ขาดวิตามินเอ
- 3. อาการ มีอาการตาฟางเฉพาะตอนกลางคืน หรือในที่มืด ( แต่มองเห็นปกติที่สว่างๆ ) เนื่องจากจอตาเริ่มเสื่อม เยื่อตาขาวแห้ง เมื่อเป็นมากขึ้น เยื่อตาขาวจะย่นอยู่รอบๆ กระจกตาดำคล้ายเกล็ดปลา กระจกตาดำปกติสะท้อน จะแห้ง ตาขาวเปลี่ยนเป็นสีเทาหรือสีเงิน เป็นจุดใหญ่ทางด้านหางตาเรียกว่า จุดบิทอตส์ ( Bitot's spot ) หรือ เกล็ดกระดี่ อาจเป็นที่ตาทั้ง 2 ข้าง ถ้ารักษาในระยะนี้ จะแก้ทัน ถ้าปล่อยทิ้งไว้กระจกตาเกิดการอ่อนตัว เป็นแผลจะเกิดรูมีเชื้อโรคเข้าไปในลูกตา จะทำให้อักเสบภายในลูกตา ถ้าเป็นในระยะนี้ โอกาสหายก็น้อยมาก
- 4. การป้องกัน เด็กที่เกิดในประเทศที่มีความเสี่ยง ควรให้วิตามินเอ 200,000 ยูนิตทุก 3-6 เดือนจนอายุ 4 ปี และ การกินอาหารที่มีวิตามินเอสูง เช่น เนื้อ ตับ ไข่ นม ฟักทอง มะเขือเทศ มะละกอสุก ผักใบเขียว ( ผักบุ้ง , ใบตำลึง , ใบมันสำปะหลัง ) พริกที่เผ็ด ๆ จึงควรแนะนำให้เด็ก ๆ กินอาหารเหล่านี้ให้มากเป็นประจำ
- 5. สถิติของโรคขาดสารวิตามินเอ ( Vitamin A Deficiency) พ . ศ .2516-2521 พบเด็กวัยก่อนเรียนมีวิตามินเอในเลือด ในระดับขาด คือ <10µ g/100 ml ถึงร้อยละ 17 ช่วงเวลาเดียวกัน เขตพื้นที่ภาคอีสานบางจังหวัด พบเด็กมีอาการตาบอดกลางคืน ร้อยละ 1-17 และเกล็ดกระดี่ร้อยละ 0.3 และ 10 ปีต่อมา พบเด็กวัยก่อนเรียนมีอาการตาบอดกลางคืน ร้อยละ 1.3 เยื่อบุตาขาวแห้ง ร้อยละ 16 และ เกล็ดกระดี่ ร้อยละ 0.4 และมีวิตามินเอ ในในระดับขาดถึงร้อยละ 3 การขาดวิตามินเอในเด็กวัยก่อนเรียน ทั้งในเลือด ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นชนิดที่ไม่แสดงอาการทางคลินิก ประมาณร้อยละ 20 สำหรับภาคใต้ตอนล่าง เด็กวัยก่อนเรียนมีการขาดวิตามินเอ ในระดับแสดงอาการทางคลินิก คือ มีกระจกตาเป็นแผล และกระจกตาขุ่นเหลว ร้อยละ 0.87 และ 0.43 ตามลำดับ
- 6. บรรณานุกรม - www . siamhealth . net - th . wikipedia . org / wiki / วิตามินเอ - clinic . worldmedic . com - www.google.com