2. ประวัต ิ Windows XP
ปี 1983 Bill Gate ได้ออกจาก Harvard ขณะที่ยัง
เรียนอยู่ ปี 2 เพื่อมาบริหารบริษัท Micro Computer and
software หรือเป็นที่รู้จักกันภายหลัง คือ Microsoft
นั่นเอง ปีนั้นเอง MS-DOS ก็ได้ถือกำาเนิดขึ้นมาจนเป็นที่
ยอมรับกันอย่างแพร่หลา ย และเป็นจุดกำาเนิดให้เกิดการ
พัฒนาต่อมาจนเป็น Windows ในปี 1985 แต่ก็ยังคง
อาศัย DOS เป็นหลักอยู่เช่นเดิม แต่เพื่อความเข้าใจคงจะ
ต้องเริ่มจากก้าวแรกในปีนี้กั นเลยครับ
1985 – Microsoft Windows 1.0
ใน ปี 1985 นี้ Microsoft ได้เริ่มต้นกับการเปลี่ยนแปลง
เข้าสู่ระบบ Windows ที่พัฒนาต่อมาก MS-DOS แต่ถือ
เป็นเพียงเปลือกของ DOS เท่านั้น ซึ่งคุณสมบัติส่วนใหญ่
มุ่งไปที่ตารางนัดหมาย สมุดบันทึก และทำางานผ่านระบบ
GUI [Graphic User Interface] เป็นครั้งแรก
1987 – Microsoft Windows 2.0
2 ปีหลังจาก Windows 1.0 ก็ได้เวลาปล่อย version 2
ออกสู่ตลาด แต่ก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากมายจาก
เดิม ส่วนมากจะเป็นการเพิ่มสีสันให้กับระบบ GUI ให้
สวยงามมากขึ้น และความสามารถในการพิมพ์ได้ตรงกับที่
เห็นบนหน้าจอ
1990 – Microsoft Windows 3.0
ใน ปีนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำาคัญของ Windows ที่
เข้ามามีบทบาทต่อเครื่อง Mc ของ Apple ที่กำาลังได้รับ
ความนิยมอยู่ในตอนนั้นในแง่ของ Computer ที่สามารถ
แสดงผลทางด้านกราฟิก โดย Microsoft เริ่มมีการใช้
ระบบ VxD [Virtual Device Driver] ซึ่งเป็น driver
ของ Windows ซึงช่วยในการติดต่อเสื่อสารกับอุปกรณ์
่
ต่างๆได้ง่ายขึ้น โดยอาศัยระบบการบริหารหน่วยความจำา
3. เข้ามาช่วย หรือเป็นที่รู้จักกันดีในตอนนี้คือ kernel นั่นเอง
ด้วยความสามารถของ VxD ก็เริ่มทำาให้ระบบ Virtual
Memory ของ Windows ดีขึ้นมากเมื่อทำางานแบบ Multi
Tasking และด้วยเหตุนี้ทำาให้ Windows 3.0 ทำายอดได้
ถึง 10 ล้านชุดในระยะเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้น
1992 – Microsoft Windows 3.1
2 ปีกับความสำาเร็จของ Windows 3.0 ที่ทำายอดขายได้
แบบไม่คาดฝัน Microsoft ก็ได้ปล่อย Windows 3.1
ออกมาเพื่อแก้บั๊กที่มีอยู่ใน Windows 3.0 โดยหลักๆจะ
ทำาให้นักพัฒนา software สามารถสร้าง software ที่นำา
มาใช้กับ Windows ได้อย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น และ
สามารถนำา font แบบ True Type Font มาได้กับ
Windows ด้วย
จาก Windows 3.0-3.1 ทำาให้ Microsoft เขย่าตลาด
PC ได้เป็นอย่างมาก โดยตอนนั้น IBM ซึงนำาทีมโดย OS/2
่
ครองตลาดอยู่
1993 – Microsoft Windows 3.11 (Windows
for Workgroups)
ห่าง มาแค่ปีเดียว ในปี 1993 Microsoft ได้ปล่อย
Windows 3.11 ออกสู่ตลาดซึ่งเป็นที่รู้จักกันในตอนนั้นคือ
Windows for Workgroups ซึงเป็นการต่อยอดมาจาก
่
Windows 3.1 โดยเสริมคุณสมบัติระบบ network และ
การสร้าง Protocol TCP/IP ทีช่วยทำาให้เครื่อง PC ใน
่
ระบบเน็ทเวิร์ก และ PC แบบ Home user สามารถติดต่อ
ผ่านเครือข่าย Internet นับเป็นการเปิดโลกใหม่ให้กับ PC
ในแบบที่ไม่มี Windows ตัวไหนทำาได้มาก่อน
1993 – Microsoft Windows NT 3.1
เดือน กรกฎาคมในปีเดียวกันนี้เอง Windows NT 3.1
ก็ได้ออกสู่ท้องตลาดในฐานะระบบปฏิบัติการที่มีสถาปัต
ยกรรมโครงสร้างแบบ 32 bit นัยว่าจะมาแทนที่
4. Windows 3.1 ทีมีโครงสร้างแบบ 16 bit โดยจุประสงค์
่
แรกที่ออก NT นั้นก็เพื่อรองรับการทำางานในลักษณะที่เป็น
LAN Server ที่สามารถทำางานร่วมกับ Novell’s
Netware ในตลาดเครื่อง server ในขณะนั้นที่กำาลังแข่ง
