1. GIGABYTE GeForce GTX 580 Graphics card

2. ในจุดนี้เราลองมาทำความรู้จักกับกราฟิกชิบในตระกูล Fermi รหัสใหม่ล่าสุดจากทาง nVidiaกันสักเล็กน้อย ซึ่งเจ้ากราฟิกการ์ดในโมเดล Geforce GTX 580 ในวันนี้นั้นมันจะมาพร้อมกับกราฟิกชิบในรหัสโมเดลว่า GF110 จากเดิมที่มาบน GTX480 นั้นจะใช้รหัส GF100 ส่วนพื้นฐานการผลิตหรือสถาปัตยกรรมการผลิตนั้นจะยังอาศัยพื้นฐานของ Fermi อยู่ทุกประการในลักษณะโครงสร้างของ CUDA Core GPU พร้อมทั้งจะยังคงใช้ขนาดของกระบวนการผลิตในระดับ 40nm เช่นเดิม แต่แน่นอนว่ามันจะมีความเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อย ซึ่งในครั้งนี้มันไม่ได้มาในแบบย้อมแมวอย่างแน่นอน หรือเราอาจจะกล่าวได้ว่าเจ้า Fermi ในรหัส GF110 นั้นเป็น Generation 2 ของ DirectX 11 จากทาง nVidiaนั่นเอง

3. สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากในรหัส GF100 นั้นเท่าที่ทราบและได้สอบถามจะแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ ก็ได้รับคำตอบกลับมาว่าทาง nVidiaได้มีการปรับปรุงหรือ Re-Design โครงสร้างบางส่วนภายในตัวชิบนอกจากการที่จะมีการเพิ่มจำนวนของ UnitShaderจากเดิมที่มีมาบน GF100 เพียง 480unit ให้มาเป็น 512unit บน GF110 โดยการปรับปรุงในครั้งนี้จะเป็นในส่วนของการเปลี่ยนแปลงในแบบ Re-Circuit หรือถ้าแปลเป็นไทยแบบง่ายๆก็น่าจะได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงวงจรบางอย่างภายในตัวชิบนั่นเอง ซึ่งจุดสังเกตหนึ่งที่เราจะสามารถมองเห็นได้ชัดเจนคือ ตัวกราฟิกชิบจะมีขนาดของ Die เล็กลงเล็กน้อยจาก GF100 รวมทั้งจำนวนของ Transisterก็มีการใช้ปริมาณลดน้อยลงเช่นกัน แต่จำนวน CUDA Core เพิ่มขึ้นแถมยังเคลมมาอีกด้วยว่า ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น อัตราการใช้พลังงานลดลงและระดับอุณหภูมิลดลง และในอีกจุดหนึ่งจากที่เราได้รับข้อมูลมาก็คือเจ้า GF110 ตัวนี้นั้นน่าจะเป็นสถาปัตยกรรมที่มีความเป็น Fermi อย่างแท้จริงนับตั้งแต่ในตอนแรกที่จะมีการเปิดตัวออกมา แต่

4. ด้วยปัญหาของเรื่องการใช้พลังงานและความร้อนจึงทำให้จำเป็นต้องปล่อยออกมาในแบบไม่เต็มจำนวน Cuda Core ตามที่ได้ออกแบบไว้คือ 512unit จากนั้นก็ได้มีการนำมาพัฒนาและปรับปรุงใหม่จนได้เห็นในวันนี้กับ GF110 และยังทราบมาว่า Fermi ในรหัส GF110 นี้นั้นจะเป็น GPU ที่ออกมาเน้นไปในเรื่องของเกมส์สามมิติเป็นหลัก แตกต่างไปจาก GF100 ที่ได้มีการเน้นการใช้งานในแบบครอบคลุมทั้งในเรื่องของ HPC (High Performance Computing) และ GPGPU ในเรื่องของการใช้กราฟิกการ์ดทำงานในแบบ Tesla ซึ่งครั้งนี้สำหรับ GF110 นั้นคาดกันว่าทาง nVidiaได้ตัดความสามารถหรือไม่มีการปรับปรุงเรื่องนี้ ซึ่งมันน่าจะช่วยทำให้ประสิทธิภาพของการทำงานในแบบ 3D เป็นไปได้สูงขึ้นรวมถึงลดระดับของการใช้พลังงานลงไปได้ในระดับหนึ่ง และจากข้อมูลทั้งหมดที่เราพอจะสามารถกล่าวได้ในเบื้องต้นในวันนี้ ก็คงพอที่จะสร้างความรู้จักให้กับ GF110 พอสมควรส่วนในเรื่องของความแรงความสามารถของมันนั้น จะสามารถทำได้ตามที่เปิดเผยออกมาว่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่า GF100 ประมาณ 10-15% นั้นมันจะจริงแท้ขนาดไหน เรื่องนี้เราคงต้องมาลุ้นกันล่ะครับ เอาหละถ้าอย่างนั้นแล้วจากนี้เราไปชมรายละเอียดหน้าตาการออกแบบของเจ้า nVidiaGeforce GTX580 จากทาง GIGABYTE ของเราในวันนี้กันต่อเลยนะครับ

