วิวัฒนาการของหลอดไฟ

1. โครงงานเรื่อง วิวัฒนาการของหลอดไฟ
เสนอ
อาจารย์ ศรีไพร สังฆะคุณ
จัดทาโดย
1.นาย นิติภูมิ จันทาทอง เลขที่ 3
2.นาย พงษ์พิพัฒน์ กานต์ติวรรณ เลขที่ 4
3. นาย พีระเดช โพธิ์หล้า เลขที่ 6
4. นาย ศักดิ์ดา สิมมา เลขที่ 7
5.นาย สุวรรณภูมิ เจริญศิริ เลขที่ 8
รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา IS1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
โรงเรียนพานพร้าว
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562
ครูที่ปรึกษา
คุณครู ดรุณี ไชยมานันท์

2. ที่มาของหลอดไฟ
ปี 1900มีการคิดค้น หลอดไฟแบบไส้ ครั้งแรกขึ้นในโลกโดยเซอร์ โจเซฟ สวอน
ได้นาแนวคิด จากนักวิทยาศาสตร์ มาพัฒนาต่อ จนสร้างหลอดไฟได้สาเร็จ แต่ไม่ได้พัฒนา
ระบบไฟฟ้าขึ้นทาให้คนที่ซื้อหลอดไฟ ของ สวอน
ต้องหาซื้อเครื่องปั่นไฟ ก่อให้เกิดความยุ่งยากในการใช้งานมาก
ต่อมา ทาง โทมัส เอดิสัน ได้สามารถสร้างหลอดไฟแบบไส้ขึ้นมาได้บ้าง และนอกจากนั้น
โทมัส เอดิสัน ยังได้พัฒนาระบบไฟฟ้าขึ้นมาควบคู่กับหลอดไฟและแจกจ่ายไฟ
ไปยังบ้านเรือนต่างๆ ทาให้หลอดไฟของเขาได้รับความนิยมมากกว่าหลอดของทาง สวอน
จนในที่สุด คนทั่วไป เกิดความเข้าใจกันว่า เอดิสัน คือผู้คิดค้น หลอดไฟ เป็นคนแรกของโลก
หลอดไฟ ของเอดิสัน ทาจากแท่งคาร์บอนมีข้อเสียคือขาดง่าย
ปี 1910 ได้มีการคิดค้นไส้หลอดที่ทาจากทังสเตน ขึ้นในโลก เนื่องจากหลอดไฟ ของ
เอดิสัน ทาจาก คาร์บอน จึงมีอายุการใช้สั้น เพียง 13ช.ม และจากปัญหานี้ต่อมา วิลเลี่ยม
เดวิส ได้คิดค้นไส้หลอด ที่ทามาจาก ทังสเตน ซึ่งสามารถ ทนความร้อนได้สูงถึง3,419 องศา C´
ในขณะที่ไส้หลอด มีอุณหภูมิสูง 2,456องศา C´ทาให้ปัญหาไส้หลอด ขาดง่ายหมดไป
แต่ปัญหาที่ตามมาอีกก็คือเมื่อไส้ทังสเตนร้อน จะมีอานุภาคบางส่วนหลุดไป
เกาะกับผิวหลอดไฟ ทาให้หลังจากใช้งานไปได้ระยะหนึ่ง หลอดไฟก็จะมีแสงลดลงจนในที่สุด
แสงไฟก็จะมัวจนใช้งานต่อไม่ได้ จากปัญหาเรื่องแสงไฟที่ลดลงทาให้บรรดานักวิทยาศาสตร์
ต่างก็พยายามค้นคว้าหาแนวทางการพัฒนาหลอดไฟกันต่อไป

3. ปี 1934 ได้มีการ คิดค้น หลอดนีออน เกิดขึ้นในโลกโดย Mr.จอร์จ คลอสิค
หลักการทางานคือบรรจุไอปรอทเข้าไปในหลอดและฉาบผิวหลอดแก้วด้านใน ด้วยฟอสฟอรัส
หรือสารเรืองแสงเมื่อปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าไปไอปรอทจะถูกกระตุ้นและแผ่พลังงานออกมาในรู
ปของรังสีที่มีความยาวคลื่น 254nm
ออกมาซึ่งเป็นความยาวคลื่นที่สายตามองไม่เห็นและเป็นอันตรายรังสีที่ไอปรอทแผ่ออกมาจะก
ระทบกับสารเรื่องแสงที่ผนังหลอด
สารเรืองแรงจะดูดซับรังสีที่เป็นอันตรายเอาไว้และตัวมันเองจะแผ่พลังงานในรูปของคลื่นที่มีคว
ามถี่ที่สายตาคนมองเห็นได้ออกมาแทน ที่เรียกว่าแสงขาวอุ่น เรียกหลอดพวกนี้ว่า
หลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent) แต่เรามักเรียกว่าหลอดนีออนกันจนชิน
ซึ่งในการใช้งานจริงๆ ต้องมีอุปกรณ์อื่นๆ ช่วยคือ สตาร์ทเตอร์ (starter) และบาลาสท์ (Ballast)
ปี 1960ได้มีการ คิดค้น หลอดเมทัลฮาไลด์ ขึ้นมาได้ช่วงนี้เทคโนโลยี ได้แบ่งสาย
การพัฒนาหลอดไฟ ออกเป็น 2 สาย
1.ใช้หลักการทาให้เกิดความร้อนจนเปล่งแสงได้แก่ หลอดไส้ เอดิสัน หลอดไส้ทังสเตน
หลอดฮาโลเจน
2.ใช้หลักการปล่อยประจุในก๊าซหลอดความดันสูง
HID,หลอดเมทัลฮาไลด์,หลอดโซเดียมความดันสูง

