การเดินขบวนสามารถแก้ไขปัญหาได้หรือไม่
- 2. ปัจจุบันการเดินขบวนเพื่อประท้วงเพื่อสิทธิหรือเรียกร้องสิ่งที่ต้องการ มีให้เราพบเห็นมากมาย ทา ให้ผู้จัดทา เกิด
ความสงสัยว่า การเดินขบวนนั้นสามารถแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ และการแก้ปัญหานี้สามารถหาข้อสรุปได้จริงๆ
หรือไม่
ในการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้เรื่องนี้ ผู้จัดทา พบว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ในสังคมไทยพบว่า มีปัญหาทางด้านการเมือง การเกิดการประท้วงเดินขบวนต่อต้านเผด็จการ ต่อต้านรัฐบาล
ต่อต้านระบอบทักษิณ การเดินขบวนเพื่อนเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ตนเองและส่วนรวม ซึ่งเกิดจากการได้และ
เสียผลประโยชน์ที่ไม่เท่ากันกับอีกฝ่ายหนึ่ง ทา ให้เกิดการกระทบกระทั้งกันอย่างรุนแรง จึงทา ให้เรื่องเกิดบาน
ปลาย ทา ให้มีการแบ่งชนชั้นวรรณะ ทางด้านสังคม แบ่งเป็นเสื้อเหลืองเสื้อแดง เกิดความแตกแยกในสังคมไทย ดัง
ข่าวที่เราได้พบเห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์ จึงทา ให้คิดว่าการนา ประเด็นการเดินขบวนมาวิเคราะห์ น่าจะสามารถร้ถูึง
ปัญหาและการจบปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมไทยได้การตั้งคา ถามนั้นสามารถตั้งคา ถามได้หลากหลาย ตัวอย่างเช่น การ
เดินขบวนสามารถแก้ไขปัญหาได้หรือไม่ , การเดินขบวนเกิดผลดีผลเสียอย่างไร, การเดินขับไล่ของเสื้อเหลืองเสื้อ
แดง กับ พ.ร.บ. นิรโทษกรรมสิ่งใดร้ายแรงกว่ากัน เป็นต้น แต่ปัญหาที่เราต้องการศึกษาคือปัญหาที่ว่า “การ
เดินขบวนสามารถแก้ไขปัญหาได้จริงหรือไม่” โดยเหตุที่ตัดสินใจเลือกปัญหานี้เพราะ มีเหตุผลที่ว่า ในปัจจุบันมี
การแยกฝั่งเลือกฝ่าย ทา ให้เกิดปัญหาหลายปัญหาขึ้นในสังคม ทา ให้บุคคลภายในประเทศเกิดความเดือดร้อน จึง
ทา ให้อยากทราบว่าต้องเดินขบวนบ่อยแค่ไหน ปัญหานี้จึงจะคลี่คลายไปได้
- 4. - การเดินขบวน (อังกฤษ: demonstration) เป็นรูปแบบหนึ่งของการเคล่อืนไหวโดยปราศจากความรุนแรง
(nonviolent) ของกล่มุบุคคลเพื่อประโยชน์ทางการเมืองหรืออื่น ๆ ซ่งึปรกติมกัมีการเดินรณรงค์เป็นขบวน และมกีาร
ชุมนุมพูดจาปราศรัย และบางทีก็อาจมีการปิดล้อม (blockade) และการยึดพื้นที่ประท้วง (sit-in) ด้วย ซ่งึการ
เดินขบวนจัดเป็นกิจกรรมหนึ่งในลัทธิกิจกรรมนิยม (activism) อันเป็นความนิยมกระทา กิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุ
ความม่งุหมายทางการเมืองของกลุ่มตน
การเดินขบวนอาจมีขึ้นเพื่อแสดงมุมมองเกี่ยวกับประเด็นสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นมุมมองด้านบวกก็ดี ด้านลบก็ดี และประเด็น
เช่นว่ามักเกี่ยวกับการร้องทุกข์หรือความอยุติธรรมทางสังคม แต่บางครั้งก็เกี่ยวกับเศรษฐกิจ โดยผู้เดินขบวนมกัเห็นว่า
กิจกรรมของตนจะประสบความสา เร็จย่งิข้นึถ้ามีผู้ร่วมกิจกรรมมากขึ้น
มีการเดินขบวนหลายรูปแบบ แล้วแต่จะจาแนก อาทิ
การเดินแถว (march) ของกลุ่มบุคคลจากสถานที่หนึ่งไปสถานที่หนึ่ง