กับ Unix สำาหรับกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มบริษัทหรือองค์กร
ต่างๆ ที่ต้องการเครื่อง server ที่มีกำาลังสูง และ
สถาปัตยกรรม NT นี้เองที่ทำาให้เราได้มี Windows 2000,
XP, 2003 และ VISTA ที่จะออกมาในปีหน้านี้
1995 – Microsoft Windows 95
ปี นี้ถือเป็นก้าวเปลี่ยนแปลงที่สำาคัญอีกครั้งของ Microsoft
และ Windows เพราะมันทำาให้ Microsoft กลายเป็นยักษ์
ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไปอย่างไร้ เทียมทานเลยก็
ว่าได้ โดย Windows 95 ที่ออกแบบมานั้นหน้าจอเป็น
interface ที่ถูกปรับโฉมใหม่หมด
[ในขณะนั้น] ไม่มีความเป็นหน้าจอ DOS หลงเหลืออยู่
เลย [ถ้านึกภาพ Windows 1.0-3.11 ไม่ออกก็นึกถึง
เครื่อง palm นะครับ] และหน้าจอก็ได้เริ่มมีการวาง icon
บน desktop ให้ผู้ใช้สามารถคลิ้กเพื่อเปิดการทำางานของ
โปรแกรมนั้ นๆได้เลยรวมถึงได้มี การนำาเอา Taskbar และ
Start Menu เข้ามาใช้เพื่อรองรับกับการทำางานแบบ
Multi tasking
ที่สำาคัญ Windows 95 ยังได้มีการแนะนำา feature ใหม่ที่
เรียกกันว่า Plug and Play [เสียบแล้วใช้] มาใช้เพื่อ
สนับสนุน hardware ที่เป็นส่วนประกอบอยู่ในเครื่อง
computer รวมถึงอุปกรณ์ต่อพ่วงสำาหรับนักเล่นเกมอย่าง
เป็นจริงเ ป็นจัง จากเดิมที่การเล่นเกมที่มีอุปกรณ์ต่อพ่วงนี้
จะอยู่ใน เครื่องเล่นเกมของ Nintendo กับ Sega เท่านั้น
และจุดนี้เองที่ทำาให้เกมบน DOS หายไป และด้วย Direct
X ทำาให้มีการพัฒนาเกมตามมาอีกมากมาย ขณะที่
Protocol TCP/IP ก็ยังเป็นอีกหัวในสำาคัญที่ทำาให้การเปิด
โลก internet ของกลุ่มผู้ใช้ PC เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นและ
มีเว็บไซต์ต่างๆเกิดขึ้นต ามมา เพื่อรองรับการใช้จากทั่วทุก
5. มุมโลก
199x – Microsoft Windows NT 4.0
หลัง จากออก NT 3.1 ทีมพัฒนา software ของ
Microsoft ก็ได้ปล่อย Windows NT 4.0 ที่เน้นตลาด
เน็ตเวิร์กมากขึ้น โดยจะมี interface คล้ายกับ Windows
95 แต่ว่าระบบมีความเสถียรมากกว่า โดยการเพิ่ม API
[Application Programming Interface] เข้ามาทำาให้
software/Hardware ต่างๆติดต่อกับ Windows ได้อย่าง
เป็นมาตรฐานเดียวกัน
Windows NT 4.0 ถือว่าได้รับความนิยมอย่างมากสำาหรับ
บรรดากลุ่มองค์กร ที่ต้องการเครื่อง server ขนาดเล็กไป
จนถึงขนาดใหญ่
1997 – Microsoft Windows 98
Windows 98 ถือเป็นระบบปฏิบัติการที่มีผู้ใช้ยอมรับทั่ว
โลก โดยได้รับการพัฒนาในเรื่องพอร์ต USB ถือเป็นการ
เริ่มใช้งานครั้งแรกบน Windows 98 ในปี 1997 รวมถึง
ระบบ Fat32 ที่ทำาให้ Windows สนับสนุน Hard Disk ที่
มีขนาดมากกว่า 2 GB ได้ นอกจากนั้นยังได้มีการรวมเอา
hyper link ของ Internet Explorer มารวมกับ
Windows Explorer กลายเป็น Interface ร่วมกันของทั้ง
สองระบบ
ตรงนี้เองที่ทำาให้ Microsoft โดนศาลยุติธรรมของอเมริกา
โดยอ้างว่าการกระทำาดังกล่าว ไม่ยุติธรรมต่อบริษัท คู่แข่ง
อื่นๆ อย่าง Netscape ซึ่งตอนนั้นถือเป็นเจ้าตลาด
browser อยู่
1999 – Windows 98 SE
เนื่อง จาก Windows 98 ยังมีบั๊กอยู่เยอะ 2 ปีให้หลัง
Microsoft ก็ได้ออก Windows 98 SE [Second
Edition] ตามมาเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าว และ
เป็นการมารพร้อมกับ feature ใหม่ที่เรียกว่า ICS หรือ
6. Internet Connection Sharing ซึงทำาให้เครื่อง PC
่
หลายๆเครื่องสามารถ share internet ร่วมกันได้โดยใช้
เพียง Account เดียวเท่านั้น
2000 – Microsoft Windows 2000
Windows 2000 หรือ Windows NT 5.0 แทบจะเรียก
ได้ว่าเป็น Windows ทีดีที่สุดของระบบปฏิบัติการ
่
Windows เลยที่เดียวก็ว่าได้ Windows 2000 ถูกใช้
