SlideShare a Scribd company logo
1 of 50
ใบความรู้ที่1
เรื่อง การสารวจปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชน
การสารวจปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชนที่ผู้เรียนอาศัยอยู่ซึ่งอาจจะทาเป็ นกลุ่มหรือเป็ นรายบุค
คลก็ได้ โดยดาเนินการเป็ นขั้นตอนดังนี้
1. สารวจปัญหา โดยวิธีสังเกต สัมภาษณ์ ใช้แบบสอบถามอย่างง่ายๆ
แล้วเลือกปัญหาที่เห็นว่ามีผลกระทบต่อชุมชนมากที่สุดมา 1 ปัญหา
2. ศึกษาสภาพของปัญหา สาเหตุ ผลกระทบ การแก้ไขปัญหาของชุมชน
โดยวิธีสังเกต สัมภาษณ์ ใช้แบบสอบถามเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เพียงพอและน่าเชื่อถือ
3. นาข้อมูลที่ได้จากข้อ 2.
และจากประสบการณ์ของผู้เรียนเองที่ได้พบเห็นและเผชิญกับปัญหานั้นอยู่แล้ว
มาเขียนเป็ นรายงานอย่างละเอียดตามหัวข้อต่อไปนี้ (อาจมีภาพถ่ายประกอบ)
- สภาพปัญหา
- สาเหตุของปัญหา
- ผลกระทบที่เกิดขึ้น
- วิธีการแก้ไขปัญหาที่ชุมชนปฏิบัติอยู่
- ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาของผู้เรียน
4.
ให้ผู้เรียนแต่ละบุคคลหรือแต่ละกลุ่มนาเสนอรายงานของตนหน้าชั้นเรียนแล้วให้เพื่อนๆซักถ
ามและแสดงความคิดเห็นพร้อมข้อเสนอแนะ
(ผู้สอนอาจแนะนาให้ผู้เรียนนารายงานที่ทาเสร็จแล้วนี้ไปเสนอต่อเจ้าหน้าที่
ผู้นาหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารชุมชนนั้นๆ ก็ได้)
กิจกรรมการสอนเหล่านี้นอกจากจะเป็ นการกระตุ้นให้
ผู้เรียนสนใจและเกิดการตื่นตัวต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชนของตนเองแล้ว
ยังทาให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาในชุมชนของตนอีกด้วย
และยังจะเป็ นการกระตุ้นหรือเป็ นแบบอย่างให้กับบุคคลอื่นๆ ในชุมชนกระทาตามได้
ในการดาเนินกิจกรรมทุกประเภทซึ่งรวมทั้งการบริหารงานสิ่งแวดล้อม
จะต้องประกอบด้วยการจัดการซึ่งเป็ นกระบวนการที่สาคัญ
เพราะการจัดการที่ดีจะช่วยลดปัญหาต่างๆ ลงได้
การจัดการสิ่งแวดล้อมเป็ นการจัดการที่มีความจาเป็ นอย่างเร่งด่วน
ซึ่งเราทุกคนต้องช่วยกันศึกษา หาความรู้ วิธีการนามาใช้ปฏิบัติ เพราะการจัดการที่ไม่ดีพอ
โดยเฉพาะการจัดการสิ่งแวดล้อมจะก่อให้เกิดปัญหาและผลเสียหายต่างๆ
ติดตามมาอย่างมากมายได้
ความหมายของการจัดการสิ่งแวดล้อม (Environmental managment)
มีผู้ให้ความหมายไว้ดังนี้
การจัดการสิ่งแวดล้อม
หมายถึงกระบวนการกระจายทรัพยากรที่สาคัญทั้งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติและที่มนุษย์สร้างขึ้
น เพื่อสนองความพอใจในการนาสิ่งแวดล้อมไปใช้อย่างเหมาะสม
ในการเป็ นปัจจัยหลักและปัจจัยรองในอนาคต (Jolly, อ้างถึงในเกษม จันทร์แก้ว, 2525 : 202)
การจัดการสิ่งแวดล้อม หมายถึง
กระบวนการใช้สิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพและเป็ นระบบ โดยการวางแผน ดาเนินงาน
ติดตามประเมินผลและปรับปรุง แก้ไขพัฒนาให้ดีขึ้น
ทั้งนี้ต้องคานึงถึงการใช้อย่างประหยัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ใช้ให้ได้ยั่งยืน
ยาวนานตลอดไป และเอื้ออานวยประโยชน์ต่อมวลมนุษย์และธรรมชาติให้มากที่สุด (วินัย
วีระวัฒนานนท์,2540 : 185)
การจัดการสิ่งแวดล้อม หมายถึงการพิจารณาตรวจสอบทรัพยากรในพื้นที่อย่างดี
แล้วตัดสินใจว่าจะทาอะไรที่เราต้องการ
โดยมิให้เกิดอันตรายมากจนทาให้สิ่งแวดล้อมที่มนุษย์อาศัยอยู่ต้องเสียไป (Winslow and
Gubby, อ้างถึงในเกษม จันทร์แก้ว, 2525 : 203)
จากความหมายของการจัดการสิ่งแวดล้อม มีสาระสาคัญพอสรุปได้ดังนี้
1.
การจัดการสิ่งแวดล้อมเป็ นการนาทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ตอบสนองความต้องการของมนุ
ษย์
2. การนาทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ต้องมีการวางแผนการใช้ที่ดี และเหมาะสม
3.
การนาทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ต้องมีผลกระทบต่อมนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อมน้อยที่สุด
4. การนาทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ต้องยึดหลักการอนุรักษ์เสมอ
ในปัจจุบันมีความจาเป็ นในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น
เนื่องจากเหตุผลต่อไปนี้
1.
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็ นปัจจัยที่จาเป็ นในการดารงชีวิตของมนุ ษย์
อัตราการเพิ่มเป็ นไปตามข้อจากัดทางธรรมชาติ
ทาให้ไม่เพียงพอกับความต้องการของมนุษย์ซึ่งมีความต้องการเพิ่มขึ้นสูงมาก
2. ประชากรโลกเพิ่มขึ้น
การพัฒนาทางเศรษฐกิจสังคมโดยใช้ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี
ทาให้มนุษย์เกิดพฤติกรรมในการบริโภคสูงขึ้น
หรือเกิดค่านิยมในการบริโภคนิยมและวัตถุนิยม
ทาให้การบริโภคของมนุษย์เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้ทรัพยากรธรรมชาติร่อยหร่อลง
และเกิดวิกฤตสิ่งแวดล้อมทั้งระดับโลกและระดับท้องถิ่น เช่น เกิดภาวะโลกร้อนขึ้น
ภัยพิบัติเพิ่มความรุนแรง พิษภัยจากสารพิษเพิ่มมากขึ้น
เกิดความสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ดินเมื่อคุณภาพและป่ าไม้ถูกทาลายมากขึ้น
เป็ นต้น
3. ทัศนคติ ความเชื่อ และขนบธรรมเนียมประเพณีบางอย่างของมนุษย์
ทาลายทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เช่น การถางป่ า เผาป่ า การเล่นกีฬาประเภทยิงนกตกปลา
ล่าสัตว์การต้องการความสะดวกสบาย สนุกสนานโดยไม่คานึงถึงสิ่งแวดล้อม เช่น
การสร้างถนน สร้างสนามกอล์ฟ สร้างรีสอร์ท การทาสงคราม การคมนาคมขนส่ง
การค้าและบริการ การเกษตรและอุตสาหกรรม เป็ นต้น
4. นโยบายของรัฐบาล บางครั้งได้มีส่วนทาลายทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เช่น
การให้สัมปทานแหล่งแร่ การสร้างเขื่อน
และการพัฒนาโดยไม่คานึงถึงการรักษาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้น
ดังนั้นในการจัดการสิ่งแวดล้อมให้บรรลุเป้ าหมายจะขึ้นอยู่กับหลักความจริงซึ่งเป็ นหลักการจั
ดการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ควรนามาปฏิบัติดังนี้ (สุรินทร์ เศรษฐมานิต, อ้างถึงในกนก
จันทร์ทอง,2541: 101)
1. สสารย่อมไม่สูญหายไปจากโลก แต่อาจเปลี่ยนจากรูปหนึ่งไปเป็ นอีกรูปหนึ่งได้
2. สิ่งแวดล้อมเป็ นแหล่งทรัพยากร และเป็ นแหล่งรองรับของเสีย
3. สิ่งแวดล้อมเป็ นสิ่งที่มีราคา ไม่ว่าเราจะใช้สิ่งแวดล้อมในลักษณะใดก็ตาม
4. กฎของอุปสงค์และอุปทาน (Demand and supply)
นอกจากนี้ในการจัดการสิ่งแวดล้อมจะมีขั้นตอนคล้ายคลึงกับการจัดการในด้านอื่นๆ
ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนที่สาคัญดังนี้
1. การศึกษาปัญหาและขอบเขต
2. การวิเคราะห์ขั้นตอนของการดาเนินการ
3. การเตรียมแผนงาน
4. การดาเนินการตามแผน
5. การประเมินผลและปรับปรุงการดาเนินการ
เนื่องจากสิ่งแวดลอมมีความเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของมนุษย์มากมายดังนี้
1. เป็ นแหล่งปัจจัยพื้นฐานในการดารงชีวิต
มนุษย์ต้องอาศัยปัจจัยต่างๆที่มีอยู่ในสิ่งแวดล้อมเพื่อการดารงชีวิตดังนี้
1.1 อาหารการดารงชีวิตของมนุษย์ต้องกินอาหารซึ่งมีแร่ธาตุและพลังงานต่างๆ
จากพืชและสัตว์ อาศัยน้าที่หมุนเวียนอยู่ในธรรมชาติในการดื่มและใช้
อาศัยดินเป็ นแหล่งผลิตอาหารทั้งที่เป็นพืชและสัตว์
มนุษย์บางกลุ่มอาจกินเฉพาะพืชหรือเฉพาะสัตว์ กินทั้งอาหารสดและอาหารที่ทาให้สุกแล้ว
การแสวงหาอาหารของมนุษย์ได้มีการพัฒนามาโดยลาดับ
เริ่มต้นแสวงหาอาหารจากแหล่งธรรมชาติ การนาอาหารมาเก็บสะสมไว้ที่บ้าน
จนถึงการรู้จักเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ และการผลิตอาหารจากทรัพยากรธรรมชาติได้เอง
1.2 ที่อยู่อาศัย เดิมทีมนุษย์อาศัยอยู่ตามแหล่งธรรมชาติ ต้องอาศัยหลับนอน
พักผ่อนเลี้ยงดูสมาชิกครอบครัวตามร่มไม้ หุบเขาหรือถ้า
ดัดแปลงธรรมชาติเพื่อป้ องกันภัยที่เป็ นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เช่น ฝนตกน้าท่วม
แดดร้อน ฯลฯ ตลอดจนการสร้างที่อยู่อาศัย เพื่อป้ องกันภัยจากธรรมชาติ สัตว์อื่น
รวมทั้งการป้ องกันภัยจากมนุษย์ด้วยกันเอง
การเลือกที่อยู่อาศัยก็มักเลือกตามแหล่งที่สามารถหาอาหารและน้าได้สะดวกปลอดภัย
ดังนั้นการเลือกทาเลที่อยู่อาศัยเป็ นความตั้งใจและเป็ นการกระทาที่ต้องมีความรู้เรื่องสิ่งแวดล้
อมเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ
1.3 เครื่องนุ่งห่ม เครื่องนุ่งห่มในสมัยแรกนั้นเป็ นการนาใบไม้
เยื่อไม้และหนังสัตว์ที่หาได้มาห่อหุ้มร่างกายเพื่อให้ความอบอุ่น
หรืออาจนามาประดับร่างกายเพื่อแสดงความสามารถในการแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติ
จากนั้นมีการผลิตเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มจากวัสดุที่หาได้ในถิ่นที่อยู่อาศัยสาหรับสมาชิกในครอบ
ครัว
ต่อมาการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของมนุษย์ทาให้เกิดการผลิตเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มเพื่อการค้า
1.4 ยารักษาโรค
การสังเกตสิ่งแวดล้อมมนุษย์เริ่มใช้พืชสมุนไพรในการรักษาโรคภัยไข.เจ็บ โดยเอามาทั้งต้น
กิ่ง ก้าน เปลือก แก่น ดอก ราก ต้มกินหรือทาครั้งละมากๆ
ต่อมานักวิทยาศาสตร์ได้ใช้ตัวทาละลายที่เหมาะสม เช่น แอลกอฮอล์ อีเทอร์ สกัดเอาตัวยาแท้
ๆ จากส่วนต่างๆ ของต้นไม้ แล้วทาให้ตัวทาละลายระเหยไป
เหลือแต่ตัวยาไว้ทาให้เป็ นผงหรือผลึก ใช้กินแต่น้อย นอกจากการสกัดตัวยาจากสมุนไพร
มนุษย์ยังใช้วิธีสังเคราะห์ยาเลียนแบบตัวยาในสมุนไพรโดยใช้วัตถุดิบจากสิ่งแวดล้อม
2. สิ่งกาหนดการตั้งถิ่นฐานและชุมชน
ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็ นปัจจัยที่เอื้อต่อการตั้งถิ่นฐานแ
ละชุมชนของมนุษย์
เพราะมนุษย์ต้องอาศัยทรัพยากรธรรมชาติเหล่านั้นเป็ นปัจจัยในการดารงชีวิตในบริเวณพื้น
ที่ที่อุดมสมบูรณ์ เช่น ที่ราบลุ่มแม่น้า ที่ราบรอบๆ ทะเลสาบ ที่ราบชายฝั่งทะเล
จึงมักเป็ นแหล่งชุมชนโบราณที่ปรากฏหลักฐานอยู่จนปัจจุบัน เช่น อียิปต์ กรีก โรมัน จีน
อินเดียและได้กลายเป็ นบริเวณที่มีประชากรหนาแน่นของโลก
3. ตัวกาหนดลักษณะอาชีพ
มนุษย์ในแต่ละท้องถิ่นจะประกอบอาชีพแตกต่างกันไป
ตามสภาพของพื้นที่และลักษณะของทรัพยากรธรรมชาติ เช่น
บริเวณที่ราบลุ่มมักจะมีอาชีพทาเกษตรกรรม บริเวณชายทะเลหรือเกาะต่างๆ
ก็จะทาการประมง บริเวณที่เป็ นแหล่งแร่ก็จะทาเหมืองแร่เป็ นอาชีพหลัก
นอกจากนี้สภาพของพื้นที่และลักษณะของทรัพยากรธรรมชาติยังมีผลต่อการผลิตทั้งในด้าน
ปริมาณและคุณภาพที่แตกต่างกันอีกด้วย
4. ตัวกาหนดรูปแบบของวัฒนธรรม
รูปแบบวัฒนธรรมของมนุษย์แต่ละท้องถิ่น
มีความแตกต่างกันไปตามลักษณะของการดาเนินชีวิตที่เป็นไปตามสภาพแวดล้อมของท้องถิ่
น เช่น การแต่งกาย การกินอาหาร ขนบธรรมเนียมประเพณี
ตลอดจนความเชื่อและค่านิยมต่างๆ
ล้วนถูกกาหนดให้มีรูปแบบที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของท้องถิ่นทั้งสิ้น
นอกจากนี้สภาพแวดล้อมยังมีอิทธิพลต่อลักษณะนิสัยใจคอของมนุษย์อีกด้วย เช่น
ในเขตอบอุ่นผู้คนมักมีนิสัยสุขุมรอบคอบ ใจเย็น กระตื้อรือร้น และขยัน
แต่ในเขตร้อนผู้คนมักจะมีนิสัยที่ตรงข้ามกับเขตอบอุ่น เช่น เฉื่อยชา เกียจคร้าน ใจร้อน
หงุดหงิดอารมณเสียง่าย ขาดความรอยคอบ ส่วนคนที่อาศัยอยู่ในป่ ามักมีนิสัยดุร้าย
ชอบการต่อสู้ และผจญภัย
5. กิจกรรมทางด้านการเมือง
หน่วยการเมืองที่ตั้งกระจัดกระจายอยู่ในส่วนต่างๆ ของโลก
จะรวมตัวเป็ นหน่วยเดียวกันได้จะต้องมีสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์คล้ายคลึงกันมากที่สุด
ส่วนการดาเนินกิจกรรมทางการเมืองจะเป็ นมิตรหรือศัตรูกันหรือไม่นั้น
ก็ขึ้นอยู่กับความกดดันทางด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็ นต้นว่าถ้าเกิดความไม่
สมดุลของทรัพยากรธรรมชาติกับจานวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้น
หรือพรมแดนธรรมชาติที่เป็ นร่องน้ามีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
หรือเกิดความแตกต่างในลัทธิความเชื่อทางศาสนา ตัวอย่างเช่น
การที่กองทัพญี่ปุ่ นเขายึดครองเกาะไต้หวัน และแมนจูของจีนในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่
2
เป็ นเพาะญี่ปุ่ นเกิดปัญหาเรื่องอาหารไม่พอเพียงสาหรับเลี้ยงประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
และดินแดนของจีนทั้งสองแห่งมีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชผลที่ญี่ปุ่ นต้องการ
หรือกรณีความแตกต่างในเรื่องลัทธิศาสนาจนเป็ นเหตุทาให้อินเดียและปากีสถานต้องแยกห
น่วยการเมืองออกจากกันและเป็ นศัตรูต่อกันจนถึงปัจจุบัน เป็ นต้น
จะเห็นได้ว่า
สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติมีความสาคัญต่อชีวิตความเป็ นอยู่ของมนุษย์
โดยเฉพาะทรัพยากรธรรมชาติเป็ นสิ่งที่คอยค้าจุนความเจริญของมนุษย์ในทุกๆ ด้าน
การศึกษาทางวิ ทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมทาให้ ประชาชนหรือชุมชนรู้จักใช้ ประโยชน์
จากทรัพยากรธรรมชาติเหล่านั้นอย่างชาญฉลาดแล้ว
ประชาชนจะมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจอยู่ดีกินดีมีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่ในทางตรงกันข้าม
ประเทศหรือชุมชนใดที่ขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติหรือประชาชนขาดความรู้ความเข้าใจ
และไม่ตระหนักในคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ใช้ทรัพยากรอย่างฟุ่มเฟือย ขาดความระมัดระวัง
และความรับผิดชอบต่อการใช้และบารุงรักษา
ก็จะทาให้ทรัพยากรธรรมชาติต้องสูญเสียไปอย่างไม่คุ้มค่าและขาดแคลนในที่สุด
แล้วชุมชนหรือประเทศนั้นก็ตกอยู่ในฐานะที่ยากจน คุณภาพชีวิตต่า
ปัญหาความวุ่นวายต่างๆ ก็จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หลายต่อหลายครั้งที่พบว่า
ภัยพิบัติทางสิ่งแวดล้อมบางส่วนเนื่องมาจากผลการพัฒนาที่มิได้คานึงถึงสิ่งแวดล้อม
ดังนั้นแนวความคิดที่ถูกต้องในการพัฒนาก็คือ
การพัฒนาที่คานึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผลการพัฒนานั้นก่อให้เกิดผลดีแก่ชีวิตมนุษย์
ในปัจจุบันรัฐบาลของหลายประเทศจึงหันมาให้ความสาคัญในเรื่องของการพัฒนาสิ่งแวดล้อ
ม เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้อยู่ในระดับมาตรฐาน
นั่นคือการอยู่ดีกินดีของประชาชนในสังคมให้ดีขึ้นภายในกรอบและขอบเขตความเป็ นจริง
ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับเอกลักษณ์ระดับมาตรฐานสภาพความเป็ นอยู่ขนบธรรมเนียมประเพ
ณี วัฒนธรรม สังคม
การพัฒนาเพื่อคุณภาพแห่งชีวิตนั้น
ก็คือความพยายามร่วมกันในอันที่จะใช้ทรัพยากรอันมีค่าของชาติให้ เกิดผลดี
ที่สุดและสอดคล้องกับชีวิตจิตใจความเป็ นอยู่และวัฒนธรรมของชาติให้มากที่สุดในความพย
