SlideShare a Scribd company logo
1 of 100
 
 
รูปแบบหลักของแนวโน้มมี  2  แบบ 1. รูปแบบการกลับตัว (Reversal Patterns) 2. รูปแบบต่อเนื่อง (Continuous Patterns) 1. รูปแบบการกลับตัว (Reversal Patterns) เราต้องเฝ้ามองเคลื่อนไหวของราคาเพื่อหาการกลับตัวของแนวโน้ม ในการกลับตัวเราจะเห็นเบาะแสที่จะเตือนถึงการปรับตัวของแนวโน้มเป็นรูปแบบต่างๆ 2. รูปแบบต่อเนื่อง  (Continuous Patterns) การศึกษารูปแบบต่อเนื่อง เพื่อที่จะได้ประโยชน์จากการลงทุนสูงสุด เพราะการที่การเคลื่อนไหวของราคายังไม่เปลี่ยนแนวโน้ม เรายังคงสภาวะนั้นได้ต่อไป ( ยังไม่ขาย - ยังไม่ซื้อ )
รูปแบบการกลับตัว  (Reversal Patterns)
ถ้าคุณต้องเข้าไปในถ้ำแต่เป็นถ้ำมืด คุณจะเลือกเทียนไขแบบไหนติดตัวไป   ? 1. เล่มใหญ่เล่มเดียว  2. เล่มเล็กๆหลายๆเล่ม เฉลย -  เลือกเล่มใหญ่เล่มเดียว  -  เป็นคนมั่นคงจริงใจ รักเดียวใจเดียว -  เลือกเทียนหลายเล่ม  -  เป็นคนหลายใจ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ถ้าคุณเดินเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง มีเทียนไขอยู่ 20 เล่ม คุณจะจุดกี่เล่ม  ?  ให้ใส่ตัวเลข  ก . 1-5  ข . 5-10   ค . 10-15   ง . 15-20
รูปแบบต่อเนื่อง (Continuous Patterns)
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
รูปทรง แสดงถึงลักษณะนิสัยของคุณ   ก .  ทรงกลม  -  คุณพยายามเอาอกเอาใจทุก ๆ คน  ข .  สี่เหลี่ยมจัตุรัส  -  คุณเป็นคนหัวแข็ง และเอาแต่ใจตัวเอง  ค .  สามเหลี่ยม  -  คุณเป็นคนหัวดื้อ  ง .  หกเหลี่ยม  -  คุณเป็นเกย์
 
 
 
รูปแบบของแนวโน้ม ,[object Object],2 . รูปแบบตามแนวโน้มเดิม ( Continuous Trend )
[object Object]
 
 
 
 
 
 
 
 
รูปแบบตามแนวโน้มเดิม ( Continuous Trend )
รูปแบบสามเหลี่ยม  Triangles Formation 1 . Symmetry Triangle  สามเหลี่ยมสมมาตร 2 . Ascending Triangle  สามเหลี่ยมฐานสูงขึ้น 3 . Decending Triangle  สามเหลี่ยมยอดต่ำลง รูปแบบธงและสามเหลี่ยมชายธง  Flag&Pennant Formation รูปแบบทรงลิ่ม  Wedge Formation รูปแบบสี่เหลี่ยมมุมฉาก  Rectangular Formation รูปแบบต่อเนื่องหัวและไหล่ ( Continuous Head&Shoulder Formation )
 
 
 
 
 
 
 
 
ดัชนีชี้วัด  Indicator เนื่องจากพฤติกรรมของราคาหุ้นมักเกิดขึ้นซ้ำๆ จึงมีคนนำวิชาสถิติมาประยุกต์ใช้ และจากการนำวิชาสถิติและคณิตศาสตร์มาคำนวณ จึงเกิดเป็นรูปแบบต่างๆ การใช้งานก็แตกต่างกันออกไป  เช่น 1.Macd - Moving average convergence divergence 2.Rsi - Relative Strength Index 3.Fast&Slow Stochastics 4.DMI - Direction Movement Index
MACD - Moving Average Convergence Divergence เป็นดัชนีติดตามแนวโน้มของราคา ผู้คิดค้นขึ้นมาคือ  Mr.Gerald Apple  ในปี ค . ศ  1979  เส้น MACD สร้างขึ้นโดยใช้ความแตกต่างของเส้นค่าเฉลี่ย 2 เส้น โดยทั่วไปใช้  12  วันและ 26 วัน สัญญานซื้อปรากฎเมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เร็วตัดขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ย เคลื่อนที่ช้า สัญญานทั้งสองแบบที่เกิดขึ้นจะได้รับการยืนยันเมื่อเส้นทั้งสองตัดผ่านเส้น 0 (Zero Line) สัญญานซื้อที่สมบูรณ์จะเกิดขึ้นเมื่อ  : - 1. เกิดอาการขัดแย้งทางบวก (Positive Divergence) 2. เส้นเคลื่อนที่เร็วตัดขึ้นเหนือเส้นเคลื่อนที่ช้า 3. เส้นทั้งสองวิ่งผ่านเส้น  0  ทั้งคู่ สัญญานขาย ก็เกิดจะตรงกันข้าม
 
 
ดัชนีวัดการแกว่ง (oscillator) การใช้งานทั่วไปของดัชนีพวก oscillator ( ตัววัดความแกว่ง )  คือ 1. Indicator  มักจะมีค่าการวัดตั้งแต่  0-100 2.  ถ้า  indicator  ไต่ระดับเข้าสู่บริเวณขอบบน จะเข้าสู่เขตการซื้อมากเกินไป (overbought) 70-100 3. ถ้า  indicator  ตกลงสู่บริเวณขอบล่าง จะเข้าสู่เขตการขายมากเกินไป (oversold) 0-30
RSI - Relative Strength Index  ดัชนีวัดความแข็งแรงของตลาด RSI  พัฒนาขึ้นโดย  J.Welle Wider Jr.  โดย มีสูตรคำนวนว่า  RSI = 100 - [100 / (1+RS)]  เป็นดัชนีวัดการแกว่งตัวของราคา  โดยทั่วไปของการใช้งานคือ 1. เมื่อ RSI มีค่ามากกว่า  70  จะเข้าเขตการซื้อมากเกินไป (Overbought) 2. เมื่อ RSI มีค่าน้อยกว่า  30  จะเข้าเขตการขายมากเกินไป (Oversold) 3. เมื่อเส้น RSI ตัดค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ขึ้นเป็นสัญญา ณ ซื้อ ( โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเกิดบริเวณ oversold) 4. เมื่อเส้น RSI ตัดค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ลงเป็นสัญญา ณ ขาย ( โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเกิดบริเวณ Overbought)
 