อย่างแพร่หลายในฐานะเครื่อง workstation และ Server
จนถึงปัจจุบัน จุดเด่นของ Windows 2000 คือ มีความ
เสถียรสูงมาก การเขียนโปรแกรมเพื่อรองรับ application
ต่างๆก็ทำาได้ค่อนข้างง่าย Windows 2000 จึงเป็นที่ชื่น
ชอบของ Web developers ที่ต้องการสร้างโปรแกรม
เชื่อมต่อด้านเครือข่ายกับระบ บปฏิบัติการเป็นแกน หลัก
ของครือข่าย โดยใน Windows 2000 นี้ยังได้มีการแยก
รุ่นออกเป็น 3 รุ่นด้วยกันเพื่อให้ตรงกับความต้องการ
Windows 2000 Professional - เหมาะกับธุรกิจทั่วไป
รวมถึง PC ธรรมดาที่ต้องการประสิทธิภาพสูง
Windows 2000 Server – เหมาะกับบริษัทขนาดเล็กกลาง
Windows 2000 Advanced Server - เหมาะกับองค์กร
ขนาดใหญ่ทมีการเข้าออกของข้อมูลเป็น จำานวนมาก
ี่
2000 – Microsoft Windows ME
Windows ME ถูกส่งมาทำาตลาดในระดับ User ทั่วไป โดย
คำาว่า ME ย่อมาจากคำาว่า Millennium Edition ซึ่งออก
วางจำาหน่ายในปี 2000 พอดี หลังออกมาได้ไม่นานสิ่งที่
ตามมาคือ บั๊กขนาดใหญ่ที่ทำาเอาระบบล่มบ่อยๆ สิ่งที่เพิ่ม
เข้ามาใน Windows ME คือ ระบบ System restore ซึ่ง
ทำาให้สามารถย้อนเวลากลับไปก่อนหน้าที่ต้องการได้ หรือ
7. อีกประการหนึ่ง Microsoft อาจจะพอเดาออกว่า
Windows ตัวนี้เข้ากันไม่ค่อยได้กับ hardware จึงทำา
System Restore ใส่เข้าไปด้วย ซึงฟังดูตลกแต่ก็เป็นเช่น
่
นั้นจริงๆ นอกนั้นยังมี Windows Media Player แบบเต็ม
รูปแบบครั้งแรก อีกอย่างที่เพิ่มเข้ามาใน Windows ME คือ
Windows ตัวนี้ได้ตัด DOS ออกไปเป็นที่เรียบร้อย การ
ทำางานนั้นเป็นแบบ 32 bit โดยสิ้นเชิง ซึ่งต่างกับตัวที่แล้วๆ
มาเมื่อมีปัญหาคุณก็จะเจอ DOS แทน และอาจจะเป็น
เหตุผลอีกข้อที่ทำาให้ Windows ME ไม่ค่อยเสถียรเอา
มากๆ ยังกับว่านถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรอ Windows XP ใน
ขณะที่กำาลังพัฒนาอยู่
2001 – Microsoft Windows XP
นับ จากปี 1995 ปี 2001 นี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้ง
สำาคัญอีกครั้งของ Microsoft และ Windows เมื่อการมา
ถึงของ Windows XP [XP = EX Perience] หรือ
Windows NT 5.1 ซึงเป็นลูกผสมระหว่าง Windows
่
2000/NT และ Windows 9x [95, 98, ME] ด้วย
Interface ที่ออกแบบใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้าที่ต้องบอกว่าใน
ตอนนั ้้นสวยงามเอามากๆ ความเสถียรที่อิงจาก
Windows 2000 การทำา Multiple user account การ
สนับสนุน Hardware อย่างเต็มรูปแบบ ทำาให้ Windows
XP เป็นที่รู้จักกันอย่างรวดเร็ว แต่ปัญหาที่มากับ Windows
XP นั้นกลับเป็นเรื่องระบบความปลอดภัยทำาให้ Microsoft
ต้องออก Service Pack1 มาภายในเวลาอันรวดเร็ว และ
Service Pack2 ตามมาอีก และในปีหน้ากลางปีก็จะถึง
เวลาของ Service Pack3 กันแล้วครับ
Windows XP แบ่งเป็น 2 รุ่นคือ
Windows XP Home Edition- เหมาะกับกับการใช้งาน
ตามบ้านและ PC ทั่วๆไป
8. Windows XP Professional - เหมาะกับธุรกิจทั่วไป รวม
ถึง PC ธรรมดาที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่นเดียวกับ
Windows 2000 Professional
นอกจาก 2 รุ่นที่ว่ามาแล้วยังมีอีก 2 รุ่นที่ออกตามมาให้
หลัง คือ
Windows XP Home Edition N และ Windows XP
Professional N ซึ่งเป็นผลมาจากการ
ฟ้องร้องว่า Microsoft ทำาธุรกิจผูกขาด [อีกครั้ง] ซึงมีผล
่
ทำาให้ Microsoft ต้องออก N Edition เพื่อจำาหน่าย
เฉพาะในยุโรป สิ่งที่ต่างออกไปคือ จะไม่มี Windows
Media Player และ Internet Explorer ติดมากับ
Windows นั่นเอง
2003 – Microsoft Windows Server 2003
Windows 2003 Server หรือ Windows NT 5.2 นั้นถูก
