SlideShare a Scribd company logo
1 of 7
Download to read offline
แอตแลนติส อาณาจักรที่สาบสูญ
แอตแลนติส (Atlantis) คืออาณาจักรโบราณที่อยู่ในความทรงจาของคนทั้งโลกซึ่งผู้ที่สร้างตานาน
อาณาจักรลึกลับนี้ คือ เพลโต นักปรัชญาชาวกรีกโบราณที่มีอิทธิพลอย่างสูงต่อแนวคิดตะวันตกกล่าวกันว่า
อาณาจักรแอตแลนติส เป็นทวีปๆ หนึ่งที่อยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นที่อยู่อาศัยของพลเมืองผู้ทรง
คุณธรรมและเทคโนโลยีที่สูงส่ง กาแพงเมืองเป็นทองคาและวิหารสร้างด้วยเงิน มีอุทยานหย่อนใจและ
สนามแข่งม้า ทว่ามันถูกทาลายพังพินาศด้วยความพิโรธของเทพเจ้าผู้เนรมิตรมันขึ้นมา
ที่มาของเรื่องแอตแลนติส คือ ข้อเขียนในรูปของบทสนทนาสองเรื่องโดยพลาโต ( Plato : 427 ก่อน
ค.ศ. - 347 ก่อน ค.ศ.) เรื่องหนึ่ง ชื่อTimaeusอีกเรื่องหนึ่ง ชื่อ Critias ซึ่งสาหรับวงการวิทยาศาสตร์
โดยทั่วไป เชื่อว่า แอตแลนติส เป็นเรื่องเล่าในรูปของนิยายวิทยาศาสตร์มิใช่เรื่องจริง แต่คนเป็นจานวนมาก
ก็เชื่อว่า อาจจะเป็นเรื่องจริง และได้มีความพยายามค้นหาแอตแลนติสกันเรื่อยมาโดยพยายามตีความหมาย
ตาแหน่งของแอตแลนติสว่า อยู่ที่ไหนกันแน่ เพราะพลาโต ระบุว่า แอตแลนติสได้ล่มจมหายไปแล้วในทะเล
อยู่ห่างจาก "Pillars of Hercules" ( เสาหินเฮอร์คิวลีส ) ออกไป
คาทานายเกี่ยวกับอาณาจักรแอตแลนติสที่เชื่อกันว่าเป็นแหล่งอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในสมัยแรก
ของโลก
เอ็ดการ์ เคย์ซี ได้พยากรณ์ไว้ตอนหนึ่งว่า
ทวีปแอตแลนติส เป็นทวีปที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีขนาดใหญ่กว่ายุโรปทั้งหมดรวมกับแผ่นดินรัสเซียมี
ดินแดนต่อทอดไปทั่วโลก ชนชาติทีอาศัยอยู่บนทวีปแอตแลนติสเป็นชนชาติผิวแดงที่มีความเฉลียวฉลาด
เป็นเลิศ ผู้คนทั่วไปมีประสิทธิภาพอย่างดียิ่ง มีความรู้ความสามารถในศาสตร์ต่างๆ ทั้งปวง รวมทั้งงานด้าน
ประติมากรรม วิศวกรรมและสถาปัตยกรรมด้วย โดยเฉพาะความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์นั้น เคย์ซีได้
บันทึกไว้เป็นคาพยากรณ์ในบทที่2794-L-1โดยสรุปว่า ชาวแอตแลนติสมีความรู้ความเจริญก้าวหน้า
ทางด้านเคมี ฟิสิกส์ และจิตวิทยามากพวกเขารู้จักประดิษฐ์ไฟฟ้าใช้รู้จักผลิตพลังปรมาณูจากยูเรเนียมรู้จัก
ผลิตแสงเลเซอร์ ตลอดจนผลิต คลื่นวิทยุติดต่อกับดินแดนอื่นได้สิ่งสาคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งก็คือชาวแอ
ตแลนติสสามารถผลิตพลังงาน มหาศาลจากพลึกมหัศจรรย์ชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถรวมเอาพลังธรรมชาติ
ทั้งหมดที่มีอยู่ในโลกและจักรวาล เข้าด้วยกันและเป็นที่น่าสังเกตว่าความสาเร็จในทางวิทยาศาสตร์ของชาว
แอตแลนติสนั้น อาศัยพลังงาน แสงอาทิตย์เป็นสาคัญ วัฒนธรรมสูงส่งของชาวแอตแลนติสพัฒนาตลอดมา
โดยมีความเกี่ยวพันทางศาสนาเริ่มตั้งแต่มีการทาพิธีบูชาพระอาทิตย์และเทพเจ้าวัฒนธรรมของอาณาจักร
แอตแลนติสหายสาปสูญไปในที่สุด เมื่อเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ดินแดนของมหาอาณาจักรเกิดสั่นสะเทือน
และได้ถล่มทลายลงไปภายใต้ท้องทะเลเพียงชั่วคืนชั่ววันใต้ทะเล ภายในชั่วคืนกับชั่ววันดังน้นเมื่อ ปี9500
ก่อนคริสต์กาลชาติแอตแลนติสก็หายไปจากโฉมหน้าของโลก
เคย์ซีกล่าวว่า วัฏจักรแห่งประวัติศาสตร์ มักจะหมุนเวียนกลับมาอีกเสมอดังนั้นวิญญาณของชาว
แอตแลนติสย่อม มีโอกาสกลับมาเกิดใหม่ได้อีก จากดินแดนหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่งและจากทวีปหนึ่งไปยัง
อีกทวีปหนึ่งหรือจากเกาะหนึ่งไปยังเกาะอื่นๆมหาอาณาจักรแอตแลนติสมีความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการ
