SlideShare a Scribd company logo
1 of 6
เรื่องไวน์องุ่น
• 1.หลักการและเหตุผล
• ไวน์ (Wine) เป็นเครื่องดื่มแรกที่เกิดขึ้นเอง ด้วยการหมักบ่มตามธรรมชาติ
ในแอ่งน้าใต้ต้นองุ่นธรรมชาติได้สร้างไวน์ขึ้นมาเอง โดยที่มนุษย์คาดคิดไม่ถึง
เมื่อฝนตก น้าที่ชะล้างหน้าดินบริเวณใต้ต้นองุ่น จนเป็นแอ่งน้าเล็กๆและองุ่น
ที่สุกจนเต็มที่ตกหล่น หมักบ่มอยู่ในแอ่งน้าใต้ต้นองุ่นนี้เอง การหมักบ่มเกิด
การเปลี่ยนน้าตาลในองุ่นให้เป็นแอลกอฮอล์ มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
เกิดขึ้นเป็นฟองอากาศ บุ๋มๆ ลอยขึ้นมาเหนือผิวน้าในแอ่ง เมื่อมนุษย์สังเกตุ
เห็นเกิดความสงสัยจึงไปลองชิมดู ด้วนรสชาติที่หวานอร่อยน่าหลงใหล จึงดื่ม
กินไปมากพอดู เกิดอาการมึนเมา ไร้สติ จากนั้นด้วยความกลัวโดยไม่รู้สาเหตุ
ที่มาจึงหวาดกลัวไม่กล้าไปยุ่งกับแอ่งน้านี้อีก ไวน์จึงถูกลืมเลือนไปนานแสน
นาน จนกระทั้งมนุษย์คิดค้นผลิต “เบียร์” ขึ้นมาเมื่อ 6,000 ปี ก่อน
คริสตกาล หลังจากนั้นต่อมาในช่วง 1,500 ปี ก่อนคริสตกาล ไวน์ก็ถูกผลิต
ขึ้นมาด้วยฝีมือมนุษย์ โดยไวน์ส่วนใหญ่นิยมดื่มกันมากในหมู่ชนชั้นผู้ดี
นักบวช และเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมความเชื่อต่างๆทางศาสนาด้วย
ประวัติของไวน์
• ประวัติของไวน์
• เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าไวน์เป็นเครื่องดื่มที่มีมาหลายพันปีแล้ว มี
การค้นพบโถโบราณบรรจุเมล็ดองุ่นไร่ซึ่งมีอายุนับเนื่องขึ้นไปกว่า
8,000 ปี ก่อนคริสตกาล
• นอกจากที่ประเทศอิหร่านแล้ว ยังมีการพบร่องรอยของเครื่องดื่มชนิด
หนึ่งที่ได้จากกรรมวิธีการหมักแบบเดียวกับไวน์ในสมัย 7,000 ปีก่อน
คริสตกาล ทางตอนเหนือของประเทศจีน
• ในยุคอียิปต์โบราณ การเพาะปลูกองุ่นเพื่อทาไวน์มีการดาเนินการอย่าง
เป็นระบบระเบียบมาก เทพต่าง ๆ ในตานานเทพปกรณัม ทั้งโอซิริสของ
อียิปต์ เทพไดโอนีซุสของกรีก บัคคัสของโรมัน หรือกิลกาเมชของบาบิ
โลน ล้วนแล้วแต่เป็นเทพแห่งไวน์ นอกจากนั้น ไวน์ยังเป็นสัญลักษณ์
ของพระโลหิตของพระเยซูเจ้าตามความเชื่อทางศาสนาคริสต์ ไวน์มีการ
ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเป็นอันมากในช่วงสองร้อยปีหลัง ชาวโรมันใน
สมัยก่อนนั้นดื่มไวน์ที่มีรสฉุนจนต้องผสมน้าทะเลก่อนดื่ม รสชาติของ
ไวน์ดังกล่าวแตกต่างจากไวน์ในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง
• ในสมัยศตวรรษที่ 19 ไวน์ถือว่าเป็นเครื่องดื่มบารุงกาลัง โดยคนงานที่
รับจ้างเก็บเกี่ยวพืชผลจะดื่มไวน์ถึงวันละ 6-8 ลิตร และนายจ้างจะจ่าย
ไวน์ให้เป็นส่วนหนึ่งของค่าแรง เพราะสมัยนั้นน้ายังไม่ค่อยสะอาด
พอที่จะนามาดื่มได้
ส่วนประกอบ
• ส่วนประกอบส่วนใหญ่ของไวน์คือแอลกอฮอล์ที่ละลายในน้า และส่วนผสมทางเคมีอื่น ๆ อีก
มากมายไม่ว่าจะเป็นสารระเหยและสารไม่ระเหย ทั้งสารละลายและสารแขวนลอย ปกติแล้ว
ปริมาณของแอลกอฮอล์จะอยู่ระหว่าง 9-15 เปอร์เซ็นต์ต่อปริมาณน้า 85 เปอร์เซ็นต์
• แอลกอฮอล์ในไวน์ส่วนใหญ่เป็นเอทิลแอลกอฮอล์ และยังพบตัวทาละลายประเภทกลีเซ
อรอล ซอร์บิทอล และบูตีแลนกลีคอลด้วย
• นอกจากนั้น ไวน์ยังประกอบด้วย
• น้าตาลชนิดต่าง ๆ ทั้งกลูโคส ฟรุคโตส ในปริมาณที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่ 1-2 กรัมต่อลิตร
ในดรายไวน์ที่หมักจนน้าตาลกลายเป็นแอลกอฮอล์แล้ว จนถึง 50-60 กรัมต่อลิตร ในไวน์
หวานที่กระบวนการหมักบ่มยังไม่สมบูรณ์
• กรดต่าง ๆ ทั้งกรดมาลิก กรดซิตตริก กรดทาทาริก กรดน้าส้ม กรดแลกติก กรดซัคซินิก
• ส่วนผสมอื่น ๆ เช่น แทนนิน แอนโทซีอัน
• รงควัตถุ (pigment) ต่างๆ เช่น แอนโทไซยานิน
ปีที่ผลิต
• ปีที่ผลิต คือ ปีที่มีการเก็บองุ่นซึ่งนามาใช้ทาไวน์นั้น ๆ เป็นตัวบ่งบอกถึง
ลักษณะอากาศในปีต่าง ๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสาคัญของคุณภาพไวน์ โดย
ปกติผู้ผลิตจะเขียนชื่อปีที่ผลิตไว้บนฉลาก กฎหมายของสหภาพยุโรป
ไม่ได้กาหนดให้แจ้งปีที่เก็บเกี่ยวองุ่นที่ใช้ทาไวน์แต่อย่างใด