สร้างขึ้นจาก Windows 2000+Windows XP โดยมุ่งหวัง
ที่จะเข้าแทนที่ Windows 2000 นอกจากหน้าตาเหมือน
Windows XP แล้วยังได้มีการเสริมในเรื่องของระบบรักษา
ความปลอดภัยให้สูงขึ้นเพราะถูก สร้างขึ้นมาให้ใช้กับ
องค์กรโดยเฉพาะ การจัดการที่ทำาได้ง่ายโดยผ่าน
Browser IE และยังเพิ่มความเสถียรในเรื่องของการเข้ากัน
ได้กับ Application Code ต่างๆได้อย่างหลากหลายมาก
ขึ้น
โดย Windows Server 2003 นี้มมากถึง 5 รุ่นได้กัน คือ
ี
Windows Server 2003 Standard – เหมาะสำาหรับทำา
server ขนาดในบริษัทขนาดเล็ก
Microsoft Windows Small Business Server 2003
– เหมาะสำาหรับธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง
9. Microsoft Windows Server 2003, Datacenter
Edition – เหมาะสำาหรับองค์กรที่มีข้อมูลมากมายที่ต้อง
จัดการ
Microsoft Windows Server 2003, Enterprise
Edition – เหมาะสำาหรับองค์กรขนาดใหญ่
Microsoft Windows Server 2003, Web Edition –
เหมาะสำาหรับทำา Web server
2003 – Microsoft Windows XP Media Center
Edition 2002 (WinMCE2002)
ปี 2003 นอกจากเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งของ
Microsoft ในปีนี้เอง Microsoft ก็ได้นำาเอา Microsoft
Windows XP Media Center Edition ออกจำาหน่ายเพื่อ
รองรับกับกลุ่มลูกค้า PC ตามบ้านที่ต้องการชุด โฮม
เธียเตอร์ โดยหลักโปรแกรมนี้ก็คือ Windows XP Pro ที่มี
การเพิ่มลูกเล่นในส่วนของ Media Center เข้าไปนั่นเอง
ทำาให้สามารถควบคุมผ่านรีโมทได้เหมือนกับโฮมธีเตอร์ทั่วๆ
ไป และ Media Center ที่เพิ่มมายังสามารถทำางานกับ
อุปกรณ์มีเดีย ทั้งหลายที่เชื่อมต่ออยู่กับ PC และการจัดการ
กับสื่อ Media ต่างๆได้ โดยใช้เพียงรีโมทเท่านั้น
2005 - Windows XP Media Center Edition
2005
หลัง จากนำาร่องด้วย MCE2002 ปีนี้ Microsoft ได้ออก
MCE2005 ซึ่งมีการเพิ่มคุฯสมบัติใหม่ๆเข้ามาเช่นการ
รองรับ HDTV [High Definition TV] หรือ TV ความ
ละเอียดสูง ที่แพร่ภาพในระบบ Digital [DTV] นอกจาก
นั้นยังมี interface ที่สนับสนุน Media Center
Extenders ซึงช่วยให้ผู้ใช้สามารถ download/upload
่
ไฟล์หรือดูเนื้อหาต่างๆของไฟล์แบบสตรีมได้อย่างง่ายดาย
10. 2005 – Microsoft Windows XP Professional
x64 Edition
เมษายน 2005 Microsoft ได้นำาเสนอ Microsoft
Windows XP Professional x64 Edition ออกสู่ตลาด
Windows ตัวนี้นับเป็นตัวแรกที่มีโครงสร้างสถาปัตยกรรม
แบบ 64 bit และยังคงทำางานได้กับ โปรแกรม 32 bit ได้
เช่นเดิม โดยฟังก์ชั่นนี้เรียกว่า WOW หรือ Windows 32
on Windows 64 ซึ่ง Windows นี้ถูกออกแบบเพื่อนำามา
ใช้กับงานกราฟฟิก 3D งานออกแบบ เครื่องบิน
Animation หรืองานที่ต้องการความถูกต้องสูงสุด
2007 – Microsoft Windows Vista
Windows Vista หรือชื่อในการพัฒนาว่า Windows
longhorn นั้นถือเป็นการเปลี่ยนแปลงของ Windows ครั้ง
ใหญ่อีกครั้งหนึ่ง นอกจาก core จะเป็น Windows NT
6.0 แล้ว สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือการแสดงผลแบบ 3D ของ
Window นั่นเอง ซึ่งถือเป็นจุดเด่นอีกจุดหนึ่ง นอกจาก
Interface ที่เปลี่ยนครั้งใหญ่แล้ว สิ่งที่ Microsoft มุ่งเน้น
มากคือความปลอดภัย โดยการประกาศท้าทายเหล่า
Hacker ให้เจอะระบบของ Windows vista กันเลยทีเดียว
นอกจากนั้นยังมีการจ้าง Hacker มาตรวจสอบ source
code ทั้งหมดของ Windows vista เพื่อหาช่องโหว่ที่อาจ
จะเกิดขึ้นไม่ว่าด้วยวิธีการใด ๆ นอกจากนั้น Windows
Vista ยังมากับไฟล์รับบรูปแบบใหม่ คือ WINFS
[Windows Future storage] ที่จะเข้ามาแทน NTFS
โดย Windows Vista นี้จะมีทั้งแบบ 32 bit และ 64 bit
