More Related Content
Similar to โครงงานคอมพิวเตอร์
Similar to โครงงานคอมพิวเตอร์ (14)
โครงงานคอมพิวเตอร์
- 2. ความหมายของโครงงาน
หมายถึง กิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้าและลงมือปฏิบัติ
ด้วยตนเองตามความสามารถ ความถนัด และความสนใจ โดยอาศัย
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ หรือกระบวนการอื่นใดไปใช้ในการศึกษาหา
คาตอบในเรื่องนั้นๆ โดยมีครูผู้สอนคอยกระตุ้นแนะนาและให้คาปรึกษาแก่
ผู้เรียนอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การเลือกหัวข้อที่จะศึกษา ค้นคว้า ดาเนินการ
วางแผน กาหนดขั้นตอนการดาเนินงาน โดยทั่วๆ ไป การทาโครงงานสามารถ
ทาได้ทุกระดับการศึกษา ซึ่งอาจทาเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่มก็ได้ ทั้งนี้
ขึ้นอยู่กับลักษณะของโครงงาน อาจเป็นโครงงานเล็กๆ ที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน
หรือเป็นโครงงานใหญ่ที่มีความยากและซับซ้อนขึ้นก็ได้
- 3. โครงงานคอมพิวเตอร์
หมายถึง กิจกรรมการเรียนที่นักเรียนมีอิสระในการเลือกศึกษาปัญหาที่ตนเอง
สนใจ โดยจะต้องวางแผนการดาเนินงาน ศึกษา พัฒนาโปรแกรม โดยใช้ความรู้
ทางกระบวนการวิศวกรรมซอฟต์แวร์ เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนทักษะพื้นฐานในการพัฒนาโครงงาน เรื่องที่นักเรียนสนใจและคิดจะทา
โครงงาน ซึ่งอาจมีผู้ศึกษามาก่อน หรือเป็นเรื่องที่นักพัฒนาโปรแกรมได้เคยค้นคว้า
และพัฒนาแล้ว นักเรียนสามารถทาโครงงานเรื่องดังกล่าวได้ แต่ต้องคิดดัดแปลง
แนวทางในการศึกษา การวิเคราะห์ข้อมูล การพัฒนาโปรแกรม หรือศึกษาเพิ่มเติม
จากผลงานเดิมที่มีผู้รายงานไว้ จุดมุ่งหมายสาคัญของการทาโครงงานเป็นการเปิด
โอกาสให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ตรงในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์แก้ปัญหา
ประดิษฐ์คิดค้น หรือค้นคว้าหาความรู้ต่างๆ ใช้คอมพิวเตอร์ในการพัฒนาสื่อการ
เรียนรู้เพื่อการศึกษา ประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ
พัฒนาโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ ตลอดจนการพัฒนาเกมคอมพิวเตอร์ เพื่อฝึกให้
นักเรียนเป็นบุคคลที่ใฝ่เรียนใฝ่รู้ การพัฒนาความคิดใหม่ๆ ความมีคุณธรรม
จริยธรรม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ให้กับเพื่อนมนุษย์ และอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
- 4. ขั้นตอนการทาโครงงาน
1.การคิดและการเลือกหัวเรื่อง ผู้เรียนจะต้องคิด และเลือกหัวเรื่องของ
โครงงานด้วยตนเองว่าอยากจะศึกษาอะไร ทาไมจึงอยากศึกษา หัวเรื่องของโครงงานมักจะได้มา
จากปัญหา คาถามหรือความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ของผู้เรียนเอง หัวเรื่องของ
โครงงานควรเฉพาะเจาะจงและชัดเจน เมื่อใครได้อ่านชื่อเรื่องแล้วควรเข้าใจและรู้เรื่องว่า
โครงงานนี้ทาจากอะไร การกาหนดหัวเรื่องของโครงงานนั้นมีแหล่งที่จะช่วยกระตุ้นให้เกิด
