อีกด้านหนึ่งของแผ่นดิน
- 1. อีกด้านหนึ่งของแผ่นดิน<br /> สินใจ สะดุ้งตื่นด้วยเสียงนาฬิกาปลุก ที่วางรวมกับสิ่งของเกะกะบนหัวเตียง เธอใช้มือซ้ายควานหาต้นทางของเสียงโดยไม่เงยหน้าขึ้นจากหมอน หลังจากหลับตาคลำไปมั่วๆ ทำให้ของชิ้นเล็กชิ้นน้อยตกลงพื้น เธอก็สามารถหยุดเสียงนาฬิกาและกลับเข้าสู่การนอนของเธอได้อีกครั้งหนึ่ง ผ่านไปประมาณ ๑๐ นาที นาฬิกาก็ดังขึ้นอีก ฉันเกลียดเสียงนั้นเหลือเกิน เธอพึมพำอยู่ในใจ เมื่อเหลือบตาดูเวลา สินใจก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เธอเผลอหลับไปตั้ง ๒๐ นาที เธอรีบกระโดดจากเตียง และวิ่งผ่านน้ำไปพร้อมๆกับแปรงฟัน เธอรีบแต่งตัว คว้ากระดาษที่กองอย่างระเนระนาด กุญแจรถ โทรศัพท์มือถือ กึ่งวิ่งกึ่งเดินออกจากห้อง ถึงแม้ว่าจะเป็นวันเสาร์ เจ้านายต้องฆ่าเธอแน่ๆ ถ้าเธอไปสายในวันนี้ สินใจ เหลือบตามองเวลา เป็นเวลาเลิกงานแล้ว แต่งานยังคาอยู่เต็มโต๊ะ “กลับก่อนนะสิน อย่าหักโหมมากล่ะ” เพื่อนที่นั่งโต๊ะข้างๆกล่าวลา สินพยักหน้าและยิ้มให้ ก่อนหันกลับไปจดจ่อกับคอมพิวเตอร์ต่อ ออฟฟิศ มีไฟเปิดเป็นจุดๆ เป็นที่รู้กันว่าตรงนั้นยังมีคนทำงานอยู่ เวลาผ่านไปจนกระทั่ง ๓ ทุ่ม ใจเธอยังสู้แต่ร่างกายเธอเริ่มหิวโหย ขนมขบเคี้ยวไม่ได้ช่วยบรรเทาอาการหิวได้เลย เธอตัดสินใจเก็บของเพื่อนำกลับไปทำคืนนี้ สินใจขับรถกลับบ้าน ระหว่างทางได้แวะร้านสะดวกซื้อ ได้อาหารกล่องไปทานที่ห้อง เมื่อถึงหน้าห้อง เธอยิ้มทักคนข้างห้องที่กำลังจะออกไปเที่ยว จะเรียกชื่อก็กลัวเรียกผิดจึงได้แต่ยิ้มทักทาย สินใจวางข้าวของสัมภาระลงบนโต๊ะ และกดโทรศัพท์ฟังข้อความอย่างที่ทำเป็นประจำ เธออุ่นอาหารและถอดเสื้อผ้าไปด้วย เสียงข้อความดังขึ้น “ใจลูกแม่ เป็นอย่างไรบ้างลูก ทุกอย่างเรียบร้อยสบายดีมั้ย อย่าหักโหมมากนะลูกนะ” ส้มโอตื่นขึ้นมาโดยเสียงไก่ขันตั้งแต่เช้าตรู่ มองไปรอบๆมีผ้าแพรห่มคลุมกาย ห้องนอนไม้เล็กๆถูกแสงแดดส่องนำไออุ่นเข้ามาในฤดูหนาวนี้ ส้มโอคิดทบทวนในสิ่งที่ต้องทำในวันนี้ ก่อนอื่นต้องช่วยคุณแม่ซักผ้า ทำกับข้าวใส่ปิ่นโตนำไปให้พี่ๆน้องๆที่อยู่ที่นา