ายามร่วมกันนี้จาเป็ นอย่างยิ่งที่จะต้องเป็ นไปในรูปแบบของสหวิทยาการ
(วิชาการหลายสาขาร่วมกัน)
เพื่อให้แน่ใจได้ว่าโครงการพัฒนาทั้งมวลจะต้องไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือหากว่ามีก็
จะต้องน้อยที่สุด
หลักปฏิบัติพื้นฐานอันเป็ นหลักทั่วไปของโครงการพัฒนาต่างๆ
ควรจะต้องคานึงถึงหลักสาคัญต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. ผลดีในทางเศรษฐกิจ
2. ความเหมาะสมในทางสังคม
3. เป็ นสิ่งที่เป็ นไปได้ในทางเทคโนโลยี
4. เป็ นสิ่งที่ยอมรับได้ในด้านสิ่งแวดล้อม
ใบความรู้2
เรื่องสั้นเรื่อง ของฟรีที่มีในโลก…
โดย ลมกังหัน
ของฟรีไม่มีในโลก เป็นคาพร่าราพันของนักเศรษฐศาสตร์มาหลายยุคหลายสมัย
และพวก
เราเองก็ยอมเชื่อว่าเป็นเช่นนั้น
‘ของฟรีมีในโลกสิ’ หนึ่งในมดตะนอยที่กาลังเดินขวักไขว่เป็นริ้วแถวกล่าว
‘ใช่แล้ว บางอย่างแค่เรานั่งเฉย ๆ ก็ได้มาฟรี ๆ’
กระต่ายพันธุ์รอฟตัวกลมสีน้าตาลในกรงสี
ฟ้าพูดเสริมขณะแทะอาหารที่เจ้าของยืนส่งให้
มันคงหมายถึงอาหารในปากมันนั่นเอง
ฝนเริ่มตั้งเค้ากลางฤดูหนาว
เจ้าของกระต่ายจึงหิ้วกรงกระต่ายเข้ามาในชานบ้านซึ่งปกคลุม
ด้วยหลังคาขนาดย่อมแต่ป้องกันฝนสาดได้ดีเยี่ยม
ในกรงที่หิ้วมามีกระต่ายอยู่ด้วย ไม่ได้หิ้วมา แต่
กรง ดังนั้นกระต่ายจึงไม่เปียกฝน เจ้าของกระต่ายผิวปากอย่างอารมณ์ดี
และเชื่อว่า ‘ฝน’ เป็นสิ่ง
หนึ่งที่มดตะนอยและกระต่ายกล่าวว่าเป็นของฟรีที่มีในโลก
เจ้าของกระต่ายยังนั่งอยู่นอกบ้านรอให้ฝนเม็ดน้อย ๆ ตกแหมะลงมา
บนพื้นเพราะเจ้าของ
กระต่ายแอบชอบน้องน้าฝน แต่ฝนในเมืองโดยเฉพาะเมืองกรุงเทพ ฯ
มักจะถูกเรียกว่าฝนกรด ซึ่ง
เป็นคนละฝนกับที่เจ้าของกระต่ายแอบชอบ
ถึงกระนั้นฝนกรดก็เป็นส่วนสาคัญที่ทาให้ต้นไม้ใบ
หญ้าในเมืองเจริญเติบโต เจ้าของกระต่ายอดคิดไม่ได้ว่าต้นไม้ต้องการน้า ดิน
อากาศ ส่วนสัตว์
น้อยใหญ่ต้องการน้า อาหาร อากาศ ที่หลบฝนและลมหนาว แต่เจ้าของกระต่าย
กับเพื่อนในสปีชี่
เดียวกันมักต้องการมากกว่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เจ้าของกระต่ายเริ่มรู้สึกละอายใจที่ตัวเองมี
ความต้องการมากกว่ากระต่ายอ้วนจอมตะกละซึ่งเขาเป็นเจ้าของตัวนี้
กระต่ายอ้วนสีน้าตาลจ้องมองคนที่ให้อาหารอยู่ทุกวันตาแป๋ว
แล้วจีบปากจีบคอพูดว่า
‘วันหลังอย่าบอกว่าฉันตะกละอีกหละ’
ฝนตกลงมาพอเป็นพิธีช่วยชาระขี้ไคลบนใบไม้ไปได้บ้าง แต่คงไม่ใช่กับต้นหญ้า
ช่อน้อย
ใหญ่ทั้งหลายที่อยู่ต่าลงไปจนเกือบจะติดดิน
พยานก็คือพื้นซึ่งเจิ่งนองไปด้วยหย่อมโคลน อาจ
เฉอะแฉะแต่ กระต่ายอ้วนและเจ้าของกระต่ายไม่ได้รับความเปียกชื้นใด ๆ
จากฝนแม้แต่น้อย
หลังคาบ้านทาหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี อากาศหลังฝนหยุดจะมีกลิ่นของดิน
และใบไม้จาง ๆ
ทาให้รู้สึกเหมือนกาลังอยู่ในส่วนหนึ่งของชนบท แต่ความรู้สึกที่เป็นชนบทจริง ๆ
นั้นเจ้าของ
กระต่าย รวมถึงกระต่ายเอง ก็แทบจะจาไม่ได้ว่าเป็นอย่างไร
เพราะทั้งคู่ไม่ได้มีโอกาสอยู่ใน
ชนบทนานนัก ซ้ายังต้องอดอู้อยู่ในเมืองที่แออัดแห่งนี้อย่างช่วยไม่ได้
เจ้าของกระต่าย และ
กระต่ายจึงทาได้แค่หายใจเอาความรู้สึกชนบทปลอม ๆ
เข้าไปให้สมควรแก่ความจุปอด
‘เจอของฟรีอีกอันแล้ว!’ มดตะนอยที่หลบฝนอยู่ด้วยกันโพล่งออกมา
กระต่ายอ้วนสีน้าตาลทาท่าทางตื่นตระหนก
แต่เจ้าของรู้ว่ากระต่ายอ้วนแกล้งทาเพื่อ
เรียกร้องความสนใจ
เจ้าของกระต่ายจึงปล่อยให้กระต่ายขี้จุ๊ทาท่าทางตกใจต่อไปโดยไม่ใส่ใจ
ตอนนี้สมองของเขากาลังจับจ้องอยู่ที่คาพูดของมดตะนอย
ของฟรีที่มดตะนอยว่าคืออะไรกัน? เจ้าของกระต่ายเริ่มคิดประมวลผลหาคาตอบ
และด้วย
ความที่เขาเป็นสิ่งมีชีวิตในสปีชี่ที่มีสมองใหญ่โตที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับขนาดตัว
จึงคงไม่ยาก
นักที่จะหาคาตอบออกมาได้ เจ้าของกระต่ายคิดออกแล้ว
จึงกระหยิ่มยิ้มย่องในใจแล้วหันไปลอง
เชิงกระต่ายอ้วนดูบ้าง
กระต่ายอ้วนเห็นเจ้าของลองภูมิก็ทาท่าเลิ่กลั่กแอบส่งซิกไปยังมดตะนอย
แต่มดตะนอยผู้
ซื่อสัตย์เห็นการโกงอย่างโจ่งครึ้ม (ภาษาไทยที่ถูกต้องคือโจ่งแจ้ง)
ของกระต่ายอ้วน แล้วรับไม่ได้
จึงพูดออกมาดัง ๆ ให้สาแก่ใจว่า
‘ก็อากาศที่หายใจเข้าไปอยู่นี่ไง’
แม้จะเสียฟอร์มไปบ้างแต่กระต่ายอ้วน ก็กระจ่างชัดในคาตอบ ที่สงสัย
ถึงตอนนี้กระต่าย
อ้วนคงนอนตายตาหลับแล้ว
เพียงแต่เจ้าของกระต่ายยังไม่ยอมให้กระต่ายอ้วนตาย นั่นอาจเพราะ
กระต่ายอ้วนยังไม่เคยผลิตกระต่ายตัวอื่นออกมา
หรือเพราะเจ้าของกระต่ายเริ่มตระหนักว่า สิ่ง ที่
ได้มาโดยไม่ต้องเสียอะไร ยังมีอีกมากมาย
เขาจึงถือโอกาสอธิบายเพิ่มเติมให้ทั้งสองฟัง ก่อนจะ
กลับเข้าไปนอนในบ้าน
‘แสงแดด’ ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่โลกให้เรามาฟรี ๆ เขากล่าว
มาถึงตอนนี้มดตะนอยค่อนข้างไม่เห็นด้วยกับ เจ้าของกระต่าย
แม้แต่กระต่ายอ้วนก็คิด
เช่นเดียวกัน ทั้งสองแย้งว่าแสงแดดมาจากดวงอาทิตย์ ไม่ใช่โลก
เจ้าของกระต่ายจึงชี้นิ้วขึ้น
ท้องฟ้าเพื่อให้ทั้งคู่มองตาม เขากวาดมือรอบ ๆ ดวงอาทิตย์ที่อยู่ไกลออกไป
ซึ่งอาจจะเห็นเพียง
ก้อนเมฆกับแสงแดดที่ทะลุทะลวงผ่านลงมา
เจ้าของกระต่ายซึ่งตอนนี้อาจกาลังจ้องจะเป็ นเจ้าของ
มดตะนอยด้วยอธิบายต่อไปว่า
แสงแดดที่ส่องลงมายังพื้นโลกนั้นเป็ นแสงแดดที่มีความแรง
เหมาะสมจากการรองรับของชั้นบรรยากาศโลก
ซึ่งนั่นทาให้ทาไมกระต่ายยังเป็นกระต่าย และมด
ตะนอยยังเป็นมดตะนอย ไม่กลายเป็นกระต่ายเผา หรือมดตะนอยตากแห้ง
กระต่ายเผา
กับมดตะนอยตากแห้งรู้สึกหวาดเสียวที่เห็นภาพตัวเองกาลังไหม้เกรียม แต่ก็
โล่งใจที่มันเป็นแค่เรื่องสมมติ เมื่อเห็นว่าทั้งสองเข้าใจดีแล้ว
เจ้าของกระต่ายและว่าที่เจ้าของมด
ตะนอยก็ลุกจากที่นั่งหินอ่อนก่อนบิดเอวไปมาพร้อมโบกมือร่าลาเพื่อนตัวน้อย
กลับเข้าไปงีบใน
บ้านตามความต้องการข้างต้น
เขารู้ว่าการนอนเป็นความต้องการพื้นฐานของสัตว์โลก จึงงีบนอน
ได้อย่างสบายใจโดยไม่ตะขิดตะขวง
กระต่ายอ้วนสีน้าตาลที่มีอดีตฉายาจอมตะกละเริ่มง่วงเช่นเดียวกับเจ้าของกระต่า
ย เลยถือ
โอกาสยืดกายให้ยาวเหยียดภายในกรงสีฟ้าก่อนเข้าสู่นิทรา
ส่วนมดตะนอยที่เจ้าของกระต่ายเริ่ม
โมเมเอาว่าเป็นเจ้าของไปแล้ว ก็กาลังเดินหาอาหารตามหน้าที่ต่อไป
จิ้งจกสีขาวเผือกตัวเขื่องซึ่งกาลังติดแหมะอยู่บน ผนังบ้านเจ้าของกระต่าย ฟัง
บทสนทนา
มาโดยตลอด ก็เกิดไอเดียร์ใสปิ๊งปั๊งไต่ขึ้น ไปยังจุดสูงสุดของผนังกาแพง แล้ว
กวาดเท้าหรือตีน
สูญญากาศ เกาะเกี่ยวขึ้นไปบนหลังคาบ้าน เป้าหมายคือจุดที่สามารถรับรู้
พลังของชั้นบรรยากาศ
อันไร้ขอบเขตได้ยวดยิ่ง เมื่อมาถึงยังที่หมาย
คุณจิ้งจกตัวละครใหม่ของเรื่องนี้ก็สูดลมหายใจเข้า
ปอดอย่างช้า ๆ เนิบนาบ พร้อมกับปล่อยให้ผิวกายเปลือยใสสัมผัสแสงแดดอ่อน
ๆ ที่สาดส่องลง
มา สีผิวขาวซีดของคุณจิ้งจกกาลังจะเปลี่ยนเป็นสีเดียวกับหลังคาที่เกาะอยู่ และ ณ
วินาทีนี้เองคุณ
จิ้งจกก็ได้ซึมซับคุณค่าของฟรีที่โลกให้มาเช่นเดียวกับเจ้าของกระต่าย
กระต่ายอ้วน และมด
ตะนอย
หลังคา นิ่ง ๆ เพื่อรับความรู้สึกนี้สักพัก แล้วค่อย ๆ ขยับร่างบอบบางแต่
บึกบึนลงมาจากหลังคา ขณะไต่กลับไปยังกาแพงเบื้องล่าง
คุณจิ้งจกก็มีแผนการที่จะพาครอบครัว
ออกมารับแสงแดดและไออุ่นของโลกอย่างพร้อมเพียงกันในวันพรุ่งนี้
......................
“เธอมีอะไรให้ฉันฟรี ๆ อีกรึเปล่า”
มนุษย์คนหนึ่งถามเพื่อนตัวใหญ่ของเขาหลังอ่านเรื่องด้านบนจบ
“ฉันก็ให้เธอได้หมดทุกอย่างเท่าที่ฉันมีนั่นแหละ”
โลกหันไปบอกเพื่อนตัวน้อยด้วยความเอ็นดู
“จริงเหรอ” มนุษย์ผู้ขี้สงสัยอยากได้ยินคาตอบอีกครั้ง
“จริงสิ... และฉันก็ไม่เคยคิดตังเธอด้วยนะ”
โลกยืนยันพร้อมหัวเราะให้กับเพื่อนตัวน้อยของเขา
มนุษย์ตัวกระจ่อยรู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก “สักวันฉันจะตอบแทนเธอ”
เขาสัญญากับโลกอย่าง
หนักแน่น
ใบงาน
เรื่องสั้นเรื่อง วันที่ธรรมชาติหยุดเคลื่อนไหว…
โดย วิษ’ แทนบุญ
ข้าว-ต้ม-มัด !!
“โรงชาย ”เป็นชื่อเรียกสถานที่ กินข้าว ของพวกเรา (หมายถึง นักศึกษา
มหาวิทยาลัยขอนแก่น) ย่อมาจากโรงอาหารชาย
ตั้งอยู่ตรงข้ามกับหอพักนักศึกษาหญิง (หอ 26)
อ้าว...แล้วทาไมเรียกโรงอาหารชาย
ก็เพราะว่า นักศึกษาชายหลายคน ชอบมานั่งมองนักศึกษาหญิงตากเสื้อผ้า
และตากชุด
ชั้นใน เลยเรียกโรงอาหารนี้ว่า โรงชาย
บรรทัดข้างบนผมพูดเล่นครับ !
บริเวณนั้นนอกจากจะมีหอพักหญิงแล้วก็ยังมีหอพักชายอีกหลายหอเช่นกัน
และหนึ่งใน
หอพักหญิงที่ติดกับหอ 26 นั้น ในอดีตก็เคยเป็นหอพักชาย
จึงไม่แปลกใจถ้าเราพบ “โถฉี่” ใน
ห้องน้าของหอหญิงนั้น
….
กลับมาที่โรงอาหารชายมีร้านอาหารร้านหนึ่ง ขาย “ข้าวต้มมัด”
และผมชอบกินมันมาก
ข้าวต้มมัด จะถูกห่อด้วยใบตอง
ทุกครั้งเวลาผมกินข้าวต้มมัด จะมีหมาตัวหนึ่งชอบมาเดินวนไปเวียนมารอบ
ๆโต๊ะที่ผมนั่ง
มันอยากกินข้าวต้มมัดหรือ ?
……
ใบตองกับขนมไทย ในสายตาผม มันเป็นสิ่งที่เกิดมาคู่กัน เหมือนดั่งเช่น
ภราดรกับนาตาลี หน่อยกับเคน และผมกับน้องแตงโม
เอ่อ...คู่หลังนี้ผมมั่วเอาเองครับ
แต่คู่กันอย่างไร ในที่สุดมันก็ต้อง จาก-กัน (หมายถึงใบตองกับขนมไทย)
ผมเริ่มเห็น ขนมไทย กับ กล่องโฟม
ใครจะมานั่งปลูกต้นกล้วย และรอตัดใบตอง
เข้าร้านโชว์ห่วย จ่ายเงิน ซื้อกล่องโฟม ง่ายกว่าและสะดวกกว่า ใช่ไหมครับ
ใช่ !
เพราะ ความง่ายกว่าและสะดวกกว่า นี้แหละ ที่ทาให้ใบตองเริ่มหายไป
ใบตองเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้น
นั้นคงจะไม่ผิดถ้าผมจะเขียนว่า
“ความง่ายกว่าและสะดวกกว่า นี้แหละ ทาให้ธรรมชาติเริ่มหายไป
……………………….
มันยังอยู่ที่เดิม
หมาที่วนไปเวียนมารอบๆโต๊ะผม
มันอยากกินข้าวต้มมัดหรือ ?
ผมแบ่งข้าวต้มมัด เศษ 1 ส่วน 4 วางลงบนใบตอง ให้มัน
…………………
ไม่ใช่แค่ใบตองที่หายใบ
ถ้าลองนึกไปในอดีตอันไกลโพ้น... โน้น....โน้นนนนนน
กระเป๋าผ้า ตะกร้าหวาย ก็หายไป
จ่ายตลาดแต่ละที “มีแต่ถุงพลาสติก”
ใครจะมา เชยหิ้ว ตะกร้าหวายหรือถุงผ้า กันเล่า ??
ใช่ !!
ความคิดที่ว่า “กูจะเชย”ทาให้ ธรรมชาติเริ่มหายไป
……
หมาตัวนั้น
มันไม่ได้กินข้าวต้มมัด
มันแค่รอเลียใบตองที่ห่อข้าวต้มมัด
และรอเห่า เมื่อใบตองนั้นแห้ง
…………..
ใช่ !!! ธรรมชาติเริ่มหายไป
......................
“ทาไมพวกเธอถึงเลิกใช้พวกใบตอหละ” วันนี้โลกเอ่ยถามเพื่อนตัวน้อยก่อนบ้าง
“ก็กล่องพลาสติกมันสะดวกกว่าหนะสิ”
“แต่มันก็ย่อยสลายยากนะ ใคร ๆ ก็รู้” โลกกล่าวโต้แย้ง
“ใช่หละ! กว่าพลาสติกจะย่อยสลายหมดก็ใช้เวลาตั้งหลายร้อยปี
แต่ตอนนี้ก็มีคนผลิตพลาสติกที่ทา
จากธรรมชาติและย่อยสลายภายในไม่กี่วันแล้วนะ ไม่เป็นอันตรายด้วย”
มนุษย์ตัวน้อยกล่าวอวด
“เหรอ ดีจัง มีคนใช้กันเยอะรึเปล่า?” โลกถามต่ออย่างตื่นเต้น
“ก็มีบ้างในประเทศที่ร่ารวย แต่แทบจะไม่มีเลยในประเทศที่ยากจน
เพราะมันแพงมากเมื่อเทียบกับ
พลาสติกแบบเดิม”
“ว้า ... คงต้องรอไปอีกสักพักสินะ” โลกกล่าว
เขาภาวนาให้วันที่ทุกคนหันมาใช้โฟมชีวภาพหรือ
กลับไปใช้ใบตองมาถึงไว ๆ
ใบงาน
เรื่องสั้นเรื่อง รักเรา รักษ์โลก…
โดย ดาริกามณี
เมื่อคนเหงาสองคนมาพบกัน พวกเขาเหมือนรู้จักกันมาทั้งชีวิต...
ประโยคโรแมนติกบัดซบจากหนังสักเรื่อง ซึ่งก็จาไม่ได้แล้ว
แต่ก่อนที่คนเหงาทั้งสองคนจะมาพบกัน
ย่อมมีใครสักคนหรือทั้งสองคนนั่นแหละที่เหงา
และบางทีมันอาจจะเหงาบัดซบ... ในท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองหลวง
และคนส่วนหนึ่งเป็น
โสด โสดเพราะไม่แต่งงาน คาว่าไม่แต่งงานหมายความรวมถึง
ไม่ได้แต่งงานและไม่ยอมแต่งงาน
ซึ่งกรณีแรก เหตุปัจจัยอาจจะมากมายจนทาให้ไม่ได้แต่ง แต่กรณีหลัง
นั่นเป็นเพราะหัวใจเพียง
อย่างเดียว...
ไม่รู้หรอกว่าในกรณีของเราสองคน ใครเหงากว่ากัน
และเราต่างก็ลืมไปแล้วว่าอะไรดลใจ
ให้เราสองคนมาใช้ชีวิตด้วยกัน...ในความผิดแผกแตกต่างแทบทุกอย่างของชีวิต
เว้นแต่เพียงความ
เหงาเท่านั้นที่เราเหมือนกันสนิท...
“ผมบอกคุณกี่ครั้งแล้วว่าเวลาไปทอปส์น่ะ ให้เค้าใส่มาในถุงใหญ่ถุงเดียวเลย
หรือไม่คุณก็
เอาถุงผ้าไปด้วยจะได้ไม่ต้องใช้ถุงพลาสติก ผมราคาญเสียงกรอบๆๆๆๆ
ของมันเต็มที อ้อ แล้วไอ้
พวกอาหารกล่องโฟมเนี่ย ได้โปรด เป็นไปได้อย่าซื้อมาได้มั้ย รู้ไหมว่าโฟมน่ะ
มันสร้างมลภาวะ
ให้สิ่งแวดล้อมแค่ไหน ” และอีกสารพัดที่จะสรรหาเรื่องบ่นอยู่ได้ทุกวี่วัน
เขาซึ่งเป็นผู้ชาย แมน
เต็มร้อย เป็นศิลปิน เป็นจิตรกรหนุ่มผมยาว (ดีหน่อยที่มันสะอาด)
มันช่างขัดกับบุคลิกเหลือร้าย
กับเรื่องจุกจิกทั้งหลายที่เขาเป็น...
“พระเจ้า คุณทิ้งขวดพลาสติกพวกนี้ลงขยะไปหน้าตาเฉย ทูนหัว
ได้โปรดล้างมันก่อน
แล้วค่อยหย่อนลงถังขยะแบบรีไซเคิล โอเค
นี่ผมอุตส่าห์สรรสร้างงานศิลปะชั้นเลิศเพื่อคุณแล้ว
นะ” ซึ่งมันก็คือ
ตะกร้าหวายสาหรับรับลูกบอลในกีฬาแชร์บอลที่เขาเอามาดัดแปลงเป็นถังขยะรี
ไซเคิล และเศษอาหาร
เธอไม่รู้หรอกว่าเขาไปได้รับอิทธิพลเหล่านี้มาจากไหน
บางทีอาจจะเป็นหนังสักเรื่อง...และ
ถ้าจาไม่ผิด มันต้องเป็น An Inconvenient Truth
หนังสารคดีของอดีตรองประธานาธิบดี
สหรัฐอเมริกา อัล กอร์ (Al Gore) เป็นแน่...
แน่ล่ะ,
จะมีกิจกรรมอะไรในเมืองหลวงให้ทามากไปกว่าดูหนังสาหรับสองหนุ่มสาวที่เพิ่ง
รักกันนอกจากดูหนัง แล้วก็แจ็คพ็อตหนังที่ดูเป็นหนังสารคดี...
ซึ่งเนื้อหาของหนังเป็นเรื่องเกี่ยวกับ
ด้วยวิกฤตการณ์สภาวะโลกร้อน หรือ Global Warming ในเรื่อง-
มีการเปรียบเทียบปริมาณหิมะใน
อดีตกับปัจจุบันของสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก เช่น
เทือกเขาหิมาลัยกับเทือกเขาคิลิมันจาโร ซึ่งมีปริมาณ
หิมะลดลง ขั้วโลกเหนือกับขั้วโลกใต้ กระทั่งธารน้าแข็งทั่วโลกที่กาลังละลาย
แล้วก็เกิดภัย
ธรรมชาติตามมาไม่ว่าจะเป็น ฝนแล้ง น้าท่วม
และเกิดพายุหากโลกยังร้อนขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายแล้ว
แผ่นน้าแข็ง หรือ Ice sheets
ที่ขั้วโลกใต้และแอตแลนติกเหนือก็จะละลายหมด… เถอะ, แต่ใครจะ
คิดว่าพ่อคุณทูนหัวจะ “อิน” ขนาดนี้
“ยังไง ก็ต้องทิ้งอยู่ดี แล้วจะล้างให้เปลืองน้าไปทาไม”
“เอ๊า คุณนี่ก็...โอเค แม่ประหยัดแห่งชาติ ให้ดาวคุณไปหนึ่งดวง
ในฐานะที่ช่วยกัน
ประหยัดน้า” มองในแง่ดีอีก...
“แต่ผมว่าคุณเลิกซื้อผลิตภัณฑ์จากขวดพลาสติกเลยจะดีที่สุด”
“เฮ่ย นี่มันปีสองพันเจ็ดนะคุณ ใครจะมาถือกระบอกไม้ไผ่เดินโทงๆ ดื่มน้าอักๆ
อยู่นั่น”
“คุณก็ขี้ขาเหมือนกันเนาะ ผู้หญิงเค้าไม่โทงๆ กันหรอก... เออ
ถ้ามันเลี่ยงไม่ได้ขนาดนั้น ก็
อย่ากินน้าเป็นดีที่สุด อ่ะ... ล้อเล่น อย่าทาตาเขียวปั้ด และตั้งท่าจะเถียงผม
ความรักจะอยู่คู่เรา
เพราะงั้น ยาหยี
ไม่ต้องเถียงแล้วมาช่วยทาให้ผมของผมมันดูดีกว่านี้หน่อยเถอะได้โปรด ผมรู้สึก
ว่ามันจะหวีไม่ลงแล้ว”
“สีน้ามัน สีน้าเงิน ติดอยู่เต็มหัวคุณ...”
“โอ้ว พระเจ้า สีน้าเงินของสีน้ามัน ร้ายกาจกว่าที่ผมคิดชิบเป๋ง แต่ช่างหัวผมเถอะ
ผมไม่
