SlideShare a Scribd company logo
1 of 1
Download to read offline
ใบสืบพันธุ์
ใบทีเปลียนแปลงไปทําหน้าทีขยายพันธุ์
เช่น ใบของต้นควําตายหงายเปน ใบ
โคมญีปุน
การปกชําหรือการตัดชํา (cutting หรือ cottage)
กิงหรือรากทีใช้ต้องไม่อ่อนหรือแก่เกินไปใช้มีดหรือกรรไกรตัด
กิงออกเปนท่อนๆ โดยตัดให้เปนปากฉลามใต้ตา เอาใบออกให้
หมด แล้วนําไปปกชําลงดิน
การตอน (marcotting)
การทําให้กิงหรือต้นพืชเกิดรากขณะติดอยู่กับต้นแม่ จะทําให้ได้
ต้นพืชใหม่ ทีมีลักษณะทางสายพันธุ์ เหมือนกับต้นแม่ทุกประการ
เเต่มีข้อเสียคือ ไม่มีรากเเก้ว
การติดตา (budding)
การเชือมประสานส่วนของต้นพืชเข้าด้วยกัน เพือให้เจริญเปนพืช
ต้นเดียวกัน โดยการนําแผ่นตาจากกิงพันธุ์ดีไปติดบนต้นตอ
การทาบกิง (layering หรือ layerage)
การนําพืชสองต้นมาทําการต่อเชือมให้เปนต้นเดียวกัน โดยมี
เซลล์เนือเยือเปนตัวเชือมติดกัน การทาบกิงประกอบส่วนที
เปนต้นตอ (Stock) ทําหน้าทีเปนระบบรากของต้นพืชใหม่ และ
ส่วนของกิงพันธุ์ดี (Scion) อยู่เหนือรอยต่อ ทําหน้าทีเปนส่วน
ยอดหรือกิงก้านลําต้นของพืชต้นใหม่
การต่อกิงหรือเสียบกิง (grafting)
การนํากิงพันธุ์ดีมาต่อบนต้นตอ มักใช้สําหรับการเปลียนพันธุ์พืช
มากกว่าการขยายพันธุ์ นิยมใช้แพร่หลายและได้ผลดีกับทังไม้ผล
และไม้ประดับ
การโน้มกิง (bending)
การขยายพันธุ์พืชทีนิยมทํากับไม้ล้มลุกหรือไม้พุ่มทีกิงไม่แข็งเกิน
ไป โดยเลือกกิงทีต้องการแล้วใช้มีดบากหรือควันเปลือกไม้ทีใต้
ตาออก โน้มกิงจากต้นเดิมลงกับดิน ใช้ดินกลบทับรอยบากโดย
ให้ยอดโพล่พ้นดิน รดนําให้ชุ่มอยู่เสมอจนเกิดราก แล้วจึงตัด
ส่วนทีมีรากไปปลูก
Asexual Reproduction
in plants
ลําต้นใต้ดิน
-เหง้า (Rhizome) ลําต้นใต้ดินทีทอดนอนขนานไปกับ
ผิวดิน มีข้อและปล้องทีชัดเจน เช่น ลําต้นขิง ข่า
-หัวแบบมันฝรัง (Tuber) ลําต้นใต้ดินทีเกิดจากส่วน
ปลายของกิงทีอยู่ใต้ดินพองออก ทําหน้าทีสะสมอาหาร
เช่น มันฝรัง มันมือเสือ
-หัวแบบเผือก (Corm) ลําต้นใต้ดินเจริญในแนวตัง
ส่วนมากกลม มีข้อ ปล้อง ตา ชัด เช่น ลําต้นเผือก แห้ว
