งานนำเสนอ2
- 1. โรคไตสามารถใช้หลักในการแบ่งความผิดปกติได้หลายวิธี 1. แบ่งตามสาเหตุ - โรคไตที่เป็นมาแต่กำเนิด ( Congenital) เช่นมีไตข้างเดียวหรือไตมี ขนาดไม่เท่ากัน โรคไตเป็นถุงน้ำ ( Polycystic kidney disease) ซึ่งเป็น กรรมพันธุ์ด้วย เป็นต้น - โรคไตที่เกิดจากการอักเสบ ( Inflammation) เช่นโรคของกลุ่มเลือดฝอย ของไตอักเสบ ( glomerulonephritis) - โรคไตที่เกิดจากการติดเชื้อ ( Infection) เกิดจากเชื้อแบคที่เรียเป็นส่วน ใหญ่ เช่นกรวยไตอักเสบ ไตเป็นหนอง กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ( จากเชื้อ โรค ) เป็นต้น - โรคไตที่เกิดจากการอุดตัน ( Obstruction) เช่นจากนิ่ว ต่อมลูกหมากโต มะเร็งมดลูกไปกดท่อไต เป็นต้น - เนื้องอกของไต ซึ่งมีได้หลายชนิด
- 2. 2. แบ่งตามกายวิภาคของไต - โรคของหลอดเลือดของไต เช่นมีการตีบหรืออุดตันของหลอดเลือดไต - โรคของกลุ่มเลือดฝอยของไต ( Glomerulus) ซึ่งพบได้มาก เกิดการอักเสบ ชนิดไม่ติดเชื้อ ( Glomerulonephritis) - โรคของหลอดไต ( Tubule) เช่นการตายของหลอดไตภายหลังอาการช็อค หรือได้รับสารพิษ เกิดภาวะไตวายแบบเฉียบพลัน ( Acute renal failure) - โรคของเนื้อไต ( Interstitium) เช่น แพ้ยาหรือได้รับสารพิษ เป็นต้น 3. แบ่งตามต้นเหตุ จะแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ได้ 2 กลุ่ม - ต้นเหตุจากภายในไตเอง ซึ่งอาจรูหรือไม่รู้สาเหตุก็ได้ - ต้นเหตุจากภายนอกไต เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรค SLE
- 3. เหตุสงสัยว่าจะเป็นโรคไต พอจะสรุปได้ดังนี้ - ปัสสาวะเป็นเลือด โดยปกติในน้ำปัสสาวะจะไม่มีเลือดหรือเม็ดเลือดสอออก มา อาจมีได้บ้างประมาณ 3-5 ตัว เมื่อดูด้วยกล้องจุลทรรศ์ขยายปานกลาง การมีเลือดออกในปัสสาวะถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโรคไต แต่ก็ อาจจะไม่ใช่ก็ได้ ปัสสาวะเป็นเลือด อาจเป็นเลือดสดๆ เลือดเป็นลิ่มๆ ปัสสาวะเป็นสีแดง สีน้ำ ล้างเนื้อ สีชาแก่ๆ หรือปัสสาวะเป็นสีเหลืองเข้มก็ได้ ในสตรีที่มีประจำเดือน ปัสสาวะอาจถูกปนด้วยประจำเดือน กลายเป็นปัสสาวะ สีเลือดได้ ถือว่าปกติ ในโรคของระบบทางเดินปัสสาวะส่วนล่างเช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ต่อม ลูกหมากโต ปัสสาวะมักจะเป็นเลือดสดๆ หรือเป็นลิ่มๆได้ ในโรคของเนื้อไตหรือตัวไตเอง การมีเลือดในปัสสาวะมักเป็นแบบสีล้างเนื้อ สีชาแก่ หรือสีเหลืองเข้ม