เท่ากับโลกเราสมัยปัจจุบัน หรือบางอย่างมีความก้าวหน้ามากกว่า พวกเรารู้จักพัฒนาโดยนาเอาพลังงานอัน
มหาศาลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในปัจจุบันเคย์ซีเชื่อว่าโลกเราได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างปัจจุบันทันด่วนที่
ร้ายแรงที่สุดมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งอาจมีผลทาให้อาณานิคมหรือดินแดนบางส่วนของมหาอาณาจักรแอต
แลนดิสโผล่ขึ้นมาให้ชาวโลกได้เห็นอีกก็เป็นได้เช่น เมื่อปี2483 เคย์ซีทานายว่าพื้นที่บางส่วนทางด้าน
ตะวันตกของแอตแลนติสจะโผล่ขึ้นมาใกล้ๆบริเวณหมู่เกาะบาฮามาในช่วงระหว่างพ.ศ.2511-2512 ปรากฏ
ว่าคาทานายของเคย์ซีได้กลายเป็นความจริงคือได้มีการค้นพบซากเมืองใต้บาดาลใกล้ๆหมู่เกาะบาฮามา
เรียงต่อกันอย่างประณีต ราวกับมีการใช้เทคโนโลยีทางวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมชั้นสูง หินบางก้อนมี
ขนาดใหญ่ พอ ๆ กับขนาดรถบรรทุกเลยดีเดียว ลาพังจะใช้กาลังคนช่วยกันแบกหามขึ้นไปวางเรียงต่อกันก็
คงจะไม่ทาได้เรียบร้อยและปราณีตเช่นนั้นเคย์ซียังทานายต่อไปอีกว่าภัยพิบัติครั้งร้ายแรงที่เกิดขึ้นจนทาให้
มหาอาณาจักรแอตแลนติส อันกว้างใหญ่ไพศาลถล่มทลายพังพินาศจมหายไปใต้ทะเลนั้นจะเกิดขึ้นอีก
หลายแห่งในโลก
เคย์ซีกล่าวว่าในช่วงแรกสุดของโลกเรา เมื่อประมาณ 10 ล้านห้าแสนปีมาแล้ว มีอารยธรรมเกิดขึ้น
แล้วเสื่อมสลายไปหลายครั้ง
ยุคเจริญรุ่งเรืองของอารยธรรมชาวแอตแลนติสอยู่ระหว่างช่วงนับจาก200000 ลงมาจนถึงปี 10700
ก่อนคริสต์กาลคือนับตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ13000 ปี ถอยหลังเป็นต้นไปคือสรุปแล้ว จะมีอายุนาน
ประมาณ 80000-900000 ปี นี่ก็เป็นคาพยากรณ์บางส่วนของเอ็ดการ์ เคย์ซี ที่ทานายอดีตของโลกเรา
ย้อนหลังไปหลายแสนหลายล้านปี ซึ่งความเป็นจริงในสิ่งที่เขาพยากรณ์ไว้นั้นต้องรอคอยให้นักวิทยาศาสตร์
รุ่นใหม่ในโลกปัจจุบันพิสูจน์ให้เห็นเด่นชัดในอนาคต
อาณาจักรที่ล่มสลายไปในอดีตกาลที่ซึ่งนักสารวจทั่วโลกต่างให้ความสาคัญในการค้นหาจาก บท
บันทึกของเพลโตได้กล่าวถึงดินแดนแห่งนี้ไว้ว่าเป็นอาณาจักรที่มีอารยธรรมรุ่งเรืองถึงขีดสุดแต่ได้ล่ม
สลายลง และถูกคลื่นยักษ์ กวาดกลืนจนไร้ร่องรอยแอตแลนติส (Atlantis) เป็นเรื่องราวที่ปรากฏอยู่ในงาน
เขียนของเพลโตชื่อทีมาอุส (Timaeus) และ ครีติอัส (Critias) ซึ่งเป็นบทสนทนาเกี่ยวกับสิ่งที่บรรพบุรุษของ
เพลโตเล่าต่อกันมาว่า แอตแลนติสเป็นชนชาติที่อยู่บนเกาะในช่วงระหว่าง11,500 ปีที่แล้ว ซึ่งได้พัฒนา
อารยธรรม จนเจริญก้าวหน้าไปมากส่วนสาเหตุที่ทาให้ดินแดนแห่งนี้ล่มสลายนั้นมีทั้งจากภัยธรรมชาติหรือ
จากตานานเทพเจ้ากรีกที่ระบุว่าชาวเมืองแอตแลนติสมีความละโมบและกระหายอานาจ เทพเจ้า จึงลงโทษ
ด้วยการทาลายเมืองไปในที่สุด นอกจากนี้ยังมีผู้สงสัยว่าแอตแลนติสที่แท้จริงอาจเป็น เพียงแค่จินตนาการ
ของเพลโตก็เป็นได้
แต่จากความรุ่งเรืองของอารยธรรมแห่งนี้จึงเป็นมนเสน่ห์ดึงดูดให้ทั้งนักประวัติศาสตร์และนักสารวจ
พยายามค้นหาที่ตั้งของแอตแลนติสจากที่เพลโตได้เขียนไว้ว่าแอตแลนติสตั้งอยู่เลยเสา หินแห่งเฮอร์คิวลีส
(Pillars of Hercules) ออกไป ซึ่งในปัจจุบันคือ ช่องแคบยิบรอลตา (Gibraltar) ดังนั้นแอตแลนติส จึงควรอยู่
ในมหาสมุทรแอตแลนติก โดยน่าจะเป็นหมู่เกาะ อะซอเรส(Azores) หรือ มาดีราส (Madeiras) หรือ คา
นารีส (Canaries) แต่การศึกษา ทางโบราณคดีที่หมู่เกาะเหล่านี้ไม่ได้ให้หลักฐานใดๆว่าเคยเป็นอาณาจักรแอ