-หัวแบบหอม (Bulb) ลําต้นใต้ดินตังตรงรูปสามเหลียม
ขนาดเล็ก สัน ลําต้นมีก้านใบมาห่อหุ้ม ใบสะสมอาหาร
เช่น ลําต้นหอม กระเทียม ว่านสีทิศ
à¡Ô´¢Öé¹àͧµÒÁ¸ÃÃÁªÒµÔà¡Ô´¢Öé¹àͧµÒÁ¸ÃÃÁªÒµÔà¡Ô´¢Öé¹àͧµÒÁ¸ÃÃÁªÒµÔ
ราก ลําต้นเหนือดิน
à¡Ô´¨Ò¡¡ÒáÃзíҢͧÁ¹Øɏà¡Ô´¨Ò¡¡ÒáÃзíҢͧÁ¹Øɏà¡Ô´¨Ò¡¡ÒáÃзíҢͧÁ¹Øɏ
การเพาะเลียงเนือเยือ (Plant tissue culture)
เมล็ดเทียม (Artificial seed)
การนําเอาส่วนใดส่วนหนึงของพืช ไม่ว่าจะเปนส่วนอวัยวะ หรือ
ส่วนเนือเยือ มาเลียงในอาหารวิทยาศาสตร์ทีประกอบด้วย แร่
ธาตุ นําตาล วิตามิน และสารควบคุมความเจริญเติบโต ภายใต้
สภาพปลอดเชือจุลินทรีย์และอยู่ในสภาวะควบคุมอุณหภูมิ แสง
ความชืน
การผลิตเมล็ดเทียมทําได้โดยการนําเนือเยือของพืชทีได้จากการ
เพาะเลียงเนือเยือมาทําเปนเอ็มบริโอเทียม เรียกว่า โซมาติก
เอ็มบริโอ (somatic embryo) แทนไซโกติกเอ็มบริโอ (zygotic
embryo) ซึงเกิดจากการปฏิสนธิ
รากพืชหลายชนิดมีตาที
สามารถงอกเปนพืชต้นใหม่
ได้ เช่น รากสะสมอาหาร
ของมันเทศ และสาเก
ลําต้นทีทอดเลือย มีความยาว
ของปล้องมาก มักมีรากงอก
ออกมาตามข้อและเกิดต้นใหม่
จึงเปนลําต้นทีช่วยในการขยาย
พันธุ์ด้วย เช่น ลําต้นบัวหลวง
ว่านเศรษฐีเรือนใน สตรอเบอร์รี
ผักบุ้ง
จัดทําโดย กลุ่ม3 ม.5 ห้อง 332
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
1.นางสาวกุลจิรา ปนทอง เลขที 2
2.นางสาวนภัสสร หทัยวิทวัส เลขที 9
3.นางสาวเเพรวา ปุรผาติ เลขที 15
4.นางสาววราภรณ์ สิรยานนท์ เลขที
20
5.นางสาววศินี ธีรวงศ์วศิน เลขที 21
นําเสนอ
นายวิชัย ลิขิตพรรักษ์
ครูชํานาญการ (คศ.2)
สาขาวิชาชีววิทยา
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
สํานักงานเขตพืนทีการศึกษา
มัธยมศึกษาเขต 1 กรุงเทพมหานคร
บรรณานุกรม
https://www.trueplookpanya.com/learning/detail/33807
https://sites.google.com/site/suxsngserimkarreiynru/kar-
subphanthu-baeb-xasay-mi-xasay-phes-khxng-phuch-
dxk-laea-kar-khyay-phanthu-phuch
https://www.dnp.go.th/botany/BFC/stem.html
http://watchawan.blogspot.com/2010/05/blog-
post_2367.html