 
Fast & Slow Stochastics เป็นเครื่องมือที่นิยมกันมากสำหรับตลาดแกว่งตัวแบบ  Sideway s  Fast Stochastic  และ  Slow Stochastic  ใช้วัดการแกว่งตัวของตลาดโดยมีค่าการแกว่งตัวตั้งแต่  0 - 100  และมีเส้นที่เป็นตัววัดอยู่ 2 ตัวคือ  %K  และ  %D  โดย  %D เป็นสัญญาณหลัก หลักการใช้งานก็เหมือนกับการใช้งานดัชนีวัดการแกว่งตัวแบบอื่น 1. เมื่อ  Stochastic  มีค่ามากกว่า  80  จะเข้าเขตการซื้อมากเกินไป (Overbought) 2. เมื่อ  Stochastic  มีค่าน้อยกว่า  20  จะเข้าเขตการขายมากเกินไป (Oversold) 3. เมื่อ %K ตัด %D ขึ้นไปเป็นสัญญาณซื้อ  ( โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเกิดบริเวณ oversold) 4. เมื่อ %K ตัด %D ลงมาเป็นสัญญาณขาย  ( โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเกิดบริเวณ overbought)
 
 
 
%K %D
 
DMI - Direction Moving Index เป็นระบบเกี่ยวกับการติดตามความเคลื่อนไหวของราคา ถูกพัฒนามาโดย  J.Welles Wider ระบบการชี้ทิศทางความเคลื่อนไหวนี้ จะบรรจุข้อมูลของเส้น 14 วัน  +DI  และ  -DI  ไว้ตรงข้ามกัน โดยมีกฎว่า 1. เมื่อ  +DI  ตัด  - DI  ขึ้น เป็น  "  สัญญาณซื้อ "  2. เมื่อ  +DI  ตัด  - DI  ลง เป็น  "  สัญญาณขาย "
+DI -DI
 