ตแลนติส มาก่อน เมื่อไม่มีหลักฐานใดๆ ในแอตแลนติก ผู้คนที่ยังมีความศรัทธาในเรื่องของอาณาจักรแอ
ตแลนติส ก็ได้หันมาพิจารณาคาของเพลโตที่ว่าพิลาร์ ออฟ เฮอร์คิวลีส นั้นจริงๆแล้ว เพลโตน่าจะหมาย ถึง
ช่องแคบ ดาร์ดาแนลเลส (Dardanelles) ของทะเลดา (Black Sea) มากกว่าช่องแคบ ยิบรอลตา ดังนั้นการ
ค้นหาแอตแลนติสจึงได้ถูกย้ายจากมหาสมุทรแอตแลนติกมากระทาในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
(Mediterranean) แทน
โรเบิร์ต ซาร์แมสต์ (Robert Sarmast) นักวิจัยจากสหรัฐฯค้นพบว่าแอ่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
(Mediterranean) ได้จมลงไปขณะน้าท่วมครั้งใหญ่เมื่อประมาณ1,900 ปีก่อนคริตกาลจึง สันนิษฐานว่า
น่าจะเป็นบริเวณซึ่งเป็นที่ตั้งของแอตแลนติส โดยบริเวณนี้จมลึกลงไปถึง1 ไมล์ใต้ ้้ทะเลระหว่างไซปรัส
(Cyprus) และซีเรีย (Syria) จากการสแกนฟังเสียงสะท้อนใต้น้าลึก แสดงว่ามีสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นบริเวณหุบ
เขาที่จมน้า รวมถึงกาแพงที่ยาวประมาณ3 กิโลเมตร ซึ่งกั้นอยู่บนยอดเขาและมีคูลึกล้อมรอบอยู่ด้วยเชื่อว่า
พื้นที่ดังกล่าวน่าจะเป็นตาแหน่งของวิหารแห่งเมืองแอตแลนติส แต่การค้นพบของซาร์แมสต์ ก็ถูกโต้แย้ง
โดย คริสเตียน ฮูบเชอร์ (Christian Huebscher) นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน ฮูบเชอร์กล่าวว่า พื้นที่ที่ซาร์แมสต์พบ
นั้นเป็นปรากฏการณ์เมื่อ10,000 ปี ที่แล้ว ที่ภูเขาไฟได้พ่นดินโคลนออกมา
ก่อนหน้านี้นักสารวจได้พุ่งเป้าที่ชายฝั่งของสเปนคิวบาและทางตะวันตกของเกาะอังกฤษไม่เว้น
แม้กระทั่งทะเลจีนใต้ โดยงานสารวจที่เป็นชิ้นเป็นอันก่อนหน้านี้คือภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณอุทยาน
แห่งชาติดอนานาของสเปน (Donana) จากนักโบราณคดีมหาวิทยาลัยเอดินเบอร์ก (University Edinburgh)
ของอังกฤษ ซึ่งภาพดังกล่าวได้พบสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่รูปสีเหลี่ยม 2 หลังจมอยู่ในโคลนใต้ทะเลโดยพบ
โลหะที่มีรัศมีเป็นวงกลมและมีสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ล้อมรอบ ทีมวิจัยในครั้งนั้นเชื่อว่าสิ่งก่อสร้างทั้ง2 คือ วิหาร
ทองคาที่ชาวแอนแลนตีสสร้างขึ้น เพื่อบูชาเทพโพเซดอน และวิหารเงินเพื่อบูชาพระนางไคลโต อันเป็นผู้ถือ
กาเนิดกษัตริย์ที่ปกครองนครแอตแลนติสซึ่งหลังที่ภาพถ่ายดาวเทียมได้ถูกเผยแพร่ออกไปแล้ว พื้นที่
ดังกล่าวก็ยังไม่ได้รับการขุดพิสูจน์แต่อย่างใด
แอตแลนติสจึงเป็นตานานอันลี้ลับให้มนุษย์ได้ศึกษาค้นคว้ากันต่อไป
บทแปลต่อไปนี้เป็นการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแอตแลนติสที่พระอียิปต์รูปหนึ่งเล่าให้รัฐบุรุษกรีกชื่อ โซลอน
( Solon ) ฟัง
มีบันทึกเก่าแก่ของเราเรื่องราวในอดีตแสนไกลว่าเมืองของท่านสกัดการบุกของกองทัพอันเกรียงไกร
จากเกาะแสนไกลในมหาสมุทรแอตแลนติกได้อย่างไรกองทัพยิ่งใหญ่ที่มุ่งมั่นโจมตียุโรปทั้งหมดและ
เอเชียด้วย เอาละ เกาะนี้เป็นเกาะใหญ่มากใหญ่กว่าแอฟริกาและเอเชีย รวมกัน - และตั้งอยู่ตรงข้ามกับช่อง
แคบระหว่างเสาหินของเฮอคิวลีส เกาะแอตแลนติส ปกครองโดยตระกูลกษัตริย์ที่ทรงอานาจ ที่ปกครอง
มิใช่เพียงเกาะนี้ แต่เกาะอื่นๆ และบางส่วนของแผ่นดินใหญ่ด้วยราชวงศ์กษัตริย์ที่ปกครองแอฟริกาเหนือ
ไกลออกไปถึงอียิปต์ และยุโรปใต้ไกลออกไปถึงอิตาลี ราชวงศ์ผู้ปกครองแอตแลนติสเป็นเชื้อสายของ เทพ
โพซีคอน ที่แบ่งดินแดนให้โอรสสิบองค์ปกครองโอรสองค์โต เป็นกษัตริย์ของเกาะทั้งหมดเกาะที่มีชื่อ
เรียกว่าแอตแลนติส ส่วนมหาสมุทรยังเรียกเป็นแอตแลนติกเพราะว่ากษัตริย์พระองค์แรกชื่อ แอตลาส (