More Related Content

What's hot

พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๘
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๘พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๘
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๘
Rose Banioki
 
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๙
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๙พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๙
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๙
Rose Banioki
 
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๒
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๒พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๒
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๒
Rose Banioki
 
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๖
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๖พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๖
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๖
Rose Banioki
 
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๐๒
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๐๒พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๐๒
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๐๒
Rose Banioki
 
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๗
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๗พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๗
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๗
Rose Banioki
 
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๘พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๘
Rose Banioki
 
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๓
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๓พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๓
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๓
Rose Banioki
 
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๔
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๔พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๔
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๔
Rose Banioki
 
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๐๔
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๐๔พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๐๔
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๐๔
Rose Banioki
 
การพัฒนาเว็บไซต์
การพัฒนาเว็บไซต์การพัฒนาเว็บไซต์
การพัฒนาเว็บไซต์
opalz
 
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๔
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๔พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๔
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๔
Rose Banioki
 
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๙
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๙พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๙
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๙
Rose Banioki
 

What's hot (17)

พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๘
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๘พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๘
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๘
 
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๙
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๙พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๙
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๙
 
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๒
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๒พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๒
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๒
 
Posterการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช_9_341
Posterการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช_9_341Posterการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช_9_341
Posterการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช_9_341
 
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๖
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๖พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๖
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๖
 
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๐๒
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๐๒พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๐๒
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๐๒
 
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๗
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๗พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๗
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๗
 
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๘พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๘
 
Cashew Resize
Cashew ResizeCashew Resize
Cashew Resize
 
กัปตันของฉัน
กัปตันของฉัน กัปตันของฉัน
กัปตันของฉัน
 
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๓
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๓พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๓
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๓
 
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๔
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๔พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๔
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๔
 
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๐๔
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๐๔พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๐๔
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๐๔
 
แผนการเล่นเกม
แผนการเล่นเกมแผนการเล่นเกม
แผนการเล่นเกม
 
การพัฒนาเว็บไซต์
การพัฒนาเว็บไซต์การพัฒนาเว็บไซต์
การพัฒนาเว็บไซต์
 
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๔
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๔พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๔
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๔
 
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๙
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๙พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๙
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๙
 