 
เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) เป็นเครื่องมือที่เก่าแก่และนิยมใช้อย่างแพร่หลายมาก ปัจจุบันถูกพัฒนาจนมีอยู่ 5 แบบ 1 Simple Moving Average 2.Exponential  Moving Average 3.Weighted  Moving Average 4.Modified  Moving Average 5.Hamming  Moving Average ช่วงเวลาที่นิยมใช้กันมีดังนี้ 5   วันและ   10 วัน สำหรับลงทุนระยะสั้น 50   วัน และ 75 วัน  สำหรับการลงทุนระยะปานกลาง 200  วัน สำหรับการลงทุนระยะยาว ในตลาดที่ชัดเจน ( กระทิงหรือหมี ) การใช้เส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นจะได้ผลดีกว่า แต่ตลาด Sideways ไม่ชัดเจนควรใช้เส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว
หลักในการอ่านเส้นค่าเฉลี่ย 1.  ถ้าเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น ตัดขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว เป็นสัญญาณซื้อ 2.  ถ้าเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น ตัดลงใต้เส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว เป็นสัญญาณขาย 3.  ถ้าเส้นค่าเฉลี่ยเปลี่ยนจากลงเป็นขึ้นหรือนิ่งและราคาหุ้นตัดเส้นค่าเฉลี่ยในทางขึ้นจะเป็นสัญญาณซื้อ 4.  ถ้าราคาหุ้นตัดเส้นค่าเฉลี่ยในทางลง  ขณะที่เส้นค่าเฉลี่ยกำลังขึ้นกลับเป็นสัญญาณให้ซื้อ เนื่องจากหุ้นอยู่ในสภาวะ ขายมากเกินไป (Oversold) โดยที่แนวโน้มของหุ้นยังขึ้นอยู่ แต่ควรให้ราคาหุ้นเริ่มนิ่ง หรือเริ่มขึ้นเสียก่อนซื้อ 5.  ถ้าราคาหุ้นอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยฯที่กำลังขึ้น แล้วราคาหุ้นตกลงมาใกล้เส้นค่าเฉลี่ยนั้น แล้วเริ่มขึ้น นี่ก็เป็นสัญญาณให้ซื้อ 6.  ถ้าราคาหุ้นขึ้นเร็ว และสูงกว่าเส้นค่าเฉลี่ยฯซึ่งกำลังขึ้นมากๆ เราก็จะคาดคะเนได้ว่า ราคาจะต้องมีการปรับตัวระยะสั้น ลงมาใกล้เส้นค่าเฉลี่ยฯของมันอีกครั้ง เพราะหุ้นอยู่ในสภาพซื้อมากเกินไป  (Overbought) 7.  ถ้าเส้นค่าเฉลี่ยเริ่มนิ่งหรือลงหลังจากขึ้น   แล้วราคาหุ้น ตัดเส้นค่าเฉลี่ยฯ ในทางลงจะเป็นสัญญาณให้ขาย 8.  ถ้าราคาหุ้นตัดเส้นค่าเฉลี่ยฯในทางขึ้น ขณะที่เส้นค่าเฉลี่ยฯ กำลังลงกลับเป็นสัญญาณให้ขาย  เนื่องจากหุ้นอยู่ในสภาวะ ซื้อมากเกินไป โดยแนวโน้มของหุ้นนั้นลงอยู่ แต่ควรรอให้ราคาหุ้นนั้นหยุดนิ่งหรือเริ่มลงก่อนจึงค่อยขาย 9.  ถ้าราคาหุ้นอยู่ใต้เส้นค่าเฉลี่ยฯซึ่งกำลังลง แล้วพุ่งขึ้นมาหาเส้นค่าเฉลี่ยฯ และเริ่มลงนี่ก็เป็นสัญญาณให้ขาย  10.  ถ้าราคาหุ้นตัดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยฯที่กำลังลง ด้วยความเร็วมากๆ เราก็คาดคะเนได้ว่าจะต้องมีการปรับตัวระยะสั้น ขึ้นมาใกล้เส้นค่าเฉลี่ยฯของมันอีกครั้ง เนื่องจากหุ้นอยู่สภาวะขายมากเกินไป
Bollinger Bands เป็นเครื่องมือที่ถูกพัฒนามากจาก  Envelope  โดย  Mr.John Bollinger  ได้ใส่ตัวเลขของค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ลงไปที่ใต้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่และ ใต้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ Mr.Bollinger  เลือกระยะเวลาใน Band ที่ได้ผลดีคือ  "20"  ของเส้นค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานให้ใช้  2  ข้อสังเกตของการเคลื่อนไหวของ  Bollinger Band  คือ 1. ราคามีแนวโน้มที่จะเกิดการแกว่งตัวอย่างรุนแรง หลังจากแถบ  Bollinger Band  หดแคบลง 2. เมื่อราคาออกไปนอกแถบ ก็จะเป็นการเตือนถึงนัยสำคัญที่แนวโน้มจะเคลื่อนไหวไปในทางเดิม 3. จุดยอดสูงหรือจุดยอดต่ำที่เกิดนอกแถบ ตามมาด้วยจุดยอดสูงหรือยอดต่ำในแถบ จะเตือนถึงการกลับตัวของแนวโน้ม
ตัวเลขไฟโบนาซี่  Fibonacci Numbers ตัวเลขของไฟโบนาซี่หรือลำดับของไฟโบนาซี่นี้ เป็นตัวเลขที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ โดยผู้ค้นพบตัวเลขเหล่านี้คือ ลีโอนาโด ไฟโบนาซี่ ( Leonado Fibonacci)  ซึ่งเป็นนักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลี ตัวเลขของไฟโบนาซี่ คืออะไรเราลองมาดูกัน สมมติว่าเรามีกระต่ายอยู่ 1 คู่ ซึ่งกระต่ายต้องใช้เวลาโตเพื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธ์ 1 เดือน และเวลาในการตั้งท้องอีก 1 เดือน และสมติว่ากระต่ายจะคลอดลูกครั้งละ 1 คู่ ดังนั้นเรื่องราวจะเป็นแบบนี้ คือ  1  เดือนแรก จะมีกระต่ายเพียง  1  คู่ เดือนที่ 2  กระต่ายผสมพันธ์และตั้งท้องอยู่ จึงมี 1 คู่เท่าเดิม เดือนที่ 3  กระต่ายคู่แรกได้ถูกคลอดออกมาและเริ่มตั้งท้องใหม่ รวมกับคู่เดิมจึงมีรวมเป็น  2  คู่ เดือนที่ 4  กระต่ายที่คลอดออกมาใช้เวลาเจริญพันธ์ 1 เดือน ส่วนคู่แรกคลอดชุดใหม่อีก จึงเป็น  3  คู่ เดือนที่ 5  กระต่ายคู่แรกคลอดลูกอีกและคู่ที่ 2 ก็คลอดลูก ส่วนคู่ที่ 3  ใช้เวลาเจริญพันธ์อยู่ จึงมีเพิ่มเป็น  5  คู่ เดือนที่  6  ก็จะมี  8  คู่ ไปเรื่อยๆ ภายใน 1 ปี เราจะมีกระต่าย  144  คู่ เขียนเป็นแผนผังได้ดังนี้
 