อยากยุ่งกับผมสักพัก แล้วไปหากิจกรรมที่ประหยัดไฟทากันดีกว่า”
นั่นแหละ... เรื่องของเราสองคนล่ะ น่าแปลกที่พวกเราก็อยู่กันได้
อาจเพราะความรัก หรือ
อาจจะไม่ใช่ เราต่างก็ไม่มีข้อสรุปในเรื่องนี้ ที่แน่ๆ เราไม่คิดจะหาข้อสรุป
เพราะการใช้ชีวิต
ร่วมกัน หลักสาคัญมีไม่กี่อย่างเท่านั้น แน่นอน,
หนึ่งในนั้นคือการยอมรับและให้อภัยซึ่งกันและ
กันเสมอ ซึ่งน้อยนักที่คนยุคนี้จะมี
จึงไม่แปลกที่การล่มสลายของชีวิตคู่จะขึ้นอยู่กับเหตุผลหลักๆ
สองอย่างนี้ แค่คาว่า “ยอมรับ และให้อภัย” ถ้าทาได้จริง
ก็ไม่ต้องมานั่งสงสัยว่าทาไมถึง “ยังโสด”
“คุณกาลังวาดรูปเกี่ยวกับอะไรคะ”
“อ้อ เซตนี้เป็นเรื่อง Global warming ยูโน๊ว... ภาวะโลกร้อนน่ะ
ออเดอร์สดซิงจากมูลนิธิ
ป้องกันภาวะเรือนกระจกแห่งชาติ”
“ทาไมเค้าเลือกคุณล่ะคะ”
“ก็ผมเจ๋ง”
“ฉันไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ มันไกลตัวเกินไป”
“ใครบอก คุณนี่ตกข่าวเรื่อยเลย ไม่เจ็บมั่งหรือไง รู้ไหมว่า
ตอนนี้เค้ารณรงค์เรื่องโลกร้อน
กันแค่ไหน
บางประเทศสนับสนุนการเปลี่ยนมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม
แทนน้ามัน ซึ่งเป็นสาเหตุ
ของการเกิดคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2
ที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดภาวะเรือนกระจก
Greenhouse gases แล้วคุณคงไม่รู้แน่เลยว่า
ภาวะโลกร้อนเนี่ยเกิดจากน้ามือมนุษย์เกือบทั้งหมด
โดยเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรม ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าและเชื้อเพลิงสูงมาก
ทาให้การปล่อยก๊าซ
คาร์บอนไดออกไซด์ สูงด้วย เป็นไง นอกจากจะหน้าตาดี
แล้วผมยังฉลาดด้วยใช่ไหม”
“กว่าที่คิดเลยแหละ”
“หนังสือกองเป็นตั้ง ข้อมูลจาก Internet อีกเพียบ, ไม่ให้รู้ก็เกินไปแล้ว เออ
นี่ผมเพิ่งไป
อ่านเจอว่าเค้ามีคู่มือช่วยลดภาวะโลกร้อนฉบับสามัญชนด้วยนะ
ยกตัวอย่างให้สุดที่รักของผม
ทราบ...เช่น ลดการใช้รถส่วนตัว ลดขยะในบ้าน ลดการใช้พลาสติก
เป็นไปได้ก็งดใช้กล่องโฟม
ซะ และที่สาคัญ ประหยัดไฟ”
“ถ้าสมมติ คุณได้คอนเสปท์ สัตว์ป่า มาคุณจะทายังไงคะ”
“ก็เข้าป่าสิ...คิดว่าผมจะเอามันเข้าบ้านหรือไง”
“ก็แค่แปลกใจ เห็นคุณอินกับเรื่องที่กาลังทาเสียเหลือเกินนี่คะ”
“อ๊ะ แต่ก็นั่นล่ะนะ ขออีกหน่อย
ตอนนี้สัตว์ป่าเองก็กาลังเผชิญกับปัญหาโลกร้อนเหมือน
คนเลย ตอนนี้น้าแข็งขั้วโลกกาลังละลาย สัตว์ที่อาศัยแถบนั้นอย่างเจ้า Polar
Bear นี่ใกล้จะสูญ
พันธุ์แล้วเพราะน้าแข็งละลายแล้วเค้าไม่มีที่กระทั่งจะยืน คุณนึกออกไหม
หมีขั้วโลกที่ชอบยืน
อ้วนอยู่บนไอซ์ชีทน่ะ ทีนี้นะ พอถึงอนาคตน้าจืดลดลง
ก็จะทาให้เกิดปัญหาเรื่องการเกษตร การ
ประมง ปลาตาย สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสูญพันธ์เกิดไฟไหม้ป่า น้าท่วม
พายุกระหน่าซ้าอีก เดี๋ยว
พวกเราก็ตายกันหมดเหมือนกัน”
“คุณไม่เหมาะกับมาดนักอนุรักษ์เลยจริงๆ”
“ผมก็เป็นแบบนี้แหละ เป็นไปตามสถานการณ์ ปรับตัวให้เข้ากับโลกที่อาศัยอยู่
แต่เรื่อง
ถุงพลาสติกนี่เป็นนิสัยของผมมานานแล้ว ผมไม่ชอบเสียงของมัน เหมือนโรคจิต
ยิ่งดึกๆ กาลัง
หลับ แล้วใครทะลึ่งหิ้วถุงพลาสติกเข้ามาให้ได้ยินเสียง แกรกๆ ของมันนะ
ผมจะโดนสิงร่างด้วย
ซาตานทันที… เตะสลบ นะยาหยี”
“โรคจิตนี่นา”
“ผมล้อคุณเล่นน่า คุณสังเกตไหมล่ะ เวลาไปซุปเปอร์มาเก็ตน่ะ คุณซื้อของนะ
เค้าจะแยก
ให้คุณเลยนี่ของกินได้ นี่ของกินไม่ได้
แต่ของทุกอย่างยังอยู่ในบรรจุภัณฑ์ของมัน ผมว่าใส่มาใน
ถุงเดียวก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไรสักนิด ประหยัดดีออกด้วยซ้า”
“ถ้ากินข้าวในกระทงใบตองได้คุณก็คงทาไปแล้วมั้งคะ”
“อ๊ะ อย่าประชดเชียวที่รัก มีโรงเรียนแถวๆ พระรามสองเนี่ย
ปลูกฝังเด็กนักเรียนเรื่อง
สิ่งแวดล้อมตั้งแต่หัวเท่ากาปั้นเลย ร้านค้าที่ถูกเรียกว่าวันเดอร์แลน
เค้าใช้ใบตองทาเป็นกระทงใส่
อาหาร แล้วขวดพลาสติกนี่เค้าล้างก่อนนากลับไปรีไซเคิลใหม่
ขยะก็แยกชัดเจนว่าอันไหนต้องไป
เป็นปุ๋ยหมัก และอันไหนไปกับรถขยะ กทม”
“ทาไมคุณรู้คะ”
“ผมเคยเป็นครูศิลปะอยู่ที่นั่น”
“จริงเหรอ ทาไมฉันไม่เคยเห็นคุณ”
“ผมก็ไม่เคยเห็นคุณ อ้าว... แล้วคุณไปทาอะไรที่นั่น”
“ฉันก็เป็นครูเหมือนคุณ”
“ตั้งสองปีแล้วนะที่ผมอยู่ที่นั่น”
“ฉันก็ออกจากที่นั่นมาสองปีแล้วเหมือนกัน ว่าแต่หลังจากนั้นคุณไปไหน”
“ผมไปเรียนต่อปริญญาโทที่อิตาลี ใครๆ ที่เรียนอาร์ตมา
ก็ไปเรียนต่อที่นั่นกันทั้งนั้น”
“ฉันเปลี่ยนงานไปสอนมหาวิทยาลัย แล้วถูกส่งไปอบรมที่อิตาลี
ตอนนั้นฉันเจอคุณที่เนเปิลส์”
“เยส มาดาม ผมจาคุณได้ เพราะคุณให้ผมวาดรูปแต่ไม่เอารูปกลับไปด้วย
แล้วผมกลับ
เมืองไทย จัดนิทรรศการภาพเขียน ผมก็เลยเอารูปคุณขึ้นประจานซะเลย”
“และดูเหมือนตอนนั้นฉันโคตรเหงา ไม่มีอะไรทา ก็มันว่างนี่นา คนสวยแต่โสด
ความ
โดดเดี่ยวเลยกระชากแขนเข้าหอศิลป์ แล้วไปเจอนิทรรศการคุณพอดี”
“ตอนที่ผมเดินเข้าไปทักคุณ คุณจาผมไม่ได้แต่ถามหาคนวาดรูปหน้าตาเฉย
พอผมบอกว่า
ผมเนี่ยแหละ คุณก็ทาหน้าตาเหมือนเห็นแบรท พีท
แล้วยังยืนยันอยู่นั่นแหละว่าจะเจอศิลปินให้ได้
คุณนี่โคตรกล้าหาญเลย รู้ไหมนิทรรศการผมน่ะ
มีจิตรกรชื่อดังทั้งประเทศแทบเดินชนกันเลยใน
วันนั้น”
“คุณขอที่อยู่ฉันไว้ แล้วบอกว่าเดี๋ยวจะให้ศิลปินติดต่อกลับไป
ต่อมาไม่นานฉันก็ได้รับรูป
ตัวเองถึงบ้าน โรแมนติกเป็นบ้าเลย”
“ทาไมคุณถึงคิดว่าคนที่เขียนรูปไม่ใช่ผม”
“คุณดูดีกว่าตอนที่ฉันเจอครั้งแรก”
“ถ้าผมไม่เดินไปเคาะประตูบ้านแล้วบอกว่าตอนอยู่ที่นาโปลีน่ะ
คุณไม่จ่ายตังค์ค่ารูป คุณก็
คงไม่เชื่อว่าเป็นผม”
“เปล่า แต่คุณมายืนอยู่หน้าบ้านในเสื้อผ้าชุดเดียวกับที่ฉันเจอที่โน่น
ผมสั้นกว่าเดิม แล้วยัง
ท่าทางก๊องๆ เหมือนตอนนั้นไม่มีผิด ฉันก็เลยจาได้”
“ที่รัก
คุณรู้ไหมว่าผมลงทุนไปแค่ไหนกว่าจะทาให้ตัวเองย้อนกลับไปอยู่ในสภาพนั้นได้
ประเทศไทยร้อนนรกแตกแต่ผมต้องใส่เสื้อโค้ท แถมผ้าพันคอเข้าไปอีก ที่แน่ๆ
ผมต้องไปตัดผม
ออกให้สั้นลง แล้วยังถูกหาว่าบ้าอยู่สองครั้งในวันเดียว”
“ใช่ๆ ผ้าพันคอสีแดงแล้วก็หมวกไหมพรม ตลกเป็นบ้าเลยค่ะ”
“งั้นระหว่างเราคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
หรือแค่ความเหงาพาเราสองคนมาพบกันแล้วล่ะ”
“แปลกดีนะคะ”
“ดูเหมือนเราจะยังมีอีกหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกันมาก่อนโดยที่เราไม่รู้...
ไม่ใช่เพราะโลก
มันกลม แต่เป็นเรื่องของพรหมลิขิต ชัวร์”
เรื่องเล่าเล็กๆ ของเราสองคน และยังเป็น “เราสองคน” ไม่ใช่ใครคนหนึ่ง
คนเดียวเหมือน
ที่ผ่านมา ฉันไม่รู้หรอกว่าชีวิตของเขาผ่านอะไรมาบ้าง
และมีช่วงเสี้ยวของเวลามากน้อยแค่ไหนที่
เดินเฉียดไหล่ระหว่างกัน สิ่งเดียวที่ฉันรู้คือ
นับแต่นี้ไปฉันจะต้องล้างขวดพลาสติกก่อนทิ้งลงถังรี
ไซเคิล และถ้าหากต้องไปซุปเปอร์มาเก็ต ถุงผ้าดิบหนาใบโตจากคิวบา
ที่เขาเป็นคนเขียนรูปเพิ่ม
ลายให้เก๋ไก๋ขึ้นมา ดูเหมาะกับการเดินชอปปิ้งไม่เบา...
“คุณอย่าลืมถอดปลั๊กกาต้มน้าแล้วก็ปิดไฟในห้องนั่งเล่นด้วยนะ”
ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มจากสิ่งเล็กๆ แล้วร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นความรัก หรือการ
“อนุรักษ์” ก็
ตาม..
ใบงาน
เรื่องสั้นเรื่อง โลกร้อนแล้วหรือ? …
โดย ไชยบุญเรือง
“...ขณะนี้ภาวะโลกร้อนได้ทวีความรุนแรงสูงขึ้น
สังเกตได้จากอุณหภูมิเฉลี่ยของประเทศไทยใน
แต่ละ....”
“…ก่อนที่เราจะไปฟังเพลงเพราะๆ กันต่อในช่วงโมงหน้า
เรามีข้อมูลเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนมา
ฝากกัน...”
“ถึงเวลาข่าวต้นชั่วโมงกันแล้วนะคะ
กรมประชาสัมพันธ์ได้จัดตั้งโครงการร่วมรณรงค์ลดการใช้
พลังงาน ลดมลพิษ เป้าหมายสู่การลดภาวะโลกร้อน ในวันเสาร์ที่ 22 กันยา...”
“...............................”
เสียงดีเจคนแล้วคนเล่าจากคลื่นวิทยุที่ถูกหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ด้วยฝีมือของโชเฟอร์แท็กซี่
คันที่ฉันโดยสารอยู่ ทาให้ฉันเวียนหัวอยู่ไม่น้อย...
บ่ายของวันทางานแท้ๆ
แต่รถราบนถนนย่านใจกลางเมืองแห่งนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะบางตาลง รอบ
ด้านมีแต่อาคารสูงๆ เต็มไปหมด
แถมยังมีเส้นทางเดินรถไฟฟ้าพาดผ่านท้องฟ้าสีครามยามแหงน
หน้ามองวิวทิวทัศน์อีก
มันมาอยู่ตรงนี้ได้ก็คงเป็นเพราะเหตุผลของความสะดวกสบาย และเป็น
เครื่องหมายของผู้เจริญแล้วในสังคมเมืองนั่นเอง
ฉันถึงจุดหมายปลาย ณ ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งที่เพิ่งจะเปิดได้ไม่นาน
และถ้าไม่มีเหตุผล
กลใดในเรื่องงาน ฉันคงไม่คิดจะมาเดินเล่นที่นี่แน่...
กว่าจะเสร็จธุระก็เย็นย่า กว่าจะกลับบ้านวันนี้คงมืด... ฝนตกอีกแล้ว
ชอบตกตอนเย็นๆ ทุกที ทาไม
หนอ?
หลังจากที่เตร็ดเตร่หาอะไรกินรองท้องมาบ้าง ฉันนั่งรอฝนบางตาลง ก็ตรงแถวๆ
หน้า
ห้างสรรพสินค้าชื่อดังนั่นล่ะ เอ๊ะ... แล้วใครมาลืมหนังสือไว้ตรงนี้นะ
สงสัยทาหล่นไว้ ฉัน
พยายามมองหาเจ้าของ เดี๋ยวคงกลับมาตามหาล่ะ ยืมอ่านแก้เซ็งก่อนแล้วกัน
ก็ด้วยอาชีพกองบรรณาธิการอย่างฉัน เกี่ยวพันกับเรื่องของหนังสือหนังหาตลอด
เมื่อพบเจอ
หนังสือที่โดนๆ แล้วล่ะก็ อดที่จะหยิบมาเปิดอ่านเสียไม่ได้
‚โลกร้อน ทุกสิ่งที่เราท าเปลี่ยนแปลงโลกได้เสมอ‛คือชื่อหนังสือเล่มนี้
ฉันเปิดอ่านไปเรื่อยๆ แล้ว
มันก็ช่วยย้าว่าเรื่องโลกร้อนที่หลายๆ
หน่วยงานร่วมรณรงค์กันอย่างครึกโครมตลอดปี เป็นเรื่องที่
ใกล้ตัวเรามาก หากได้รับรู้ข้อมูลเชิงสถิติ
หลายคนอาจจะอดหวั่นไหวไม่ได้กับปรากฏการณ์ที่
กาลังจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยการคาดการณ์ของนักวิจัยที่เกี่ยวข้องจากทุกสาขา
www.google.co.th มีข้อมูลเกี่ยวกับ ‚ภาวะโลกร้อน‛กว่า 70 หน้า
(นี่เฉพาะหน้าภาษาไทย) แต่มีผู้
ตระหนักถึงสิ่งที่กาลังเกิดขึ้นน้อยมาก
เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่ตั้งใจจะรณรงค์เรื่องนี้อย่างจริงจัง
ฉันอ่านหนังสือ ‚โลกร้อน ทุกสิ่งที่เราท าเปลี่ยนแปลงโลกได้เสมอ‛จบภายใน 20
นาที... หัวใจฉัน
เต้นเร็วขึ้นเล็กน้อยกับข้อมูลที่ฉันเพิ่งเสพเข้าไป ความตั้งใจเล็กๆ
บางอย่างสะท้อนขึ้นมาในหัวใจ
อย่างน้อยคืนนี้... ฉันคงไม่นอนคลุมโปงเปิดไฟทั้งคืน
อย่างน้อยคืนนี้... ฉันคงไม่เสียบปลั๊กโทรทัศน์ทิ้งไว้
อย่างน้อยคืนนี้... ฉันคงจะงดอาบน้าอุ่น
ฉันนั่งอยู่ตรงนั้นประมาณเกือบ 1 ชั่วโมงแล้ว
หนังสือเล่มนี้คงไม่ได้ถูกเจ้าของลืมไว้ แต่หนังสือ
เล่มนี้คงถูกทิ้ง...
ทิ้งไว้พร้อมกับจิตสานึกที่ไม่ต้องการรับรู้ถึงเรื่องราวอันน่าหวาดหวั่น
จะว่าไปแล้วหนังสือเล่มนี้ก็ดูขัดแย้งกับที่ที่มันอยู่...
เรื่องราวของวิกฤตการณ์โลกร้อน วอนขอให้
ช่วยประหยัดพลังงาน วางอยู่ ณ
ห้างสรรพสินค้าที่เปิดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ากว่า 10 ชั่วโมงต่อ
วัน พร้อมกับการเปิดไฟสว่างไสวในทุกซอกทุกมุม..
ใบความรู้ 3
เรียงความเรื่อง กิจกรรมประหยัดพลังงาน/ลดโลกร้อนในชุมชน
"... เมื่อ โลกนี้ร้อนขึ้น มีหวังว่าน้าแข็งจะละลายลงทะเล
และรวมทั้งน้าในทะเลนั้นจะพองขึ้นสิ่งที่ทาให้คาร์บอนในอากาศเพิ่มมากขึ้น นั้น
มาจากการเผาเชื้อเพลิง ซึ่งอยู่ในดินและจากการเผาไหม้..."
จากพระราชดารัสข้างต้น แสดงให้เห็นได้ว่า โลก
ของเราในปัจจุบันกาลังมีความเปลี่ยนแปลงไปมากขึ้น
ทั้งทางด้านของพลังงานที่กาลังจะหมดไป รวมถึงสภาวะโลกร้อนที่กาลังจะเกิดขึ้น
ซึ่งสาเหตุที่ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงก็คือ ฝีมือของมนุษย์เรานี่เอง
ไม่ว่าใครจะเป็นผู้กระทาก็ตามหากแต่เราขึ้นชื่อว่าเป็ นมนุษย์แล้วพวกเราทุก
คนจะต้องมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบและควรตระหนักเสมอว่า
นี่เป็นโลกของเราทุกคน ฉะนั้น ปัญหาเหล่านี้ที่กาลังจะเกิดขึ้นพวกเราสามารถ
หยุด! ปัญหา เหล่านี้ได้
โดยเริ่มจากชุมชนซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของพวกเราก่อนเป็ นอันดับแรกแล้วค่อย ๆ
แผ่ขยายวิธีการช่วยโลกของเราไปยังประเทศชาติต่อไป
เนื่องจากปัจจุบันความต้องการทางด้านพลังงานของประเทศมีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็
วในทั่วโลก กว่าร้อยละ 50 ของ
ความต้องการนี้จาเป็นต้องมีการนาเข้าพลังงานจากต่างประเทศ
ซึ่งราคาทางด้านพลังงานที่นาเข้านี้ก็มีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา
ส่งผลให้เกิดความไม่มั่นคงในการจัดหาและการใช้พลังงานของประเทศ ขณะ
เดียวกันทรัพยากรธรรมชาติภายในประเทศที่สามารถนามาผลิตและใช้เป็ นพลังง
านก็ มีปริมาณลดลงซึ่งก็อาจจะมีผลพวงทาให้เกิดสภาวะโลกร้อนได้
และในอีกไม่นานทรัพยากรธรรมชาติเหล่านั้นก็มีแนวโน้มว่าจะหมดไปในที่สุด
ซึ่ง
ในแนวคิดเหล่านี้เป็นแนวคิดที่จุดประกายความคิดพ่อของข้าพเจ้าให้ตระหนักแ
ละ ระลึกอยู่เสมอถึงเรื่องพลังงานที่กาลังจะหมดสิ้นไปจากโลกของเรา
พ่อของข้าพเจ้าถือเป็นบุคคลตัวอย่างเป็นผู้นาในชุมชนอย่างแท้จริงในด้านการ
ประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียงในครัวเรือนตามรอยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ฯ โดยการเริ่มผลิตไบโอดีเซลไว้ใช้เองกับรถยนต์ส่วนตัว
วัตถุดิบหลักในการทาก็หาได้จากตามครัวเรือน เช่น
น้ามันพืชที่ใช้แล้วหลังจากการประกอบอาหารประเภททอดต่าง ๆ
หรือน้ามันอะไรก็ได้ในการประกอบอาหาร
สาหรับโรงกลั่นไม่จาเป็นต้องตั้งเป็นโรงงานใหญ่ ๆ พ่อ
ของข้าพเจ้าใช้เพียงเศษวัสดุอุปกรณ์ที่หาได้ในบ้าน เช่น ปี๊บ หม้อ เตาไฟ
(เตาถ่าน) และถังน้า
ในการค้นคว้าทดลองผลิตไบโอดีเซลจากน้ามันพืชที่ใช้แล้วแต่ละครั้ง
พ่อข้าพเจ้าได้ค้นพบความรู้ หลาย ๆ อย่างจากการผลิตไบโอดีเซล เป็นต้นว่า
ไบโอดีเซลช่วยลดการสึกหรอของชิ้นส่วนเครื่องยนต์เนื่องจากว่ามีสารหล่อลื่นมา
กกว่าน้ามันดีเซล อีกทั้ง ไบ
โอดีเซลสามารถลดมลพิษในไอเสียของเครื่องยนต์อันเป็นสาเหตุที่ทาให้เกิดโลก
ร้อน เพราะ
ในไบโอดีเซลไม่มีสารกามะถันและมีปริมาณออกซิเจนมากกว่าน้ามันดีเซลจากปิ
โต เลียมจึงทาให้การเผาไหม้สมบูรณ์ไม่ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์
และ สิ่งที่พ่อถือว่าสาคัญมากก็คือ
เพราะว่าเราได้ใช้พลังงานทดแทนที่เรานามาผลิตขึ้นใหม่อีกครั้งและสามารถทา
เองได้ เพื่อช่วยต่ออายุให้โลกของเราได้มีพลังงานเหลือเก็บไว้ใช้อีกต่อไป หลัง
จากที่พ่อของข้าพเจ้าทดลองอยู่หลายครั้งจนประสบความสาเร็จแล้ว
พ่อได้เผยแพร่องค์ความรู้และสาธิตวิธีการผลิตไบโอดีเซลให้กับคนในชุมชนที่
สนใจ ได้นาความรู้ไปใช้กับครัวเรือนของตนเอง พ่อของข้าพเจ้าได้กล่าวว่า
ใบความรู้1
ใบความรู้1
ใบความรู้1
ใบความรู้1
ใบความรู้1
ใบความรู้1
ใบความรู้1
ใบความรู้1
ใบความรู้1
ใบความรู้1
ใบความรู้1
ใบความรู้1
ใบความรู้1
ใบความรู้1
ใบความรู้1
ใบความรู้1