Poster asexual reproduction

  • 1. ใบสืบพันธุ์ ใบทีเปลียนแปลงไปทําหน้าทีขยายพันธุ์ เช่น ใบของต้นควําตายหงายเปน ใบ โคมญีปุน การปกชําหรือการตัดชํา (cutting หรือ cottage) กิงหรือรากทีใช้ต้องไม่อ่อนหรือแก่เกินไปใช้มีดหรือกรรไกรตัด กิงออกเปนท่อนๆ โดยตัดให้เปนปากฉลามใต้ตา เอาใบออกให้ หมด แล้วนําไปปกชําลงดิน การตอน (marcotting) การทําให้กิงหรือต้นพืชเกิดรากขณะติดอยู่กับต้นแม่ จะทําให้ได้ ต้นพืชใหม่ ทีมีลักษณะทางสายพันธุ์ เหมือนกับต้นแม่ทุกประการ เเต่มีข้อเสียคือ ไม่มีรากเเก้ว การติดตา (budding) การเชือมประสานส่วนของต้นพืชเข้าด้วยกัน เพือให้เจริญเปนพืช ต้นเดียวกัน โดยการนําแผ่นตาจากกิงพันธุ์ดีไปติดบนต้นตอ การทาบกิง (layering หรือ layerage) การนําพืชสองต้นมาทําการต่อเชือมให้เปนต้นเดียวกัน โดยมี เซลล์เนือเยือเปนตัวเชือมติดกัน การทาบกิงประกอบส่วนที เปนต้นตอ (Stock) ทําหน้าทีเปนระบบรากของต้นพืชใหม่ และ ส่วนของกิงพันธุ์ดี (Scion) อยู่เหนือรอยต่อ ทําหน้าทีเปนส่วน ยอดหรือกิงก้านลําต้นของพืชต้นใหม่ การต่อกิงหรือเสียบกิง (grafting) การนํากิงพันธุ์ดีมาต่อบนต้นตอ มักใช้สําหรับการเปลียนพันธุ์พืช มากกว่าการขยายพันธุ์ นิยมใช้แพร่หลายและได้ผลดีกับทังไม้ผล และไม้ประดับ การโน้มกิง (bending) การขยายพันธุ์พืชทีนิยมทํากับไม้ล้มลุกหรือไม้พุ่มทีกิงไม่แข็งเกิน ไป โดยเลือกกิงทีต้องการแล้วใช้มีดบากหรือควันเปลือกไม้ทีใต้ ตาออก โน้มกิงจากต้นเดิมลงกับดิน ใช้ดินกลบทับรอยบากโดย ให้ยอดโพล่พ้นดิน รดนําให้ชุ่มอยู่เสมอจนเกิดราก แล้วจึงตัด ส่วนทีมีรากไปปลูก Asexual Reproduction in plants ลําต้นใต้ดิน -เหง้า (Rhizome) ลําต้นใต้ดินทีทอดนอนขนานไปกับ ผิวดิน มีข้อและปล้องทีชัดเจน เช่น ลําต้นขิง ข่า -หัวแบบมันฝรัง (Tuber) ลําต้นใต้ดินทีเกิดจากส่วน ปลายของกิงทีอยู่ใต้ดินพองออก ทําหน้าทีสะสมอาหาร เช่น มันฝรัง มันมือเสือ -หัวแบบเผือก (Corm) ลําต้นใต้ดินเจริญในแนวตัง ส่วนมากกลม มีข้อ ปล้อง ตา ชัด เช่น ลําต้นเผือก แห้ว -หัวแบบหอม (Bulb) ลําต้นใต้ดินตังตรงรูปสามเหลียม ขนาดเล็ก สัน ลําต้นมีก้านใบมาห่อหุ้ม ใบสะสมอาหาร เช่น ลําต้นหอม กระเทียม ว่านสีทิศ à¡Ô´¢Öé¹àͧµÒÁ¸ÃÃÁªÒµÔà¡Ô´¢Öé¹àͧµÒÁ¸ÃÃÁªÒµÔà¡Ô´¢Öé¹àͧµÒÁ¸ÃÃÁªÒµÔ ราก ลําต้นเหนือดิน à¡Ô´¨Ò¡¡ÒáÃзíҢͧÁ¹Øɏà¡Ô´¨Ò¡¡ÒáÃзíҢͧÁ¹Øɏà¡Ô´¨Ò¡¡ÒáÃзíҢͧÁ¹Øɏ การเพาะเลียงเนือเยือ (Plant tissue culture) เมล็ดเทียม (Artificial seed) การนําเอาส่วนใดส่วนหนึงของพืช ไม่ว่าจะเปนส่วนอวัยวะ หรือ ส่วนเนือเยือ มาเลียงในอาหารวิทยาศาสตร์ทีประกอบด้วย แร่ ธาตุ นําตาล วิตามิน และสารควบคุมความเจริญเติบโต ภายใต้ สภาพปลอดเชือจุลินทรีย์และอยู่ในสภาวะควบคุมอุณหภูมิ แสง ความชืน การผลิตเมล็ดเทียมทําได้โดยการนําเนือเยือของพืชทีได้จากการ เพาะเลียงเนือเยือมาทําเปนเอ็มบริโอเทียม เรียกว่า โซมาติก เอ็มบริโอ (somatic embryo) แทนไซโกติกเอ็มบริโอ (zygotic embryo) ซึงเกิดจากการปฏิสนธิ รากพืชหลายชนิดมีตาที สามารถงอกเปนพืชต้นใหม่ ได้ เช่น รากสะสมอาหาร ของมันเทศ และสาเก ลําต้นทีทอดเลือย มีความยาว ของปล้องมาก มักมีรากงอก ออกมาตามข้อและเกิดต้นใหม่ จึงเปนลําต้นทีช่วยในการขยาย พันธุ์ด้วย เช่น ลําต้นบัวหลวง ว่านเศรษฐีเรือนใน สตรอเบอร์รี ผักบุ้ง จัดทําโดย กลุ่ม3 ม.5 ห้อง 332 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา 1.นางสาวกุลจิรา ปนทอง เลขที 2 2.นางสาวนภัสสร หทัยวิทวัส เลขที 9 3.นางสาวเเพรวา ปุรผาติ เลขที 15 4.นางสาววราภรณ์ สิรยานนท์ เลขที 20 5.นางสาววศินี ธีรวงศ์วศิน เลขที 21 นําเสนอ นายวิชัย ลิขิตพรรักษ์ ครูชํานาญการ (คศ.2) สาขาวิชาชีววิทยา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา สํานักงานเขตพืนทีการศึกษา มัธยมศึกษาเขต 1 กรุงเทพมหานคร บรรณานุกรม https://www.trueplookpanya.com/learning/detail/33807 https://sites.google.com/site/suxsngserimkarreiynru/kar- subphanthu-baeb-xasay-mi-xasay-phes-khxng-phuch- dxk-laea-kar-khyay-phanthu-phuch https://www.dnp.go.th/botany/BFC/stem.html http://watchawan.blogspot.com/2010/05/blog- post_2367.html