สิ่งที่น่าสนใจ ในตัวเลขของไฟโบนาซี่ก็คือ ตัวเลข  1+1+2+3+5+8+13+21+34+55+89+144… ก็คือว่า ถ้าเรานำตัวเลขที่ใกล้กันมาบวกรวมกัน จะได้เป็นตัวเลขถัดไป เช่น  1+1 =2, 1+2=3 ,3+5 = 8  และ  8+13 =21  เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ   ลองเอาตัวเลขมาหารกันดูจะได้ 1/1 =1  2/1=2 3/2=1.5 5/3=1.666 8/5=1.6 13/8=1.625 21/13=1.615 34/21=1.619 55/34=1.618 นอกจากนี้ตัวเลขไฟโบนาซี่ยังมีคุณสมบัติบางประการ ดังนี้ 1. ตัวเลขของไฟโบนาซี่ใดๆหารด้วยตัวเลขถัดไปจะมีค่าเข้าใกล้  0.618  เช่น  55/89 หรือ  89/144 2. ตัวเลขไฟโบนาซี่ใดๆหารด้วยตัวเลขก่อนหน้าจะมีค่าใกล้ 1.618  เช่น  89/55  หรือ  144/89 3. ตัวเลขไฟโบนาซี่ใดๆหารด้วยตัวเลขถัดไป 2 อันดับจะมีค่าใกล้  0.382  เช่น  34/89 4. ตัวเลขไฟโบนาซี่ใดๆหารด้วยตัวเลขก่อนหน้า 2 อันดับจะมีค่าใกล้  2.618  เช่น  89/34
ตัวเลขดังกล่าวเมื่อนำมาหาความสัมพันธ์กันยังได้คุณสมบัติบางประการอีกคือ 1 – 0.618  = 0.382   1.618 – 0.618  = 1 1.618 x 0.618 = 1  2.618 – 1.618 = 1 0.618 x 0.618 = 1  2.618 x 0.382 = 1 ตัวเลข  0.382 ,0.618 , 1  และ  1.618  นี้ เป็นตัวเลขที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในสัดส่วนของธรรมชาติ ตัวเลขเหล่านี้ถูกเรียกว่า สัดส่วนทองคำ  ( Golden Ratio) สัดส่วนทองคำนี้ มีอยู่ทั่วไปตามธรรมชาติและมีอยู่นานแล้วจนปัจจุบัน พอจะยกตัวอย่างให้ดูได้ดังนี้คือ สัดส่วนของรูปก้นหอย ถ้าเราจะวาดรูปก้นหอย โดยใช้ความสัมพันธ์ของตัวเลขไฟโบนาซี่สร้าง 4 เหลี่ยมไปเรื่อยๆจนวาดรูปก้นหอยได้จะเป็นดังภาพ
นอกจากนี้ ในร่างกายมนุษย์ก็เป็นไปตามสัดส่วนทองคำนี้ สำหรับคนที่มีรูปร่างดี จะมีสัดส่วนจากสะดือถึงศรีษะเทียบกับสะดือถึงเท้าจะเท่ากับ 0.618  และจากสะดือถึงความสูงถึงหัวไหล่ จะเท่ากับ  0.382  เมื่อเทียบจากสะดือถึงปลายเท้า เป็นต้น และสำหรับคนที่มีรูปร่างหน้าตาดี นั่นหมายถึงว่า สัดส่วนในใบหน้าเมื่อวัดจากจุดต่างๆก็จะเป็นสัดส่วนทองคำนี้เช่นกัน   ในเรื่องของสัดส่วนทองคำนี้ ซึ่งมีอยู่ทั่วไปในทุกเรื่องซึ่งค้นพบโดย ลีโอนาโด ไฟโบนาซี่ แต่เอเลียตก็ไม่ได้นำมาใช้ในทฤษฎีของเขา ผู้ที่นำมาใส่ไว้ในทฤษฎีนี้ก็คือ ชาร์ล คอลลิน ซึ่งเห็นว่า สัดส่วนทองคำของไฟโบนาซี่นี้มีอยู่ในทุกสิ่ง ในตลาดหุ้นก็ต้องมีสัดส่วนนี้เช่นกัน
การประยุกต์ใช้งาน 1.  มองดูแนวโน้มของตลาด  ( SET ) 2.  วิเคราะห์กลุ่มอุตสาหกรรม  ( SECTOR ) 3.  มองหา ( เลือก ) หุ้นในแต่ละอุตสาหกรรม 4.  เลือกดูข้อมูลของค่าเฉลี่ย 5.  ดูทิศทาง ( แนวโน้ม ) จากแท่งเทียน 6.  ดูทิศทาง ( แนวโน้ม ) จากเส้นแนวโน้ม  ( TREND LINE ) 7.  ดูความแข็งแรงของราคาจาก  INDICATOR 8.  ประมวลทุกสิ่งเข้าด้วยกัน 9.  หาจุดที่เข้าซื้อ และเป้าหมายของราคา 10.  กำหนดจุดตัดขาดทุน
ข้อชี้แนะในการแนะนำการลงทุน 1.  เล่นหุ้นอย่างมีแบบแผน 2.  เล่นหุ้นตามแนวโน้มตลาด 3.  แม้ขาดทุนก็ต้องขาย 4.  ต้องสงบนิ่งเมื่อสงสัยทิศทางตลาด 5.  รอจังหวะอย่างชาญฉลาดและอดทน 6.  เล่นหุ้นไม่เกิน  5  ตัว 7.  กำไรขายช้า  -  ขาดทุนขายเร็ว 8.  อย่าทำกำไรให้เป็นขาดทุน 9.  หุ้นซึม… . ห้ามเล่น 10.  ซื้อหุ้นต่ำ… .. ขายหุ้นสูง
11.  เล่นหุ้นช่วงตลาดบูม 12.  อย่าใช้วิธีซื้อถัวเฉลี่ยหุ้นขาลงโดยเด็ดขาด 13.  แม้ขาดทุนก็ต้องขาย 14.  อย่าคิดว่าหุ้นราคาถูกเมื่อซื้อ… . อย่าคิดว่าราคาสูงเมื่อขาย 15.  เกาะติดหุ้นที่มีความผันผวนสูง 16.  อย่าซื้อหุ้นด้วยอารมณ์ 17.  อย่าหวังเอาชนะกับเรื่องหุ้นเกินไป 18.  เฮไหนต้องเฮนั่น 19.  ซื้อหุ้นถัวเฉลี่ยขาขึ้นมักมีกำไร 20.  อึดอัดทำอะไรไม่ถูก  ให้ตัดขายหุ้นครึ่งพอร์ต

More Related Content

Featured

How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental HealthHow Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental HealthThinkNow
 
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdfAI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdfmarketingartwork
 
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024Neil Kimberley
 
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)contently
 
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024Albert Qian
 
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsSocial Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsKurio // The Social Media Age(ncy)
 
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024Search Engine Journal
 
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summarySpeakerHub
 
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd Clark Boyd
 
Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next Tessa Mero
 
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search IntentGoogle's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search IntentLily Ray
 
Time Management & Productivity - Best Practices
Time Management & Productivity -  Best PracticesTime Management & Productivity -  Best Practices
Time Management & Productivity - Best PracticesVit Horky
 
The six step guide to practical project management
The six step guide to practical project managementThe six step guide to practical project management
The six step guide to practical project managementMindGenius
 
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...RachelPearson36
 
Unlocking the Power of ChatGPT and AI in Testing - A Real-World Look, present...
Unlocking the Power of ChatGPT and AI in Testing - A Real-World Look, present...Unlocking the Power of ChatGPT and AI in Testing - A Real-World Look, present...
Unlocking the Power of ChatGPT and AI in Testing - A Real-World Look, present...Applitools
 
12 Ways to Increase Your Influence at Work
12 Ways to Increase Your Influence at Work12 Ways to Increase Your Influence at Work
12 Ways to Increase Your Influence at WorkGetSmarter
 

Featured (20)

How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental HealthHow Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
 
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdfAI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
 
Skeleton Culture Code
Skeleton Culture CodeSkeleton Culture Code
Skeleton Culture Code
 
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
 
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
 
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
 
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsSocial Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
 
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
 
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
 
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
 
Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next
 
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search IntentGoogle's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
 
How to have difficult conversations
How to have difficult conversations How to have difficult conversations
How to have difficult conversations
 
Introduction to Data Science
Introduction to Data ScienceIntroduction to Data Science
Introduction to Data Science
 
Time Management & Productivity - Best Practices
Time Management & Productivity -  Best PracticesTime Management & Productivity -  Best Practices
Time Management & Productivity - Best Practices
 
The six step guide to practical project management
The six step guide to practical project managementThe six step guide to practical project management
The six step guide to practical project management
 
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
 
Unlocking the Power of ChatGPT and AI in Testing - A Real-World Look, present...
Unlocking the Power of ChatGPT and AI in Testing - A Real-World Look, present...Unlocking the Power of ChatGPT and AI in Testing - A Real-World Look, present...
Unlocking the Power of ChatGPT and AI in Testing - A Real-World Look, present...
 
