More Related Content
Similar to ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว
Similar to ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว (20)
More from Panda Jing (20)
ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว
- 2. 5กุมภาพันธ - เมษายน ๒๕๕๔
ขอความนอบนอมมีตอคุณพระศรีรัตนตรัย ขอเจริญพร
สาธุชนทุกทานที่มาพรอมกันในโอกาสครบรอบ ๖๐ ป ของ
ยุวพุทธิกสมาคมแหงประเทศไทย
เมื่อวานทานติช นัท ฮันห จากหมูบานพลัมเดินทางมา
เมืองไทยเพื่อที่จะสรางวัด ปที่แลวอาตมาไดไปปฏิบัติธรรมเจริญสติ
กับทานมีความสุขมาก พอทานมาเมืองไทยเราก็ไปถวายปรนนิบัติ
พัดวีครูบาอาจารย อาตมานั่งดูทาน ทาน ๘๕ ปแลว แตทำไมทาน
ยังดูผองใส ลุกเอง นั่งเอง ทานไมตองไปฉีดโบท็อกซที่ไหน รัศมี
แหงธรรมนั้นเปลงประกายชัดเจนมาก อาตมาพบทานเมื่อปที่แลว
พอไปถึงปบทานตอนรับดีมาก วันนั้นทานไมฉันขาวทานยกสำรับกับ
ขาวที่ทานควรจะฉันมาถวายอาตมา ซึ่งเปนพระเด็กๆจากเมืองไทย
อาตมาก็แหมๆทานไมฉันใหเราฉัน ถาเราฉันแลวทานจะมองวาเรา
ตะกละหรือเปลา มันเปนปริศนาธรรมของเซ็นหรือเปลา แตถาเรา
รับเซ็นจากทานวันนี้อดนะ ทานไมฉันทานจะสอนเรื่องความวางไหม
แตเราวางจากสุวรรณภูมิถึงสนามบินชารลสเดอโกลฝรั่งเศส
๑๓-๑๔ ชั่วโมง ถาเราไปวางกับทานดวยวันนี้มีสิทธิ์เปนลมนะ ก็เลย
ทำเปนอานปริศนาธรรมทานไมออก ฉันหมดเกลี้ยงเลย
พอฉันเสร็จก็ไปกราบทาน ทานเรียกอาตมาไปกอด คำถาม
ในหัวใจที่เตรียมเอาไวจะถามนะ หายเกลี้ยงเลย พอไปอยูเบื้องหนา
ครูบาอาจารยกิเลสมันสงบ ตอนจะไปหาครูบาอาจารย กิเลสมันฟุง
เตรียมนูนเตรียมนี่ พอไปถึงหนาทาน แคจะงัดคำพูดออกมาจากปาก
ยังทำไมไดเลย ถาไมประหวั่นพรั่นพรึงก็เพราะเดชะบารมีของทาน
แผคลุมเรา สติมันตื่นตัวขึ้นมาเพราะรูสึกเราอยูกับคนที่มีสติ มาขาด
สติแถวนี้ไมได หมดคำถาม อยูกับทานสองอาทิตยไดคติธรรมมา
สอนอยูคำหนึ่งก็คือคำวา “เราจะเดินอยูบนหนทางความถูกตอง”
เพราะไปอยูกับคนที่ถูกตอง ชีวิตของทานนั้นมีคุณคาเหลือเกิน
อาตมาอยากจะรูวาทำไมนะ พระเวียดนามรูปหนึ่งจึงสอนธรรมะ
แลวคนทั้งโลกยอมรับ ทานใชอะไรเปนเครื่องมือ พอทานเดินออก
มาจากกุฏิเราจะสัมผัสถึงความสงบในทวงทีลีลาที่เดิน คน ๗๐๐ –
๘๐๐ ทุกคนเงียบ เพราะความสงบจากตัวทานมันแผพลังไปจนคนที่
อยูเบื้องหนาไมอาจที่จะทำอะไรเปนการรบกวนคนอื่น เวลาทานเดิน
ไปบนผืนหญาเขียวขจีเราก็รูสึกวา พลังของสติมันก็แผคลุมลงไป
บนผืนหญา เวลาทานเทศน เวลาทานสอน เวลาทานลบกระดาน
เราดูทุกสิ่งทุกอยาง เรารูเลยวานี่คือการอบรมจากการเจริญสติมา