การรณรงค์(rally) โดยอาจมกีารพูดจาปราศัย ปาฐกถา หรือร้องรา ทา เพลง
การถือป้ายประท้วง (picketing) โดยผู้เดินขบวนจะแห่ล้อมสถานที่หนึ่ง ๆ ไว้ขณะชูป้ายด้วย
การยึดพื้นที่ประท้วง (sit-in) โดยผู้เดินขบวนจะยึดท้องที่หนึ่ง ๆ บางทีก็เป็นระยะเวลาตามที่ระบุไว้แล้ว หรือบางทีก็ไม่มี
กา หนดเวลาจนกว่าผู้เดินขบวนจะรู้สึกว่าประเด็นในการเดินขบวนของตนได้รับความสนใจอย่างเพียงพอแล้ว หรือจนกว่าพวก
เขาจะถูกชักจูงหรือบังคับให้พ้นไปจากท้องที่นั้น
การเดินขบวนบางคราเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และบางคราก็เป็นการเคลื่อนไหวที่วางแผนหรือชั้นเชิงไว้เรียบร้อยแล้ว
โดยปรกติมักเกิดขึ้นในที่สาธารณะ แต่การเดินขบวนในที่เอกชนก็อาจเป็นไปได้ เช่น
- 5. เพื่อจูงใจบุคคลกลุ่มเล็ก ๆ นอกจากนี้ การเดินขบวนมักเป็นการกระทา ทางกายภาพ แต่การเดินขบวนเสมือนจริงและ
การเดินขบวนออนไลน์ก็มีได้ดุจกัน
- การชุมนุมสาธารณะและการเดินขบวนถือเป็นวิธีการสา คัญอย่างหนึ่งในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนต่อ
รัฐบาลของตน เสรีภาพในการชุมนุมประท้วงและเดินขบวนเป็นเสรีภาพที่พัฒนาต่อยอดเสรีภาพในการแสดงความ
คิดเห็น จากการแสดงความคิดเห็นโดยบุคคลแต่ละคน (individual) มาสู่การแสดงความคิดเห็นแบบกลุ่ม
(collective) ในแง่นี้ การชุมนุมและการเดินขบวนจึงถือเป็นวิวัฒนาการสา คัญของวิธีการแสดงความคิดเห็นของ
พลเมือง รัฐบาลของประเทศที่เป็นประชาธิปไตยจึงไม่อาจลิดรอนจา กัดเสรีภาพในการชุมนุมประท้วงหรือเดินขบวน
เรียกร้องของประชาชนโดยอาศัยเหตุผลใด ๆ ที่นอกเหนือจากเหตุผลอันชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ทั้งนี้ เพื่อ
มิให้เป็นการทา ลายพื้นที่ที่ประชาชนจะใช้เป็นเวทีสะท้อนความทุกข์ร้อนและความต้องการของตนไปยังรัฐบาลและ
สังคมโดยตรง
จากความหมายของการเดินขบวนข้างต้นพบว่าการเดินขบวนนั้นกล่าวคือ เป็นการเดินที่เรียกร้องความ
ยุติธรรมให้แก่ตนเองแสดงถึงความคิดเห็นของผู้เดินขบวนที่มีอยู่โดยเกิดมาจากความเห็นของคนทั่วไปที่มีความเห็น
เหมือนกัน คล้ายกัน แล้วเกิดมารวมกัน เพื่อเรียกร้องสิทธิหรือสิ่งที่ตนเองพึงจะได้ โดยมีการเดินขบวนที่ไม่คา นึงถึง
ความรุนแรงในการเดินขบวน ดังที่กล่าวข้างต้นการเดินขบวนถือว่าเป็นวิวัฒนาการสา คัญของวิธีการแสดงความคิดเห็น
ของพลเมือง ที่มีอา นาจสิทธิอยู่ในมือของตัวเองตามรัฐธรรมนูญ
- 6. - การประท้วง (อังกฤษ: Protest) เป็นการแสดงออกด้วยการกระทา เพื่อแสดงให้เห็นว่าคัดค้าน หรือ ไม่เห็นด้วย มี
หลากหลายวธิี เช่น การ อดข้าวประท้วง การเดินประท้วง ซ่งึส่วนใหญ่เป็นการแสดงออกทางสังคมและการเมือง การประท้วงที่ใช้
ความรุนแรงก่อให้เกิดความวุ่นวายจะกลายเป็น การจลาจล
- คณนิบุญสุวรรณได้กล่าวถึง “ ประท้วง หมายถึง การแสดงอาการขัดข้องใจของสมาชิกในที่ประชุมสภา กรณีที่
เห็นว่าการอภิปรายของสมาชิกผู้หนึ่งผู้ใดเป็นการอภิปรายนอกประเด็นวนเวยีนซา้ซาก ซา้กับผู้อื่นซึ่งเป็นการผิดข้อบังคับหรือ