12 Ways to Increase Your Influence at Work
12 Ways to Increase Your Influence at Work12 Ways to Increase Your Influence at Work
12 Ways to Increase Your Influence at Work
 
ChatGPT webinar slides
ChatGPT webinar slidesChatGPT webinar slides
ChatGPT webinar slides
 

Technic

  • 1.  
  • 2.  
  • 3. รูปแบบหลักของแนวโน้มมี 2 แบบ 1. รูปแบบการกลับตัว (Reversal Patterns) 2. รูปแบบต่อเนื่อง (Continuous Patterns) 1. รูปแบบการกลับตัว (Reversal Patterns) เราต้องเฝ้ามองเคลื่อนไหวของราคาเพื่อหาการกลับตัวของแนวโน้ม ในการกลับตัวเราจะเห็นเบาะแสที่จะเตือนถึงการปรับตัวของแนวโน้มเป็นรูปแบบต่างๆ 2. รูปแบบต่อเนื่อง (Continuous Patterns) การศึกษารูปแบบต่อเนื่อง เพื่อที่จะได้ประโยชน์จากการลงทุนสูงสุด เพราะการที่การเคลื่อนไหวของราคายังไม่เปลี่ยนแนวโน้ม เรายังคงสภาวะนั้นได้ต่อไป ( ยังไม่ขาย - ยังไม่ซื้อ )
  • 5. ถ้าคุณต้องเข้าไปในถ้ำแต่เป็นถ้ำมืด คุณจะเลือกเทียนไขแบบไหนติดตัวไป ? 1. เล่มใหญ่เล่มเดียว 2. เล่มเล็กๆหลายๆเล่ม เฉลย - เลือกเล่มใหญ่เล่มเดียว - เป็นคนมั่นคงจริงใจ รักเดียวใจเดียว - เลือกเทียนหลายเล่ม - เป็นคนหลายใจ
  • 6.  
  • 7.  
  • 8.  
  • 9.  
  • 10.  
  • 11.  
  • 12.  
  • 13.  
  • 14.  
  • 15.  
  • 16.  
  • 17.  
  • 18.  
  • 19.  
  • 20.  
  • 21.  
  • 22.  
  • 23.  
  • 24.  
  • 25.  
  • 26.  
  • 27.  
  • 28.  
  • 29.  
  • 30.  
  • 31.  
  • 32.  
  • 33. ถ้าคุณเดินเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง มีเทียนไขอยู่ 20 เล่ม คุณจะจุดกี่เล่ม ? ให้ใส่ตัวเลข ก . 1-5 ข . 5-10 ค . 10-15 ง . 15-20
  • 35.  
  • 36.  
  • 37.  
  • 38.  
  • 39.  
  • 40.  
  • 41.  
  • 42.  
  • 43.  
  • 44.  
  • 45.  
  • 46.  
  • 47.  
  • 48. รูปทรง แสดงถึงลักษณะนิสัยของคุณ ก . ทรงกลม - คุณพยายามเอาอกเอาใจทุก ๆ คน ข . สี่เหลี่ยมจัตุรัส - คุณเป็นคนหัวแข็ง และเอาแต่ใจตัวเอง ค . สามเหลี่ยม - คุณเป็นคนหัวดื้อ ง . หกเหลี่ยม - คุณเป็นเกย์
  • 49.  
  • 50.  
  • 51.  
  • 52.
  • 53.
  • 54.  
  • 55.  
  • 56.  
  • 57.  
  • 58.  
  • 59.  
  • 60.  
  • 61.  
  • 63. รูปแบบสามเหลี่ยม Triangles Formation 1 . Symmetry Triangle สามเหลี่ยมสมมาตร 2 . Ascending Triangle สามเหลี่ยมฐานสูงขึ้น 3 . Decending Triangle สามเหลี่ยมยอดต่ำลง รูปแบบธงและสามเหลี่ยมชายธง Flag&Pennant Formation รูปแบบทรงลิ่ม Wedge Formation รูปแบบสี่เหลี่ยมมุมฉาก Rectangular Formation รูปแบบต่อเนื่องหัวและไหล่ ( Continuous Head&Shoulder Formation )
  • 64.  
  • 65.  
  • 66.  
  • 67.  
  • 68.  
  • 69.  
  • 70.  
  • 71.  
  • 72. ดัชนีชี้วัด Indicator เนื่องจากพฤติกรรมของราคาหุ้นมักเกิดขึ้นซ้ำๆ จึงมีคนนำวิชาสถิติมาประยุกต์ใช้ และจากการนำวิชาสถิติและคณิตศาสตร์มาคำนวณ จึงเกิดเป็นรูปแบบต่างๆ การใช้งานก็แตกต่างกันออกไป เช่น 1.Macd - Moving average convergence divergence 2.Rsi - Relative Strength Index 3.Fast&Slow Stochastics 4.DMI - Direction Movement Index
  • 73. MACD - Moving Average Convergence Divergence เป็นดัชนีติดตามแนวโน้มของราคา ผู้คิดค้นขึ้นมาคือ Mr.Gerald Apple ในปี ค . ศ 1979 เส้น MACD สร้างขึ้นโดยใช้ความแตกต่างของเส้นค่าเฉลี่ย 2 เส้น โดยทั่วไปใช้ 12 วันและ 26 วัน สัญญานซื้อปรากฎเมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เร็วตัดขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ย เคลื่อนที่ช้า สัญญานทั้งสองแบบที่เกิดขึ้นจะได้รับการยืนยันเมื่อเส้นทั้งสองตัดผ่านเส้น 0 (Zero Line) สัญญานซื้อที่สมบูรณ์จะเกิดขึ้นเมื่อ : - 1. เกิดอาการขัดแย้งทางบวก (Positive Divergence) 2. เส้นเคลื่อนที่เร็วตัดขึ้นเหนือเส้นเคลื่อนที่ช้า 3. เส้นทั้งสองวิ่งผ่านเส้น 0 ทั้งคู่ สัญญานขาย ก็เกิดจะตรงกันข้าม
