2015-01-30 คู่มือชีวิต ตอน 68 ความพยายามอยู่ที่คน ความสำเร็จอยู่ที่ฟ้า
- 1. ‚ความพยายามอยู่ที่คน ความสาเร็จอยู่ที่ฟ้า‛
คู่มือชีวิต ตอน ๖๘ โดย นพพร เทพสิทธา
เนชั่นสุดสัปดาห์ ฉบับที่ ๑๑๘๓ วันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๘
เป็นเวลาเกือบ ๕๐ ปีแล้ว ในสมัยที่ยังเป็นเด็กและได้ศึกษาธรรมจากท่านอาจารย์สู
พรหมเชยธีระ ที่จังหวัดชลบุรี ได้รับความเมตตาจากท่าน สอน “เคล็ดลับแห่งความสาเร็จ” ให้
‚คนเราจะประสบ ‘ความสาเร็จ’ ได้ ต้องมี ๓ สิ่ง คือ ‘ตัวเองช่วย’ (จู่จ่อ), ‘คนอื่น
ช่วย’ (นั้งจ่อ), ‘ฟ้าช่วย’ (ทีจ่อ)‛
ตอนแรกๆที่ฟัง ก็รู้สึกว่า เป็นคาสอนง่ายๆ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่เมื่อเริ่มทางาน จึงเริ่ม
เข้าใจความหมายทีละน้อยๆ และ เห็นว่าเป็นคาสอนที่มีประโยชน์มาก ถ้าเข้าใจและสามารถทาให้
ครบได้ทั้ง ๓ องค์ประกอบ ก็จะประสบ “ความสาเร็จ” ได้จริงตามคาสอนของท่านอย่างแน่นอน
แต่การทาย่อมไม่ง่ายเหมือนการพูด ยิ่งถ้าเป็นคาสอนแบบตะวันออก ที่ต้องใคร่ครวญ
ไตร่ตรองให้ตกผลึกด้วยตนเองแล้ว ไม่ใช่อะไรที่เรียนรู้ได้ด้วยเวลาอันรวดเร็ว ต้องคิดไป
ทาไปเรียนรู้ไปเรื่อยๆ แล้วจะค่อยๆเข้าใจ สุดท้ายก็จะพบว่า ถ้าเริ่มต้นด้วยความเชื่อมั่น และ
ตั้งใจลงมือทาอย่างสม่าเสมอจริงจังแล้ว ก็จะเข้าใจและบังเกิดผลได้ไม่ยาก
‚ตัวเองช่วย‛ (จู่จ่อ) เข้าใจได้ง่ายที่สุด เรื่องนี้ส่วนใหญ่ทุกคนก็รู้ แต่ไม่ค่อยอยากจะทาตาม
เพราะอยากจะได้อะไรง่ายๆ ไม่ต้องลาบาก คือ เราต้องเป็นที่พึ่งของตัวเองให้ได้ก่อน ต้องพัฒนา
ตัวเองให้มีความสามารถและมีความพร้อมตลอดเวลา
ท่านอาจารย์ทวี บุตรสุนทร ได้ให้คาแนะนาในเรื่อง “ตัวเองช่วย” ไว้ว่า ‚คนเราจะ
ประสบความสาเร็จได้ มีหลักเบื้องต้น ๔ ข้อ คือ สุขภาพดี (Good Health), ทางานหนัก
- 2. กว่าผู้อื่น (Work Hard), ทุ่มเทเวลาให้กับงาน (Work Long), และ เรียนรู้ด้วยตนเองตลอด
ชีวิต (Life Time Self Education)‛
เราต้องฉลาดพอที่จะดูแลสุขภาพกายสุขภาพใจของตนเอง ให้แข็งแรงสมบูรณ์อยู่
เสมอ จนกว่าจะหมดเวลาของเรา เพื่อที่จะได้มีกาลังกายและกาลังใจที่เข้มแข็ง มีสมองและ
ความคิดอ่านที่มีประสิทธิภาพ สามารถทางานหนักและยาวนานได้เมื่อจาเป็น พร้อมที่จะรับภาระ
ที่หนักขึ้นได้ และ ก็สามารถศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมได้ในระหว่างที่ต้องทางานหนัก
ร่างกายและจิตใจที่อ่อนแอ ย่อมเป็นอุปสรรคและบั่นทอน “ความสาเร็จ” คนส่วน
ใหญ่ พออายุมากขึ้น ค่อยตระหนักชัดในเรื่องนี้ แต่กว่าจะเข้าใจและเริ่มให้ความสาคัญกับการ
ดูแลร่างกายอย่างจริงจัง บางทีก็อาจจะสายไปแล้วก็ได้ เรื่องการดูแลจิตใจ ก็เช่นกัน ถ้าไม่เจอเรื่อง
ทุกข์ใจหนักๆ หรือ ป่วยปางตาย ก็คงยังอยู่ในความประมาท
