกลางในขบวนการประชาธิปไตย แต่นายปรีดีพนมยงค์และผู้ติดตาม
ซึ่งเป็นฝ่ ายซ้ายในขบวนการประชาธิปไตย(เพราะมีแนวสังคมนิยม) นั้นไม่ใช่ฝ่ ายขวาของขบวนการคอมมิวนิสต์
แต่ฝ่ ายซ้ายของประชาธิปไตยไม่ใช่คอมมิวนิสต์ฉะนั้นซ้ายของประชาธิปไตยจึงไม่ใช่ขวาของคอมมิวนิสต์
และขวาของคอมมิวนิสต์ก็ไม่ใช่ซ้ายของประชาธิปไตย ระหว่างคอมมิวนิสต์กับประชาธิปไตยและเผด็จการนั้น ไม่ว่าขวา
กลางหรือซ้ายแบ่งแยกกันเด็ดขาดปะปนกันไม่ได้ แต่ระหว่างเผด็จการกับประชาธิปไตยแบ่งแยกกันไม่เด็ดขาด
จึงปะปนกันได้
แต่ในประเทศไทยมีการปะปนกันทั้ง๓สิ่ง เช่นเมื่อพูดถึงซ้ายก็ไม่จาแนกว่าซ้ายของเผด็จการหรือซ้ายของประชาธิปไตย
หรือซ้ายของคอมมิวนิสต์ นัยหนึ่งไม่จาแนกว่าเป็นซ้ายของขวาหรือซ้ายของกลางหรือซ้ายของซ้าย
เป็นเหตุให้เอาคอมมิวนิสต์ไปปะปนกับประชาธิปไตยและเผด็จการ
นักประชาธิปไตยบางส่วนถูกมองเป็นคอมมิวนิสต์กระทั่งนักเผด็จการบางส่วนก็ถูกมองเป็นคอมมิวนิสต์ ทาให้คาว่า“ ซ้าย“
หมายถึงคอมมิวนิสต์หรือเป็นพวกของคอมมิวนิสต์ซึ่งแท้จริงแล้วซ้ายของเผด็จการ(ซ้ายของขวา)และซ้ายของประชาธิปไตย
(ซ้ายของกลาง)นั้นเป็นคนละเรื่องกับคอมมิวนิสต์อย่างเช่นคุณชวนคุณสุรินทร์ คุณวีระซึ่งถือกันว่าเป็นซ้ายของขวา
(ซ้ายในพรรคประชาธิปัตย์) ถูกมองว่าเป็นคอมมิวนิสต์เมื่อกรณี ๖ตุลาคม
และขบวนการสังคมนิยมในปัจจุบันซึ่งเป็นซ้ายในขบวนการเป็นต้น
แต่ตามสภาพความเป็นจริงของคนเหล่านี้แตกต่างจากคอมมิวนิสต์จนถึงรากเหง้า
เช่นพวกพรรคสังคมนิยมซึ่งเข้าไปอยู่กับชาวพรรคคอมมิวนิสต์ในป่าออกมาสารภาพว่ามีความแตกต่างทางความคิดอย่างแท้จ
ริง
ฉะนั้นเมื่อแบ่งเป็นขวา กลางซ้ายในขบวนการของชาติทั้งขบวนการแล้ว
ซ้ายหมายความถึงขบวนการคอมมิวนิสต์เท่านั้นขบวนการสังคมนิยม
อยู่ในขบวนการประชาธิปไตยและขบวนการสังคมนิยมบางขบวนการอาจอยู่ในขบวนการเผด็จการก็ได้
และเพราะขบวนการสังคมนิยมนั้นมีทั้งปฏิกิริยาและก้าวหน้า
ในที่นี้พูดถึงฝ่ ายขวาในขบวนการของชาติทั้งขบวนการ
ฉะนั้นจึงหมายความถึงขบวนการเผด็จการซึ่งส่วนสาคัญในปัจจุบันแบ่งออกเป็นฝ่ ายที่นิยมระบอบเผด็จการรัฐสภา
ขบวนการเผด็จการที่นิยมระบอบเผด็จการรัฐประหารคือขบวนการเผด็จการฝ่ายทหารเป็นส่วนสาคัญ
ขบวนการเผด็จการที่นิยมระบอบเผด็จการรัฐสภาคือขบวนการเผด็จการที่เป็นพรรคการเมืองและนักการเมืองเป็นส่วนสาคัญ
นี่เป็นขบวนการเผด็จการในปัจจุบันแต่เมื่อกล่าวถึงในด้านที่เกี่ยวพันกับปัญหาความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์
เพื่อให้เข้าใจชัดเจนจาเป็นต้องย้อนไปกล่าวถึงขบวนการเผด็จการในอดีตบ้าง
ขบวนการเผด็จการในอดีตก่อน๒๔มิถุนายน๒๔๗๕
นั้นกุมอานาจอธิปไตยภายใต้สถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์(Absolute Monarchy)
ต่างกับขบวนการประชาธิปไตยในปัจจุบัน
ซึ่งกุมอานาจอธิปไตยภายใต้สถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นระบอบปริมิตาญาสิทธิราชย์ (LimitedMonarchy)