More Related Content

Viewers also liked

Fotosintesis
FotosintesisFotosintesis
FotosintesisLauranaoc
 
Juknis bos 2014
Juknis bos 2014Juknis bos 2014
Juknis bos 2014Andry Dy
 
What is Influencer Marketing?
What is Influencer Marketing?What is Influencer Marketing?
What is Influencer Marketing?Jason B. Weber
 
InstaBrand's Influencer Marketing on ROI
InstaBrand's Influencer Marketing on ROIInstaBrand's Influencer Marketing on ROI
InstaBrand's Influencer Marketing on ROIJason B. Weber
 
Buku Teknik Kapal Penangkapan Ikan SMK
Buku Teknik Kapal Penangkapan Ikan SMKBuku Teknik Kapal Penangkapan Ikan SMK
Buku Teknik Kapal Penangkapan Ikan SMKAndry Dy
 

Viewers also liked (8)

Paisaje
PaisajePaisaje
Paisaje
 
Fotosintesis
FotosintesisFotosintesis
Fotosintesis
 
Juknis bos 2014
Juknis bos 2014Juknis bos 2014
Juknis bos 2014
 
Philosofer stone
Philosofer stonePhilosofer stone
Philosofer stone
 
What is Influencer Marketing?
What is Influencer Marketing?What is Influencer Marketing?
What is Influencer Marketing?
 
InstaBrand's Influencer Marketing on ROI
InstaBrand's Influencer Marketing on ROIInstaBrand's Influencer Marketing on ROI
InstaBrand's Influencer Marketing on ROI
 
Buku Teknik Kapal Penangkapan Ikan SMK
Buku Teknik Kapal Penangkapan Ikan SMKBuku Teknik Kapal Penangkapan Ikan SMK
Buku Teknik Kapal Penangkapan Ikan SMK
 