และมีมากถึง 5 รุ่นด้วย
Windows Vista Home Basic – เหมาะสำาหรับ พ่อแม่ที่
ซื้อ Computer เครื่องแรกให้เด็กเล่นไปจนถึงคนทั่วไปที่
ไม่เคยใช้ Windows มาก่อน
Windows Vista Home Premium – เหมาะกับเครื่องที่
เน้นทำาเป็น Media Center ที่บ้าน
11. Windows Vista Business – เหมาะกับกลุ่ม power
user ทั่วๆไป หรือเปรียบได้กับ Windows XP Pro นั่นเอง
Windows Vista Enterprise – เหมาะกับองค์กรขนาด
ใหญ่
Windows Vista Ultimate – เหมาะกับคนที่ต้องการทุกๆ
อย่างจากทุกๆตัวที่กล่าวมา
2007 – Microsoft Windows Longhorn Server
หรือ อีกชื่อคือ Windows Server 2007 นั่นเอง ซึงจะมี
่
รากฐานมาจาก Windows Vista ซึงจะเพิ่มคุณสมบัติใหม่
่
เข้าไปเพื่อรองรับกลุ่มลูกค ้้าระดับองค์กรขนาดใหญ่ และ
เป็นระบบปฏิบัติการแบบ 64bit
ตั้งแต่ WINDOW XP เปิดตัวเมื่อปี 2544 เป็นต้นมาก็
มีออกมาหลายรุ่นจนนับไม่ถ้วน ทั้งรุ่นที่ไมโครซอฟท์ผลิต
ออกมาเอง และ รุ่นที่ช่างโมดิฟายด์ ทั้งหลายนำามาประยุกต์
เพื่อให้ง่ายต่อการติดตั้ง หรือปรับค่าบางอย่างเพื่อเน้นจุด
เด่นต่างๆ กันออกไป เช่น Windows Dark, Windows
TRUFASTER
รุ่นที่ ไมโครซอฟท์ผลิตออกมาได้แก่
1.1 Microsoft Windows XP Starter Edition
1.2 Microsoft Windows XP Home Edition
1.3 Microsoft Windows XP Professional รุ่น นี้
นิย มนำา มาใช้แ ละนิย มนำา มาแคร็ก กัน มาก
1.4 Microsoft Windows XP Media Center Edition
1.5 Microsoft Windows XP Tablet PC Edition
1.6 Microsoft Windows XP Edition N
1.7 Microsoft Windows XP 64-Bit Edition
1.8 Microsoft Windows XP Embedded
1.9 ไมโครซอฟท์วินโดวส์เอกซ์พีรุ่นปรับปรุง (Service
Pack)
SP1 ออกมาในปี ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546)
12. SP1a ออกมาในปี ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546) หลัง SP1
SP2 ออกมาในปี ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547)
SP3 ออกมาในปี ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551) หลังวินโดวส์
วิสต้า
บริษัท Microsoft ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1975 โดยบิล
ล์ เกตส์ กับ พอล อัลเลน ได้ร่วมกับก่อตั้ง ไมโครซอฟท์
สำานักงานใหญ่อยู่ที่เมือง Redmond, Washington, USA
ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น ไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น และ
ได้นำาเอาภาษาเบสิกที่พัฒนาขึ้นเองออกวางตลาด และให้
ชื่อว่าไมโครซอฟท์เบสิก ภาษาคอมพิวเตอร์นี้ได้กลายมา
เป็นรากฐานให้แก่ธุรกิจลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ ซึงถูกผนวก
่
(ROM) เข้ากับเครื่อคอมพิวเตอร์ในบ้าน และเครื่อง
คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลส่วนใหญ่ในช่วงคริสต์ทศวรรษที่
70 และ 80
ต่อมาในปี ค.ศ. 1985 ถือเป็นช่วงที่สำาคัญที่สุดของ
บริษัท Microsoft เพราะทางบริษัท IBM ได้วางแผนจะรุก
ตลาดคอมพิวเตอร์ด้วยการนำาเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วน
บุคคล(PC) IBM ออกวางตลาด IBM ได้เข้ามาเจรจากับ
Microsoft เพื่อขอซือระบบปฏิบัตการคอมพิวเตอร์ซึ่งใน
้
ตอนแรกทางบริษัท Microsoft ยังไม่มีระบบปฏิบัติการจะ
ขายให้จงแนะนำาให้ IBM ไปคุยกับดิจิทัลรีเสิร์ชแทน ที่
ึ
ดิจิทัลรีเสิร์ช ผู้แทนของ IBM ได้คุยกับโดโรธี ภรรยาของ
แกรี คิลดาลล์ แต่เธอปฏิเสธการลงนามในข้อตกลง
มาตรฐานซึ่งไม่ปิดผนึก เนื่องจากเห็นว่าเสียเปรียบเกินไป
IBM จึงหันมาคุยกับ Microsoft อีกครั้ง บิล เกตส์ได้สิทธิ์