หรือระบอบพระมหากษัตริย์รัฐธรรมนูญ(Constitutional Monarchy)
ขบวนการเผด็จการในอดีตซึ่งรักษาระบอบเผด็จการภายใต้สถาบันพระมหากษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชย์นั้น
ในประวัติศาสตร์อันยาวนานเป็นขบวนการที่ส่งเสริมความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์
สมบูรณาญาสิทธิราชย์นั้นในประวัติศาสตร์อันยาวนานเป็นขบวนการเผด็จการดังกล่าวนั้น
สอดคล้องกับความต้องการของประเทศชาติและประชาชน สถาบันพระมหากษัตริย์จึงมีความมั่นคงโดยตลอด
ไม่เกิดปัญหาความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์แม้แต่น้อย จึงเห็นได้ว่าตั้งแต่ก่อนยุคสุโขทัยลงมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ ๕
แห่งยุครัตนโกสินทร์ขบวนการเผด็จการเป็นขบวนการที่ส่งเสริมความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด
ครั้นมาถึงสมัยรัชกาลที่๕แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
สภาวการณ์ทางประวัติศาสตร์ทางสังคมของประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไป
ขบวนการเผด็จการกลายเป็นขบวนการที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศชาติและประชาชน
และเกิดขบวนการที่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศชาติและประชาชนขึ้นแทนนั่นคือขบวนการประชาธิปไตย
การที่ขบวนการเผด็จการไม่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศชาติและประชาชนนั้น
ย่อมส่งผลให้สถาบันพระมหากษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชย์ไม่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศชาติและประชาชนไปด้
วย
และการที่ขบวนการประชาธิปไตยจะส่งเสริมสถาบันพระมหากษัตริย์ให้มั่นคงนั้นไม่สามารถจะทาได้ด้วยการส่งเสริมสถาบันพ
ระมหากษัตริย์ให้มั่นคงนั้น ไม่สามารถจะทาได้ด้วยการส่งเสริมสถาบันพระมหากษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชย์
แต่จะทาได้ด้วยวิธีเดียวคือเปลี่ยนแปลงสถาบันพระมหากษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นสถาบันพระมหากษัตริย์ปริมิตาญา
สิทธิราชย์ (สถาบันพระมหากษัตริย์รัฐธรรมนูญ) และส่งเสริมสถาบันพระมหากษัตริย์ปริมิตาญาสิทธิราชย์นั้น
ฉะนั้นในยุคสมัยที่สภาวการณ์ทางประวัติศาสตร์และทางสังคมเปลี่ยนแปลงไป
โดยทางที่ทาให้ขบวนการเผด็จการไม่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศชาติและประชาชนแล้วนั้น
การที่ขบวนการประชาธิปไตยต้องการจะเปลี่ยนแปลงสถาบันพระมหากษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นสถาบันพระมหากษัต
ริย์ปริมิตาญาสิทธิราชย์ จึงเป็นการส่งเสริมความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ขบวนการเผด็จการเห็นว่า
นั่นเป็นการทาลายสถาบันพระมหากษัตริย์ พวกเขาต้องการจะรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชย์ไว้ต่อไป
โดยเข้าใจผิดว่านั่นคือ
การรักษาความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์เพราะเขามองไม่เห็นว่าขบวนการเผด็จการและสถาบันพระมหากษัตริย์สมบู
รณาญาสิทธิราชย์นั้น ไม่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศชาติและประชาชนต่อไปแล้ว
พระมหากษัตริย์ไทยทรงมองเห็นความเปลี่ยนแปลงของสภาวการณ์ทางประวัติศาสตร์และทางสังคม
จึงทรงปฏิเสธขบวนการเผด็จการและทรงอยู่ในขบวนการประชาธิปไตยตั้งแต่สภาวการณ์เริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นต้นมา
ดังเช่นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงนาขบวนการปฏิรูปประชาธิปไตยอันไพศาลทาการปฏิรูปประชาธิปไตย
(DemocraticReform) อย่างมโหฬาร ด้วยพระราชประสงค์ที่จะทาการปฏิวัติประชาธิปไตย (Democratic
Revolution)ในขั้นสุดท้าย ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วในตอนต้นซึ่งพระราชประสงค์ส่วนหนึ่งก็คือ
จะเปลี่ยนแปลงสถาบันพระมหากษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นสถาบันพระมหากษัตริย์ปริมิตาญาสิทธิราชย์นั่นเอง
และนั่นคือวิธีการรักษาความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ภายใต้สภาวการณ์ทางประวัติศาสตร์และทางสังคมที่กาลังเปลี่
ยนแปลง
รัชกาลที่๖ทรงทาการปฏิรูปประชาธิปไตยต่อไป ด้วยพระราชประสงค์ที่จะทาการปฏิวัติประชาธิปไตยในที่สุดเช่นกัน
และด้วยเหตุนี้เมื่อคณะร.ศ.๑๓๐ดาเนินการเพื่อปฏิวัติประชาธิปไตย
จึงไม่ทรงเอาโทษในข้อหาว่าคิดจะเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองเป็นประชาธิปไตย
แต่เอาโทษเฉพาะในข้อหาว่าจะประทุษร้ายองค์พระประมุขเท่านั้น
และเอาโทษสถานเบาเมื่อเปรียบกับข้อหาอันเป็นอันอุกฉกรรจ์ยิ่ง ซึ่งตามปกติต้องตัดหัวเจ็ดชั่วโคตรทีเดียว
รัชกาลที่๗ทรงทาการปฏิวัติประชาธิปไตยด้วยพระองค์เอง
โดยทรงช่วยเหลือสนับสนุนคณะราษฎรอย่างเต็มที่และเมื่อคณะราษฎรจะเปลี่ยนระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบเผด็จการก็ท
รงคัดค้านเต็มที่เช่นกัน เมื่อคัดค้านไม่ไหวก็ทรงสละราชสมบัติและทรงฝากหัวใจของระบอบประชาธิปไตยไว้กับประชาชนว่า
“ ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอานาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่เดิมให้แก่ราษฎรทั่วไป
แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอานาจทั้งหลายของข้าพเจ้าอยู่เดิมให้แก่ผู้ใดคณะใดเพื่อใช้อานาจโดยสิทธิ์ขาดและโดยไม่ฟังเสียงอัน
แท้จริงของประชาราษฎร”
ซึ่งจารึกอยู่ณ ฐานพระราชอนุสาวรีย์หน้ารัฐสภา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน
ทรงมีพระราชดารัสในท่ามกลางกระแสเรียกร้องรัฐธรรมนูญอันไหลเชี่ยวในกรณี ๑๔ตุลาคมแก่รัฐมนตรีชุดนายสัญญา
ธรรมศักดิ์ เมื่อวันเข้าเฝ้ าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนรับหน้าที่วันที่๑๖ตุลาคม๒๕๑๖ว่า “
ต้องทาหน้าที่เพื่อให้บรรลุผลตามจุดประสงค์ให้สภาพการปกครองเข้าสู่สภาพปกติ