ทั้งชีวิต แลวเราก็ตั้งขอสังเกตวาทานก็ใชชีวิตแสนจะธรรมดาแต
ทำไมมีเสนหเหลือเกิน ฝรั่งแตละคนๆที่มานั่นไมใชฝรั่งกระจอกนะ
เปนฝรั่งที่มีการศึกษาดีทั้งนั้น วันหนึ่งเขาอานพบคอรสการภาวนา
ของทานติช นัท ฮันห จึงเดินทางมาเจริญสติ เมื่อไปอยูกับทานแลว
ก็เปลี่ยน เพราะวาทานสอนใหเราเจริญสติ
พอใครมีสติ คนๆนั้นจะคนพบตาน้ำแหงความสุขอยูใน
นี้ เราทุกคนมีตาน้ำแหงความสุขในตัว แตเราไมคอยรูหรอก
เพราะวาเราไมรูเราจึงไปฝากความสุขไวกับยศ อยากมียศ ทรัพย
อำนาจ ชื่อเสียง กามารมณ อยากมีทุกอยางเลยนะ แลวเราก็ได
ใชเวลาของเราทั้งชีวิตเพื่อแสวงหาสิ่งนี้ เพราะคิดวาพอมีแลวมัน
ก็จะใหผลิตผลเปนความสุข หารูไม มียศไมใชจะสุขนะ ถามียศแลว
คนไมเห็นคุณมียศคุณก็ทุกขอยูนะ
มีทรัพยถาใชทรัพยไมเปนก็ยุงนะ ทรัพยนี่อันตรายมาก
พระพุทธเจาทานบอกวาเปนอสรพิษ พี่นองทะเลาะกัน ฆากันได
พระกับลูกศิษยทะเลาะกัน ฆากันก็ได มีชื่อเสียงถารูไมทันทุกขนะ
เมื่อวันกอนอาจารยเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน อาจารยเปนคนที่มี
เรื่อง “ใหสุขแกทาน สุขนั้นถึงตัว”
วันอาทิตยที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
ณ อาคารธรรมนิเวศ
ยุวพุทธิกสมาคมแหงประเทศไทยฯ
โครงการจิตใส ใจสบาย
สาระธรรมบรรยาย โดย พระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี)
เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ
(ถอดเทป คุณพรรณระวี ศิริภัทร ตรวจสอบและยอสรุปโดย กวี บุญดีสกุลโชค)
- 3. 6 ยุวพุทธสัมพันธ ฉบับที่ ๗๗
ชื่อเสียง ปวดปสสาวะก็จอดรถปสสาวะขางทางตามประสาแก
ทันใดนั้นก็มีรถของนักทองเที่ยวกลุมหนึ่งแวะมาชมใกลๆ อาว
อาจารย เฉลิมชัย คนระดับนี้ทำไมมายืนปสสาวะกลางทาง แกหัน
ไปดาบอกวาใหมีเวลาสวนตัวบางสิ ปสสาวะอยูยังยกกลองถายอะไร
กันนักกันหนา แกมีชื่อเสียงก็จริงแตแกไมเมา แกบอกวาชื่อเสียง
เปนสิ่งที่คนอื่นมองแกแตตัวแกใชชีวิตธรรมดา ในโลกนี้มันมีกี่คนที่
จะรูสึกวาชื่อเสียงเปนมายา สวนมากก็นึกวาชื่อเสียงเปนของจริง
ทั้งนั้นใชไหม เราไปสรางกอนสมมุติขึ้นมากอนหนึ่งนะ เอาไวเปน
สรรพคุณของชีวิตเรา ถาคนไมเห็น ทุกขไหม ทุกข กวาเราจะสลัด
สมมุติไดมันไมใชงายนะ มีชื่อมีเสียงอยาไปคิดวาสุขนะ ถารูไมเทา
ทันทุกขไหม ทุกข เรารูเทาทันมันเราก็ปลอยได มนุษยก็คิดอยางนี้
อยากจะมีความสุขแลวก็คิดวาความสุขตองเกิดจากยศ ทรัพย
อำนาจ ชื่อเสียงและกามารมณ อาตมาไมปฏิเสธวายศ ทรัพย
อำนาจ ชื่อเสียงและกามารมณกอใหเกิดความสุข แตมันเปนความ
สุขเคลือบแฝง เปรียบเสมือนน้ำผึ้งบนคมมีด เอาน้ำผึ้งมาเท