More Related Content

Similar to ใบความรู้1

IS1 การศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ กลุ่ม1
IS1  การศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ กลุ่ม1IS1  การศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ กลุ่ม1
IS1 การศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ กลุ่ม1พัน พัน
 
หลักการเบื้องต้นแก้ปัญหาป.6
หลักการเบื้องต้นแก้ปัญหาป.6หลักการเบื้องต้นแก้ปัญหาป.6
หลักการเบื้องต้นแก้ปัญหาป.6yosawat1089
 
แบบสอบถาม
แบบสอบถาม แบบสอบถาม
แบบสอบถาม khanidthakpt
 
4.แนวข้อสอบ o net สังคม(ม.3)
4.แนวข้อสอบ o net สังคม(ม.3)4.แนวข้อสอบ o net สังคม(ม.3)
4.แนวข้อสอบ o net สังคม(ม.3)teerachon
 
งานนำเสนอ การวิจัย การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ สพม.40
งานนำเสนอ การวิจัย การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ สพม.40งานนำเสนอ การวิจัย การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ สพม.40
งานนำเสนอ การวิจัย การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ สพม.40Weerachat Martluplao
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องRung Sensabe
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องRung Sensabe
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องRung Sensabe
 
งานแพง
งานแพงงานแพง
งานแพงNuchy Geez
 
การวินิจฉัยชุมชน อ.สมเกียรติ
การวินิจฉัยชุมชน อ.สมเกียรติการวินิจฉัยชุมชน อ.สมเกียรติ
การวินิจฉัยชุมชน อ.สมเกียรติSambushi Kritsada
 
Ice research 30 08-2012 (absolutely2012)
Ice research 30 08-2012 (absolutely2012)Ice research 30 08-2012 (absolutely2012)
Ice research 30 08-2012 (absolutely2012)Kruthai Kidsdee
 
บทบาทและแนวโน้มของ Ict ในการเรียนการสอน
บทบาทและแนวโน้มของ Ict ในการเรียนการสอนบทบาทและแนวโน้มของ Ict ในการเรียนการสอน
บทบาทและแนวโน้มของ Ict ในการเรียนการสอนU'rni Ukiko
 
ใบงานหน่วยที่ 4 สหกรณ์
ใบงานหน่วยที่ 4 สหกรณ์ใบงานหน่วยที่ 4 สหกรณ์
ใบงานหน่วยที่ 4 สหกรณ์Pazalulla Ing Chelsea
 