ในการใช้สำาเนาการออกแบบของ CP/M และ QDOS จาก
ทิม แพทเทอร์สัน แห่งบริษัท ซีแอตเทิล คอมพิวเตอร์ โป
รดักส์ ด้วยการซื้อมาในราคา 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ และ
ขายมันให้กับ IBM ในราคา "ราว 80,000 ดอลลาร์สหรัฐ"
13. ตามคำากล่าวอ้างของเกตส์ และในที่สุด MS-DOS และ PCDOS ก็ได้แจ้งเกิดในวงการ
ต่อมาในช่วงปี1989 ทางบริษัท Microsoft ได้พัฒนา
software ต่างๆของมาเช่น office suite, Microsoft
office เป็นโปรแกรมที่ใช้ตามสำานักงานต่างๆเช่น
Microsoft Word, Microsoft Excel
และในวันที่ 22 พฤษภาคม 1990 ทางบริษัทได้
ทำาการเปิดตัว Window 3.0 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการ
version แรกที่ได้นำา graphics มาช่วยในการใช้งานเพื่อ
ความคล่องตัวและปรับปรุงความสามารถเพื่อให้ใช้ Intel
386 processor ได้
ในปีค.ศ. 1995 ได้ทำาการปล่อย WINDOW 95
ออกสู่ตลาด
ในปีค.ศ. 1998 ทางบริษัทได้พฒนา
ั
WINDOW 98 ออกมาใหม่
ในปีค.ศ. 2001 ได้ผลิด WINDOW XP
และสุดท้ายในปี ค.ศ. 2006 ได้พัฒนาและผลิด
Window vista ออกมา
นอกจากระบบปฏิบัติการ WINDOW แล้วทาง
บริษัท MICROSOFT ยังมีผลิตณฑ์ COMPUTER
HARDWARE ที่ออกสู่ตลาดอีกมากมายเช่น
MICROSOFT MOUSE ,HOME
ENTERTAINMENT,XBOX,XBOX360,ZUNE AND TV
2. การใช้ง านระบบปฏิบ ัต ิก าร Microsoft
Windows XP
2.1 การเข้า สู่ร ะบบปฏิบ ัต ิก าร Microsoft
Windows XP
14. เมื่อเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ตดตั้งระบบปฏิบัติการ
ิ
Microsoft Windows XP ไว้แล้ว เครื่องจะเข้าสู้ระบบ
ปฏิบัติการ Microsoft Windows XP อัตโนมัติ
2.2 การออกจากระบบปฏิบ ัต ิก าร Microsoft
Windows XP
เมื่อต้องการออกจากระบบปฏิบัติการ Microsoft
Windows XP ควรปิดโปรแกรมที่ใช้งานทั้งหมด ให้
เรียบร้อยก่อน จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Start
โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ
1. Log Off คือ การออกจากระบบเพื่อเปลี่ยนผู้ใช้ โดย
กลับไปรอเข้าระบบใหม่อีกครั้ง
2. Turn Off หรือ Shut Down คือ การปิดเครื่อง
คอมพิวเตอร์ มีให้เลือก ดังนี้
Hibernate คือ การปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยระบบจะ
เก็บสภาพแวดล้อมการทำางานไว้ และเมื่อเปิด
เครื่องคอมพิวเตอร์ครั้งต่อไป ระบบจะทำางานตามสภาพ
แวดล้อมเดิมก่อนปิดเครื่อง
Turn Off คือ การปิดโปรแกรมทั้งหมดและปิดเครื่อง
คอมพิวเตอร์
Restart คือ การปิดโปรแกรมทั้งหมดและเริ่มต้น
กระบวนการทำางานของเครื่องใหม่
เมื่อปรากฏคำาว่า It’s now safe to turn off your
computer. จึงกดปุ่ม Power ปิดเครื่องและปิด
จอคอมพิวเตอร์ แต่เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ ๆ จะทำาการ
ปิดตัวเองโดยที่ไม่ตองกดปุ่ม
้
Power
ส่ว นประกอบทีส ำา คัญ ของระบบปฏิบ ต ิก าร
่
ั
Microsoft Windows XP
เดสก์ท อป (Desktop) เป็นส่วนของพื้นที่จอของ
วินโดวส์ XP ซึ่งใช้ในการแสดงส่วนต่างๆ ให้ผู้ใช้ได้เห็น
15. เช่นไอคอน หน้าต่างโปรแกรม ส่วนนี้เราสามารถปรับแต่ง
เป็นรูปภาพหรือลวดลายต่าง ๆ เพื่อความสวยงามได้
แถบ Minimize/Restoredown/
Maximize/Close
แถบ Menu bar ส่วนสำาหรับ
แสดงรายการเมนูในหน้าต่าง
แถบ Tools bar ส่วนสำาหรับ
แสดงปุ่มเครื่องมือการใช้งาน
แถบ Address bar ส่วน
สำาหรับแสดงสถานะที่อยูของ
่
หน้าต่าง
แถบ Scroll bar แถบเลื่อน
ขึ้นลง/ซ้ายขวา
ปุ่ม Start ใช้เรียกใช้โปรแกรมที่ถูกติดตั้งในระบบเครื่อง
พิเศษที่ใช้โปรแกรมและคำาสั่งต่าง ที่ติดตั้งอยู่บนวินโดวส์
Taskbar เป็นส่วน
แถบงาน (Taskbar)
เป็นส่วนพิเศษที่ใช้ในการเรียกใช้โปรแกรมและคำาสั่งต่าง