Atlas) โอรสองค์อื่นๆ ได้รับการจัดสรรดินแดนให้ปกครองทุกองค์เชื้อสายของกษัตริย์แอตลาสเพิ่มจานวน
ขึ้นอย่างมาก เป็นราชวงศ์ที่ร่ารวย และทรงอานาจอย่างที่ไม่เคยมีราชวงศ์ใดเคยทาได้มาก่อนหรือจะมีขึ้นอีก
ชาวแอตแลนติส้ไม่เพียงแต่สั่งสินค้าส่วนใหญ่จากภายนอก้แต่พวกเขาเองก็ผลิตแทบจะทุกสิ่งได้ที่
จาเป็นสาหรับชีวิตประจาวัน้โลหะแข็ง้โลหะอ่อน้และโลหะซึ่งเหลือแต่ชื่อ้คือ้โอริชาลคัม้โลหะที่มีค่า
มากที่สุด้ยกเว้นทองคา้และแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์้มีต้นไม้สีเขียวทุกหนแห่ง้อากาศที่แสนวิเศษ้ทาให้ผล
ไม้สุกปีละสองครั้ง้ในแผ่นดินมีช้าง้และสัตว์อื่นๆ้มากมาย้ทั้งสัตว์ป่า้และสัตว์เลี้ยง้นครบนเขากลางเกาะ้
มีเส้นผ่าศูนย์กลางสามพันฟุต้และเป็นนครอันชวนพิศวง้สะพานถูกสร้างข้ามช่องแคบทะเลโดยโพซีดอน้
คลองถูกขุดจากนครสู่ทะเล้และป้อมปราการเคลือบด้วยตะกั่ว้ทองเหลือง้และโอริชาลคัมสีแดง
ณ้ตาแหน่งใจกลางนคร้คือ้มหาราชวังและวิหารยิ่งใหญ่แห่งเทพโพซีดอน้สถานศักดิ์สิทธิ์้ล้อมรอบด้วย
กาแพงทอง้ปกคลุมด้วยเงิน้เด่นเป็นสง่าด้วยหอคอยทองคาเหนือหลังคางาช้าง้ภายในวิหารมีอนุสาวรีย์
ทองคาขององค์เทพ้ขนาดใหญ่โตมโหฬาร้จนกระทั่งสัมผัสหลังคาวิหารลากด้วยม้ามีปีกหกตัวล้อมรอบ
ด้วยเทพแห่งทะเล เป็นจานวนร้อยขี่ปลาโลมา และที่ด้านนอกวิหารมีอนุสาวรีย์ทองคาเจ้าชายแห่งแอตแลน
ติสทุกองค์พร้อมด้วยชายาและในเกาะมีน้าพุร้อนและเย็นสาหรับอาบ เป็นน้าพุประดับ สวนสาธารณะและ
สวนผลไม้ มีที่สาหรับออกกาลังกายสาหรับบุรุษและม้า สนามม้าแข่งขนาดใหญ่โรงทหาร ห้องคนเฝ้ายาม
อู่เรือ ท่าเรือ เต็มไปด้วยเรือสิน ค้าและเรือทหาร ที่ราบรอบนครล้อมรอบด้วยภูเขา และคลองหลายคลองลึก
หนึ่งร้อยฟุต กว้างหกร้อยฟุตทั้งหมดรวมกันแล้วยาวมากกว่าสามพันไมล์แล้วกษัตริย์ทั้งสิบผู้ครองเกาะ
ร่วมประชุมกันให้สัตย์ปฏิญาณต่อกันว่า จะช่วยเหลือกันเมื่อเผชิญกับสงครามและพวกเขามีรถศึกหนึ่ง
หมื่นคัน กองทัพเรือ มีเรือมากกว่าหนึ่งพันลา
เวลาผ่านไปหลายชั่วอายุสมัย ผู้คนแห่งเกาะเป็นพลเมืองผู้เคารพกฎหมาย กษัตริย์ของพวกเขาก็
ปกครองอย่างชาญฉลาดและยุติธรรม ไม่ให้คุณค่าแก่ทรัพย์สมบัติยกย่องคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์แต่เมื่อ
เวลาผ่านไป ส่วนที่ดีแห่งจิตวิญญาณของพวกเขาก็ลดน้อยถอยลงไปและในหัวใจมีแต่ความทะเยอทะยาน
อย่างไม่คานึงถึงกฎหมาย คลั่งไคล้หลงไหลในอานาจ แล้ว ซูส กษัตริย์แห่งทวยเทพ ตระหนักถึงความเสื่อม
ทรามที่กาลังเกิดกับชนชาวแอตแลนติสตั้งพระทัยจะลงโทษพวกเขาเพื่อว่าพวกเขาจะได้มีสติขึ้นมาอีกซู
สจึงเรียกทวยเทพมาชุมนุมกัน
ดังนั้น กองทัพแห่งแอตแลนติสจึงรวมกาลังกัน มุ่งหวังจะพิชิตเฮลลาสและอียิปต์ และฝั่งทะเลเมดิ
เตอร์เรเนียนทั้งหมด และแล้ว มันก็เกิดขึ้นพระอียิปต์ปลอบใจโซลอน บุรุษแห่งเอเธนส์ได้แสดงออกถึง
ความกล้าหาญและความเก่งกล้าต่อโลกในตอนแรก และในฐานะผู้นาของเฮลเลนส์ และแล้วก็ยืนอยู่อย่าง
เดียวดาย เมื่อถูกคนอื่น ๆ ผละหนีหาย หลังจากที่ได้เผชิญกับสุดยอดแห่งภยันตรายแล้วเขาก็สามารถ
เอาชนะฝ่ายรุกรานได้ และสร้างอนุสรณ์สถานเอาไว้ รักษาความเป็นอิสระแก่คนจากความเป็นทาสและ
ปลดปล่อยคนอื่น ๆ จากความเป็นทาส
แต่แล้วก็เกิดมหันตภัยธรรมชาติแผ่นดินไหวและน้าท่วมใหญ่ ทั้งวันและคืนที่โหดร้ายแผ่นดินแยก
และกลืนกินชีวิตนักรบของเอเธนส์ทั้งหมดในขณะที่เกาะยิ่งใหญ่แห่งแอตแลนติสก็จมหายไปในทะเลและ
มาถึงทุกวันนี้ น้ามหาสมุทรที่ตาแหน่งนั้นก็ตื้นเขินเรือผ่านไม่ได้ กลายเป็นสันดอนดินโคลนซึ่งเกิดจาก
แผ่นดินเมื่อเกาะถล่ม
ที่มา
http://www.unigang.com/Article/10360