ให้มีการปกครองแบบประชาธิปไตยที่เหมะสมกับสภาพของประเทศชาติ “
เหล่านี้เป็นการทบทวนโดยย่อถึงพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงดาเนินการเพื่อประชาธิปไตยอันเป็นการส่งเสริ
มความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ แม้ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ตลอดจนถึงระบอบเผด็จการในปัจจุบัน
พระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งทรงตอบคณะเจ้านายและขุนนางตอนหนึ่งว่า
“ เราขอท่านทั้งปวงเข้าใจว่า
เราไม่ได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินซึ่งต้องบีบคั้นให้หันมาทางกลางเหมือนอย่างพระเจ้าแผ่นดินในยุโรป ซึ่งมีมาในพงศาวดาร
และเพราะความเห็นความรู้ซึ่งเราได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินมาถึง ๑๘ปี
ได้พบเห็นและได้เคยทุกข์ร้อนในการหนักในการแรงการเผด็จการร้อนของบ้านของเมือง ซึ่งมีอานาจจะมากดขี่ประการใด
ทั้งได้ยินข่าวคราวจากเมืองอื่นๆซึ่งมีเนืองๆมิได้ขาด
แลการซึ่งเราได้ขวนขวายตะเกียกตะกายอยู่ในการที่เปลี่ยนแปลงมาแต่ก่อนจนมีเหตุบ่อยๆ
ซึ่งเป็นพยานของเราที่จะยกขึ้นชี้ได้ว่าเราไม่ได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินซึ่งเหมือนคางคกอยู่ในกะลาครอบ
ที่จะพึงทรมานให้สิ้นทิษฐิถือว่าตัวโตนั้นด้วยอย่างหนึ่งอย่างใดเลย ”
และพระราชบันทึกของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสนอต่อรัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎรตอนหนึ่งว่า
“ ข้าพเจ้าได้เล็งเห็นอยู่นานแล้วว่าเมื่อประเทศสยามได้มีการศึกษาเจริญขึ้นมากแล้ว
ประชาชนคงจะประสงค์ที่จะให้เปลี่ยนแปลงการปกครองของบ้านเมืองเป็นแบบนี้
และตั้งข้าพเจ้าได้รับสืบราชสมบัติจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ
ข้าพเจ้าก็ได้คิดการที่จะบันดาลให้การเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นไปโดยราบรื่นที่สุดที่จะเป็นไปได้
และได้กล่าวถึงความประสงค์นั้ยโดยเปิดเผยหลายครั้งหลายหนโดยเหตุนี้เมื่อคณะผู้ก่อการฯ
ร้องขอให้ข้าพเจ้าเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ข้าพเจ้าจึงรับรองได้ทันทีโดยไม่มีข้อข้องใจแต่อย่างใดเลย “
ตัวอย่างเหล่านี้ตรงกับคากลอนของนายเทียนวรรณนักประชาธิปไตยสมัยรัชกาลที่๕ที่เขียนไว้ว่า
ขอให้เห็นเช่นเราผู้เฒ่าทัก
บารุงรักษาชาติสะอาดศรี
ทั้งเจ้านายฝ่ ายพหลและมนตรี
จงเป็นศรีวิไลซ์จริงอย่านิ่งนาน
ให้รับหาปาลีเมนต์ขึ้นเป็นหลัก
จะได้ชักน้อมในไพร่สมาน
เริ่มเป็นฟรีปรีดาอย่าช้ากาล
รักษาบ้านเมืองเราช่วยเจ้านาย
และตรงกับทรรศนะของร.ท.แม้นสังขวิจิตรมหาดเล็กของรัชกาลที่๖
ซึ่งให้เหตุผลในการเข้าร่วมปฏิวัติประชาธิปไตยของคณะร.ศ.๑๓๐ว่า
“ การร่วมปฏิวัติของเขา ก็คือความหวังที่จะดารงไว้ซึ่งความเป็นประมุขของพระองค์ในภาวะประชาธิปไตยนั่นเอง