ส้มโอเดินไปที่หน้าต่างไม้ที่เปิดรับลม อากาศยามเช้าช่างบริสุทธิ์อะไรเช่นนี้ เธอคิดในใจ หลังจากนั้นเธอก็ไปอาบน้ำ และลงไปหาคุณแม่ในครัว ส้มโอเป็นพี่คนโตของบ้าน ที่เปรียบเป็นเสมือนแม่บ้านหลักในเวลานี้ ที่แม่ได้แก่ตัวลง น้องๆของหล่อนเริ่มเข้าไปเรียนในเมือง ส้มโอตัดสินใจที่จะเป็นแม่บ้านอยู่เลี้ยงดูบุพการี หลังจากเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ ๖ พระอาทิตย์เริ่มตกดิน ป้าแจ๋วตะโกนเรียกลูกๆเข้าบ้าน เด็กๆที่วิ่งเล่นซนอยู่ตามประสา ก็ยังคงเล่นสนุกอยู่อีก ๒-๓ นาที จึงเริ่มทยอยแยกย้ายกันกลับบ้าน “ส้มเอ๊ย....”คุณแม่เรียกมาจากในบ้าน “จ๋าแม่....”ส้มโอขานรับขณะที่เดินขึ้นบ้าน “ช่วยเอาน้ำพริกนี่ไปให้ป้าใจหน่อยซิลูก ไปตอนนี้เลย จะได้ทันมื้อเย็น” “ได้จ้ะ” ส้มตอบ พร้อมกับเดินไปประมาณ ๕๐ เมตรที่บ้านใกล้เคียง “เอ้า!มากินข้าวกันลูก” คุณพ่อส้มโอเรียกพร้อมถือจานข้าวในมือ ทุกคนต่างก็นั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันทานข้าว “เออ!แม่ พรุ่งนี้พ่อว่าจะไปช่วยเขาจัดงานที่วัดซักหน่อย เขาจะมีงานตอนกลางคืนนะ” พ่อเอ่ยขึ้น “ก็ดีนะ ถือว่าได้บุญไปในตัว” ส้มโอดีใจ งานวัดครั้งนี้ต้องสนุกแน่ๆเลย<br /> เธอช่างยุ่งเหลือเกิน ไมได้โทรหาแม่เป็นเดือน และไม่ได้เจอหน้ามาเป็นปี “ใจ...พรุ่งนี้ว่างมั้ยยะหล่อน จะชวนไปเมาซะหน่อย โอ๊ย!ฉันเครียด เธอน่ะมาบ้างนะยะ” สินใจคงต้องโทรกลับซะหน่อย ไม่ได้ไปสังสรรค์นานแล้ว.....เสียงปิ๊ง!จากไมโครเวฟดังขึ้น เธอทานอาหารโดยมีทีวีเป็นเพื่อนในคืนนี้ สินใจตื่นขึ้นด้วยเสียงนาฬิกาปลุกอีกเช่นเคย แต่วันนี้เธอปัดนาฬิกา จนมันหล่นและดับเงียบแน่นิ่งอยู่บนพื้น เธอหลับต่ออีกจนเที่ยง จึงลุกไปอาบน้ำ ชีวิตคนในกรุงช่างวุ่นวายเสียเหลือเกิน แม้จะเป็นวันหยุด เสียงรถเสียงแตรจากภายนอก ก็ยังตามรังควานอยู่เป็นประจำ สินใจหยิบลิปสติคสีแดงสดแต่งแต้มริมฝีปาก เธอใส่ชุดสั้นสีสด รองเท้าส้นสูง สักครู่เธอก็ได้ยินเสียงของนก เพื่อนสนิทเธอเข้ามาพอดี “นี่!