4. วิวัฒนาการของหลอดไฟต่างๆ
1. หลอดไส้ (Incandescent) - หลอดไฟชนิดนี้เราเริ่มรู้จักตั้งแต่ช่วงปี 1920-
1940ใช้พลังงานมากแต่ให้ประสิทธิภาพ
การส่องแสงต่าในปัจจุบันยกเลิกการใช้ไปแล้เพราะเป็นหลอดไฟที่กินไฟมาก
หลอดไส้
2. หลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent) หลอดฟลูออเรสเซนต์ หรือเรียกกันติดปากว่า
หลอดนีออน เริ่มกันใช้ตั้งแต่ ปี 1940จนถึงปัจจุบัน ประสิทธิภาพการให้แสงสว่างปานกลาง
กินไฟปานกลาง แต่ติดตรงที่ต้องใช้บัลลาสต์

5. หลอดหลอดฟลูออเรสเซนต์ หรือ หลอดนีออน
3. หลอดเมทัลฮาไลด์ หลอดแสงจันทร์ หลอดไฟประเภทนี้
นิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม เนื่องจากในโรงงานต้องการใช้แสงในปริมาณมาก
เริ่มต้นใช้หลอดไฟประเภทนี้ในช่วงปี 1980 จนถึงปัจจุบันโดยมีอายุใช้งานเฉลี่ย2-3 ปี
หลอดเมทัลฮาไลด์ หลอดแสงจันทร์
4.หลอดไฟแอลอีดี (LED) หลอด LED ได้มีการเริ่มต้นใช้กันในเชิงพาณิชย์ตั้งช่วงปี 1962
และพัฒนามาเรื่อยๆ จนถึงช่วงสาคัญคือในปี 1996 หลอดไฟ LED
ก็ได้พัฒนามาถึงจุดที่สามารถนามาใช้ทดแทดหลอดไฟประเภทอื่นๆ ได้อย่างสมบูรณ์ หลอดไฟ
LED มีจุดเด่นมากมาย หลายอย่าง คือ
ใช้พลังงานต่าแต่ให้ประสิทธิภาพการส่องสว่างที่สูงและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าหลอดไ
ฟทุกประเภท คือ เฉลี่ยแล้วมีอายุการใช้งาน 5 ปี ขึ้นไป ปัจจุบัน หลอดไฟ LED ได้ถูกจัดเป็น 1
ใน 5 เทคโนโลยีที่สาคัญที่สุดในโลกในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมา
และกาลังจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบไฟฟ้าทั้งระบบของโลกภายในไม่กี่ปีที่จะถึงนี้

6. หลอดไฟ LED
งานวิจัยของกลุ่ม
คณะผู้จัดทา : ความพึงพอใจของผู้ใช้หลอดไฟ LED ในกลุ่มชุมชนพานพร้าว
ในปัจจุบันปัญหาเรื่องพลังงานเป็นเรื่องที่ทุกคนจาเป็นต้องตะหนักถึง การขาดแคลน
พลังงานไม่ใช่เรื่องไกลตัว
หน่วยงานต่างๆจึงพยายามรณรงค์ให้ประชาชนหันมาประหยัดพลังงานมาก
ขึ้นด้วยวิธีที่หลากหลายและวิธีหนึ่งที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันคือ การเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED
เพื่อให้ เกิดการประหยัดพลังงานตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงในระยะยาวเนื่องจากหลอดไฟ LED
ใช้พลังงานไฟฟ้าที่ น้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับหลอดไฟชนิดอื่นที่ให้แสงสว่างเท่ากัน
ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพที่สูงและยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานอีกด้วย
เพราะฉะนั้นทางออกด้านพลังงานที่ประชาชนสามารถทาได้ก็คือ การเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ
LED การเปลี่ยนมาใช้และการใช้ซ้าของผู้บริโภคนั้นจะขึ้นกับความพึงพอใจ
ในตัวผลิตภัณฑ์เป็นหลัก
ผู้วิจัยจึงต้องการทาวิจัยนี้ขึ้นเพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความพึง
พอใจในการใช้หลอดไฟ LED ของผู้บริโภค
เพื่อให้ผู้ผลิตเล็งเห็นถึงความต้องการของผู้อุปโภคและยัง
สามารถนาข้อมูลไปประยุกต์ใช้และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงใจลูกค้ามากที่สุด
งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้หลอดไฟ LED ที่อาศัยและทางานอยู่ใน

7. กลุ่มชุมชนพานพร้าว โดยใช้การสอบถามแล้วบันทึกผล
ในการวิเคราะห์ถึงปัจจัยที่สัมพันธ์ต่อความพึงพอใจในการใช้หลอดไฟ LED ของผู้บริโภค