5. GPU Specifications

6. อีกสักนิดก่อนที่เราจะไปชมกันที่เรื่องของตัวฮาร์ดแวร์ เรามาดูรายละเอียดสป็คทางเทคนิคถึงความแตกต่างที่น่าจะเห้นไดชัดเจนมากขึ้นระหว่าง GF100 และ GF110 ซึ่งจากตารางทางด้านบนเราก็ได้เลือกไฮไลต์ให้เห็นถึงความแตกต่างโดยการใช้ตัวอักษรสีแดง ซึ่งจุดดังกล่าวนั้นคือจุดที่มีความแตกต่าง โดยเราจะเห็นว่าสำหรับ GF110 นั้นแม้ว่าจะมีจำนวนของ CUDA Core หรือ UnitShaderที่มากกว่า GF100 แต่จำนวนของ Transisterก็มีน้อยกว่า GF100 อยู่ประมาณ 200 ล้านตัวส่วนขนาดของ Die ก็เล็กลงอีกเล็กน้อยเช่นกัน นอกจากในจุดนี้แล้วความเร็วการทำงานของตัว GPU นั้นทาง nVidiaก็ได้มีการเพิ่มความเร็วขึ้นมาอีกเล็กน้อยโดยจะให้ทำงานอยู่ที่ความเร็ว 772MHz ส่วนความเร็วของเมโมรีนั้นจะทำงานที่ 1000MHz (4000MHz effective) กับเมโมรีในแบบ GDDR5 ในขนาดความจุเท่าเดิมคือ 1.536GB และอัตราบัสแบนด์วิดท์ก็ยังคงเดิมที่ 384bit ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระดับ 512bit ตามกระแสข่าวในช่วงต้นแต่อย่างใด แต่ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นบวกกับแบนด์วิดท์ในระดับ 384bit ตรงจุดนี้ก็สามารถสร้างอัตราเมโมรีแบนด์วิดท์ได้สูงถึง 192.4GB/s เลยทีเดียว ซึ่งถือได้ว่าเป็นระดับที่สูงมากในเวลานี้ ส่วนทางด้านของรายละเอียดจุดอื่นและความสามารถในการรองรับต่างๆจะมีอะไรบ้างนั้น ก็สามารถรับชมข้อมูลได้จากในตารางเลยนะครับ

7. ในที่สุดเราก้ได้มารับชมหน้าตาตัวเป็นๆตัวจริงเสียงจริงของเจ้า GTX580 จากทาง GIGABYTE กันแล้ว ซึ่งหากมองจากรูปร่างหน้าตาโดยรวมนั้น โครงสร้างภายนอกในจุดนี้นั้นมันก็ยังจะมีลักษณะของรูปทรงที่ไม่แตกต่างไปจากรุ่นพี่อย่าง GTX480 มากนัก ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงของกรอบชุดระบายความร้อนทางด้านบนหรือหลังตัวการ์ดที่ยังคงไม่มีฝาครอบใดๆปิดตัว PCB มา แต่จุดที่สร้างความแตกต่างได้อย่างชัดเจนพอสมควรก็คือ เราจะเห็นว่าในโมเดลนี้ของ GTX580 นั้นเราจะไม่พบเห็นว่าชุดระบายความร้อนมี Heatpipeโผล่ออกมาให้เห็นแต่อย่างใด ส่วนที่ว่าจะมีแล้วซ่อนอยุ่ภายในหรือไม่นั้น อันนี้เดี๋ยวเรามีคำตอบมาให้ได้ชมกันครับ

8. ทางด้านของพอร์ทเชื่อมต่อสู่การแสดงผลภายนอกนั้น หากมองในส่วนของประเภทตัวพอร์ทที่มามาให้ได้เลือกใช้งานทั้งหมดจะยังคงมาในรูปแบบเดียวกันกับ GTX480 ทุกประการคือ Dual-DVI และ mini-HDMI ซึ่งก้ยังรองรับการเชื่อมต่อจอแสดงผลได้มากที่สุดจำนวน 2 ชุดจากการ์ดจำนวนหนึ่งใบ แต่หากจะใช้งานจอแสดงผลในแบบ 3D Surround นั้นยังคงต้องอาศัยกราฟิกการ์ดจำนวนสองใบเช่นเดิม