ผู้ที่ต้องการความสาเร็จที่ยิ่งใหญ่ ต้องพยายามดูแลสุขภาพกายสุขภาพใจให้ดีอยู่
เสมอ ดั่งเช่น โยคี ในอินเดีย ที่ฝึกฝนโยคะ หรือ นักพรตเต๋า พระวัดเส้าหลิน ในจีน ที่ฝึกกาลัง
ภายนอกกาลังภายใน ด้วยความเห็นที่ว่า การมีชีวิตที่ยืนยาวเป็นอมตะ จะทาให้สามารถ
เรียนรู้ธรรมจนบรรลุความสาเร็จขั้นสูงสุดได้ หากตายเสียก่อนในระหว่างที่กาลังบาเพ็ญ
เพียรอยู่ ก็เป็นเรื่องน่าเสียดาย
โดยทั่วไป เมื่อเราทางานหนักและยาวนานกว่าคนอื่น เราก็จะสามารถพัฒนาทักษะใน
การทางานได้อย่างรวดเร็ว และ มีผลสาเร็จของงานมากกว่าคนอื่น ยิ่งพยายามศึกษาหาความรู้
เพิ่มเติมในงานที่ทา งานที่เกี่ยวข้อง และ งานในระดับที่สูงขึ้นไป ก็จะทาให้ประสบ “ความสาเร็จ”
และเจริญก้าวหน้าในระดับที่สูงขึ้นๆได้อย่างไม่มีขีดจากัด
‚คนอื่นช่วย‛ (นั้งจ่อ) ย้าเตือนให้ตระหนักถึงสัจธรรมข้อหนึ่งว่า ความสาเร็จของ
บุคคลแต่ละคน ไม่ได้เกิดจาก “ตัวเองช่วย” เท่านั้น ต้องมีบุคคลอื่นที่มีส่วนช่วยอยู่ด้วยเสมอ
- 3. ไม่มากก็น้อย ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ความสาเร็จในงาน ต้องมีคนใดคนหนึ่ง หรือ หลายคน หรือ
ทั้งหมด ในคน ๔ กลุ่มดังต่อไปนี้ช่วยอยู่ด้วยเสมอ ได้แก่ ผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงานในระดับ
เดียวกัน ผู้ใต้บังคับบัญชา และ คนที่บ้าน
“ความสาเร็จ” ยิ่งใหญ่และมีผลต่อคนมากขึ้นเพียงใด “คนอื่นช่วย” ก็ยิ่งมากขึ้นตาม
“คนอื่นช่วย” อาจช่วยในหลายลักษณะ เช่น ช่วยเพราะหน้าที่, ช่วยเพราะหวัง
ผลประโยชน์ร่วมกัน, ช่วยเพราะความสัมพันธ์ทางธุรกิจ, ช่วยเพราะความสัมพันธ์ส่วนตัว, ช่วย
เพราะตอบแทนคุณ, ช่วยเพราะรักน้าใจ, ช่วยเพราะคุณธรรม ฯลฯ
แต่จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม หากเราต้องการความมั่นใจว่า ไม่ว่าอยู่ในสถานการณ์ใด จะมี
“คนอื่นช่วย” เราเสมอ สิ่งที่เราควรทาอย่างสม่าเสมอ โดยไม่ต้องฝืน ก็คือ เราต้องช่วยคนอื่น
ก่อนเสมอ เราต้องมีน้าใจ ช่วยคนอื่นทันทีที่มีโอกาส โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน, ไม่ต้องรอ
ให้คนอื่นมาช่วยเราก่อน, หรือ ช่วยเพราะหวังให้คนอื่นช่วยเรากลับ
บุคคลที่มี “คนอื่นช่วย” เสมอ มักเป็นผู้นาที่มีบารมี, เป็นผู้นาที่สร้างสมดุลระหว่างงานกับ
คน, เป็นผู้นาที่มีคุณธรรม ซึ่งบุคคลเหล่านี้มักเป็นผู้ที่ประสบ “ความสาเร็จ”เสมอๆ
“ฟ้าช่วย” (ทีจ่อ) อาจมีคาเรียกอย่างอื่นที่มีความหมายคล้ายๆกัน เช่น “โชคดี”,
“พรหมลิขิต”, “บุญบันดาล”, “ธรรมะจัดสรร”, หรือ อะไรก็แล้วแต่ ที่ดูเหมือนว่า มีอานาจอะไร
บางอย่างที่มีอิทธิพลต่อ “ความสาเร็จ” ซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมและการคาดการณ์ของเรา