สุขฯ ม.2 หน่วย 8
สุขฯ ม.2 หน่วย 8สุขฯ ม.2 หน่วย 8
สุขฯ ม.2 หน่วย 8supap6259
 
รายงานการใช้สื่อCaiแบบง่าย
รายงานการใช้สื่อCaiแบบง่ายรายงานการใช้สื่อCaiแบบง่าย
รายงานการใช้สื่อCaiแบบง่ายJiraporn Chaimongkol
 
โครงงานภาพสวยด้วย Photoshop
โครงงานภาพสวยด้วย Photoshopโครงงานภาพสวยด้วย Photoshop
โครงงานภาพสวยด้วย Photoshopcheekymoodygirl92
 
โครงงานภาพสวยด้วย Photoshop
โครงงานภาพสวยด้วย Photoshopโครงงานภาพสวยด้วย Photoshop
โครงงานภาพสวยด้วย Photoshopcheekymoodygirl92
 
ใบงานที่9 16
ใบงานที่9 16ใบงานที่9 16
ใบงานที่9 16notnames
 

Similar to ใบความรู้1 (20)

IS1 การศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ กลุ่ม1
IS1  การศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ กลุ่ม1IS1  การศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ กลุ่ม1
IS1 การศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ กลุ่ม1
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่๔
แผนการจัดการเรียนรู้ที่๔แผนการจัดการเรียนรู้ที่๔
แผนการจัดการเรียนรู้ที่๔
 
หลักการเบื้องต้นแก้ปัญหาป.6
หลักการเบื้องต้นแก้ปัญหาป.6หลักการเบื้องต้นแก้ปัญหาป.6
หลักการเบื้องต้นแก้ปัญหาป.6
 
แบบสอบถาม
แบบสอบถาม แบบสอบถาม
แบบสอบถาม
 
4.แนวข้อสอบ o net สังคม(ม.3)
4.แนวข้อสอบ o net สังคม(ม.3)4.แนวข้อสอบ o net สังคม(ม.3)
4.แนวข้อสอบ o net สังคม(ม.3)
 
งานนำเสนอ การวิจัย การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ สพม.40
งานนำเสนอ การวิจัย การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ สพม.40งานนำเสนอ การวิจัย การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ สพม.40
งานนำเสนอ การวิจัย การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ สพม.40
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
งานแพง
งานแพงงานแพง
งานแพง
 
การวินิจฉัยชุมชน อ.สมเกียรติ
การวินิจฉัยชุมชน อ.สมเกียรติการวินิจฉัยชุมชน อ.สมเกียรติ
การวินิจฉัยชุมชน อ.สมเกียรติ
 
Ice research 30 08-2012 (absolutely2012)
Ice research 30 08-2012 (absolutely2012)Ice research 30 08-2012 (absolutely2012)
Ice research 30 08-2012 (absolutely2012)
 
บทบาทและแนวโน้มของ Ict ในการเรียนการสอน
บทบาทและแนวโน้มของ Ict ในการเรียนการสอนบทบาทและแนวโน้มของ Ict ในการเรียนการสอน
บทบาทและแนวโน้มของ Ict ในการเรียนการสอน
 
ใบงานหน่วยที่ 4 สหกรณ์
ใบงานหน่วยที่ 4 สหกรณ์ใบงานหน่วยที่ 4 สหกรณ์
ใบงานหน่วยที่ 4 สหกรณ์
 
สุขฯ ม.2 หน่วย 8
สุขฯ ม.2 หน่วย 8สุขฯ ม.2 หน่วย 8
สุขฯ ม.2 หน่วย 8
 
รายงานการใช้สื่อCaiแบบง่าย
รายงานการใช้สื่อCaiแบบง่ายรายงานการใช้สื่อCaiแบบง่าย
รายงานการใช้สื่อCaiแบบง่าย
 
โครงงานภาพสวยด้วย Photoshop
โครงงานภาพสวยด้วย Photoshopโครงงานภาพสวยด้วย Photoshop
โครงงานภาพสวยด้วย Photoshop
 
โครงงานภาพสวยด้วย Photoshop
โครงงานภาพสวยด้วย Photoshopโครงงานภาพสวยด้วย Photoshop
โครงงานภาพสวยด้วย Photoshop
 