โดยเห็นว่า การปกครองแบบราชาธิปไตยนี้จะเป็นยาพิษแก่ราชบัลลังก์อย่างแน่แท้ “(จากบันทึกร.ต.เหรียญและร.ต.เนตร)
ซึ่งตรงกับบันทึกของพ.อ.มนูญ รูปขจรที่ว่า“ เราพวกแม่ทัพนายกองทหารทุกกรมกอง
หัวใจยังเต็มเปี่ยมด้วยความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ทุกลมหายใจเข้าออก “(จากหนังสือพิมพ์ชาวไทย๒๒
พ.ค. ๒๕๒๔)
ข้อเท็จจริงที่ยกมาเพียงเล็กน้อยนี้เพียงพอที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าเมื่อสภาวการณ์ทางประวัติศาสตร์และทางสังคมเปลี่ยนแปลงไป
พระมหากษัตริย์ไทยมิได้ทรงอยู่ในขบวนการเผด็จการ แต่ทรงอยู่ในขบวนการประชาธิปไตย ซึ่งเป็นขบวนการที่มีความเห็นว่า
ในสภาวการณ์เช่นนี้สถาบันพระมหากษัตริย์จะมีความมั่นคงได้ ต้องเป็นสถาบันพระมหากษัตริย์ปริมิตาญาสิทธิราชย์
และประเทศชาติต้องมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย
ข้อเท็จจริงที่ยกมาเพียงเล็กน้อยนี้เพียงพอที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าเมื่อสภาวการณ์ทางประวัติศาสตร์และทางสังคมเปลี่ยนแปลงไป
พระมหากษัตริย์ไทยมิได้ทรงอยู่ในขบวนการเผด็จการ แต่ทรงอยู่ในขบวนการประชาธิปไตย ซึ่งเป็นขบวนการที่มีความเห็นว่า
ในสภาวการณ์เช่นนี้สถาบันพระมหากษัตริย์จะมีความมั่นคงได้ ต้องเป็นสถาบันพระมหากษัตริย์ปริมิตาญาสิทธิราชย์
และประเทศชาติต้องมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย
ขบวนการเผด็จการในอดีตสมัยเท่านั้นสอดคล้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชย์เมื่อสภาวการณ์เปลี่ยนแป
ลงไป แม้ขบวนการเผด็จการนั้นก็ไม่สอดคล้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว
จาเป็นต้องเปลี่ยนแปลงเป็นสถาบันพระมหากษัตริย์ปริมิตาญาสิทธิราชย์
ซึ่งจะสอดคล้องก็แต่กับขบวนการประชาธิปไตยเท่านั้น
ใช่ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ปริมิตาญาสิทธิราชย์จะสอดคล้องกับขบวนการเผด็จการก็หาไม่
ในปัจจุบันประเทศไทยครอบงาอยู่ด้วยขบวนการเผด็จการ ซึ่งยังคงรักษาระบอบเผด็จการไว้
เป็นระบอบเผด็จการรัฐสภาบ้าง ระบอบเผด็จการรัฐประหารบ้าง
จึงไม่สอดคล้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ปริมิตาญาสิทธิราชย์
ดังนั้นขบวนการเผด็จการในปัจจุบันจึงเป็นยาพิษแก่ราชบัลลังก์ปริมิตาญาสิทธิราชย์
เช่นเดียวกับขบวนการเผด็จการก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง๒๔๗๕
เป็นยาพิษแก่ราชบัลลังก์สมบูรณาญาสิทธิราชย์เหมือนกัน
แต่ยาพิษนี้ทาอันตรายแก่สถาบันพระมหากษัตริย์ได้ไม่มากก็เพราะว่านอกจากจะได้เปลี่ยนสถาบันพระมหากษัตริย์สมบูรณา
ญาสิทธิราชย์เป็นสถาบันพระมหากษัตริย์ปริมิตาญาสิทธิราชย์มาตั้งแต่พ.ศ.๒๔๗๕
แล้วพระมหากษัตริย์ก็มิได้ทรงอยู่ในขบวนการเผด็จการ แต่ทรงอยู่ในขบวนการประชาธิปไตยอีกด้วย.
(จากบทความ“จะรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ให้มั่นคงได้อย่างไร”โดยอ.ประเสริฐทรัพย์สุนทร)
รวบรวมเผยแพร่โดย:ครูทองคาวิรัตน์