ใยใจ เธอจะสวยไปถึงไหนเนี่ย?” ทั้งคู่นั่งรถออกไปในยามค่ำคืน แม้ว่าเวลาจะดึกมากแล้ว แต่คนในเมืองไม่มีวันหลับใหล เธอตั้งใจว่าคืนนี้จะเมาซะให้เข็ด เมื่อถึงผับ ใจและเพื่อนๆทักทายการ์ดอย่างคุ้นเคย คืนนี้เต็มไปด้วยแสงสี เสียงดนตรีสนั่นไปทั่วท้องถนน เวลาผ่านไปเธอเริ่มมองรอบๆตัวเห็นเพียงลางๆ คงจะเป็นเพราะสุราที่เธอดื่ม รู้สึกอีกทีมีมือผู้ชายมาโอบเอวหล่อน “เราไปสนุกกันเถอะน้องสาว” สินใจควบคุมตัวเองไม่อยู่ ปล่อยให้ร่างกายตอบสนองไปตามสมองสั่ง ชีวิตคนกรุง แม้จะสะดวกสบายไปทุกอย่าง แต่ก็มีอันตรายแฝงไว้ ฉะนั้นไม่ว่าเราจะใช้ชีวิตอยู่ที่ไหน เราควรอยู่ด้วยความไม่ประมาท มีสติ ไตร่ตรอง และ...พอเพียง “แม่จ๋า...ส้มขอไปช่วยพ่อนะ” ส้มขอเสียงออดอ้อน “แหม!จะไปเที่ยวก็บอกมาเหอะ” แม่พูดอย่างขำๆ ทุกคนต่างหัวเราะยิ้มแย้ม “แต่อย่ากลับดึกนะลูก ดูแลตัวเองดีๆด้วยล่ะ” ส้มโอรับปาก แล้วก็เก็บสำรับที่ทุกคนทานจนเกลี้ยง ไปล้างในครัว วันรุ่งขึ้น ส้มโอพาสมศรีเพื่อนสนิท ที่วิ่งเล่นกันตั้งแต่เด็กๆ (ตอนนี้โตเป็นสาว เดินไปไหนมาไหนกับส้มโอก็เป็นที่จับตามองตลอด) ไปตลาดหาซื้อเสื้อสวยๆใส่ไปงานวัดคืนนี้ แม่ค้าต่างก็ทักส้มกับศรี เพราะเห็นมาตั้งแต่เป็นทารก และเอ็นดูเหมือนทั้งคู่เป็นลูกหลานของตน ส้มโอยืนรอสมศรีที่หน้าบ้าน วันนี้ท้องฟ้ายามค่ำคืนช่างสวยงามเต็มไปด้วยดาว เธอใส่ชุดผ้าไหมเข้ารูป ที่เลือกมาอย่างดี คืนนี้จะได้เจอเขาสักที “ส้ม...โตเป็นสาวเชียวนะลูกเอ๊ย...” แม่สมศรีกล่าวทักทาย ส้มโอยกมือไหว้สวัสดี และถามไถ่ถึงสุขภาพร่างกาย เมื่อสมศรีแต่งตัวเสร็จแล้ว ก็กราบลาคุณแม่และเดินไปที่งานวัด งานวัดเต็มไปด้วยแสงสีตระการตา จากเครื่องเล่น และจากซุ้มขายของต่างๆ มีลิเกกำลังแสดงอยู่บนเวทีส้มโอและสมศรีเดินเล่นไปเรื่อยๆ ทักทายกับเพื่อนๆ มีทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นคุณลุงคุณป้า คุณตาคุณยาย คนทั้งหมู่บ้านรู้จักกันหมด เดินไปทางไหนก็มีแต่ความอบอุ่น และแล้วทั้งคู่ก็เดินมาเจอกับเพื่อนชายที่นัดกันไว้ เขาและเธอทั้ง ๔ คนได้เดินเที่ยวด้วยกันอย่างมีความสุข จนงานเลิกเพื่อนชายก็ไปส่งสาวทั้งสองที่บ้าน พ่อแม่คอยรับและขอบใจเพื่อนชายที่ช่วยมาส่งลูกอย่างปลอดภัย<br />