ใบงานที่9 16
ใบงานที่9 16ใบงานที่9 16
ใบงานที่9 16
 
Chapter3
Chapter3Chapter3
Chapter3
 

ใบความรู้1

  • 1. ใบความรู้ที่1 เรื่อง การสารวจปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชน การสารวจปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชนที่ผู้เรียนอาศัยอยู่ซึ่งอาจจะทาเป็ นกลุ่มหรือเป็ นรายบุค คลก็ได้ โดยดาเนินการเป็ นขั้นตอนดังนี้ 1. สารวจปัญหา โดยวิธีสังเกต สัมภาษณ์ ใช้แบบสอบถามอย่างง่ายๆ แล้วเลือกปัญหาที่เห็นว่ามีผลกระทบต่อชุมชนมากที่สุดมา 1 ปัญหา 2. ศึกษาสภาพของปัญหา สาเหตุ ผลกระทบ การแก้ไขปัญหาของชุมชน โดยวิธีสังเกต สัมภาษณ์ ใช้แบบสอบถามเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เพียงพอและน่าเชื่อถือ 3. นาข้อมูลที่ได้จากข้อ 2. และจากประสบการณ์ของผู้เรียนเองที่ได้พบเห็นและเผชิญกับปัญหานั้นอยู่แล้ว มาเขียนเป็ นรายงานอย่างละเอียดตามหัวข้อต่อไปนี้ (อาจมีภาพถ่ายประกอบ) - สภาพปัญหา - สาเหตุของปัญหา - ผลกระทบที่เกิดขึ้น - วิธีการแก้ไขปัญหาที่ชุมชนปฏิบัติอยู่ - ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาของผู้เรียน 4. ให้ผู้เรียนแต่ละบุคคลหรือแต่ละกลุ่มนาเสนอรายงานของตนหน้าชั้นเรียนแล้วให้เพื่อนๆซักถ ามและแสดงความคิดเห็นพร้อมข้อเสนอแนะ (ผู้สอนอาจแนะนาให้ผู้เรียนนารายงานที่ทาเสร็จแล้วนี้ไปเสนอต่อเจ้าหน้าที่ ผู้นาหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารชุมชนนั้นๆ ก็ได้) กิจกรรมการสอนเหล่านี้นอกจากจะเป็ นการกระตุ้นให้ ผู้เรียนสนใจและเกิดการตื่นตัวต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชนของตนเองแล้ว ยังทาให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาในชุมชนของตนอีกด้วย และยังจะเป็ นการกระตุ้นหรือเป็ นแบบอย่างให้กับบุคคลอื่นๆ ในชุมชนกระทาตามได้ ในการดาเนินกิจกรรมทุกประเภทซึ่งรวมทั้งการบริหารงานสิ่งแวดล้อม จะต้องประกอบด้วยการจัดการซึ่งเป็ นกระบวนการที่สาคัญ เพราะการจัดการที่ดีจะช่วยลดปัญหาต่างๆ ลงได้
  • 2. การจัดการสิ่งแวดล้อมเป็ นการจัดการที่มีความจาเป็ นอย่างเร่งด่วน ซึ่งเราทุกคนต้องช่วยกันศึกษา หาความรู้ วิธีการนามาใช้ปฏิบัติ เพราะการจัดการที่ไม่ดีพอ โดยเฉพาะการจัดการสิ่งแวดล้อมจะก่อให้เกิดปัญหาและผลเสียหายต่างๆ ติดตามมาอย่างมากมายได้ ความหมายของการจัดการสิ่งแวดล้อม (Environmental managment) มีผู้ให้ความหมายไว้ดังนี้ การจัดการสิ่งแวดล้อม หมายถึงกระบวนการกระจายทรัพยากรที่สาคัญทั้งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติและที่มนุษย์สร้างขึ้ น เพื่อสนองความพอใจในการนาสิ่งแวดล้อมไปใช้อย่างเหมาะสม ในการเป็ นปัจจัยหลักและปัจจัยรองในอนาคต (Jolly, อ้างถึงในเกษม จันทร์แก้ว, 2525 : 202) การจัดการสิ่งแวดล้อม หมายถึง กระบวนการใช้สิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพและเป็ นระบบ โดยการวางแผน ดาเนินงาน ติดตามประเมินผลและปรับปรุง แก้ไขพัฒนาให้ดีขึ้น ทั้งนี้ต้องคานึงถึงการใช้อย่างประหยัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ใช้ให้ได้ยั่งยืน ยาวนานตลอดไป และเอื้ออานวยประโยชน์ต่อมวลมนุษย์และธรรมชาติให้มากที่สุด (วินัย วีระวัฒนานนท์,2540 : 185) การจัดการสิ่งแวดล้อม หมายถึงการพิจารณาตรวจสอบทรัพยากรในพื้นที่อย่างดี แล้วตัดสินใจว่าจะทาอะไรที่เราต้องการ โดยมิให้เกิดอันตรายมากจนทาให้สิ่งแวดล้อมที่มนุษย์อาศัยอยู่ต้องเสียไป (Winslow and Gubby, อ้างถึงในเกษม จันทร์แก้ว, 2525 : 203) จากความหมายของการจัดการสิ่งแวดล้อม มีสาระสาคัญพอสรุปได้ดังนี้ 1. การจัดการสิ่งแวดล้อมเป็ นการนาทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ตอบสนองความต้องการของมนุ ษย์ 2. การนาทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ต้องมีการวางแผนการใช้ที่ดี และเหมาะสม 3. การนาทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ต้องมีผลกระทบต่อมนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อมน้อยที่สุด 4. การนาทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ต้องยึดหลักการอนุรักษ์เสมอ ในปัจจุบันมีความจาเป็ นในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเหตุผลต่อไปนี้
  • 3. 1. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็ นปัจจัยที่จาเป็ นในการดารงชีวิตของมนุ ษย์ อัตราการเพิ่มเป็ นไปตามข้อจากัดทางธรรมชาติ ทาให้ไม่เพียงพอกับความต้องการของมนุษย์ซึ่งมีความต้องการเพิ่มขึ้นสูงมาก 2. ประชากรโลกเพิ่มขึ้น การพัฒนาทางเศรษฐกิจสังคมโดยใช้ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ทาให้มนุษย์เกิดพฤติกรรมในการบริโภคสูงขึ้น หรือเกิดค่านิยมในการบริโภคนิยมและวัตถุนิยม ทาให้การบริโภคของมนุษย์เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้ทรัพยากรธรรมชาติร่อยหร่อลง และเกิดวิกฤตสิ่งแวดล้อมทั้งระดับโลกและระดับท้องถิ่น เช่น เกิดภาวะโลกร้อนขึ้น ภัยพิบัติเพิ่มความรุนแรง พิษภัยจากสารพิษเพิ่มมากขึ้น เกิดความสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ดินเมื่อคุณภาพและป่ าไม้ถูกทาลายมากขึ้น เป็ นต้น 3. ทัศนคติ ความเชื่อ และขนบธรรมเนียมประเพณีบางอย่างของมนุษย์ ทาลายทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เช่น การถางป่ า เผาป่ า การเล่นกีฬาประเภทยิงนกตกปลา ล่าสัตว์การต้องการความสะดวกสบาย สนุกสนานโดยไม่คานึงถึงสิ่งแวดล้อม เช่น การสร้างถนน สร้างสนามกอล์ฟ สร้างรีสอร์ท การทาสงคราม การคมนาคมขนส่ง การค้าและบริการ การเกษตรและอุตสาหกรรม เป็ นต้น 4. นโยบายของรัฐบาล บางครั้งได้มีส่วนทาลายทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เช่น การให้สัมปทานแหล่งแร่ การสร้างเขื่อน และการพัฒนาโดยไม่คานึงถึงการรักษาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นในการจัดการสิ่งแวดล้อมให้บรรลุเป้ าหมายจะขึ้นอยู่กับหลักความจริงซึ่งเป็ นหลักการจั ดการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ควรนามาปฏิบัติดังนี้ (สุรินทร์ เศรษฐมานิต, อ้างถึงในกนก จันทร์ทอง,2541: 101) 1. สสารย่อมไม่สูญหายไปจากโลก แต่อาจเปลี่ยนจากรูปหนึ่งไปเป็ นอีกรูปหนึ่งได้ 2. สิ่งแวดล้อมเป็ นแหล่งทรัพยากร และเป็ นแหล่งรองรับของเสีย 3. สิ่งแวดล้อมเป็ นสิ่งที่มีราคา ไม่ว่าเราจะใช้สิ่งแวดล้อมในลักษณะใดก็ตาม 4. กฎของอุปสงค์และอุปทาน (Demand and supply) นอกจากนี้ในการจัดการสิ่งแวดล้อมจะมีขั้นตอนคล้ายคลึงกับการจัดการในด้านอื่นๆ ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนที่สาคัญดังนี้ 1. การศึกษาปัญหาและขอบเขต
  • 4. 2. การวิเคราะห์ขั้นตอนของการดาเนินการ 3. การเตรียมแผนงาน 4. การดาเนินการตามแผน 5. การประเมินผลและปรับปรุงการดาเนินการ เนื่องจากสิ่งแวดลอมมีความเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของมนุษย์มากมายดังนี้ 1. เป็ นแหล่งปัจจัยพื้นฐานในการดารงชีวิต มนุษย์ต้องอาศัยปัจจัยต่างๆที่มีอยู่ในสิ่งแวดล้อมเพื่อการดารงชีวิตดังนี้ 1.1 อาหารการดารงชีวิตของมนุษย์ต้องกินอาหารซึ่งมีแร่ธาตุและพลังงานต่างๆ จากพืชและสัตว์ อาศัยน้าที่หมุนเวียนอยู่ในธรรมชาติในการดื่มและใช้ อาศัยดินเป็ นแหล่งผลิตอาหารทั้งที่เป็นพืชและสัตว์ มนุษย์บางกลุ่มอาจกินเฉพาะพืชหรือเฉพาะสัตว์ กินทั้งอาหารสดและอาหารที่ทาให้สุกแล้ว การแสวงหาอาหารของมนุษย์ได้มีการพัฒนามาโดยลาดับ เริ่มต้นแสวงหาอาหารจากแหล่งธรรมชาติ การนาอาหารมาเก็บสะสมไว้ที่บ้าน จนถึงการรู้จักเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ และการผลิตอาหารจากทรัพยากรธรรมชาติได้เอง 1.2 ที่อยู่อาศัย เดิมทีมนุษย์อาศัยอยู่ตามแหล่งธรรมชาติ ต้องอาศัยหลับนอน พักผ่อนเลี้ยงดูสมาชิกครอบครัวตามร่มไม้ หุบเขาหรือถ้า ดัดแปลงธรรมชาติเพื่อป้ องกันภัยที่เป็ นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เช่น ฝนตกน้าท่วม แดดร้อน ฯลฯ ตลอดจนการสร้างที่อยู่อาศัย เพื่อป้ องกันภัยจากธรรมชาติ สัตว์อื่น รวมทั้งการป้ องกันภัยจากมนุษย์ด้วยกันเอง การเลือกที่อยู่อาศัยก็มักเลือกตามแหล่งที่สามารถหาอาหารและน้าได้สะดวกปลอดภัย ดังนั้นการเลือกทาเลที่อยู่อาศัยเป็ นความตั้งใจและเป็ นการกระทาที่ต้องมีความรู้เรื่องสิ่งแวดล้ อมเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ 1.3 เครื่องนุ่งห่ม เครื่องนุ่งห่มในสมัยแรกนั้นเป็ นการนาใบไม้ เยื่อไม้และหนังสัตว์ที่หาได้มาห่อหุ้มร่างกายเพื่อให้ความอบอุ่น หรืออาจนามาประดับร่างกายเพื่อแสดงความสามารถในการแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติ จากนั้นมีการผลิตเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มจากวัสดุที่หาได้ในถิ่นที่อยู่อาศัยสาหรับสมาชิกในครอบ ครัว ต่อมาการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของมนุษย์ทาให้เกิดการผลิตเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มเพื่อการค้า 1.4 ยารักษาโรค การสังเกตสิ่งแวดล้อมมนุษย์เริ่มใช้พืชสมุนไพรในการรักษาโรคภัยไข.เจ็บ โดยเอามาทั้งต้น กิ่ง ก้าน เปลือก แก่น ดอก ราก ต้มกินหรือทาครั้งละมากๆ ต่อมานักวิทยาศาสตร์ได้ใช้ตัวทาละลายที่เหมาะสม เช่น แอลกอฮอล์ อีเทอร์ สกัดเอาตัวยาแท้ ๆ จากส่วนต่างๆ ของต้นไม้ แล้วทาให้ตัวทาละลายระเหยไป
  • 5. เหลือแต่ตัวยาไว้ทาให้เป็ นผงหรือผลึก ใช้กินแต่น้อย นอกจากการสกัดตัวยาจากสมุนไพร มนุษย์ยังใช้วิธีสังเคราะห์ยาเลียนแบบตัวยาในสมุนไพรโดยใช้วัตถุดิบจากสิ่งแวดล้อม 2. สิ่งกาหนดการตั้งถิ่นฐานและชุมชน ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็ นปัจจัยที่เอื้อต่อการตั้งถิ่นฐานแ ละชุมชนของมนุษย์ เพราะมนุษย์ต้องอาศัยทรัพยากรธรรมชาติเหล่านั้นเป็ นปัจจัยในการดารงชีวิตในบริเวณพื้น ที่ที่อุดมสมบูรณ์ เช่น ที่ราบลุ่มแม่น้า ที่ราบรอบๆ ทะเลสาบ ที่ราบชายฝั่งทะเล จึงมักเป็ นแหล่งชุมชนโบราณที่ปรากฏหลักฐานอยู่จนปัจจุบัน เช่น อียิปต์ กรีก โรมัน จีน อินเดียและได้กลายเป็ นบริเวณที่มีประชากรหนาแน่นของโลก 3. ตัวกาหนดลักษณะอาชีพ มนุษย์ในแต่ละท้องถิ่นจะประกอบอาชีพแตกต่างกันไป ตามสภาพของพื้นที่และลักษณะของทรัพยากรธรรมชาติ เช่น บริเวณที่ราบลุ่มมักจะมีอาชีพทาเกษตรกรรม บริเวณชายทะเลหรือเกาะต่างๆ ก็จะทาการประมง บริเวณที่เป็ นแหล่งแร่ก็จะทาเหมืองแร่เป็ นอาชีพหลัก นอกจากนี้สภาพของพื้นที่และลักษณะของทรัพยากรธรรมชาติยังมีผลต่อการผลิตทั้งในด้าน ปริมาณและคุณภาพที่แตกต่างกันอีกด้วย 4. ตัวกาหนดรูปแบบของวัฒนธรรม รูปแบบวัฒนธรรมของมนุษย์แต่ละท้องถิ่น มีความแตกต่างกันไปตามลักษณะของการดาเนินชีวิตที่เป็นไปตามสภาพแวดล้อมของท้องถิ่ น เช่น การแต่งกาย การกินอาหาร ขนบธรรมเนียมประเพณี ตลอดจนความเชื่อและค่านิยมต่างๆ ล้วนถูกกาหนดให้มีรูปแบบที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของท้องถิ่นทั้งสิ้น นอกจากนี้สภาพแวดล้อมยังมีอิทธิพลต่อลักษณะนิสัยใจคอของมนุษย์อีกด้วย เช่น ในเขตอบอุ่นผู้คนมักมีนิสัยสุขุมรอบคอบ ใจเย็น กระตื้อรือร้น และขยัน แต่ในเขตร้อนผู้คนมักจะมีนิสัยที่ตรงข้ามกับเขตอบอุ่น เช่น เฉื่อยชา เกียจคร้าน ใจร้อน หงุดหงิดอารมณเสียง่าย ขาดความรอยคอบ ส่วนคนที่อาศัยอยู่ในป่ ามักมีนิสัยดุร้าย ชอบการต่อสู้ และผจญภัย 5. กิจกรรมทางด้านการเมือง
  • 6. หน่วยการเมืองที่ตั้งกระจัดกระจายอยู่ในส่วนต่างๆ ของโลก จะรวมตัวเป็ นหน่วยเดียวกันได้จะต้องมีสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์คล้ายคลึงกันมากที่สุด ส่วนการดาเนินกิจกรรมทางการเมืองจะเป็ นมิตรหรือศัตรูกันหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับความกดดันทางด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็ นต้นว่าถ้าเกิดความไม่ สมดุลของทรัพยากรธรรมชาติกับจานวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้น หรือพรมแดนธรรมชาติที่เป็ นร่องน้ามีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ หรือเกิดความแตกต่างในลัทธิความเชื่อทางศาสนา ตัวอย่างเช่น การที่กองทัพญี่ปุ่ นเขายึดครองเกาะไต้หวัน และแมนจูของจีนในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็ นเพาะญี่ปุ่ นเกิดปัญหาเรื่องอาหารไม่พอเพียงสาหรับเลี้ยงประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และดินแดนของจีนทั้งสองแห่งมีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชผลที่ญี่ปุ่ นต้องการ หรือกรณีความแตกต่างในเรื่องลัทธิศาสนาจนเป็ นเหตุทาให้อินเดียและปากีสถานต้องแยกห น่วยการเมืองออกจากกันและเป็ นศัตรูต่อกันจนถึงปัจจุบัน เป็ นต้น จะเห็นได้ว่า สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติมีความสาคัญต่อชีวิตความเป็ นอยู่ของมนุษย์ โดยเฉพาะทรัพยากรธรรมชาติเป็ นสิ่งที่คอยค้าจุนความเจริญของมนุษย์ในทุกๆ ด้าน การศึกษาทางวิ ทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมทาให้ ประชาชนหรือชุมชนรู้จักใช้ ประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติเหล่านั้นอย่างชาญฉลาดแล้ว ประชาชนจะมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจอยู่ดีกินดีมีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่ในทางตรงกันข้าม ประเทศหรือชุมชนใดที่ขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติหรือประชาชนขาดความรู้ความเข้าใจ และไม่ตระหนักในคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ใช้ทรัพยากรอย่างฟุ่มเฟือย ขาดความระมัดระวัง และความรับผิดชอบต่อการใช้และบารุงรักษา ก็จะทาให้ทรัพยากรธรรมชาติต้องสูญเสียไปอย่างไม่คุ้มค่าและขาดแคลนในที่สุด แล้วชุมชนหรือประเทศนั้นก็ตกอยู่ในฐานะที่ยากจน คุณภาพชีวิตต่า ปัญหาความวุ่นวายต่างๆ ก็จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลายต่อหลายครั้งที่พบว่า ภัยพิบัติทางสิ่งแวดล้อมบางส่วนเนื่องมาจากผลการพัฒนาที่มิได้คานึงถึงสิ่งแวดล้อม ดังนั้นแนวความคิดที่ถูกต้องในการพัฒนาก็คือ การพัฒนาที่คานึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผลการพัฒนานั้นก่อให้เกิดผลดีแก่ชีวิตมนุษย์ ในปัจจุบันรัฐบาลของหลายประเทศจึงหันมาให้ความสาคัญในเรื่องของการพัฒนาสิ่งแวดล้อ ม เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้อยู่ในระดับมาตรฐาน นั่นคือการอยู่ดีกินดีของประชาชนในสังคมให้ดีขึ้นภายในกรอบและขอบเขตความเป็ นจริง ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับเอกลักษณ์ระดับมาตรฐานสภาพความเป็ นอยู่ขนบธรรมเนียมประเพ ณี วัฒนธรรม สังคม