More Related Content

More from Thongkum Virut

ลัทธิชาตินิยม(Nationalism)
ลัทธิชาตินิยม(Nationalism)ลัทธิชาตินิยม(Nationalism)
ลัทธิชาตินิยม(Nationalism)
Thongkum Virut
 
หนังสือ ความขัดแย้งของการปฏิวัติ กับ ปัญหาของปัญญาชน อันโตนิโย กรัมชี - สมบ...
หนังสือ ความขัดแย้งของการปฏิวัติ กับ ปัญหาของปัญญาชน   อันโตนิโย กรัมชี - สมบ...หนังสือ ความขัดแย้งของการปฏิวัติ กับ ปัญหาของปัญญาชน   อันโตนิโย กรัมชี - สมบ...
หนังสือ ความขัดแย้งของการปฏิวัติ กับ ปัญหาของปัญญาชน อันโตนิโย กรัมชี - สมบ...
Thongkum Virut
 

More from Thongkum Virut (20)

งานวิจัย
งานวิจัยงานวิจัย
งานวิจัย
 
ลัทธิชาตินิยม(Nationalism)
ลัทธิชาตินิยม(Nationalism)ลัทธิชาตินิยม(Nationalism)
ลัทธิชาตินิยม(Nationalism)
 
All10
All10All10
All10
 
บิดาวิชาเศรษฐศาสตร์ไทย
บิดาวิชาเศรษฐศาสตร์ไทยบิดาวิชาเศรษฐศาสตร์ไทย
บิดาวิชาเศรษฐศาสตร์ไทย
 
ข้าว
ข้าวข้าว
ข้าว
 
การปกครองของไทยในสมัยโบราณ
การปกครองของไทยในสมัยโบราณการปกครองของไทยในสมัยโบราณ
การปกครองของไทยในสมัยโบราณ
 
หนังสือ ความขัดแย้งของการปฏิวัติ กับ ปัญหาของปัญญาชน อันโตนิโย กรัมชี - สมบ...
หนังสือ ความขัดแย้งของการปฏิวัติ กับ ปัญหาของปัญญาชน   อันโตนิโย กรัมชี - สมบ...หนังสือ ความขัดแย้งของการปฏิวัติ กับ ปัญหาของปัญญาชน   อันโตนิโย กรัมชี - สมบ...
หนังสือ ความขัดแย้งของการปฏิวัติ กับ ปัญหาของปัญญาชน อันโตนิโย กรัมชี - สมบ...
 
หนังสือ คอลัมน์ ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร เล่ม ๓
หนังสือ คอลัมน์ ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร เล่ม ๓หนังสือ คอลัมน์ ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร เล่ม ๓
หนังสือ คอลัมน์ ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร เล่ม ๓
 
หนังสือ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า ทรงโต้แย้งเค้าโคงเศรษฐกิจ ของ ปรีดี พนมยงค์(ฉบ...
หนังสือ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า ทรงโต้แย้งเค้าโคงเศรษฐกิจ ของ ปรีดี พนมยงค์(ฉบ...หนังสือ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า ทรงโต้แย้งเค้าโคงเศรษฐกิจ ของ ปรีดี พนมยงค์(ฉบ...
หนังสือ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า ทรงโต้แย้งเค้าโคงเศรษฐกิจ ของ ปรีดี พนมยงค์(ฉบ...
 