ๆ ที่ติดตั้งอยู่ในวินโดวส์ XP
ปุ่ม ภาษา
ปุ่ม เปลี่ย นภาษา
1. DESKTOP คือ บริเวณพื้นที่หรือฉากของระบบ
ปฏิบัติการ Windows ซึ่งบริเวณนี้เป็นส่วนแสดง Icon
หรือ Windows ที่เปิดทำางาน
2. ICON สัญลักษณ์ที่ใช้แทนทรัพยากรต่าง ๆ
3. RECYCLE BIN เป็นถังขยะเก็บไฟล์ที่ถูกลบ
4. TASKBAR เป็นแถบแสดง Start Menu หากมี
โปรแกรมเปิดใช้งานอยู่ จะแสดงแถบชื่อโปรแกรมให้เห็น
หากต้องการใช้งานโปรแกรมใดให้คลิกที่แถบชื่อโปรแกรม
16. นั้น และถ้ามีการปิดโปรแกรมที่ใช้งานอยู่ แถบของ
โปรแกรมนั้นก็จะหายไปจาก Taskbar
5. STATUS BAR ทำาหน้าที่แสดงสถานะของ
โปรแกรมที่ทำางานอยู่
6. LANGUAGE BAR แสดงสถานะของภาษาที่ใช้
งาน
7. START BUTTON ปุ่มเริ่มต้นการทำางาน
การใช้งานโปรแกรมต่าง ๆ ที่อยู่ในเครื่อง ให้คลิกที่ปุ่ม
Start แล้วเลื่อนเมาส์ไปที่ All Programs จะปรากฏ
โปรแกรมที่มีอยู่ในเครื่องดังภาพข้างล่าง
หน้าต่าง (Windows)
17. u Title bar แสดงชื่อของโปรแกรมที่ใช้งานอยู่
v Menu Bar แสดงเมนูของโปรแกรมใช้ในการเลือกคำา
สั่ง
w Toolbar เป็นรูปภาพเล็ก ๆ แทนคำาสั่งใช้งานต่างๆ
x Address bar แสดงตำาแหน่ง ณ ขณะนั้น
y Minimize ปุ่มลดขนาดหน้าต่างหรือปิดหน้าต่าง
z Maximize ขยายหน้าต่างให้เต็มจอ
{ Close ใช้ในการปิดโปรแกรม
| Icon คือ รูปสัญลักษณ์ที่ใช้ในการเรียกโปรแกรม
} Scroll Bar ใช้ในการเลื่อนหน้าจอไปซ้าย ขวา ขึ้นลง
ตามทิศทางลูกศร
~ Status Bar แสดงสถานะการทำางาน
การเปลี่ย นขนาดของหน้า ต่า ง
การเลื่อนตัวชี้เมาส์ไปยังขอบของหน้าต่าง ตัวชี้เมาส์
จะเปลี่ยนรูปจาก เป็น
(ลูกศร 2 ทาง) คลิก
เมาส์ค้างไว้แล้วลาก หน้าต่างจะเปลี่ยนขนาดไปเมื่อได้
ขนาดตามต้องการแล้วให้ปล่อยเมาส์
ย่อ หน้า ต่า ง
คลิกที่ปุ่ม
การขยายหน้า ต่า ง
บนด้านขวามือของ TITLE BAR
18. คลิกที่ปุ่ม
บนด้านขวามือของ TITLE BAR ถ้าหน้าต่างมี
ขนาดใหญ่ที่สุดอยู่แล้วบนด้าน ขวามือของ TITLE BAR จะ
แสดงปุ่ม
แทนปุ่ม
การคืน รูป หน้า ต่า ง
คลิกที่ปุ่ม
บนด้าน ขวามือของ TITLE BAR ถ้าขนาด
หน้าต่างไม่ได้มีขาดใหญ่ที่สุดอยูแล้วบนด้านขวามือของ
่
TITLE BAR จะแสดงปุ่ม
แทนปุ่ม
การย้า ยหน้า ต่า ง
ชี้เมาส์ไปที่ TITLE BAR คลิกเมาส์ค้างไว้แล้ว ลากเมาส์ไป
ยังตำาแหน่งของหน้าจอที่ต้องการเคลื่อนย้าย หลังจากนั้น
ปล่อยเมาส์ในตำาแหน่งที่ต้องการ
การสลับ ระหว่า งหน้า ต่า งที่ก ำา ลัง เรีย กใช้ง าน
คลิกปุ่มของโปรแกรมบน Taskbar ถ้าไม่สามารถมองเห็น
Taskbar ให้ ชี้ ไ ปที่ พื้ น ที่ ข องหน้ า จอบริ เ วณตำา แหน่ ง ของ
Taskbar ตัวอย่างเช่น ถ้า Taskbar อยู่ที่ตำา แหน่งล่างสุด
ของหน้าจอ ให้คลิกไปที่โปรแกรมนั้นหรือจะใช้วิธีลัดโดย
กดคี ย์ บ อร์ ด Alt + Tab และเลื อ กโปรแกรมที่ ต้ อ งการใช้
งาน
การจัด การไฟล์แ ละโฟลเดอร์
ไฟล์ (File)
ไฟล์คือสิ่งที่ใช้สำาหรับอ้างอิงข้อมูลหรือโปรแกรมที่เก็บ
บันทึกลงดิสก์ ปกติการอ้างอิงไฟล์จะทำาโดยผ่านชื่อไฟล์
และตามด้วยจุดนามสกุลของโปรแกรมที่ถูกสร้างขึ้น จำานวน
ของไฟล์จะขึ้นอยู่กับขนาดของไฟล์เองและดิสก์ ซึงปกติถ้า
่
ดิสก์มีขนาดใหญ่มากจะสามารถเก็บไฟล์จำานวนมากได้
ตัวอย่างของไฟล์ที่ควรรู้จัก
ชื่อไฟล์ ชนิดของไฟล์
Readme.TXT ไฟล์ตัวอักษร
Calc.EXE ไฟล์โปรแกรม
Doc1.DOC ไฟล์ MS Word
Book1.XLS ไฟล์ MS Excel
24. 1. Windows 3.11 เป็น OS แบบ 16 bit เป็น version
แรกของ Windows ที่ใช้ทรัพยากรของระบบน้อยมาก แต่
ประสิทธิภาพต่าง ๆ ที่สนับสนุนก็น้อยตามไปด้วย
2) Windows 95 เป็น OS แบบ 32 bit พัฒนาขีดความ
สามารถขึ้นมาจากเดิม มีฟีเวอร์ต่าง ๆ เพิ่มเข้ามา แต่
version นี้ยังมี bug มากไม่ค่อยเสถียรพอ