มีภาษิตของจีนหลายบทที่กล่าวถึงเรื่อง “ฟ้าช่วย” เช่น “การกระทาเป็นเรื่องของคน
ความสาเร็จเป็นเรื่องของฟ้า”, “คนคานวณ ไม่สู้ฟ้าลิขิต” ให้ความหมายคล้ายๆกันในทานอง
ที่ว่า แม้ทาจนสุดความสามารถแล้ว ก็ยังไม่แน่ว่า จะสาเร็จหรือไม่ ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับ
“ฟ้า” จะกาหนด
- 4. “ฟ้าช่วย” หรือ “ฟ้า” ในภาษิตจีนข้างต้น อาจตีความหมายได้ ๒ ประการ คือ
ประการแรก หมายถึง กฎแห่งธรรมชาติ ที่เป็นความจริงแท้แน่นอนเสมอ ในข้อที่ว่า
เหตุเป็นเช่นไร ผลก็เป็นเช่นนั้น ไม่ว่าต้องการจะได้ผลดีอย่างไร ผลก็ไม่มีทางดีไปกว่า สิ่งที่ควรเป็น
ตามเหตุปัจจัยที่กาหนด ดังนั้น เมื่อเราทาเต็มที่แล้ว ก็ไม่ต้องไปกังวลใจหรือหวังมากเกินไปในผลที่
จะเกิดขึ้น ผลย่อมเกิดอย่างแน่นอนตามเหตุที่ทา ยกเว้นมีเหตุปัจจัยอื่นที่เราไม่รู้หรือควบคุมไม่ได้
เข้ามาเกี่ยวข้อง ทาให้ผลไม่เป็นไปตามเหตุที่เราทาอย่างเดียว
ประการที่สอง หมายถึง ‚โอกาสความเป็นไปได้‛ ซึ่งมีผลต่อ ‚ความสาเร็จ”
จากประสบการณ์ พบว่า เมื่อเรามีทั้ง “ตัวเองช่วย” และ “คนอื่นช่วย” คือ ตัวเองมี
ความสามารถเพียงพอ และ ทุกคนพร้อมช่วยสนับสนุน แต่ถ้ายังไม่ถูกจังหวะเวลา หรือ โอกาสยัง
ไม่เปิด ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร ก็จะไม่ประสบ “ความสาเร็จ” ในทางกลับกัน แม้ว่า ตัวเองไม่ได้
ทาอะไรมาก คนคอยช่วยเหลือก็มีน้อย แต่ถ้าถูกจังหวะเวลา หรือ โอกาสเปิดพอดี ก็อาจสาเร็จได้
อย่างง่ายดาย งานบางอย่างออกแรงแทบตาย ไม่สาเร็จสักที แต่งานบางอย่าง ไม่ต้องทาอะไรมาก
ก็สาเร็จได้ผลดีกว่าที่คาดไว้ เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นคอยจัดการให้อยู่
แม้ว่า ‚ฟ้าช่วย‛ เป็นเรื่องที่ยากจะพิสูจน์ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า มีผลต่อ ‚ความสาเร็จ‛
ได้จริงหรือไม่ ? อย่างไร ? แค่ไหน ?
แต่ค่อนข้างแน่ใจว่า ‚โอกาส” หรือ “ความเป็นไปได้‛ มีผลต่อ ‚ความสาเร็จ‛ อย่าง
แน่นอน ผู้ที่มีวิสัยทัศน์และเดินตามวิทัศน์ ผู้ที่มองเห็นโอกาสและใช้โอกาสให้เป็น
ประโยชน์ ย่อมประสบ “ความสาเร็จ” ได้มากกว่า ผู้ที่ไม่มีวิสัยทัศน์ หรือ มองไม่เห็น
โอกาส ราวกับว่า ฟ้าคอยช่วยบุคคลเหล่านี้อยู่เสมอ แต่เมื่อใดที่บุคคลเหล่านี้ ใช้โอกาสที่ “ฟ้า
ช่วย” ไปในทางที่ผิดคุณธรรม ฟ้าก็จะทวงสิ่งที่ได้ช่วยไปแล้วกลับ และ ลั่นกลอนปิดประตูช่วย
เช่นกัน
- 5. “ทาดี ย่อมได้รับผลดีตอบแทนเสมอ”
การคิดดี พูดดี ทาดี เสมอๆ ย่อมเป็นการสร้าง “โอกาสความเป็นได้”
ทาให้เราได้พบแต่สิ่งดีๆ และ ประสบ “ความสาเร็จที่ดี” ตามที่เราต้องการ
“ฟ้าช่วย” ก็คือ อานาจแห่งคุณงามความดีที่เราสร้างและสะสมไว้นั่นเอง
ไม่ใช่อานาจอะไรที่อยู่นอกเหนือการควบคุมและการคาดการณ์ของเรา
ใช่หรือไม่ ?