  • 74.  
  • 75.  
  • 76. ดัชนีวัดการแกว่ง (oscillator) การใช้งานทั่วไปของดัชนีพวก oscillator ( ตัววัดความแกว่ง ) คือ 1. Indicator มักจะมีค่าการวัดตั้งแต่ 0-100 2. ถ้า indicator ไต่ระดับเข้าสู่บริเวณขอบบน จะเข้าสู่เขตการซื้อมากเกินไป (overbought) 70-100 3. ถ้า indicator ตกลงสู่บริเวณขอบล่าง จะเข้าสู่เขตการขายมากเกินไป (oversold) 0-30
  • 77. RSI - Relative Strength Index ดัชนีวัดความแข็งแรงของตลาด RSI พัฒนาขึ้นโดย J.Welle Wider Jr. โดย มีสูตรคำนวนว่า RSI = 100 - [100 / (1+RS)] เป็นดัชนีวัดการแกว่งตัวของราคา โดยทั่วไปของการใช้งานคือ 1. เมื่อ RSI มีค่ามากกว่า 70 จะเข้าเขตการซื้อมากเกินไป (Overbought) 2. เมื่อ RSI มีค่าน้อยกว่า 30 จะเข้าเขตการขายมากเกินไป (Oversold) 3. เมื่อเส้น RSI ตัดค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ขึ้นเป็นสัญญา ณ ซื้อ ( โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเกิดบริเวณ oversold) 4. เมื่อเส้น RSI ตัดค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ลงเป็นสัญญา ณ ขาย ( โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเกิดบริเวณ Overbought)
  • 78.  
  • 79.  
  • 80. Fast & Slow Stochastics เป็นเครื่องมือที่นิยมกันมากสำหรับตลาดแกว่งตัวแบบ Sideway s Fast Stochastic และ Slow Stochastic ใช้วัดการแกว่งตัวของตลาดโดยมีค่าการแกว่งตัวตั้งแต่ 0 - 100 และมีเส้นที่เป็นตัววัดอยู่ 2 ตัวคือ %K และ %D โดย %D เป็นสัญญาณหลัก หลักการใช้งานก็เหมือนกับการใช้งานดัชนีวัดการแกว่งตัวแบบอื่น 1. เมื่อ Stochastic มีค่ามากกว่า 80 จะเข้าเขตการซื้อมากเกินไป (Overbought) 2. เมื่อ Stochastic มีค่าน้อยกว่า 20 จะเข้าเขตการขายมากเกินไป (Oversold) 3. เมื่อ %K ตัด %D ขึ้นไปเป็นสัญญาณซื้อ ( โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเกิดบริเวณ oversold) 4. เมื่อ %K ตัด %D ลงมาเป็นสัญญาณขาย ( โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเกิดบริเวณ overbought)
  • 81.  
  • 82.  
  • 83.  
  • 84. %K %D
  • 85.  
  • 86. DMI - Direction Moving Index เป็นระบบเกี่ยวกับการติดตามความเคลื่อนไหวของราคา ถูกพัฒนามาโดย J.Welles Wider ระบบการชี้ทิศทางความเคลื่อนไหวนี้ จะบรรจุข้อมูลของเส้น 14 วัน +DI และ -DI ไว้ตรงข้ามกัน โดยมีกฎว่า 1. เมื่อ +DI ตัด - DI ขึ้น เป็น " สัญญาณซื้อ " 2. เมื่อ +DI ตัด - DI ลง เป็น " สัญญาณขาย "
  • 88.  
  • 89.  
  • 90. เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) เป็นเครื่องมือที่เก่าแก่และนิยมใช้อย่างแพร่หลายมาก ปัจจุบันถูกพัฒนาจนมีอยู่ 5 แบบ 1 Simple Moving Average 2.Exponential Moving Average 3.Weighted Moving Average 4.Modified Moving Average 5.Hamming Moving Average ช่วงเวลาที่นิยมใช้กันมีดังนี้ 5 วันและ 10 วัน สำหรับลงทุนระยะสั้น 50 วัน และ 75 วัน สำหรับการลงทุนระยะปานกลาง 200 วัน สำหรับการลงทุนระยะยาว ในตลาดที่ชัดเจน ( กระทิงหรือหมี ) การใช้เส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นจะได้ผลดีกว่า แต่ตลาด Sideways ไม่ชัดเจนควรใช้เส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว
  • 91. หลักในการอ่านเส้นค่าเฉลี่ย 1. ถ้าเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น ตัดขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว เป็นสัญญาณซื้อ 2. ถ้าเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น ตัดลงใต้เส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว เป็นสัญญาณขาย 3. ถ้าเส้นค่าเฉลี่ยเปลี่ยนจากลงเป็นขึ้นหรือนิ่งและราคาหุ้นตัดเส้นค่าเฉลี่ยในทางขึ้นจะเป็นสัญญาณซื้อ 4. ถ้าราคาหุ้นตัดเส้นค่าเฉลี่ยในทางลง ขณะที่เส้นค่าเฉลี่ยกำลังขึ้นกลับเป็นสัญญาณให้ซื้อ เนื่องจากหุ้นอยู่ในสภาวะ ขายมากเกินไป (Oversold) โดยที่แนวโน้มของหุ้นยังขึ้นอยู่ แต่ควรให้ราคาหุ้นเริ่มนิ่ง หรือเริ่มขึ้นเสียก่อนซื้อ 5. ถ้าราคาหุ้นอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยฯที่กำลังขึ้น แล้วราคาหุ้นตกลงมาใกล้เส้นค่าเฉลี่ยนั้น แล้วเริ่มขึ้น นี่ก็เป็นสัญญาณให้ซื้อ 6. ถ้าราคาหุ้นขึ้นเร็ว และสูงกว่าเส้นค่าเฉลี่ยฯซึ่งกำลังขึ้นมากๆ เราก็จะคาดคะเนได้ว่า ราคาจะต้องมีการปรับตัวระยะสั้น ลงมาใกล้เส้นค่าเฉลี่ยฯของมันอีกครั้ง เพราะหุ้นอยู่ในสภาพซื้อมากเกินไป (Overbought) 7. ถ้าเส้นค่าเฉลี่ยเริ่มนิ่งหรือลงหลังจากขึ้น แล้วราคาหุ้น ตัดเส้นค่าเฉลี่ยฯ ในทางลงจะเป็นสัญญาณให้ขาย 8. ถ้าราคาหุ้นตัดเส้นค่าเฉลี่ยฯในทางขึ้น ขณะที่เส้นค่าเฉลี่ยฯ กำลังลงกลับเป็นสัญญาณให้ขาย เนื่องจากหุ้นอยู่ในสภาวะ ซื้อมากเกินไป โดยแนวโน้มของหุ้นนั้นลงอยู่ แต่ควรรอให้ราคาหุ้นนั้นหยุดนิ่งหรือเริ่มลงก่อนจึงค่อยขาย 9. ถ้าราคาหุ้นอยู่ใต้เส้นค่าเฉลี่ยฯซึ่งกำลังลง แล้วพุ่งขึ้นมาหาเส้นค่าเฉลี่ยฯ และเริ่มลงนี่ก็เป็นสัญญาณให้ขาย 10. ถ้าราคาหุ้นตัดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยฯที่กำลังลง ด้วยความเร็วมากๆ เราก็คาดคะเนได้ว่าจะต้องมีการปรับตัวระยะสั้น ขึ้นมาใกล้เส้นค่าเฉลี่ยฯของมันอีกครั้ง เนื่องจากหุ้นอยู่สภาวะขายมากเกินไป
  • 92. Bollinger Bands เป็นเครื่องมือที่ถูกพัฒนามากจาก Envelope โดย Mr.John Bollinger ได้ใส่ตัวเลขของค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ลงไปที่ใต้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่และ ใต้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ Mr.Bollinger เลือกระยะเวลาใน Band ที่ได้ผลดีคือ "20" ของเส้นค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานให้ใช้ 2 ข้อสังเกตของการเคลื่อนไหวของ Bollinger Band คือ 1. ราคามีแนวโน้มที่จะเกิดการแกว่งตัวอย่างรุนแรง หลังจากแถบ Bollinger Band หดแคบลง 2. เมื่อราคาออกไปนอกแถบ ก็จะเป็นการเตือนถึงนัยสำคัญที่แนวโน้มจะเคลื่อนไหวไปในทางเดิม 3. จุดยอดสูงหรือจุดยอดต่ำที่เกิดนอกแถบ ตามมาด้วยจุดยอดสูงหรือยอดต่ำในแถบ จะเตือนถึงการกลับตัวของแนวโน้ม
  • 93. ตัวเลขไฟโบนาซี่ Fibonacci Numbers ตัวเลขของไฟโบนาซี่หรือลำดับของไฟโบนาซี่นี้ เป็นตัวเลขที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ โดยผู้ค้นพบตัวเลขเหล่านี้คือ ลีโอนาโด ไฟโบนาซี่ ( Leonado Fibonacci) ซึ่งเป็นนักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลี ตัวเลขของไฟโบนาซี่ คืออะไรเราลองมาดูกัน สมมติว่าเรามีกระต่ายอยู่ 1 คู่ ซึ่งกระต่ายต้องใช้เวลาโตเพื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธ์ 1 เดือน และเวลาในการตั้งท้องอีก 1 เดือน และสมติว่ากระต่ายจะคลอดลูกครั้งละ 1 คู่ ดังนั้นเรื่องราวจะเป็นแบบนี้ คือ 1 เดือนแรก จะมีกระต่ายเพียง 1 คู่ เดือนที่ 2 กระต่ายผสมพันธ์และตั้งท้องอยู่ จึงมี 1 คู่เท่าเดิม เดือนที่ 3 กระต่ายคู่แรกได้ถูกคลอดออกมาและเริ่มตั้งท้องใหม่ รวมกับคู่เดิมจึงมีรวมเป็น 2 คู่ เดือนที่ 4 กระต่ายที่คลอดออกมาใช้เวลาเจริญพันธ์ 1 เดือน ส่วนคู่แรกคลอดชุดใหม่อีก จึงเป็น 3 คู่ เดือนที่ 5 กระต่ายคู่แรกคลอดลูกอีกและคู่ที่ 2 ก็คลอดลูก ส่วนคู่ที่ 3 ใช้เวลาเจริญพันธ์อยู่ จึงมีเพิ่มเป็น 5 คู่ เดือนที่ 6 ก็จะมี 8 คู่ ไปเรื่อยๆ ภายใน 1 ปี เราจะมีกระต่าย 144 คู่ เขียนเป็นแผนผังได้ดังนี้