More Related Content

More from Aoy Zied

คอมโครงงาน
คอมโครงงานคอมโครงงาน
คอมโครงงานAoy Zied
 
Key onet m6_social_53
Key onet m6_social_53Key onet m6_social_53
Key onet m6_social_53Aoy Zied
 
ใบงานท 9-16คอม เสร_จจร_งๆ
ใบงานท  9-16คอม เสร_จจร_งๆใบงานท  9-16คอม เสร_จจร_งๆ
ใบงานท 9-16คอม เสร_จจร_งๆAoy Zied
 
งานแบบสำรวจและประวัติของ1
งานแบบสำรวจและประวัติของ1งานแบบสำรวจและประวัติของ1
งานแบบสำรวจและประวัติของ1Aoy Zied
 

More from Aoy Zied (15)

คอมโครงงาน
คอมโครงงานคอมโครงงาน
คอมโครงงาน
 
Key onet m6_social_53
Key onet m6_social_53Key onet m6_social_53
Key onet m6_social_53
 
ใบงานท 9-16คอม เสร_จจร_งๆ
ใบงานท  9-16คอม เสร_จจร_งๆใบงานท  9-16คอม เสร_จจร_งๆ
ใบงานท 9-16คอม เสร_จจร_งๆ
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Gat1
Gat1Gat1
Gat1
 
Pat7.6
Pat7.6Pat7.6
Pat7.6
 
Pat7.5
Pat7.5Pat7.5
Pat7.5
 
Pat7.4
Pat7.4Pat7.4
Pat7.4
 
Pat7.3
Pat7.3Pat7.3
Pat7.3
 
Pat7.2
Pat7.2Pat7.2
Pat7.2
 
Pat7.1
Pat7.1Pat7.1
Pat7.1
 
Pat5
Pat5Pat5
Pat5
 
Pat3
Pat3Pat3
Pat3
 
Pat2
Pat2Pat2
Pat2
 
งานแบบสำรวจและประวัติของ1
งานแบบสำรวจและประวัติของ1งานแบบสำรวจและประวัติของ1
งานแบบสำรวจและประวัติของ1
 