Edible
EdibleEdible
Edible
 

นางสาว สิริรัตน์ อุทุมพร ม.4/8 เลขที่ 22

  • 2. • 1.หลักการและเหตุผล • ไวน์ (Wine) เป็นเครื่องดื่มแรกที่เกิดขึ้นเอง ด้วยการหมักบ่มตามธรรมชาติ ในแอ่งน้าใต้ต้นองุ่นธรรมชาติได้สร้างไวน์ขึ้นมาเอง โดยที่มนุษย์คาดคิดไม่ถึง เมื่อฝนตก น้าที่ชะล้างหน้าดินบริเวณใต้ต้นองุ่น จนเป็นแอ่งน้าเล็กๆและองุ่น ที่สุกจนเต็มที่ตกหล่น หมักบ่มอยู่ในแอ่งน้าใต้ต้นองุ่นนี้เอง การหมักบ่มเกิด การเปลี่ยนน้าตาลในองุ่นให้เป็นแอลกอฮอล์ มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เกิดขึ้นเป็นฟองอากาศ บุ๋มๆ ลอยขึ้นมาเหนือผิวน้าในแอ่ง เมื่อมนุษย์สังเกตุ เห็นเกิดความสงสัยจึงไปลองชิมดู ด้วนรสชาติที่หวานอร่อยน่าหลงใหล จึงดื่ม กินไปมากพอดู เกิดอาการมึนเมา ไร้สติ จากนั้นด้วยความกลัวโดยไม่รู้สาเหตุ ที่มาจึงหวาดกลัวไม่กล้าไปยุ่งกับแอ่งน้านี้อีก ไวน์จึงถูกลืมเลือนไปนานแสน นาน จนกระทั้งมนุษย์คิดค้นผลิต “เบียร์” ขึ้นมาเมื่อ 6,000 ปี ก่อน คริสตกาล หลังจากนั้นต่อมาในช่วง 1,500 ปี ก่อนคริสตกาล ไวน์ก็ถูกผลิต ขึ้นมาด้วยฝีมือมนุษย์ โดยไวน์ส่วนใหญ่นิยมดื่มกันมากในหมู่ชนชั้นผู้ดี นักบวช และเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมความเชื่อต่างๆทางศาสนาด้วย
  • 3. ประวัติของไวน์ • ประวัติของไวน์ • เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าไวน์เป็นเครื่องดื่มที่มีมาหลายพันปีแล้ว มี การค้นพบโถโบราณบรรจุเมล็ดองุ่นไร่ซึ่งมีอายุนับเนื่องขึ้นไปกว่า 8,000 ปี ก่อนคริสตกาล • นอกจากที่ประเทศอิหร่านแล้ว ยังมีการพบร่องรอยของเครื่องดื่มชนิด หนึ่งที่ได้จากกรรมวิธีการหมักแบบเดียวกับไวน์ในสมัย 7,000 ปีก่อน คริสตกาล ทางตอนเหนือของประเทศจีน
  • 4. • ในยุคอียิปต์โบราณ การเพาะปลูกองุ่นเพื่อทาไวน์มีการดาเนินการอย่าง เป็นระบบระเบียบมาก เทพต่าง ๆ ในตานานเทพปกรณัม ทั้งโอซิริสของ อียิปต์ เทพไดโอนีซุสของกรีก บัคคัสของโรมัน หรือกิลกาเมชของบาบิ โลน ล้วนแล้วแต่เป็นเทพแห่งไวน์ นอกจากนั้น ไวน์ยังเป็นสัญลักษณ์ ของพระโลหิตของพระเยซูเจ้าตามความเชื่อทางศาสนาคริสต์ ไวน์มีการ ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเป็นอันมากในช่วงสองร้อยปีหลัง ชาวโรมันใน สมัยก่อนนั้นดื่มไวน์ที่มีรสฉุนจนต้องผสมน้าทะเลก่อนดื่ม รสชาติของ ไวน์ดังกล่าวแตกต่างจากไวน์ในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง • ในสมัยศตวรรษที่ 19 ไวน์ถือว่าเป็นเครื่องดื่มบารุงกาลัง โดยคนงานที่ รับจ้างเก็บเกี่ยวพืชผลจะดื่มไวน์ถึงวันละ 6-8 ลิตร และนายจ้างจะจ่าย ไวน์ให้เป็นส่วนหนึ่งของค่าแรง เพราะสมัยนั้นน้ายังไม่ค่อยสะอาด พอที่จะนามาดื่มได้
  • 5. ส่วนประกอบ • ส่วนประกอบส่วนใหญ่ของไวน์คือแอลกอฮอล์ที่ละลายในน้า และส่วนผสมทางเคมีอื่น ๆ อีก มากมายไม่ว่าจะเป็นสารระเหยและสารไม่ระเหย ทั้งสารละลายและสารแขวนลอย ปกติแล้ว ปริมาณของแอลกอฮอล์จะอยู่ระหว่าง 9-15 เปอร์เซ็นต์ต่อปริมาณน้า 85 เปอร์เซ็นต์ • แอลกอฮอล์ในไวน์ส่วนใหญ่เป็นเอทิลแอลกอฮอล์ และยังพบตัวทาละลายประเภทกลีเซ อรอล ซอร์บิทอล และบูตีแลนกลีคอลด้วย • นอกจากนั้น ไวน์ยังประกอบด้วย • น้าตาลชนิดต่าง ๆ ทั้งกลูโคส ฟรุคโตส ในปริมาณที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่ 1-2 กรัมต่อลิตร ในดรายไวน์ที่หมักจนน้าตาลกลายเป็นแอลกอฮอล์แล้ว จนถึง 50-60 กรัมต่อลิตร ในไวน์ หวานที่กระบวนการหมักบ่มยังไม่สมบูรณ์ • กรดต่าง ๆ ทั้งกรดมาลิก กรดซิตตริก กรดทาทาริก กรดน้าส้ม กรดแลกติก กรดซัคซินิก • ส่วนผสมอื่น ๆ เช่น แทนนิน แอนโทซีอัน • รงควัตถุ (pigment) ต่างๆ เช่น แอนโทไซยานิน
  • 6. ปีที่ผลิต • ปีที่ผลิต คือ ปีที่มีการเก็บองุ่นซึ่งนามาใช้ทาไวน์นั้น ๆ เป็นตัวบ่งบอกถึง ลักษณะอากาศในปีต่าง ๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสาคัญของคุณภาพไวน์ โดย ปกติผู้ผลิตจะเขียนชื่อปีที่ผลิตไว้บนฉลาก กฎหมายของสหภาพยุโรป ไม่ได้กาหนดให้แจ้งปีที่เก็บเกี่ยวองุ่นที่ใช้ทาไวน์แต่อย่างใด