เห็นว่าการอภิปรายดังกล่าวเป็นการพาดพิงถึงเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องใดอันเป็นที่เสียหายแก่ผู้นั้นการประท้วงทั้งสองกรณีดังกล่าว
ข้างต้นหรือการประท้วงในกรณีอื่นใดก็ตาม สมาชิกผู้ต้องการประท้วงจะต้องยืนและยกมือขึ้นพ้นศีรษะรอจนกว่าประธานจะเห็น
และอนุญาตจึงกล่าวคา ประท้วงได้โดยการชี้แจงประเด็นและเหตุผลการประท้วงของตนเสร็จแล้วประธานในที่ประชุมสภาจะเป็นผู้
วินิจฉัยว่าการอภิปรายมกีารฝ่าฝืนข้อบังคับหรือพาดพิงทา ให้เกิดความเสียหายต่อผู้ใดตามที่ประท้วงหรือไม่ ถ้าวินิจฉัยว่าผิด
ข้อบังคับหรือทา ให้ผู้อื่นเสียหายประธานก็จะสั่งให้ผู้อภิปรายถอนคา พูดหรือไม่ก็ยุติการอภิปรายเสีย คา วินิจฉัยและคา สั่งของ
ประธานถือเป็นเด็ดขาด
จากข้อความข้างต้นพบว่า การประท้วงเกิดจากการที่เกิด ไม่เห็นด้วย โดยมีลักษณะรุนแรงกว่าการเดินขบวนโดย
สิ้นเชิง คือมีลักษณะร้ายแรงกว่า เช่น การทุบตีตา รวจการทุบตีผู้ที่รู้เห็นเหตุการณ์ในกรณีที่ตนเองเสียผลประโยชน์ดังที่เห็นใน
หน้าหนังสือพิมพ์ การประท้วงนั้นมีมากมายหลายรูปแบบ แต่แบบที่พบเห็นได้มากจะเป็น การประท้วงเพื่อเรียกร้องสิทธิเช่น
ชาวนาประท้วงรัฐบาลในกรณีจา นา ข้าวที่ไม่ได้เงินประกันราคาข้าวคืน ชาวนานา ข้าวสารมาเทลงพื้นถนนเพื่อประท้วง แล้วจุดไฟ
เผา นา รถมาปิดการสัญจร เป็นต้น และการประท้วงครั้งใหญ่นี้ก็ลามไปถึงปัญหาประเทศ ไม่ใช่เพียงแค่กรณีเดียวที่เกิดปัญหา
ใหญ่เช่นนี้ ปัญหาทางการเมืองก็เช่นเดียวกัน คือการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ที่เรียกร้องสิทธิให้รัฐบาลออกมาทา การจ่ายเงินจา นา
ข้าว และขับไล่รัฐบาลเพื่อให้ลาออกจากรักษาการ และคืนผลประโยชน์ให้แก่ประชาชน จึงทา ให้เกิดการประท้วงที่ยาวนานและ
ต่อเน่อืงกันมากนานจนถึงปัจจุบัน
- 7. 1.สรุปและอภิปรายผล
ผลจากการเดินขบวนประท้วงพบว่า การสรุปยังเกิดความไม่แน่นอนบ้างในเพียงแค่บางกรณีเท่านั้น อย่างเช่นกรณีที่ได้
ยกตัวอย่างในข้างต้นนั้น ก็สามารถสรุปได้ว่า การเดินขบวนประท้วงนั้นสามารถแก้ปัญหาได้แต่ก็เกิดความสูญเสียจากการ
ประท้วงไม่น้อย เช่น นักศึกษา ครูอาจารย์นักวิชาการ เป็นต้น แต่อีกบางกรณีก็พบว่าไม่สามารถยุติความยืดเยื้อได้เลย นั่นคือ
การเมืองในปัจจุบัน หรือการเมืองไทย ที่มีเรื่องให้ประท้วงและการเดินขบวนสม่า เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเสียผลประโยชน์ทางการ
เกษตร เช่น การเดินขบวนของม็อปข้าวโพด การปิดถนนเรื่องการจา นา ข้าว ล้วนแต่มีความคาดหวังเดียวกันคือผลประโยชน์จน
บางทีทา ให้เกิดการนองเลือดกัน ดังในบางกรณีเท่านั้น
2.ประโยชน์ที่ได้รับจากการค้นคว้า
ทา ให้ได้ทราบถึงการแก้ปัญหาเบื้องต้นของการเดินขบวน
ทราบถึงแนวทางการเรียกร้องสิทธิ
สามารถนา ไปเป็นเอกสารในการชี้แจงได้บางประการ
3 . ข้อเสนอแนะ
โครงการเผยแพร่ความรู้เล่มนี้อาจมีข้อมูลในการนา เสนอ หรือการประกอบข้อมูลที่ถูกต้องไม่เพียงพอ โปรดศึกษาจากสื่อ
เพิ่มเติม