แอตแลนติส อาณาจักรที่สาบสูญ

  • 1. แอตแลนติส อาณาจักรที่สาบสูญ แอตแลนติส (Atlantis) คืออาณาจักรโบราณที่อยู่ในความทรงจาของคนทั้งโลกซึ่งผู้ที่สร้างตานาน อาณาจักรลึกลับนี้ คือ เพลโต นักปรัชญาชาวกรีกโบราณที่มีอิทธิพลอย่างสูงต่อแนวคิดตะวันตกกล่าวกันว่า อาณาจักรแอตแลนติส เป็นทวีปๆ หนึ่งที่อยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นที่อยู่อาศัยของพลเมืองผู้ทรง คุณธรรมและเทคโนโลยีที่สูงส่ง กาแพงเมืองเป็นทองคาและวิหารสร้างด้วยเงิน มีอุทยานหย่อนใจและ สนามแข่งม้า ทว่ามันถูกทาลายพังพินาศด้วยความพิโรธของเทพเจ้าผู้เนรมิตรมันขึ้นมา ที่มาของเรื่องแอตแลนติส คือ ข้อเขียนในรูปของบทสนทนาสองเรื่องโดยพลาโต ( Plato : 427 ก่อน ค.ศ. - 347 ก่อน ค.ศ.) เรื่องหนึ่ง ชื่อTimaeusอีกเรื่องหนึ่ง ชื่อ Critias ซึ่งสาหรับวงการวิทยาศาสตร์ โดยทั่วไป เชื่อว่า แอตแลนติส เป็นเรื่องเล่าในรูปของนิยายวิทยาศาสตร์มิใช่เรื่องจริง แต่คนเป็นจานวนมาก ก็เชื่อว่า อาจจะเป็นเรื่องจริง และได้มีความพยายามค้นหาแอตแลนติสกันเรื่อยมาโดยพยายามตีความหมาย ตาแหน่งของแอตแลนติสว่า อยู่ที่ไหนกันแน่ เพราะพลาโต ระบุว่า แอตแลนติสได้ล่มจมหายไปแล้วในทะเล อยู่ห่างจาก "Pillars of Hercules" ( เสาหินเฮอร์คิวลีส ) ออกไป คาทานายเกี่ยวกับอาณาจักรแอตแลนติสที่เชื่อกันว่าเป็นแหล่งอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในสมัยแรก ของโลก เอ็ดการ์ เคย์ซี ได้พยากรณ์ไว้ตอนหนึ่งว่า ทวีปแอตแลนติส เป็นทวีปที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีขนาดใหญ่กว่ายุโรปทั้งหมดรวมกับแผ่นดินรัสเซียมี ดินแดนต่อทอดไปทั่วโลก ชนชาติทีอาศัยอยู่บนทวีปแอตแลนติสเป็นชนชาติผิวแดงที่มีความเฉลียวฉลาด เป็นเลิศ ผู้คนทั่วไปมีประสิทธิภาพอย่างดียิ่ง มีความรู้ความสามารถในศาสตร์ต่างๆ ทั้งปวง รวมทั้งงานด้าน ประติมากรรม วิศวกรรมและสถาปัตยกรรมด้วย โดยเฉพาะความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์นั้น เคย์ซีได้ บันทึกไว้เป็นคาพยากรณ์ในบทที่2794-L-1โดยสรุปว่า ชาวแอตแลนติสมีความรู้ความเจริญก้าวหน้า ทางด้านเคมี ฟิสิกส์ และจิตวิทยามากพวกเขารู้จักประดิษฐ์ไฟฟ้าใช้รู้จักผลิตพลังปรมาณูจากยูเรเนียมรู้จัก
  • 2. ผลิตแสงเลเซอร์ ตลอดจนผลิต คลื่นวิทยุติดต่อกับดินแดนอื่นได้สิ่งสาคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งก็คือชาวแอ ตแลนติสสามารถผลิตพลังงาน มหาศาลจากพลึกมหัศจรรย์ชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถรวมเอาพลังธรรมชาติ ทั้งหมดที่มีอยู่ในโลกและจักรวาล เข้าด้วยกันและเป็นที่น่าสังเกตว่าความสาเร็จในทางวิทยาศาสตร์ของชาว แอตแลนติสนั้น อาศัยพลังงาน แสงอาทิตย์เป็นสาคัญ วัฒนธรรมสูงส่งของชาวแอตแลนติสพัฒนาตลอดมา โดยมีความเกี่ยวพันทางศาสนาเริ่มตั้งแต่มีการทาพิธีบูชาพระอาทิตย์และเทพเจ้าวัฒนธรรมของอาณาจักร แอตแลนติสหายสาปสูญไปในที่สุด เมื่อเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ดินแดนของมหาอาณาจักรเกิดสั่นสะเทือน และได้ถล่มทลายลงไปภายใต้ท้องทะเลเพียงชั่วคืนชั่ววันใต้ทะเล ภายในชั่วคืนกับชั่ววันดังน้นเมื่อ ปี9500 ก่อนคริสต์กาลชาติแอตแลนติสก็หายไปจากโฉมหน้าของโลก เคย์ซีกล่าวว่า วัฏจักรแห่งประวัติศาสตร์ มักจะหมุนเวียนกลับมาอีกเสมอดังนั้นวิญญาณของชาว แอตแลนติสย่อม มีโอกาสกลับมาเกิดใหม่ได้อีก จากดินแดนหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่งและจากทวีปหนึ่งไปยัง อีกทวีปหนึ่งหรือจากเกาะหนึ่งไปยังเกาะอื่นๆมหาอาณาจักรแอตแลนติสมีความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการ เท่ากับโลกเราสมัยปัจจุบัน หรือบางอย่างมีความก้าวหน้ามากกว่า พวกเรารู้จักพัฒนาโดยนาเอาพลังงานอัน มหาศาลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในปัจจุบันเคย์ซีเชื่อว่าโลกเราได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างปัจจุบันทันด่วนที่ ร้ายแรงที่สุดมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งอาจมีผลทาให้อาณานิคมหรือดินแดนบางส่วนของมหาอาณาจักรแอต แลนดิสโผล่ขึ้นมาให้ชาวโลกได้เห็นอีกก็เป็นได้เช่น เมื่อปี2483 เคย์ซีทานายว่าพื้นที่บางส่วนทางด้าน ตะวันตกของแอตแลนติสจะโผล่ขึ้นมาใกล้ๆบริเวณหมู่เกาะบาฮามาในช่วงระหว่างพ.