ความคิดและความสนใจหลายแหล่งด้วยกัน เช่น จากการอ่านหนังสือ เอกสาร บทความ การ
เยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ การฟังบรรยายทางวิชาการ การเข้าชมนิทรรศการหรืองานประกวด
โครงงานทางวิทยาศาสตร์ การสนทนากับบุคคลต่างๆ หรือจาการสังเกตปรากฏการณ์ต่างๆ
รอบตัว เป็นต้น นอกจากนี้ควรคานึงถึงประเด็นต่อไปนี้
- ความเหมาะสมของระดับความรู้ ความสามารถของผู้เรียน
- วัสดุ อุปกรณ์ ที่ใช้
- งบประมาณ
- ระยะเวลา
- ความปลอดภัย
- แหล่งความรู้
- 5. 2.การวางแผน
การวางแผนการทาโครงงาน จะรวมถึงการเขียนเค้าโครงของโครงงาน ซึ่งต้องมีการวางแผน
ไว้ล่วงหน้า เพื่อให้การดาเนินการเป็นไปอย่างรัดกุมและรอบคอบ ไม่สับสน แล้วนาเสนอต่อผู้สอน
หรือครูที่ปรึกษาเพื่อขอความเห็นชอบก่อนดาเนินการขั้นต่อไป การเขียนเค้าโครงของโครงงาน
โดยทั่วไป เขียนเพื่อแสดงแนวคิด แผนงาน และขั้นตอนการทาโครงงาน ซึ่งควรประกอบด้วยหัวข้อ
ต่อไปนี้
๑)ชื่อโครงงาน ควรเป็นข้อความที่กะทัดรัด ชัดเจน สื่อความหมายได้ตรง
๒)ชื่อผู้ทาโครงงาน
๓)ชื่อที่ปรึกษาโครงงาน
๔)หลักการและเหตุผลของโครงงาน เป็นการอธิบายว่าเหตุใดจึงเลือกทาโครงงานเรื่องนี้มี
ความสาคัญอย่างไร มีหลักการหรือทฤษฎีอะไรที่เกี่ยวข้อง เรื่องที่ทาเป็นเรื่องใหม่หรือมีผู้อื่นได้ศึกษา
ค้นคว้าเรื่องนี้ไว้บ้างแล้ว ถ้ามีได้ผลอย่างไร เรื่องที่ทาได้ขยายเพิ่มเติม ปรับปรุงจากเรื่องที่ผู้อื่นทาไว้
อย่างไร หรือเป็นการทาซ้าเพื่อตรวจสอบผล
๕)จุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ควรมีความเฉพาะเจาะจง และสามารถวัดได้ เป็นการบอก
ขอบเขตของงานที่จะทาได้ชัดเจนขึ้น
๖)สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า (ถ้ามี)สมมติฐานเป็นคาตอบหรือคาอธิบายที่คาดไว้
ล่วงหน้า ซึ่งอาจจะถูกหรือไม่ก็ได้ การเขียนสมมติฐานควรมีเหตุมีผลมีทฤษฎีหรือหลักการรองรับ
และที่สาคัญ คือ เป็นข้อความที่มองเห็นแนวทางในการดาเนินการทดสอบได้ นอกจากนี้ควรมี
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระและตัวแปรตามด้วย
๗)วิธีดาเนินงานและขั้นตอนการดาเนินงาน จะต้องอธิบายว่า จะออกแบบการทดลองอะไร
อย่างไร จะเก็บข้อมูลอะไรบ้างรวมทั้งระบุวัสดุอุปกรณ์ที่จาเป็นต้องใช้ มีอะไรบ้าง
- 8. 5.การนาเสนอผลงาน
การนาเสนอผลงาน เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทาโครงงานและ
เข้าใจถึงผลงานนั้น การนาเสนอผลงานอาจทาได้หลายรูปแบบ
ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมต่อประเภทของโครงงาน เนื้อหา เวลา
ระดับของผู้เรียน เช่น การแสดงบทบาทสมมติ การเล่าเรื่อง การ
เขียนรายงาน สถานการณ์จาลอง การสาธิต การจัดนิทรรศการ
ซึ่งอาจมีทั้งการจัดแสดงและการอธิบายด้วยคาพูด หรือการ
รายงานปากเปล่า การบรรยาย สิ่งสาคัญคือ พยายามทาให้การ
แสดงผลงานนั้นดึงดูดความสนใจของผู้ชม มีความชัดเจน เข้าใจ
ง่าย และมีความถูกต้องของเนื้อหา