  • 7. การพัฒนาเพื่อคุณภาพแห่งชีวิตนั้น ก็คือความพยายามร่วมกันในอันที่จะใช้ทรัพยากรอันมีค่าของชาติให้ เกิดผลดี ที่สุดและสอดคล้องกับชีวิตจิตใจความเป็ นอยู่และวัฒนธรรมของชาติให้มากที่สุดในความพย ายามร่วมกันนี้จาเป็ นอย่างยิ่งที่จะต้องเป็ นไปในรูปแบบของสหวิทยาการ (วิชาการหลายสาขาร่วมกัน) เพื่อให้แน่ใจได้ว่าโครงการพัฒนาทั้งมวลจะต้องไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือหากว่ามีก็ จะต้องน้อยที่สุด หลักปฏิบัติพื้นฐานอันเป็ นหลักทั่วไปของโครงการพัฒนาต่างๆ ควรจะต้องคานึงถึงหลักสาคัญต่างๆ ดังต่อไปนี้ 1. ผลดีในทางเศรษฐกิจ 2. ความเหมาะสมในทางสังคม 3. เป็ นสิ่งที่เป็ นไปได้ในทางเทคโนโลยี 4. เป็ นสิ่งที่ยอมรับได้ในด้านสิ่งแวดล้อม
  • 8. ใบความรู้2 เรื่องสั้นเรื่อง ของฟรีที่มีในโลก… โดย ลมกังหัน ของฟรีไม่มีในโลก เป็นคาพร่าราพันของนักเศรษฐศาสตร์มาหลายยุคหลายสมัย และพวก เราเองก็ยอมเชื่อว่าเป็นเช่นนั้น ‘ของฟรีมีในโลกสิ’ หนึ่งในมดตะนอยที่กาลังเดินขวักไขว่เป็นริ้วแถวกล่าว ‘ใช่แล้ว บางอย่างแค่เรานั่งเฉย ๆ ก็ได้มาฟรี ๆ’ กระต่ายพันธุ์รอฟตัวกลมสีน้าตาลในกรงสี ฟ้าพูดเสริมขณะแทะอาหารที่เจ้าของยืนส่งให้ มันคงหมายถึงอาหารในปากมันนั่นเอง ฝนเริ่มตั้งเค้ากลางฤดูหนาว เจ้าของกระต่ายจึงหิ้วกรงกระต่ายเข้ามาในชานบ้านซึ่งปกคลุม ด้วยหลังคาขนาดย่อมแต่ป้องกันฝนสาดได้ดีเยี่ยม ในกรงที่หิ้วมามีกระต่ายอยู่ด้วย ไม่ได้หิ้วมา แต่ กรง ดังนั้นกระต่ายจึงไม่เปียกฝน เจ้าของกระต่ายผิวปากอย่างอารมณ์ดี และเชื่อว่า ‘ฝน’ เป็นสิ่ง หนึ่งที่มดตะนอยและกระต่ายกล่าวว่าเป็นของฟรีที่มีในโลก เจ้าของกระต่ายยังนั่งอยู่นอกบ้านรอให้ฝนเม็ดน้อย ๆ ตกแหมะลงมา บนพื้นเพราะเจ้าของ
  • 9. กระต่ายแอบชอบน้องน้าฝน แต่ฝนในเมืองโดยเฉพาะเมืองกรุงเทพ ฯ มักจะถูกเรียกว่าฝนกรด ซึ่ง เป็นคนละฝนกับที่เจ้าของกระต่ายแอบชอบ ถึงกระนั้นฝนกรดก็เป็นส่วนสาคัญที่ทาให้ต้นไม้ใบ หญ้าในเมืองเจริญเติบโต เจ้าของกระต่ายอดคิดไม่ได้ว่าต้นไม้ต้องการน้า ดิน อากาศ ส่วนสัตว์ น้อยใหญ่ต้องการน้า อาหาร อากาศ ที่หลบฝนและลมหนาว แต่เจ้าของกระต่าย กับเพื่อนในสปีชี่ เดียวกันมักต้องการมากกว่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เจ้าของกระต่ายเริ่มรู้สึกละอายใจที่ตัวเองมี ความต้องการมากกว่ากระต่ายอ้วนจอมตะกละซึ่งเขาเป็นเจ้าของตัวนี้ กระต่ายอ้วนสีน้าตาลจ้องมองคนที่ให้อาหารอยู่ทุกวันตาแป๋ว แล้วจีบปากจีบคอพูดว่า ‘วันหลังอย่าบอกว่าฉันตะกละอีกหละ’ ฝนตกลงมาพอเป็นพิธีช่วยชาระขี้ไคลบนใบไม้ไปได้บ้าง แต่คงไม่ใช่กับต้นหญ้า ช่อน้อย ใหญ่ทั้งหลายที่อยู่ต่าลงไปจนเกือบจะติดดิน พยานก็คือพื้นซึ่งเจิ่งนองไปด้วยหย่อมโคลน อาจ เฉอะแฉะแต่ กระต่ายอ้วนและเจ้าของกระต่ายไม่ได้รับความเปียกชื้นใด ๆ จากฝนแม้แต่น้อย หลังคาบ้านทาหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี อากาศหลังฝนหยุดจะมีกลิ่นของดิน และใบไม้จาง ๆ
  • 10. ทาให้รู้สึกเหมือนกาลังอยู่ในส่วนหนึ่งของชนบท แต่ความรู้สึกที่เป็นชนบทจริง ๆ นั้นเจ้าของ กระต่าย รวมถึงกระต่ายเอง ก็แทบจะจาไม่ได้ว่าเป็นอย่างไร เพราะทั้งคู่ไม่ได้มีโอกาสอยู่ใน ชนบทนานนัก ซ้ายังต้องอดอู้อยู่ในเมืองที่แออัดแห่งนี้อย่างช่วยไม่ได้ เจ้าของกระต่าย และ กระต่ายจึงทาได้แค่หายใจเอาความรู้สึกชนบทปลอม ๆ เข้าไปให้สมควรแก่ความจุปอด ‘เจอของฟรีอีกอันแล้ว!’ มดตะนอยที่หลบฝนอยู่ด้วยกันโพล่งออกมา กระต่ายอ้วนสีน้าตาลทาท่าทางตื่นตระหนก แต่เจ้าของรู้ว่ากระต่ายอ้วนแกล้งทาเพื่อ เรียกร้องความสนใจ เจ้าของกระต่ายจึงปล่อยให้กระต่ายขี้จุ๊ทาท่าทางตกใจต่อไปโดยไม่ใส่ใจ ตอนนี้สมองของเขากาลังจับจ้องอยู่ที่คาพูดของมดตะนอย ของฟรีที่มดตะนอยว่าคืออะไรกัน? เจ้าของกระต่ายเริ่มคิดประมวลผลหาคาตอบ และด้วย ความที่เขาเป็นสิ่งมีชีวิตในสปีชี่ที่มีสมองใหญ่โตที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับขนาดตัว จึงคงไม่ยาก นักที่จะหาคาตอบออกมาได้ เจ้าของกระต่ายคิดออกแล้ว จึงกระหยิ่มยิ้มย่องในใจแล้วหันไปลอง เชิงกระต่ายอ้วนดูบ้าง
  • 11. กระต่ายอ้วนเห็นเจ้าของลองภูมิก็ทาท่าเลิ่กลั่กแอบส่งซิกไปยังมดตะนอย แต่มดตะนอยผู้ ซื่อสัตย์เห็นการโกงอย่างโจ่งครึ้ม (ภาษาไทยที่ถูกต้องคือโจ่งแจ้ง) ของกระต่ายอ้วน แล้วรับไม่ได้ จึงพูดออกมาดัง ๆ ให้สาแก่ใจว่า ‘ก็อากาศที่หายใจเข้าไปอยู่นี่ไง’ แม้จะเสียฟอร์มไปบ้างแต่กระต่ายอ้วน ก็กระจ่างชัดในคาตอบ ที่สงสัย ถึงตอนนี้กระต่าย อ้วนคงนอนตายตาหลับแล้ว เพียงแต่เจ้าของกระต่ายยังไม่ยอมให้กระต่ายอ้วนตาย นั่นอาจเพราะ กระต่ายอ้วนยังไม่เคยผลิตกระต่ายตัวอื่นออกมา หรือเพราะเจ้าของกระต่ายเริ่มตระหนักว่า สิ่ง ที่ ได้มาโดยไม่ต้องเสียอะไร ยังมีอีกมากมาย เขาจึงถือโอกาสอธิบายเพิ่มเติมให้ทั้งสองฟัง ก่อนจะ กลับเข้าไปนอนในบ้าน ‘แสงแดด’ ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่โลกให้เรามาฟรี ๆ เขากล่าว มาถึงตอนนี้มดตะนอยค่อนข้างไม่เห็นด้วยกับ เจ้าของกระต่าย แม้แต่กระต่ายอ้วนก็คิด เช่นเดียวกัน ทั้งสองแย้งว่าแสงแดดมาจากดวงอาทิตย์ ไม่ใช่โลก เจ้าของกระต่ายจึงชี้นิ้วขึ้น
  • 12. ท้องฟ้าเพื่อให้ทั้งคู่มองตาม เขากวาดมือรอบ ๆ ดวงอาทิตย์ที่อยู่ไกลออกไป ซึ่งอาจจะเห็นเพียง ก้อนเมฆกับแสงแดดที่ทะลุทะลวงผ่านลงมา เจ้าของกระต่ายซึ่งตอนนี้อาจกาลังจ้องจะเป็ นเจ้าของ มดตะนอยด้วยอธิบายต่อไปว่า แสงแดดที่ส่องลงมายังพื้นโลกนั้นเป็ นแสงแดดที่มีความแรง เหมาะสมจากการรองรับของชั้นบรรยากาศโลก ซึ่งนั่นทาให้ทาไมกระต่ายยังเป็นกระต่าย และมด ตะนอยยังเป็นมดตะนอย ไม่กลายเป็นกระต่ายเผา หรือมดตะนอยตากแห้ง กระต่ายเผา กับมดตะนอยตากแห้งรู้สึกหวาดเสียวที่เห็นภาพตัวเองกาลังไหม้เกรียม แต่ก็ โล่งใจที่มันเป็นแค่เรื่องสมมติ เมื่อเห็นว่าทั้งสองเข้าใจดีแล้ว เจ้าของกระต่ายและว่าที่เจ้าของมด ตะนอยก็ลุกจากที่นั่งหินอ่อนก่อนบิดเอวไปมาพร้อมโบกมือร่าลาเพื่อนตัวน้อย กลับเข้าไปงีบใน บ้านตามความต้องการข้างต้น เขารู้ว่าการนอนเป็นความต้องการพื้นฐานของสัตว์โลก จึงงีบนอน ได้อย่างสบายใจโดยไม่ตะขิดตะขวง กระต่ายอ้วนสีน้าตาลที่มีอดีตฉายาจอมตะกละเริ่มง่วงเช่นเดียวกับเจ้าของกระต่า ย เลยถือ โอกาสยืดกายให้ยาวเหยียดภายในกรงสีฟ้าก่อนเข้าสู่นิทรา ส่วนมดตะนอยที่เจ้าของกระต่ายเริ่ม
  • 13. โมเมเอาว่าเป็นเจ้าของไปแล้ว ก็กาลังเดินหาอาหารตามหน้าที่ต่อไป จิ้งจกสีขาวเผือกตัวเขื่องซึ่งกาลังติดแหมะอยู่บน ผนังบ้านเจ้าของกระต่าย ฟัง บทสนทนา มาโดยตลอด ก็เกิดไอเดียร์ใสปิ๊งปั๊งไต่ขึ้น ไปยังจุดสูงสุดของผนังกาแพง แล้ว กวาดเท้าหรือตีน สูญญากาศ เกาะเกี่ยวขึ้นไปบนหลังคาบ้าน เป้าหมายคือจุดที่สามารถรับรู้ พลังของชั้นบรรยากาศ อันไร้ขอบเขตได้ยวดยิ่ง เมื่อมาถึงยังที่หมาย คุณจิ้งจกตัวละครใหม่ของเรื่องนี้ก็สูดลมหายใจเข้า ปอดอย่างช้า ๆ เนิบนาบ พร้อมกับปล่อยให้ผิวกายเปลือยใสสัมผัสแสงแดดอ่อน ๆ ที่สาดส่องลง มา สีผิวขาวซีดของคุณจิ้งจกกาลังจะเปลี่ยนเป็นสีเดียวกับหลังคาที่เกาะอยู่ และ ณ วินาทีนี้เองคุณ จิ้งจกก็ได้ซึมซับคุณค่าของฟรีที่โลกให้มาเช่นเดียวกับเจ้าของกระต่าย กระต่ายอ้วน และมด ตะนอย หลังคา นิ่ง ๆ เพื่อรับความรู้สึกนี้สักพัก แล้วค่อย ๆ ขยับร่างบอบบางแต่ บึกบึนลงมาจากหลังคา ขณะไต่กลับไปยังกาแพงเบื้องล่าง คุณจิ้งจกก็มีแผนการที่จะพาครอบครัว ออกมารับแสงแดดและไออุ่นของโลกอย่างพร้อมเพียงกันในวันพรุ่งนี้
  • 14. ...................... “เธอมีอะไรให้ฉันฟรี ๆ อีกรึเปล่า” มนุษย์คนหนึ่งถามเพื่อนตัวใหญ่ของเขาหลังอ่านเรื่องด้านบนจบ “ฉันก็ให้เธอได้หมดทุกอย่างเท่าที่ฉันมีนั่นแหละ” โลกหันไปบอกเพื่อนตัวน้อยด้วยความเอ็นดู “จริงเหรอ” มนุษย์ผู้ขี้สงสัยอยากได้ยินคาตอบอีกครั้ง “จริงสิ... และฉันก็ไม่เคยคิดตังเธอด้วยนะ” โลกยืนยันพร้อมหัวเราะให้กับเพื่อนตัวน้อยของเขา มนุษย์ตัวกระจ่อยรู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก “สักวันฉันจะตอบแทนเธอ” เขาสัญญากับโลกอย่าง หนักแน่น ใบงาน เรื่องสั้นเรื่อง วันที่ธรรมชาติหยุดเคลื่อนไหว… โดย วิษ’ แทนบุญ ข้าว-ต้ม-มัด !! “โรงชาย ”เป็นชื่อเรียกสถานที่ กินข้าว ของพวกเรา (หมายถึง นักศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น) ย่อมาจากโรงอาหารชาย ตั้งอยู่ตรงข้ามกับหอพักนักศึกษาหญิง (หอ 26) อ้าว...แล้วทาไมเรียกโรงอาหารชาย
  • 15. ก็เพราะว่า นักศึกษาชายหลายคน ชอบมานั่งมองนักศึกษาหญิงตากเสื้อผ้า และตากชุด ชั้นใน เลยเรียกโรงอาหารนี้ว่า โรงชาย บรรทัดข้างบนผมพูดเล่นครับ ! บริเวณนั้นนอกจากจะมีหอพักหญิงแล้วก็ยังมีหอพักชายอีกหลายหอเช่นกัน และหนึ่งใน หอพักหญิงที่ติดกับหอ 26 นั้น ในอดีตก็เคยเป็นหอพักชาย จึงไม่แปลกใจถ้าเราพบ “โถฉี่” ใน ห้องน้าของหอหญิงนั้น …. กลับมาที่โรงอาหารชายมีร้านอาหารร้านหนึ่ง ขาย “ข้าวต้มมัด” และผมชอบกินมันมาก ข้าวต้มมัด จะถูกห่อด้วยใบตอง ทุกครั้งเวลาผมกินข้าวต้มมัด จะมีหมาตัวหนึ่งชอบมาเดินวนไปเวียนมารอบ ๆโต๊ะที่ผมนั่ง มันอยากกินข้าวต้มมัดหรือ ? …… ใบตองกับขนมไทย ในสายตาผม มันเป็นสิ่งที่เกิดมาคู่กัน เหมือนดั่งเช่น
  • 16. ภราดรกับนาตาลี หน่อยกับเคน และผมกับน้องแตงโม เอ่อ...คู่หลังนี้ผมมั่วเอาเองครับ แต่คู่กันอย่างไร ในที่สุดมันก็ต้อง จาก-กัน (หมายถึงใบตองกับขนมไทย) ผมเริ่มเห็น ขนมไทย กับ กล่องโฟม ใครจะมานั่งปลูกต้นกล้วย และรอตัดใบตอง เข้าร้านโชว์ห่วย จ่ายเงิน ซื้อกล่องโฟม ง่ายกว่าและสะดวกกว่า ใช่ไหมครับ ใช่ ! เพราะ ความง่ายกว่าและสะดวกกว่า นี้แหละ ที่ทาให้ใบตองเริ่มหายไป ใบตองเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้น นั้นคงจะไม่ผิดถ้าผมจะเขียนว่า “ความง่ายกว่าและสะดวกกว่า นี้แหละ ทาให้ธรรมชาติเริ่มหายไป ………………………. มันยังอยู่ที่เดิม หมาที่วนไปเวียนมารอบๆโต๊ะผม มันอยากกินข้าวต้มมัดหรือ ? ผมแบ่งข้าวต้มมัด เศษ 1 ส่วน 4 วางลงบนใบตอง ให้มัน
  • 17. ………………… ไม่ใช่แค่ใบตองที่หายใบ ถ้าลองนึกไปในอดีตอันไกลโพ้น... โน้น....โน้นนนนนน กระเป๋าผ้า ตะกร้าหวาย ก็หายไป จ่ายตลาดแต่ละที “มีแต่ถุงพลาสติก” ใครจะมา เชยหิ้ว ตะกร้าหวายหรือถุงผ้า กันเล่า ?? ใช่ !! ความคิดที่ว่า “กูจะเชย”ทาให้ ธรรมชาติเริ่มหายไป …… หมาตัวนั้น มันไม่ได้กินข้าวต้มมัด มันแค่รอเลียใบตองที่ห่อข้าวต้มมัด และรอเห่า เมื่อใบตองนั้นแห้ง ………….. ใช่ !!! ธรรมชาติเริ่มหายไป ......................
  • 18. “ทาไมพวกเธอถึงเลิกใช้พวกใบตอหละ” วันนี้โลกเอ่ยถามเพื่อนตัวน้อยก่อนบ้าง “ก็กล่องพลาสติกมันสะดวกกว่าหนะสิ” “แต่มันก็ย่อยสลายยากนะ ใคร ๆ ก็รู้” โลกกล่าวโต้แย้ง “ใช่หละ! กว่าพลาสติกจะย่อยสลายหมดก็ใช้เวลาตั้งหลายร้อยปี แต่ตอนนี้ก็มีคนผลิตพลาสติกที่ทา จากธรรมชาติและย่อยสลายภายในไม่กี่วันแล้วนะ ไม่เป็นอันตรายด้วย” มนุษย์ตัวน้อยกล่าวอวด “เหรอ ดีจัง มีคนใช้กันเยอะรึเปล่า?” โลกถามต่ออย่างตื่นเต้น “ก็มีบ้างในประเทศที่ร่ารวย แต่แทบจะไม่มีเลยในประเทศที่ยากจน เพราะมันแพงมากเมื่อเทียบกับ พลาสติกแบบเดิม” “ว้า ... คงต้องรอไปอีกสักพักสินะ” โลกกล่าว เขาภาวนาให้วันที่ทุกคนหันมาใช้โฟมชีวภาพหรือ กลับไปใช้ใบตองมาถึงไว ๆ ใบงาน เรื่องสั้นเรื่อง รักเรา รักษ์โลก… โดย ดาริกามณี
  • 19. เมื่อคนเหงาสองคนมาพบกัน พวกเขาเหมือนรู้จักกันมาทั้งชีวิต... ประโยคโรแมนติกบัดซบจากหนังสักเรื่อง ซึ่งก็จาไม่ได้แล้ว แต่ก่อนที่คนเหงาทั้งสองคนจะมาพบกัน ย่อมมีใครสักคนหรือทั้งสองคนนั่นแหละที่เหงา และบางทีมันอาจจะเหงาบัดซบ... ในท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองหลวง และคนส่วนหนึ่งเป็น โสด โสดเพราะไม่แต่งงาน คาว่าไม่แต่งงานหมายความรวมถึง ไม่ได้แต่งงานและไม่ยอมแต่งงาน ซึ่งกรณีแรก เหตุปัจจัยอาจจะมากมายจนทาให้ไม่ได้แต่ง แต่กรณีหลัง นั่นเป็นเพราะหัวใจเพียง อย่างเดียว... ไม่รู้หรอกว่าในกรณีของเราสองคน ใครเหงากว่ากัน และเราต่างก็ลืมไปแล้วว่าอะไรดลใจ ให้เราสองคนมาใช้ชีวิตด้วยกัน...ในความผิดแผกแตกต่างแทบทุกอย่างของชีวิต เว้นแต่เพียงความ เหงาเท่านั้นที่เราเหมือนกันสนิท... “ผมบอกคุณกี่ครั้งแล้วว่าเวลาไปทอปส์น่ะ ให้เค้าใส่มาในถุงใหญ่ถุงเดียวเลย หรือไม่คุณก็ เอาถุงผ้าไปด้วยจะได้ไม่ต้องใช้ถุงพลาสติก ผมราคาญเสียงกรอบๆๆๆๆ ของมันเต็มที อ้อ แล้วไอ้
  • 20. พวกอาหารกล่องโฟมเนี่ย ได้โปรด เป็นไปได้อย่าซื้อมาได้มั้ย รู้ไหมว่าโฟมน่ะ มันสร้างมลภาวะ ให้สิ่งแวดล้อมแค่ไหน ” และอีกสารพัดที่จะสรรหาเรื่องบ่นอยู่ได้ทุกวี่วัน เขาซึ่งเป็นผู้ชาย แมน เต็มร้อย เป็นศิลปิน เป็นจิตรกรหนุ่มผมยาว (ดีหน่อยที่มันสะอาด) มันช่างขัดกับบุคลิกเหลือร้าย กับเรื่องจุกจิกทั้งหลายที่เขาเป็น... “พระเจ้า คุณทิ้งขวดพลาสติกพวกนี้ลงขยะไปหน้าตาเฉย ทูนหัว ได้โปรดล้างมันก่อน แล้วค่อยหย่อนลงถังขยะแบบรีไซเคิล โอเค นี่ผมอุตส่าห์สรรสร้างงานศิลปะชั้นเลิศเพื่อคุณแล้ว นะ” ซึ่งมันก็คือ ตะกร้าหวายสาหรับรับลูกบอลในกีฬาแชร์บอลที่เขาเอามาดัดแปลงเป็นถังขยะรี ไซเคิล และเศษอาหาร เธอไม่รู้หรอกว่าเขาไปได้รับอิทธิพลเหล่านี้มาจากไหน บางทีอาจจะเป็นหนังสักเรื่อง...และ ถ้าจาไม่ผิด มันต้องเป็น An Inconvenient Truth หนังสารคดีของอดีตรองประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา อัล กอร์ (Al Gore) เป็นแน่... แน่ล่ะ, จะมีกิจกรรมอะไรในเมืองหลวงให้ทามากไปกว่าดูหนังสาหรับสองหนุ่มสาวที่เพิ่ง
  • 21. รักกันนอกจากดูหนัง แล้วก็แจ็คพ็อตหนังที่ดูเป็นหนังสารคดี... ซึ่งเนื้อหาของหนังเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ด้วยวิกฤตการณ์สภาวะโลกร้อน หรือ Global Warming ในเรื่อง- มีการเปรียบเทียบปริมาณหิมะใน อดีตกับปัจจุบันของสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก เช่น เทือกเขาหิมาลัยกับเทือกเขาคิลิมันจาโร ซึ่งมีปริมาณ หิมะลดลง ขั้วโลกเหนือกับขั้วโลกใต้ กระทั่งธารน้าแข็งทั่วโลกที่กาลังละลาย แล้วก็เกิดภัย ธรรมชาติตามมาไม่ว่าจะเป็น ฝนแล้ง น้าท่วม และเกิดพายุหากโลกยังร้อนขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายแล้ว แผ่นน้าแข็ง หรือ Ice sheets ที่ขั้วโลกใต้และแอตแลนติกเหนือก็จะละลายหมด… เถอะ, แต่ใครจะ คิดว่าพ่อคุณทูนหัวจะ “อิน” ขนาดนี้ “ยังไง ก็ต้องทิ้งอยู่ดี แล้วจะล้างให้เปลืองน้าไปทาไม” “เอ๊า คุณนี่ก็...โอเค แม่ประหยัดแห่งชาติ ให้ดาวคุณไปหนึ่งดวง ในฐานะที่ช่วยกัน ประหยัดน้า” มองในแง่ดีอีก... “แต่ผมว่าคุณเลิกซื้อผลิตภัณฑ์จากขวดพลาสติกเลยจะดีที่สุด” “เฮ่ย นี่มันปีสองพันเจ็ดนะคุณ ใครจะมาถือกระบอกไม้ไผ่เดินโทงๆ ดื่มน้าอักๆ อยู่นั่น”