ศ.2511-2512 ปรากฏ ว่าคาทานายของเคย์ซีได้กลายเป็นความจริงคือได้มีการค้นพบซากเมืองใต้บาดาลใกล้ๆหมู่เกาะบาฮามา เรียงต่อกันอย่างประณีต ราวกับมีการใช้เทคโนโลยีทางวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมชั้นสูง หินบางก้อนมี ขนาดใหญ่ พอ ๆ กับขนาดรถบรรทุกเลยดีเดียว ลาพังจะใช้กาลังคนช่วยกันแบกหามขึ้นไปวางเรียงต่อกันก็ คงจะไม่ทาได้เรียบร้อยและปราณีตเช่นนั้นเคย์ซียังทานายต่อไปอีกว่าภัยพิบัติครั้งร้ายแรงที่เกิดขึ้นจนทาให้ มหาอาณาจักรแอตแลนติส อันกว้างใหญ่ไพศาลถล่มทลายพังพินาศจมหายไปใต้ทะเลนั้นจะเกิดขึ้นอีก หลายแห่งในโลก เคย์ซีกล่าวว่าในช่วงแรกสุดของโลกเรา เมื่อประมาณ 10 ล้านห้าแสนปีมาแล้ว มีอารยธรรมเกิดขึ้น แล้วเสื่อมสลายไปหลายครั้ง ยุคเจริญรุ่งเรืองของอารยธรรมชาวแอตแลนติสอยู่ระหว่างช่วงนับจาก200000 ลงมาจนถึงปี 10700 ก่อนคริสต์กาลคือนับตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ13000 ปี ถอยหลังเป็นต้นไปคือสรุปแล้ว จะมีอายุนาน ประมาณ 80000-900000 ปี นี่ก็เป็นคาพยากรณ์บางส่วนของเอ็ดการ์ เคย์ซี ที่ทานายอดีตของโลกเรา ย้อนหลังไปหลายแสนหลายล้านปี ซึ่งความเป็นจริงในสิ่งที่เขาพยากรณ์ไว้นั้นต้องรอคอยให้นักวิทยาศาสตร์ รุ่นใหม่ในโลกปัจจุบันพิสูจน์ให้เห็นเด่นชัดในอนาคต
  • 3. อาณาจักรที่ล่มสลายไปในอดีตกาลที่ซึ่งนักสารวจทั่วโลกต่างให้ความสาคัญในการค้นหาจาก บท บันทึกของเพลโตได้กล่าวถึงดินแดนแห่งนี้ไว้ว่าเป็นอาณาจักรที่มีอารยธรรมรุ่งเรืองถึงขีดสุดแต่ได้ล่ม สลายลง และถูกคลื่นยักษ์ กวาดกลืนจนไร้ร่องรอยแอตแลนติส (Atlantis) เป็นเรื่องราวที่ปรากฏอยู่ในงาน เขียนของเพลโตชื่อทีมาอุส (Timaeus) และ ครีติอัส (Critias) ซึ่งเป็นบทสนทนาเกี่ยวกับสิ่งที่บรรพบุรุษของ เพลโตเล่าต่อกันมาว่า แอตแลนติสเป็นชนชาติที่อยู่บนเกาะในช่วงระหว่าง11,500 ปีที่แล้ว ซึ่งได้พัฒนา อารยธรรม จนเจริญก้าวหน้าไปมากส่วนสาเหตุที่ทาให้ดินแดนแห่งนี้ล่มสลายนั้นมีทั้งจากภัยธรรมชาติหรือ จากตานานเทพเจ้ากรีกที่ระบุว่าชาวเมืองแอตแลนติสมีความละโมบและกระหายอานาจ เทพเจ้า จึงลงโทษ ด้วยการทาลายเมืองไปในที่สุด นอกจากนี้ยังมีผู้สงสัยว่าแอตแลนติสที่แท้จริงอาจเป็น เพียงแค่จินตนาการ ของเพลโตก็เป็นได้
  • 4. แต่จากความรุ่งเรืองของอารยธรรมแห่งนี้จึงเป็นมนเสน่ห์ดึงดูดให้ทั้งนักประวัติศาสตร์และนักสารวจ พยายามค้นหาที่ตั้งของแอตแลนติสจากที่เพลโตได้เขียนไว้ว่าแอตแลนติสตั้งอยู่เลยเสา หินแห่งเฮอร์คิวลีส (Pillars of Hercules) ออกไป ซึ่งในปัจจุบันคือ ช่องแคบยิบรอลตา (Gibraltar) ดังนั้นแอตแลนติส จึงควรอยู่ ในมหาสมุทรแอตแลนติก โดยน่าจะเป็นหมู่เกาะ อะซอเรส(Azores) หรือ มาดีราส (Madeiras) หรือ คา นารีส (Canaries) แต่การศึกษา ทางโบราณคดีที่หมู่เกาะเหล่านี้ไม่ได้ให้หลักฐานใดๆว่าเคยเป็นอาณาจักรแอ ตแลนติส มาก่อน เมื่อไม่มีหลักฐานใดๆ ในแอตแลนติก ผู้คนที่ยังมีความศรัทธาในเรื่องของอาณาจักรแอ ตแลนติส ก็ได้หันมาพิจารณาคาของเพลโตที่ว่าพิลาร์ ออฟ เฮอร์คิวลีส นั้นจริงๆแล้ว เพลโตน่าจะหมาย ถึง ช่องแคบ ดาร์ดาแนลเลส (Dardanelles) ของทะเลดา (Black Sea) มากกว่าช่องแคบ ยิบรอลตา ดังนั้นการ ค้นหาแอตแลนติสจึงได้ถูกย้ายจากมหาสมุทรแอตแลนติกมากระทาในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean) แทน โรเบิร์ต ซาร์แมสต์ (Robert Sarmast) นักวิจัยจากสหรัฐฯค้นพบว่าแอ่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean) ได้จมลงไปขณะน้าท่วมครั้งใหญ่เมื่อประมาณ1,900 ปีก่อนคริตกาลจึง สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นบริเวณซึ่งเป็นที่ตั้งของแอตแลนติส โดยบริเวณนี้จมลึกลงไปถึง1 ไมล์ใต้ ้้ทะเลระหว่างไซปรัส (Cyprus) และซีเรีย (Syria) จากการสแกนฟังเสียงสะท้อนใต้น้าลึก แสดงว่ามีสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นบริเวณหุบ เขาที่จมน้า รวมถึงกาแพงที่ยาวประมาณ3 กิโลเมตร ซึ่งกั้นอยู่บนยอดเขาและมีคูลึกล้อมรอบอยู่ด้วยเชื่อว่า พื้นที่ดังกล่าวน่าจะเป็นตาแหน่งของวิหารแห่งเมืองแอตแลนติส แต่การค้นพบของซาร์แมสต์ ก็ถูกโต้แย้ง โดย คริสเตียน ฮูบเชอร์ (Christian Huebscher) นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน ฮูบเชอร์กล่าวว่า พื้นที่ที่ซาร์แมสต์พบ นั้นเป็นปรากฏการณ์เมื่อ10,000 ปี ที่แล้ว ที่ภูเขาไฟได้พ่นดินโคลนออกมา
  • 5. ก่อนหน้านี้นักสารวจได้พุ่งเป้าที่ชายฝั่งของสเปนคิวบาและทางตะวันตกของเกาะอังกฤษไม่เว้น แม้กระทั่งทะเลจีนใต้ โดยงานสารวจที่เป็นชิ้นเป็นอันก่อนหน้านี้คือภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณอุทยาน แห่งชาติดอนานาของสเปน (Donana) จากนักโบราณคดีมหาวิทยาลัยเอดินเบอร์ก (University Edinburgh) ของอังกฤษ ซึ่งภาพดังกล่าวได้พบสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่รูปสีเหลี่ยม 2 หลังจมอยู่ในโคลนใต้ทะเลโดยพบ โลหะที่มีรัศมีเป็นวงกลมและมีสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ล้อมรอบ ทีมวิจัยในครั้งนั้นเชื่อว่าสิ่งก่อสร้างทั้ง2 คือ วิหาร ทองคาที่ชาวแอนแลนตีสสร้างขึ้น เพื่อบูชาเทพโพเซดอน และวิหารเงินเพื่อบูชาพระนางไคลโต อันเป็นผู้ถือ กาเนิดกษัตริย์ที่ปกครองนครแอตแลนติสซึ่งหลังที่ภาพถ่ายดาวเทียมได้ถูกเผยแพร่ออกไปแล้ว พื้นที่ ดังกล่าวก็ยังไม่ได้รับการขุดพิสูจน์แต่อย่างใด แอตแลนติสจึงเป็นตานานอันลี้ลับให้มนุษย์ได้ศึกษาค้นคว้ากันต่อไป บทแปลต่อไปนี้เป็นการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแอตแลนติสที่พระอียิปต์รูปหนึ่งเล่าให้รัฐบุรุษกรีกชื่อ โซลอน ( Solon ) ฟัง มีบันทึกเก่าแก่ของเราเรื่องราวในอดีตแสนไกลว่าเมืองของท่านสกัดการบุกของกองทัพอันเกรียงไกร จากเกาะแสนไกลในมหาสมุทรแอตแลนติกได้อย่างไรกองทัพยิ่งใหญ่ที่มุ่งมั่นโจมตียุโรปทั้งหมดและ เอเชียด้วย เอาละ เกาะนี้เป็นเกาะใหญ่มากใหญ่กว่าแอฟริกาและเอเชีย รวมกัน - และตั้งอยู่ตรงข้ามกับช่อง แคบระหว่างเสาหินของเฮอคิวลีส เกาะแอตแลนติส ปกครองโดยตระกูลกษัตริย์ที่ทรงอานาจ ที่ปกครอง มิใช่เพียงเกาะนี้ แต่เกาะอื่นๆ และบางส่วนของแผ่นดินใหญ่ด้วยราชวงศ์กษัตริย์ที่ปกครองแอฟริกาเหนือ ไกลออกไปถึงอียิปต์ และยุโรปใต้ไกลออกไปถึงอิตาลี ราชวงศ์ผู้ปกครองแอตแลนติสเป็นเชื้อสายของ เทพ
  • 6. โพซีคอน ที่แบ่งดินแดนให้โอรสสิบองค์ปกครองโอรสองค์โต เป็นกษัตริย์ของเกาะทั้งหมดเกาะที่มีชื่อ เรียกว่าแอตแลนติส ส่วนมหาสมุทรยังเรียกเป็นแอตแลนติกเพราะว่ากษัตริย์พระองค์แรกชื่อ แอตลาส ( Atlas) โอรสองค์อื่นๆ ได้รับการจัดสรรดินแดนให้ปกครองทุกองค์เชื้อสายของกษัตริย์แอตลาสเพิ่มจานวน ขึ้นอย่างมาก เป็นราชวงศ์ที่ร่ารวย และทรงอานาจอย่างที่ไม่เคยมีราชวงศ์ใดเคยทาได้มาก่อนหรือจะมีขึ้นอีก ชาวแอตแลนติส้ไม่เพียงแต่สั่งสินค้าส่วนใหญ่จากภายนอก้แต่พวกเขาเองก็ผลิตแทบจะทุกสิ่งได้ที่ จาเป็นสาหรับชีวิตประจาวัน้โลหะแข็ง้โลหะอ่อน้และโลหะซึ่งเหลือแต่ชื่อ้คือ้โอริชาลคัม้โลหะที่มีค่า มากที่สุด้ยกเว้นทองคา้และแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์้มีต้นไม้สีเขียวทุกหนแห่ง้อากาศที่แสนวิเศษ้ทาให้ผล ไม้สุกปีละสองครั้ง้ในแผ่นดินมีช้าง้และสัตว์อื่นๆ้มากมาย้ทั้งสัตว์ป่า้และสัตว์เลี้ยง้นครบนเขากลางเกาะ้ มีเส้นผ่าศูนย์กลางสามพันฟุต้และเป็นนครอันชวนพิศวง้สะพานถูกสร้างข้ามช่องแคบทะเลโดยโพซีดอน้ คลองถูกขุดจากนครสู่ทะเล้และป้อมปราการเคลือบด้วยตะกั่ว้ทองเหลือง้และโอริชาลคัมสีแดง ณ้ตาแหน่งใจกลางนคร้คือ้มหาราชวังและวิหารยิ่งใหญ่แห่งเทพโพซีดอน้สถานศักดิ์สิทธิ์้ล้อมรอบด้วย กาแพงทอง้ปกคลุมด้วยเงิน้เด่นเป็นสง่าด้วยหอคอยทองคาเหนือหลังคางาช้าง้ภายในวิหารมีอนุสาวรีย์ ทองคาขององค์เทพ้ขนาดใหญ่โตมโหฬาร้จนกระทั่งสัมผัสหลังคาวิหารลากด้วยม้ามีปีกหกตัวล้อมรอบ ด้วยเทพแห่งทะเล เป็นจานวนร้อยขี่ปลาโลมา และที่ด้านนอกวิหารมีอนุสาวรีย์ทองคาเจ้าชายแห่งแอตแลน ติสทุกองค์พร้อมด้วยชายาและในเกาะมีน้าพุร้อนและเย็นสาหรับอาบ เป็นน้าพุประดับ สวนสาธารณะและ สวนผลไม้ มีที่สาหรับออกกาลังกายสาหรับบุรุษและม้า สนามม้าแข่งขนาดใหญ่โรงทหาร ห้องคนเฝ้ายาม อู่เรือ ท่าเรือ เต็มไปด้วยเรือสิน ค้าและเรือทหาร ที่ราบรอบนครล้อมรอบด้วยภูเขา และคลองหลายคลองลึก หนึ่งร้อยฟุต กว้างหกร้อยฟุตทั้งหมดรวมกันแล้วยาวมากกว่าสามพันไมล์แล้วกษัตริย์ทั้งสิบผู้ครองเกาะ ร่วมประชุมกันให้สัตย์ปฏิญาณต่อกันว่า จะช่วยเหลือกันเมื่อเผชิญกับสงครามและพวกเขามีรถศึกหนึ่ง หมื่นคัน กองทัพเรือ มีเรือมากกว่าหนึ่งพันลา เวลาผ่านไปหลายชั่วอายุสมัย ผู้คนแห่งเกาะเป็นพลเมืองผู้เคารพกฎหมาย กษัตริย์ของพวกเขาก็ ปกครองอย่างชาญฉลาดและยุติธรรม ไม่ให้คุณค่าแก่ทรัพย์สมบัติยกย่องคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์แต่เมื่อ เวลาผ่านไป ส่วนที่ดีแห่งจิตวิญญาณของพวกเขาก็ลดน้อยถอยลงไปและในหัวใจมีแต่ความทะเยอทะยาน อย่างไม่คานึงถึงกฎหมาย คลั่งไคล้หลงไหลในอานาจ แล้ว ซูส กษัตริย์แห่งทวยเทพ ตระหนักถึงความเสื่อม ทรามที่กาลังเกิดกับชนชาวแอตแลนติสตั้งพระทัยจะลงโทษพวกเขาเพื่อว่าพวกเขาจะได้มีสติขึ้นมาอีกซู สจึงเรียกทวยเทพมาชุมนุมกัน
  • 7. ดังนั้น กองทัพแห่งแอตแลนติสจึงรวมกาลังกัน มุ่งหวังจะพิชิตเฮลลาสและอียิปต์ และฝั่งทะเลเมดิ เตอร์เรเนียนทั้งหมด และแล้ว มันก็เกิดขึ้นพระอียิปต์ปลอบใจโซลอน บุรุษแห่งเอเธนส์ได้แสดงออกถึง ความกล้าหาญและความเก่งกล้าต่อโลกในตอนแรก และในฐานะผู้นาของเฮลเลนส์ และแล้วก็ยืนอยู่อย่าง เดียวดาย เมื่อถูกคนอื่น ๆ ผละหนีหาย หลังจากที่ได้เผชิญกับสุดยอดแห่งภยันตรายแล้วเขาก็สามารถ เอาชนะฝ่ายรุกรานได้ และสร้างอนุสรณ์สถานเอาไว้ รักษาความเป็นอิสระแก่คนจากความเป็นทาสและ ปลดปล่อยคนอื่น ๆ จากความเป็นทาส แต่แล้วก็เกิดมหันตภัยธรรมชาติแผ่นดินไหวและน้าท่วมใหญ่ ทั้งวันและคืนที่โหดร้ายแผ่นดินแยก และกลืนกินชีวิตนักรบของเอเธนส์ทั้งหมดในขณะที่เกาะยิ่งใหญ่แห่งแอตแลนติสก็จมหายไปในทะเลและ มาถึงทุกวันนี้ น้ามหาสมุทรที่ตาแหน่งนั้นก็ตื้นเขินเรือผ่านไม่ได้ กลายเป็นสันดอนดินโคลนซึ่งเกิดจาก แผ่นดินเมื่อเกาะถล่ม ที่มา http://www.unigang.com/Article/10360