บนคมมีดโกน เอาลิ้นเลียดูสิ นั้นแหละคือสุข ที่จริงภาษาศัพทเขา
เรียกวาอามิสสุข คือสุขที่เกิดจากการวางเงื่อนไข มันสุขนะ แตมัน
ทุกขได
คุณโยมทั้งหลายมีครอบครัวกัน ตอนจีบกันก็คิดวาคนๆนี้
ใชเลย ใชคนที่ฉันตามหามาตลอดทุกภพ ทุกชาติเปนคูแททางจิต
วิญญาณ พอแตงไปสักพักหนึ่งคูแททางจิตวิญญาณกลายเปน
รูมเมท แคเพื่อนรวมหองเทานั้นเอง ก็ทำไมเพื่อนคนที่เรารวมหอง
คนที่เคยทำใหเรามีความสุขแลวทำไมวันหนึ่งทำใหเรามีความทุกข
ขนาดอยูใกลๆเธอยังบอกเลยวาลมพัดมานะยังไมเย็นเทาดวงตาของ
เธอทอดมองพี่ คนที่ทำใหเรามีความสุข วันหนึ่งถามันเปลี่ยนไปกลับ
กลายเปนทำใหเรามีความทุกข รักมากก็ทำใหทุกขมากใชไหม หวง
มากก็ทำใหแคนมากใชไหม
นี่คือรูปแบบของความสุขแบบถูกวางเงื่อนไข ฉะนั้นยศ
ทรัพย อำนาจ ชื่อเสียง กามารมณเหลานี้มันทำใหเรามีความสุข
ก็จริงนะ แตถาเรารูไมเทาไมทันวันหนึ่งมันจะทำใหเราทุกข แตถา
เรารูเทารูทันนะถาเรามียศเราก็แสดงตนใหสมกับยศที่เรามี มุมไหน
จุดไหน สถานที่เขายกยองคนมียศเราก็แอ็คใหเขาดูวาเราเปน
นายพล แตถาเราไปบางจุด บางที่ บางแหง ซึ่งไมมีใครรูจักเราเลย
เราก็ทำตัวตามธรรมดาใชไหม
ถาเรามีทรัพยใชไปทำบุญสุนทาน บริจาคชวยเหลือเกื้อกูล
ชาวโลก เงินก็เปลี่ยนเปนความรักความเคารพนับถือจากคนทั่วโลก
เพราะเงินนั้นมันคือกอนประทานคุณไมเอาไปสรางประโยชน มัน
ก็ไมมีประโยชนหรอกใชไหม
ถาเรามีอำนาจ และใชใหเปน พระเจาอโศกมหาราชใช
อำนาจเปน ทำศิลาจารึกและในนั้นเขียนอักษรธรรมอธิบายธรรม
ของพระพุทธเจาไป ๘๔๐๐๐ แหงทั่วอินเดีย ตอนนี้พระพุทธศาสนา
ฟนคืนกลับมาไดเพราะวามีฝรั่งไปคนพบศิลาจารึก พระพุทธศาสนา
ที่หายไป ๘๐๐ ปนะฟนคืนชีวิตขึ้นเพราะมีศิลาจารึกของพระเจา
อโศกเปนหลักฐาน เห็นไหมทานมีอำนาจแลว ชวนคนทั้งชมพูทวีป
มาปฏิบัติธรรมกับทาน นี่เรียกวาใชอำนาจเพื่อธรรมเปนการใช
อำนาจที่ถูกตอง แตถาเรามีอำนาจแลวเราใชอำนาจไมเปนนะ เที่ยว
ไปสั่งฆาคนนี้ สั่งฆาคนนูน รังแกคนนูนรังแกคนนี้ เพื่อนมนุษยตอง
มาบาดเจ็บลมตายเพราะอำนาจของเรา
ถาเรามีชื่อเสียงและใชใหเปน จะเปนประโยชนมาก แต
ถาเราใชไมเปน เราก็ทำเพื่อตัวเองลวนๆ แลววันหนึ่งพอชื่อเสียง
มันลงชีวิตมันก็จบแคนั้น มันไมมีคุณคา ถาใครสักคนหนึ่งซึ่งมี
ชื่อเสียงแลวเปลี่ยนความดังสรางความดี มีชื่อเสียงแลวใชเปน
ซุปเปอรสตารจะมีประโยชนเหลือเกิน โลกเราจะพลิกโฉมหนาไป
อีกทางหนึ่งเลยทีเดียว ดังนั้นใครมีชื่อเสียงแลวชักชวนคนเกง
คนดีคนมีชื่อเสียงทั้งหลายหันมาหาทางธรรมะ จะมีคนดีเพิ่มขึ้น
อยางมโหฬาร จากชื่อเสียงของเราซึ่งเปนสิ่งสมมุติ
....ถาเรามีชื่อเสียงและใชใหเปน จะเปนประโยชน