  • 22. “คุณก็ขี้ขาเหมือนกันเนาะ ผู้หญิงเค้าไม่โทงๆ กันหรอก... เออ ถ้ามันเลี่ยงไม่ได้ขนาดนั้น ก็ อย่ากินน้าเป็นดีที่สุด อ่ะ... ล้อเล่น อย่าทาตาเขียวปั้ด และตั้งท่าจะเถียงผม ความรักจะอยู่คู่เรา เพราะงั้น ยาหยี ไม่ต้องเถียงแล้วมาช่วยทาให้ผมของผมมันดูดีกว่านี้หน่อยเถอะได้โปรด ผมรู้สึก ว่ามันจะหวีไม่ลงแล้ว” “สีน้ามัน สีน้าเงิน ติดอยู่เต็มหัวคุณ...” “โอ้ว พระเจ้า สีน้าเงินของสีน้ามัน ร้ายกาจกว่าที่ผมคิดชิบเป๋ง แต่ช่างหัวผมเถอะ ผมไม่ อยากยุ่งกับผมสักพัก แล้วไปหากิจกรรมที่ประหยัดไฟทากันดีกว่า” นั่นแหละ... เรื่องของเราสองคนล่ะ น่าแปลกที่พวกเราก็อยู่กันได้ อาจเพราะความรัก หรือ อาจจะไม่ใช่ เราต่างก็ไม่มีข้อสรุปในเรื่องนี้ ที่แน่ๆ เราไม่คิดจะหาข้อสรุป เพราะการใช้ชีวิต ร่วมกัน หลักสาคัญมีไม่กี่อย่างเท่านั้น แน่นอน, หนึ่งในนั้นคือการยอมรับและให้อภัยซึ่งกันและ กันเสมอ ซึ่งน้อยนักที่คนยุคนี้จะมี จึงไม่แปลกที่การล่มสลายของชีวิตคู่จะขึ้นอยู่กับเหตุผลหลักๆ สองอย่างนี้ แค่คาว่า “ยอมรับ และให้อภัย” ถ้าทาได้จริง ก็ไม่ต้องมานั่งสงสัยว่าทาไมถึง “ยังโสด”
  • 23. “คุณกาลังวาดรูปเกี่ยวกับอะไรคะ” “อ้อ เซตนี้เป็นเรื่อง Global warming ยูโน๊ว... ภาวะโลกร้อนน่ะ ออเดอร์สดซิงจากมูลนิธิ ป้องกันภาวะเรือนกระจกแห่งชาติ” “ทาไมเค้าเลือกคุณล่ะคะ” “ก็ผมเจ๋ง” “ฉันไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ มันไกลตัวเกินไป” “ใครบอก คุณนี่ตกข่าวเรื่อยเลย ไม่เจ็บมั่งหรือไง รู้ไหมว่า ตอนนี้เค้ารณรงค์เรื่องโลกร้อน กันแค่ไหน บางประเทศสนับสนุนการเปลี่ยนมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม แทนน้ามัน ซึ่งเป็นสาเหตุ ของการเกิดคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2 ที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดภาวะเรือนกระจก Greenhouse gases แล้วคุณคงไม่รู้แน่เลยว่า ภาวะโลกร้อนเนี่ยเกิดจากน้ามือมนุษย์เกือบทั้งหมด โดยเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรม ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าและเชื้อเพลิงสูงมาก ทาให้การปล่อยก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ สูงด้วย เป็นไง นอกจากจะหน้าตาดี แล้วผมยังฉลาดด้วยใช่ไหม”
  • 24. “กว่าที่คิดเลยแหละ” “หนังสือกองเป็นตั้ง ข้อมูลจาก Internet อีกเพียบ, ไม่ให้รู้ก็เกินไปแล้ว เออ นี่ผมเพิ่งไป อ่านเจอว่าเค้ามีคู่มือช่วยลดภาวะโลกร้อนฉบับสามัญชนด้วยนะ ยกตัวอย่างให้สุดที่รักของผม ทราบ...เช่น ลดการใช้รถส่วนตัว ลดขยะในบ้าน ลดการใช้พลาสติก เป็นไปได้ก็งดใช้กล่องโฟม ซะ และที่สาคัญ ประหยัดไฟ” “ถ้าสมมติ คุณได้คอนเสปท์ สัตว์ป่า มาคุณจะทายังไงคะ” “ก็เข้าป่าสิ...คิดว่าผมจะเอามันเข้าบ้านหรือไง” “ก็แค่แปลกใจ เห็นคุณอินกับเรื่องที่กาลังทาเสียเหลือเกินนี่คะ” “อ๊ะ แต่ก็นั่นล่ะนะ ขออีกหน่อย ตอนนี้สัตว์ป่าเองก็กาลังเผชิญกับปัญหาโลกร้อนเหมือน คนเลย ตอนนี้น้าแข็งขั้วโลกกาลังละลาย สัตว์ที่อาศัยแถบนั้นอย่างเจ้า Polar Bear นี่ใกล้จะสูญ พันธุ์แล้วเพราะน้าแข็งละลายแล้วเค้าไม่มีที่กระทั่งจะยืน คุณนึกออกไหม หมีขั้วโลกที่ชอบยืน อ้วนอยู่บนไอซ์ชีทน่ะ ทีนี้นะ พอถึงอนาคตน้าจืดลดลง ก็จะทาให้เกิดปัญหาเรื่องการเกษตร การ
  • 25. ประมง ปลาตาย สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสูญพันธ์เกิดไฟไหม้ป่า น้าท่วม พายุกระหน่าซ้าอีก เดี๋ยว พวกเราก็ตายกันหมดเหมือนกัน” “คุณไม่เหมาะกับมาดนักอนุรักษ์เลยจริงๆ” “ผมก็เป็นแบบนี้แหละ เป็นไปตามสถานการณ์ ปรับตัวให้เข้ากับโลกที่อาศัยอยู่ แต่เรื่อง ถุงพลาสติกนี่เป็นนิสัยของผมมานานแล้ว ผมไม่ชอบเสียงของมัน เหมือนโรคจิต ยิ่งดึกๆ กาลัง หลับ แล้วใครทะลึ่งหิ้วถุงพลาสติกเข้ามาให้ได้ยินเสียง แกรกๆ ของมันนะ ผมจะโดนสิงร่างด้วย ซาตานทันที… เตะสลบ นะยาหยี” “โรคจิตนี่นา” “ผมล้อคุณเล่นน่า คุณสังเกตไหมล่ะ เวลาไปซุปเปอร์มาเก็ตน่ะ คุณซื้อของนะ เค้าจะแยก ให้คุณเลยนี่ของกินได้ นี่ของกินไม่ได้ แต่ของทุกอย่างยังอยู่ในบรรจุภัณฑ์ของมัน ผมว่าใส่มาใน ถุงเดียวก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไรสักนิด ประหยัดดีออกด้วยซ้า” “ถ้ากินข้าวในกระทงใบตองได้คุณก็คงทาไปแล้วมั้งคะ” “อ๊ะ อย่าประชดเชียวที่รัก มีโรงเรียนแถวๆ พระรามสองเนี่ย ปลูกฝังเด็กนักเรียนเรื่อง
  • 26. สิ่งแวดล้อมตั้งแต่หัวเท่ากาปั้นเลย ร้านค้าที่ถูกเรียกว่าวันเดอร์แลน เค้าใช้ใบตองทาเป็นกระทงใส่ อาหาร แล้วขวดพลาสติกนี่เค้าล้างก่อนนากลับไปรีไซเคิลใหม่ ขยะก็แยกชัดเจนว่าอันไหนต้องไป เป็นปุ๋ยหมัก และอันไหนไปกับรถขยะ กทม” “ทาไมคุณรู้คะ” “ผมเคยเป็นครูศิลปะอยู่ที่นั่น” “จริงเหรอ ทาไมฉันไม่เคยเห็นคุณ” “ผมก็ไม่เคยเห็นคุณ อ้าว... แล้วคุณไปทาอะไรที่นั่น” “ฉันก็เป็นครูเหมือนคุณ” “ตั้งสองปีแล้วนะที่ผมอยู่ที่นั่น” “ฉันก็ออกจากที่นั่นมาสองปีแล้วเหมือนกัน ว่าแต่หลังจากนั้นคุณไปไหน” “ผมไปเรียนต่อปริญญาโทที่อิตาลี ใครๆ ที่เรียนอาร์ตมา ก็ไปเรียนต่อที่นั่นกันทั้งนั้น” “ฉันเปลี่ยนงานไปสอนมหาวิทยาลัย แล้วถูกส่งไปอบรมที่อิตาลี ตอนนั้นฉันเจอคุณที่เนเปิลส์” “เยส มาดาม ผมจาคุณได้ เพราะคุณให้ผมวาดรูปแต่ไม่เอารูปกลับไปด้วย แล้วผมกลับ เมืองไทย จัดนิทรรศการภาพเขียน ผมก็เลยเอารูปคุณขึ้นประจานซะเลย”
  • 27. “และดูเหมือนตอนนั้นฉันโคตรเหงา ไม่มีอะไรทา ก็มันว่างนี่นา คนสวยแต่โสด ความ โดดเดี่ยวเลยกระชากแขนเข้าหอศิลป์ แล้วไปเจอนิทรรศการคุณพอดี” “ตอนที่ผมเดินเข้าไปทักคุณ คุณจาผมไม่ได้แต่ถามหาคนวาดรูปหน้าตาเฉย พอผมบอกว่า ผมเนี่ยแหละ คุณก็ทาหน้าตาเหมือนเห็นแบรท พีท แล้วยังยืนยันอยู่นั่นแหละว่าจะเจอศิลปินให้ได้ คุณนี่โคตรกล้าหาญเลย รู้ไหมนิทรรศการผมน่ะ มีจิตรกรชื่อดังทั้งประเทศแทบเดินชนกันเลยใน วันนั้น” “คุณขอที่อยู่ฉันไว้ แล้วบอกว่าเดี๋ยวจะให้ศิลปินติดต่อกลับไป ต่อมาไม่นานฉันก็ได้รับรูป ตัวเองถึงบ้าน โรแมนติกเป็นบ้าเลย” “ทาไมคุณถึงคิดว่าคนที่เขียนรูปไม่ใช่ผม” “คุณดูดีกว่าตอนที่ฉันเจอครั้งแรก” “ถ้าผมไม่เดินไปเคาะประตูบ้านแล้วบอกว่าตอนอยู่ที่นาโปลีน่ะ คุณไม่จ่ายตังค์ค่ารูป คุณก็ คงไม่เชื่อว่าเป็นผม” “เปล่า แต่คุณมายืนอยู่หน้าบ้านในเสื้อผ้าชุดเดียวกับที่ฉันเจอที่โน่น ผมสั้นกว่าเดิม แล้วยัง
  • 28. ท่าทางก๊องๆ เหมือนตอนนั้นไม่มีผิด ฉันก็เลยจาได้” “ที่รัก คุณรู้ไหมว่าผมลงทุนไปแค่ไหนกว่าจะทาให้ตัวเองย้อนกลับไปอยู่ในสภาพนั้นได้ ประเทศไทยร้อนนรกแตกแต่ผมต้องใส่เสื้อโค้ท แถมผ้าพันคอเข้าไปอีก ที่แน่ๆ ผมต้องไปตัดผม ออกให้สั้นลง แล้วยังถูกหาว่าบ้าอยู่สองครั้งในวันเดียว” “ใช่ๆ ผ้าพันคอสีแดงแล้วก็หมวกไหมพรม ตลกเป็นบ้าเลยค่ะ” “งั้นระหว่างเราคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หรือแค่ความเหงาพาเราสองคนมาพบกันแล้วล่ะ” “แปลกดีนะคะ” “ดูเหมือนเราจะยังมีอีกหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกันมาก่อนโดยที่เราไม่รู้... ไม่ใช่เพราะโลก มันกลม แต่เป็นเรื่องของพรหมลิขิต ชัวร์” เรื่องเล่าเล็กๆ ของเราสองคน และยังเป็น “เราสองคน” ไม่ใช่ใครคนหนึ่ง คนเดียวเหมือน ที่ผ่านมา ฉันไม่รู้หรอกว่าชีวิตของเขาผ่านอะไรมาบ้าง และมีช่วงเสี้ยวของเวลามากน้อยแค่ไหนที่ เดินเฉียดไหล่ระหว่างกัน สิ่งเดียวที่ฉันรู้คือ นับแต่นี้ไปฉันจะต้องล้างขวดพลาสติกก่อนทิ้งลงถังรี
  • 29. ไซเคิล และถ้าหากต้องไปซุปเปอร์มาเก็ต ถุงผ้าดิบหนาใบโตจากคิวบา ที่เขาเป็นคนเขียนรูปเพิ่ม ลายให้เก๋ไก๋ขึ้นมา ดูเหมาะกับการเดินชอปปิ้งไม่เบา... “คุณอย่าลืมถอดปลั๊กกาต้มน้าแล้วก็ปิดไฟในห้องนั่งเล่นด้วยนะ” ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มจากสิ่งเล็กๆ แล้วร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นความรัก หรือการ “อนุรักษ์” ก็ ตาม..
  • 30. ใบงาน เรื่องสั้นเรื่อง โลกร้อนแล้วหรือ? … โดย ไชยบุญเรือง “...ขณะนี้ภาวะโลกร้อนได้ทวีความรุนแรงสูงขึ้น สังเกตได้จากอุณหภูมิเฉลี่ยของประเทศไทยใน แต่ละ....” “…ก่อนที่เราจะไปฟังเพลงเพราะๆ กันต่อในช่วงโมงหน้า เรามีข้อมูลเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนมา ฝากกัน...” “ถึงเวลาข่าวต้นชั่วโมงกันแล้วนะคะ กรมประชาสัมพันธ์ได้จัดตั้งโครงการร่วมรณรงค์ลดการใช้ พลังงาน ลดมลพิษ เป้าหมายสู่การลดภาวะโลกร้อน ในวันเสาร์ที่ 22 กันยา...” “...............................”
  • 31. เสียงดีเจคนแล้วคนเล่าจากคลื่นวิทยุที่ถูกหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ด้วยฝีมือของโชเฟอร์แท็กซี่ คันที่ฉันโดยสารอยู่ ทาให้ฉันเวียนหัวอยู่ไม่น้อย... บ่ายของวันทางานแท้ๆ แต่รถราบนถนนย่านใจกลางเมืองแห่งนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะบางตาลง รอบ ด้านมีแต่อาคารสูงๆ เต็มไปหมด แถมยังมีเส้นทางเดินรถไฟฟ้าพาดผ่านท้องฟ้าสีครามยามแหงน หน้ามองวิวทิวทัศน์อีก มันมาอยู่ตรงนี้ได้ก็คงเป็นเพราะเหตุผลของความสะดวกสบาย และเป็น เครื่องหมายของผู้เจริญแล้วในสังคมเมืองนั่นเอง ฉันถึงจุดหมายปลาย ณ ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งที่เพิ่งจะเปิดได้ไม่นาน และถ้าไม่มีเหตุผล กลใดในเรื่องงาน ฉันคงไม่คิดจะมาเดินเล่นที่นี่แน่... กว่าจะเสร็จธุระก็เย็นย่า กว่าจะกลับบ้านวันนี้คงมืด... ฝนตกอีกแล้ว ชอบตกตอนเย็นๆ ทุกที ทาไม หนอ? หลังจากที่เตร็ดเตร่หาอะไรกินรองท้องมาบ้าง ฉันนั่งรอฝนบางตาลง ก็ตรงแถวๆ หน้า ห้างสรรพสินค้าชื่อดังนั่นล่ะ เอ๊ะ... แล้วใครมาลืมหนังสือไว้ตรงนี้นะ สงสัยทาหล่นไว้ ฉัน
  • 32. พยายามมองหาเจ้าของ เดี๋ยวคงกลับมาตามหาล่ะ ยืมอ่านแก้เซ็งก่อนแล้วกัน ก็ด้วยอาชีพกองบรรณาธิการอย่างฉัน เกี่ยวพันกับเรื่องของหนังสือหนังหาตลอด เมื่อพบเจอ หนังสือที่โดนๆ แล้วล่ะก็ อดที่จะหยิบมาเปิดอ่านเสียไม่ได้ ‚โลกร้อน ทุกสิ่งที่เราท าเปลี่ยนแปลงโลกได้เสมอ‛คือชื่อหนังสือเล่มนี้ ฉันเปิดอ่านไปเรื่อยๆ แล้ว มันก็ช่วยย้าว่าเรื่องโลกร้อนที่หลายๆ หน่วยงานร่วมรณรงค์กันอย่างครึกโครมตลอดปี เป็นเรื่องที่ ใกล้ตัวเรามาก หากได้รับรู้ข้อมูลเชิงสถิติ หลายคนอาจจะอดหวั่นไหวไม่ได้กับปรากฏการณ์ที่ กาลังจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยการคาดการณ์ของนักวิจัยที่เกี่ยวข้องจากทุกสาขา www.google.co.th มีข้อมูลเกี่ยวกับ ‚ภาวะโลกร้อน‛กว่า 70 หน้า (นี่เฉพาะหน้าภาษาไทย) แต่มีผู้ ตระหนักถึงสิ่งที่กาลังเกิดขึ้นน้อยมาก เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่ตั้งใจจะรณรงค์เรื่องนี้อย่างจริงจัง ฉันอ่านหนังสือ ‚โลกร้อน ทุกสิ่งที่เราท าเปลี่ยนแปลงโลกได้เสมอ‛จบภายใน 20 นาที... หัวใจฉัน เต้นเร็วขึ้นเล็กน้อยกับข้อมูลที่ฉันเพิ่งเสพเข้าไป ความตั้งใจเล็กๆ บางอย่างสะท้อนขึ้นมาในหัวใจ อย่างน้อยคืนนี้... ฉันคงไม่นอนคลุมโปงเปิดไฟทั้งคืน
  • 33. อย่างน้อยคืนนี้... ฉันคงไม่เสียบปลั๊กโทรทัศน์ทิ้งไว้ อย่างน้อยคืนนี้... ฉันคงจะงดอาบน้าอุ่น ฉันนั่งอยู่ตรงนั้นประมาณเกือบ 1 ชั่วโมงแล้ว หนังสือเล่มนี้คงไม่ได้ถูกเจ้าของลืมไว้ แต่หนังสือ เล่มนี้คงถูกทิ้ง... ทิ้งไว้พร้อมกับจิตสานึกที่ไม่ต้องการรับรู้ถึงเรื่องราวอันน่าหวาดหวั่น จะว่าไปแล้วหนังสือเล่มนี้ก็ดูขัดแย้งกับที่ที่มันอยู่... เรื่องราวของวิกฤตการณ์โลกร้อน วอนขอให้ ช่วยประหยัดพลังงาน วางอยู่ ณ ห้างสรรพสินค้าที่เปิดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ากว่า 10 ชั่วโมงต่อ วัน พร้อมกับการเปิดไฟสว่างไสวในทุกซอกทุกมุม.. ใบความรู้ 3 เรียงความเรื่อง กิจกรรมประหยัดพลังงาน/ลดโลกร้อนในชุมชน "... เมื่อ โลกนี้ร้อนขึ้น มีหวังว่าน้าแข็งจะละลายลงทะเล และรวมทั้งน้าในทะเลนั้นจะพองขึ้นสิ่งที่ทาให้คาร์บอนในอากาศเพิ่มมากขึ้น นั้น มาจากการเผาเชื้อเพลิง ซึ่งอยู่ในดินและจากการเผาไหม้..." จากพระราชดารัสข้างต้น แสดงให้เห็นได้ว่า โลก ของเราในปัจจุบันกาลังมีความเปลี่ยนแปลงไปมากขึ้น ทั้งทางด้านของพลังงานที่กาลังจะหมดไป รวมถึงสภาวะโลกร้อนที่กาลังจะเกิดขึ้น ซึ่งสาเหตุที่ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงก็คือ ฝีมือของมนุษย์เรานี่เอง ไม่ว่าใครจะเป็นผู้กระทาก็ตามหากแต่เราขึ้นชื่อว่าเป็ นมนุษย์แล้วพวกเราทุก คนจะต้องมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบและควรตระหนักเสมอว่า
  • 34. นี่เป็นโลกของเราทุกคน ฉะนั้น ปัญหาเหล่านี้ที่กาลังจะเกิดขึ้นพวกเราสามารถ หยุด! ปัญหา เหล่านี้ได้ โดยเริ่มจากชุมชนซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของพวกเราก่อนเป็ นอันดับแรกแล้วค่อย ๆ แผ่ขยายวิธีการช่วยโลกของเราไปยังประเทศชาติต่อไป เนื่องจากปัจจุบันความต้องการทางด้านพลังงานของประเทศมีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ วในทั่วโลก กว่าร้อยละ 50 ของ ความต้องการนี้จาเป็นต้องมีการนาเข้าพลังงานจากต่างประเทศ ซึ่งราคาทางด้านพลังงานที่นาเข้านี้ก็มีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้เกิดความไม่มั่นคงในการจัดหาและการใช้พลังงานของประเทศ ขณะ เดียวกันทรัพยากรธรรมชาติภายในประเทศที่สามารถนามาผลิตและใช้เป็ นพลังง านก็ มีปริมาณลดลงซึ่งก็อาจจะมีผลพวงทาให้เกิดสภาวะโลกร้อนได้ และในอีกไม่นานทรัพยากรธรรมชาติเหล่านั้นก็มีแนวโน้มว่าจะหมดไปในที่สุด ซึ่ง ในแนวคิดเหล่านี้เป็นแนวคิดที่จุดประกายความคิดพ่อของข้าพเจ้าให้ตระหนักแ ละ ระลึกอยู่เสมอถึงเรื่องพลังงานที่กาลังจะหมดสิ้นไปจากโลกของเรา พ่อของข้าพเจ้าถือเป็นบุคคลตัวอย่างเป็นผู้นาในชุมชนอย่างแท้จริงในด้านการ ประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียงในครัวเรือนตามรอยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ โดยการเริ่มผลิตไบโอดีเซลไว้ใช้เองกับรถยนต์ส่วนตัว วัตถุดิบหลักในการทาก็หาได้จากตามครัวเรือน เช่น น้ามันพืชที่ใช้แล้วหลังจากการประกอบอาหารประเภททอดต่าง ๆ หรือน้ามันอะไรก็ได้ในการประกอบอาหาร สาหรับโรงกลั่นไม่จาเป็นต้องตั้งเป็นโรงงานใหญ่ ๆ พ่อ ของข้าพเจ้าใช้เพียงเศษวัสดุอุปกรณ์ที่หาได้ในบ้าน เช่น ปี๊บ หม้อ เตาไฟ (เตาถ่าน) และถังน้า ในการค้นคว้าทดลองผลิตไบโอดีเซลจากน้ามันพืชที่ใช้แล้วแต่ละครั้ง พ่อข้าพเจ้าได้ค้นพบความรู้ หลาย ๆ อย่างจากการผลิตไบโอดีเซล เป็นต้นว่า ไบโอดีเซลช่วยลดการสึกหรอของชิ้นส่วนเครื่องยนต์เนื่องจากว่ามีสารหล่อลื่นมา กกว่าน้ามันดีเซล อีกทั้ง ไบ โอดีเซลสามารถลดมลพิษในไอเสียของเครื่องยนต์อันเป็นสาเหตุที่ทาให้เกิดโลก ร้อน เพราะ ในไบโอดีเซลไม่มีสารกามะถันและมีปริมาณออกซิเจนมากกว่าน้ามันดีเซลจากปิ โต เลียมจึงทาให้การเผาไหม้สมบูรณ์ไม่ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ และ สิ่งที่พ่อถือว่าสาคัญมากก็คือ เพราะว่าเราได้ใช้พลังงานทดแทนที่เรานามาผลิตขึ้นใหม่อีกครั้งและสามารถทา เองได้ เพื่อช่วยต่ออายุให้โลกของเราได้มีพลังงานเหลือเก็บไว้ใช้อีกต่อไป หลัง จากที่พ่อของข้าพเจ้าทดลองอยู่หลายครั้งจนประสบความสาเร็จแล้ว พ่อได้เผยแพร่องค์ความรู้และสาธิตวิธีการผลิตไบโอดีเซลให้กับคนในชุมชนที่ สนใจ ได้นาความรู้ไปใช้กับครัวเรือนของตนเอง พ่อของข้าพเจ้าได้กล่าวว่า