หนังสือ ไม้ขีดก้านเดียวทีเปลียนสังคมเกาหลี จรรยา ยิ้มประเสริ
หนังสือ ไม้ขีดก้านเดียวทีเปลียนสังคมเกาหลี จรรยา ยิ้มประเสริหนังสือ ไม้ขีดก้านเดียวทีเปลียนสังคมเกาหลี จรรยา ยิ้มประเสริ
หนังสือ ไม้ขีดก้านเดียวทีเปลียนสังคมเกาหลี จรรยา ยิ้มประเสริ
 
หนังสือ ดร ซุนยัดเซ็น ประวัติการต่อสู้เพื่อสร้างประชาธิปไตยใหม่ในจีนแผ่นดินใหญ่
หนังสือ ดร ซุนยัดเซ็น ประวัติการต่อสู้เพื่อสร้างประชาธิปไตยใหม่ในจีนแผ่นดินใหญ่หนังสือ ดร ซุนยัดเซ็น ประวัติการต่อสู้เพื่อสร้างประชาธิปไตยใหม่ในจีนแผ่นดินใหญ่
หนังสือ ดร ซุนยัดเซ็น ประวัติการต่อสู้เพื่อสร้างประชาธิปไตยใหม่ในจีนแผ่นดินใหญ่
 
ประวัติย่อของนายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร
ประวัติย่อของนายประเสริฐ ทรัพย์สุนทรประวัติย่อของนายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร
ประวัติย่อของนายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร
 
ยูโทเปีย ของ ทอมัส มอร์
ยูโทเปีย ของ ทอมัส มอร์ยูโทเปีย ของ ทอมัส มอร์
ยูโทเปีย ของ ทอมัส มอร์
 
สหภาพแรงงานในระบอบเผด็จการ
สหภาพแรงงานในระบอบเผด็จการสหภาพแรงงานในระบอบเผด็จการ
สหภาพแรงงานในระบอบเผด็จการ
 
ประวัติรัฐหวู
ประวัติรัฐหวูประวัติรัฐหวู
ประวัติรัฐหวู
 
เหล่าบุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลก
เหล่าบุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลกเหล่าบุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลก
เหล่าบุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลก
 
ในประเทศไทยถ้าพูดถึงเรื่องที่ดิน มีเรื่องเดียว คือ การปฏิรูปที่ดินทั่วประเทศ ...
ในประเทศไทยถ้าพูดถึงเรื่องที่ดิน มีเรื่องเดียว คือ การปฏิรูปที่ดินทั่วประเทศ ...ในประเทศไทยถ้าพูดถึงเรื่องที่ดิน มีเรื่องเดียว คือ การปฏิรูปที่ดินทั่วประเทศ ...
ในประเทศไทยถ้าพูดถึงเรื่องที่ดิน มีเรื่องเดียว คือ การปฏิรูปที่ดินทั่วประเทศ ...
 
เรื่อง กฎหมายพรรคการเมืองคือเครื่องจองจำประชาธิปไตย
เรื่อง กฎหมายพรรคการเมืองคือเครื่องจองจำประชาธิปไตยเรื่อง กฎหมายพรรคการเมืองคือเครื่องจองจำประชาธิปไตย
เรื่อง กฎหมายพรรคการเมืองคือเครื่องจองจำประชาธิปไตย
 
คู่ขัดแย้งในสังคมไทย
คู่ขัดแย้งในสังคมไทยคู่ขัดแย้งในสังคมไทย
คู่ขัดแย้งในสังคมไทย
 
ระบอบเผด็จการรัฐสภา
ระบอบเผด็จการรัฐสภาระบอบเผด็จการรัฐสภา
ระบอบเผด็จการรัฐสภา
 

ขบวนการเผด็จการไทยปัจจุบันเป็นยาพิษต่อราชบัลลังก์