  • 94.  
  • 95. สิ่งที่น่าสนใจ ในตัวเลขของไฟโบนาซี่ก็คือ ตัวเลข 1+1+2+3+5+8+13+21+34+55+89+144… ก็คือว่า ถ้าเรานำตัวเลขที่ใกล้กันมาบวกรวมกัน จะได้เป็นตัวเลขถัดไป เช่น 1+1 =2, 1+2=3 ,3+5 = 8 และ 8+13 =21 เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ลองเอาตัวเลขมาหารกันดูจะได้ 1/1 =1 2/1=2 3/2=1.5 5/3=1.666 8/5=1.6 13/8=1.625 21/13=1.615 34/21=1.619 55/34=1.618 นอกจากนี้ตัวเลขไฟโบนาซี่ยังมีคุณสมบัติบางประการ ดังนี้ 1. ตัวเลขของไฟโบนาซี่ใดๆหารด้วยตัวเลขถัดไปจะมีค่าเข้าใกล้ 0.618 เช่น 55/89 หรือ 89/144 2. ตัวเลขไฟโบนาซี่ใดๆหารด้วยตัวเลขก่อนหน้าจะมีค่าใกล้ 1.618 เช่น 89/55 หรือ 144/89 3. ตัวเลขไฟโบนาซี่ใดๆหารด้วยตัวเลขถัดไป 2 อันดับจะมีค่าใกล้ 0.382 เช่น 34/89 4. ตัวเลขไฟโบนาซี่ใดๆหารด้วยตัวเลขก่อนหน้า 2 อันดับจะมีค่าใกล้ 2.618 เช่น 89/34
  • 96. ตัวเลขดังกล่าวเมื่อนำมาหาความสัมพันธ์กันยังได้คุณสมบัติบางประการอีกคือ 1 – 0.618 = 0.382 1.618 – 0.618 = 1 1.618 x 0.618 = 1 2.618 – 1.618 = 1 0.618 x 0.618 = 1 2.618 x 0.382 = 1 ตัวเลข 0.382 ,0.618 , 1 และ 1.618 นี้ เป็นตัวเลขที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในสัดส่วนของธรรมชาติ ตัวเลขเหล่านี้ถูกเรียกว่า สัดส่วนทองคำ ( Golden Ratio) สัดส่วนทองคำนี้ มีอยู่ทั่วไปตามธรรมชาติและมีอยู่นานแล้วจนปัจจุบัน พอจะยกตัวอย่างให้ดูได้ดังนี้คือ สัดส่วนของรูปก้นหอย ถ้าเราจะวาดรูปก้นหอย โดยใช้ความสัมพันธ์ของตัวเลขไฟโบนาซี่สร้าง 4 เหลี่ยมไปเรื่อยๆจนวาดรูปก้นหอยได้จะเป็นดังภาพ
  • 97. นอกจากนี้ ในร่างกายมนุษย์ก็เป็นไปตามสัดส่วนทองคำนี้ สำหรับคนที่มีรูปร่างดี จะมีสัดส่วนจากสะดือถึงศรีษะเทียบกับสะดือถึงเท้าจะเท่ากับ 0.618 และจากสะดือถึงความสูงถึงหัวไหล่ จะเท่ากับ 0.382 เมื่อเทียบจากสะดือถึงปลายเท้า เป็นต้น และสำหรับคนที่มีรูปร่างหน้าตาดี นั่นหมายถึงว่า สัดส่วนในใบหน้าเมื่อวัดจากจุดต่างๆก็จะเป็นสัดส่วนทองคำนี้เช่นกัน ในเรื่องของสัดส่วนทองคำนี้ ซึ่งมีอยู่ทั่วไปในทุกเรื่องซึ่งค้นพบโดย ลีโอนาโด ไฟโบนาซี่ แต่เอเลียตก็ไม่ได้นำมาใช้ในทฤษฎีของเขา ผู้ที่นำมาใส่ไว้ในทฤษฎีนี้ก็คือ ชาร์ล คอลลิน ซึ่งเห็นว่า สัดส่วนทองคำของไฟโบนาซี่นี้มีอยู่ในทุกสิ่ง ในตลาดหุ้นก็ต้องมีสัดส่วนนี้เช่นกัน
  • 98. การประยุกต์ใช้งาน 1. มองดูแนวโน้มของตลาด ( SET ) 2. วิเคราะห์กลุ่มอุตสาหกรรม ( SECTOR ) 3. มองหา ( เลือก ) หุ้นในแต่ละอุตสาหกรรม 4. เลือกดูข้อมูลของค่าเฉลี่ย 5. ดูทิศทาง ( แนวโน้ม ) จากแท่งเทียน 6. ดูทิศทาง ( แนวโน้ม ) จากเส้นแนวโน้ม ( TREND LINE ) 7. ดูความแข็งแรงของราคาจาก INDICATOR 8. ประมวลทุกสิ่งเข้าด้วยกัน 9. หาจุดที่เข้าซื้อ และเป้าหมายของราคา 10. กำหนดจุดตัดขาดทุน
  • 99. ข้อชี้แนะในการแนะนำการลงทุน 1. เล่นหุ้นอย่างมีแบบแผน 2. เล่นหุ้นตามแนวโน้มตลาด 3. แม้ขาดทุนก็ต้องขาย 4. ต้องสงบนิ่งเมื่อสงสัยทิศทางตลาด 5. รอจังหวะอย่างชาญฉลาดและอดทน 6. เล่นหุ้นไม่เกิน 5 ตัว 7. กำไรขายช้า - ขาดทุนขายเร็ว 8. อย่าทำกำไรให้เป็นขาดทุน 9. หุ้นซึม… . ห้ามเล่น 10. ซื้อหุ้นต่ำ… .. ขายหุ้นสูง
  • 100. 11. เล่นหุ้นช่วงตลาดบูม 12. อย่าใช้วิธีซื้อถัวเฉลี่ยหุ้นขาลงโดยเด็ดขาด 13. แม้ขาดทุนก็ต้องขาย 14. อย่าคิดว่าหุ้นราคาถูกเมื่อซื้อ… . อย่าคิดว่าราคาสูงเมื่อขาย 15. เกาะติดหุ้นที่มีความผันผวนสูง 16. อย่าซื้อหุ้นด้วยอารมณ์ 17. อย่าหวังเอาชนะกับเรื่องหุ้นเกินไป 18. เฮไหนต้องเฮนั่น 19. ซื้อหุ้นถัวเฉลี่ยขาขึ้นมักมีกำไร 20. อึดอัดทำอะไรไม่ถูก ให้ตัดขายหุ้นครึ่งพอร์ต