3) Windows 98 เป็น OS แบบ 32 bit ที่พัฒนามาจาก
95 แก้ไข bug ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น รวมทั้งสนับสนุน
Multimedia อย่างสมบูรณ์ มีการนำาเอา browser ยอด
นิยมอย่าง IE ติดมาให้ด้วย version นี้ได้รับความนิยมเป็น
อย่างมาก
4) Windows 98 SE เป็น OS แบบ 32 bit ที่แก้ไข
version 98 ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แก้ไข bug และเพิ่มฟีเวอร์
ใหม่ ๆ มากมายเช่นสามารถทำาเป็น Server แชร์ IP ให้กับ
เครื่องลูกได้ และนำาเอา IE 5 ติดมาด้วย นับว่า version นี้
เป็น version ทีดีที่สุด สมบูรณ์ที่สุด และเสถียรภาพมาก
่
ที่สุดแล้ว ในตระกูลของ Windows 98
5) Windows Me เป็น OS แบบ 32 bit ที่พัฒนามา
สำาหรับ Home use โดยเฉพาะ ตัดเอา Ms-Dos ออกไป
เพื่อสร้างความมีเสถียรภาพให้กับระบบ สนับสนุน
Multimedia สมบูรณ์แบบที่สุดตอนนี้ผมเองก็ลองใช้อยู่
ครับ..ยอมรับว่าดีมาก ๆ ไม่ค่อยมีปัญหาเหมือน 98 ที่ผ่าน
มา
>>Server
1.Windows NT4 มีความเสถียรถาพสูงทำางาน เป็น
Server การใช้งานผู้ใช้ต้องมีความรู้พอสมควรเพราะ
ลักษณะการใช้งานคล้ายกับ UNIX แต่จะมีระบบ GRAFFIC
ที่ดีกว่า
2. Windows 2000 เป็น OS ที่เป็น NT พัฒนามาจาก
NT4 มีความเสถียรภาพสูง และรองรับ Multimedia ใช้
เป็น Server สนับสนุนการใช้งานแบบ Multi user มีระบบ
32. เข้ามาสู่หน้า Welcome to Setup กดปุ่ม Enter เพื่อ
ทำาการติดตั้งต่อไป
หน้าของ Licensing Agreement กดปุ่ม F8 เพื่อทำาการ
ติดตั้งต่อไป
33. ทำาการเลือก Drive ของฮาร์ดดิสก์ที่จะลง Windows XP
แล้วกดปุ่ม Enter เพื่อทำาการติดตั้งต่อไป
เลือกชนิดของระบบ FAT ที่จะใช้งานกับ Windows XP
หากต้องการใช้ระบบ NTFS ก็เลือกที่ข้อบน แต่ถ้าจะใช้เป็น
FAT32 หรือของเดิม ก็เลือกข้อสุดท้ายได้เลย (no
changes) ถ้าไม่อยากวุ่นวาย แนะนำาให้เลือก FAT32 นะ
คะ แล้วกดปุ่ม Enter เพื่อทำาการติดตั้งต่อไป
36. จะมีเมนูของการให้เลือก Regional and Language ให้
กดปุ่ม Next ไปเลยค่ะ ยังไม่ต้องตั้งค่าอะไรในช่วงนี้
ใส่ชื่อและบริษัทของผู้ใช้งาน ใส่เป็นอะไรก็ได้ แล้วกดปุ่ม
Next เพื่อทำาการติดตั้งต่อไป
37. ทำาการใส่ Product Key (จะมีในด้านหลังของแผ่นซีดี)
แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำาการติดตั้งต่อไป
หน้าจอให้ใส่ Password ของ Admin ให้ปล่อยว่าง ๆ ไว้
แบบนี้แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำาการติดตั้งต่อไป
38. เลือก Time Zone ให้เป็นของไทย (GMT+07:00)
Bangkok, Hanoi, Jakarta แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำาการ
ติดตั้งต่อไป
รอสักพัก จนกระทั่งขั้นตอนต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อย ก็พร้อม
แล้วสำาหรับการเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ Windows XP ครับ
39. จากนั้น จะมีการบูตเครื่องใหม่อีกครั้ง เพื่อเริ่มต้นการใช้
งานจริง ๆ
บูตเครื่องใหม่คราวนี้ อาจจะมีเมนูแปลก ๆ แบบนี้ เป็นการ
เลือกว่า เราจะบูตจากระบบ Windows ตัวเก่าหรือจาก
Windows XP ครับ ก็เลือกที่ Microsoft Windows XP
Professional ครับ ถ้าของใครไม่มีเมนูนี้ก็ไม่เป็นไร
เริ่มต้นบูตเครื่อง เข้าสู่ระบบปฏิบัติการ Windows XP
40. ในครั้งแรก อาจจะมีการถามเรื่องของขนาดหน้าจอที่ใช้งาน
กด OK เพื่อให้ระบบตั้งขนาดหน้าจอให้เราได้เลยค่ะ
นอกจากนี้ ถ้าหากเครื่องไหนมีการถาม การติดตั้งค่าต่าง ๆ
ก็กดเลือกที่ Next หรือ Later ไปก่อน บางครั้งอาจจะมีให้
เราทำาการสร้าง Username อย่างน้อย 1 ชือก่อนเข้าใช้
่
งาน ก็ใส่ชอของคุณเข้าไปได้เลย
ื่