1. Statistic for Careers
4000-1405 สถิติเพื่องานอาชีพ
3(3-0-6)
ศ

2. สถิติเพื่องานอาชีพ(Statistic for Careers)
1.ศึกษาและฝึกทักษะการคิดคานวณและ
การแก้ปัญหาในงานอาชีพโดยใช้ความรู้
พื้นฐานทางสถิติ
2. ประชากรและการสุ่มตัวอย่าง
3.การตั้งสมมุติฐานและการทดสอบสมมุติฐาน

3. สถิติเพื่องานอาชีพ(Statistic for Careers)
4.การเลือกใช้วิธีการทางสถิติเพื่อการวิจัยในงานอาชีพ
5. การรวบรวม วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลและแปลผล
การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ
6. การใช้โปรแกรมสาเร็จรูปในการวิเคราะห์ข้อมูลทาง
สถิติในงานอาชีพ

4. สถิติ (Statistics)
ความหมาย ๑ ตัวเลขที่ได้จากการรวบรวมข้อมูล
เพื่อแสดงข้อเท็จจริงของข้อมูล
ความหมาย ๒ ศาสตร์ที่เป็นทั้งวิทย์และศิลป์
ที่ว่าด้วยระเบียบวิธีทางสถิติ

5. ข้อมูล (Data)
ข้อเท็จจริงหรือข่าวสารต่างๆ ที่เก็บรวบรวมเพื่อ
ศึกษาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เป็นตัวเลขหรือไม่ก็ได้
จักรพันธ์สอบได้ 28 คะแนน
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 17 จัดที่เกาหลีใต้และีีุุ่่ น

6. ข้อมูลสถิติ (Statistical Data)
ข้อมูลที่มากพอที่สามารถเปรียบเทียบลักษณะ
ของกลุ่มที่ศึกษาได้
คะแนนเฉลี่ยวิชาคณิตศาสตร์ุระยุกต์ 2 ของนักเรียน
ุวช. 1 ชอ. กลุ่ม 1-2 คือ 21 คะแนน

7. ุระเภทของข้อมูล
1. ข้อมูลเชิงปริมาณ บอกขนาดหรือปริมาณ
คะแนนสอบ อายุ ความสูง น้าหนัก รายได้
2. ข้อมูลเชิงคุณภาพ แสดงลักษณะสิ่งที่สนใจ
เพศ สถานภาพ สาขาวิชา ความคิดเห็น เชื้อชาติ

8. แหล่งข้อมูล
1. ข้อมูลปฐมภูมิ(Primary Data)
เก็บจากแหล่งกาเนิดโดยตรง
ข้อดี แม่นยา ผิดพลาดน้อย
ข้อเสีย เสียเวลาและงบุระมาณ
2. ข้อมูลทุติยภูมิ(Secondary Data)
เก็บจากแหล่งที่เก็บไว้แล้ว
ข้อดี ุระหยัดเวลา และงบุระมาณ
ข้อเสีย ความถูกต้อง ความทันสมัย อาจไม่ครบ

9. ระเบียบวิธีทางสถิติ
1. เก็บรวบรวมข้อมูล(Collection of Data)
รวบรวมข้อมูลที่สนใจศึกษา
2. นาเสนอข้อมูล (Presentation of Data)
ให้ดูง่าย
3. วิเคราะห์ข้อมูล (Analysis of Data)
คานวณเพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป
4. แปลความหมายข้อมูล (Interpertation of Data)
สรุปเพื่ออภิปรายและอธิบายลักษณะของข้อมูล

10. การเก็บรวบรวมข้อมูล
1. ทะเบียนประวัติ(Registration)
เก็บจากหน่วยงานที่ได้เก็บรวบรวมไว้แล้ว
2. การสารวจ (Survey)
เก็บจากแหล่งข้อมูลโดยตรง เช่น สัมภาษณ์ แบบสอบถาม
3. การทดลอง (Experiment)
เก็บบันทึกจากการทาการทดลอง ทั้งในห้องและนอกห้อง
4. การสังเกต (Observation)
เก็บจากการสังเกต ที่สนใจ เช่น จานวนผู้ใช้ห้องสมุดที่เป็นชาย

11. การนาเสนอข้อมูล
1. ไม่เป็นแบบแผน (Informal Presentation)
2. เป็นแบบแผน (Formal Presention)

12. การนาเสนอข้อมูลอย่างไม่เุ็นแบบแผน
1. แบบบทความ
นาตัวเลขมาเป็นส่วนหนึ่งของข้อมูล
ไม่ทราบรายละเอียดที่แน่นอน
ไม่ยาวและไม่ซับซ้อน
เช่น ในหนังสือพิมพ์ รายการวิทยุ โทรทัศน์
2. แบบบทความกึ่งตาราง
(ตัวอย่างหน้า 90)

13. การนาเสนอข้อมูลอย่างเุ็นแบบแผน
1. ตาราง ส่วนประกอบของตาราง (หน้า 91)
ตารางแสดงความถี่ (หน้า 92)
ตารางทางเดียว (หน้า 92)
ตารางสองทาง (หน้า 93)
ตารางหลายทาง (หน้า 93)

14. การนาเสนอข้อมูลอย่างเุ็นแบบแผน
2. แผนภูมิและแผนภาพ ต้องมีรายละเอียด
หมายเลข
ชื่อแผน
แหล่งที่มา

15. การนาเสนอข้อมูลอย่างเุ็นแบบแผน
2. แผนภูมิและแผนภาพ
2.1 แผนภูมิแท่ง (Bar Chart) (หน้า 94-96)
2.2 แผนภูมิกง (Pie-Chart) (หน้า 98)
2.3 แผนภูมิรูปภาพ (Pictrogram) (หน้า 99)
2.4 แผนที่สถิติ (Statistical Map) (หน้า 99)

16. การนาเสนอข้อมูลอย่างเุ็นแบบแผน
3. กราฟเส้น
3.1 กราฟเส้นเชิงเดียว(Simple Line Graph) (หน้า 100)
3.2 กราฟเส้นเชิงซ้อน(Multiple Line Graph) (หน้า 101)
3.3 กราฟเส้นเชิงประกอบ(Composite Line Graph) (หน้า 102)
3.4 กราฟดุล(Balance Graph) (คณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 หน้า 119)

17. สอบท้ายบทเรียน
ตอนที่ 1
หน้า 105 – 107