มาก แตถาเราใชไมเปน เราก็ทำเพื่อตัวเอง
ลวนๆ แลววันหนึ่งพอชื่อเสียงมันลงชีวิตมัน
ก็จบแคนั้น มันไมมีคุณคา
- 4. 7กุมภาพันธ - เมษายน ๒๕๕๔
กามารมณมีประโยชนไหม? กามารมณก็มีคุณ เรียกวา
กามคุณ คุณของกาม แตถาเราหมกมุนจนเกินไปทำใหเราเดือดเนื้อ
รอนใจ มากเกินไปก็ไมดี ฉะนั้น ยศ ทรัพย กามารมณและอำนาจ
ชื่อเสียง ใชเปนก็เปนคุณ ใชไมเปนก็เปนโทษ ถาใชเปนมันเปนคุณ
ยังไง มันเปนที่มาของความสุข ใชไมเปนมันเปนที่มาของความทุกข
นี่เรียกวาความสุขที่ถูกวางเงื่อนไข
มีอีกรูปแบบหนึ่งที่ไมถูกวางเงื่อนไข อาตมาเกริ่นไวตั้งแต
ตอนตน ทานติช นัท ฮันห ทำไมเวลาเราไปอยูใกลเราถึงสัมผัสความ
สุขของทาน อายุ ๘๕ แลวยังผองอยางกับคนอายุ ๓๐ ตนๆ ที่ฝรั่งเศส
ทานมีกุฎิเล็กๆเปดกุฏิใหเขาเยี่ยมชม มีแตความเรียบงายอยูในกุฏิ
ของทาน สมบัติพอจะมีก็หนังสือและพูกันจีน ทานไวทำปริศนาธรรม
ทานอยูเรียบงายมาก นั่นแสดงวาชีวิตคนที่ขึ้นอยูวัตถุนอยถึงนอย
มาก แตกลับมีความสุขสูงถึงสูงที่สุด พวกเราอยากเปนไหม พวก
เรานี่เวลามองไปทางไหนวัตถุลอมหนาลอมหลังเต็มไปหมดนะ
ถาเมื่อไหรก็ตามที่เราสามารถพัฒนาตนจนเปนตัวของตัว
เองอยางลวนๆนะ จะคนพบวามีความสุข นั่นแหละเราไปอีกขั้น
หนึ่งของความเปนมนุษย อยากเปนไหม ตั้งแตหัวจรดเทาไมมี
เครื่องประดับเลยสักชิ้น แตนั่งตรงไหนก็มีความสุข ยืนตรงไหน
ก็มีความสุข เดินตรงไหนก็มีความสุข ดื่มน้ำเปลาก็มีความสุข
คนจะโทรศัพทมาไมโทรศัพทมาก็มีความสุข คนจะมองเห็นหรือ
มองไมเห็นก็มีความสุข นั่งบนแผนหินก็รูสึกนุม ตามลมหายใจ
ธรรมดาก็รูสึกสดชื่นรมเย็นไปเลยทั้งชีวิต โยมอยากเปนอยางนี้ไหม
อยากเปนไหม เพราะสิ่งที่อาตมาไดเรียนรูจากชีวิตของทาน คือ
เราไดไปเห็นวาคนเราไมมีเครื่องประดับใดๆเลย มีแตการเจริญ
สติในวิถีชีวิตคนเราลวนๆก็มีความสุข ทานกลายเปนองครวมของ
ความสุขเคลื่อนที่ ถาใครพัฒนาตนเปนองครวมของความสุข
เคลื่อนที่ได เขาจะเปนคนที่ทำอะไรก็แผกระจายรังสีแหงความ
สุขออกไป พูดก็ทำใหคนฟงมีความสุข ทำก็ทำใหคนที่ไดรับผลแหง
การกระทำนั้นมีความสุข อยูในโลกก็ทำใหโลกนี้มีความสุข
ทุกวันนี้เรามีมนุษยที่เต็มไปดวยความทุกข และเขาอยูตรง
ไหนเขาทำใหตัวเองทุกขและทำใหคนใกลๆทุกข ถาเราไมมีสติ เรา
จะเปนหนวยความทุกขเคลื่อนที่ เวลาที่เราพูดเราจะทำใหคนที่ฟง
เรามีความทุกขใชไหม แตถาเรามีสติ เวลาที่เราพูดเราก็พูดใหคนฟง
มีความสุข อยางเชนคนที่เจ็บปวย มีคนโทรมาหาอาตมาบอยมาก
โดยมากจะเปนผูปวยในระยะสุดทาย อาตมาภาพจะพูดเหมือนๆกัน
วา เราเกิดมาในโลก เหมือนเรามาเดินอยูบนสะพานนะ ทางมีไว
ใหเดินขาม ไป นั่งแชอยูบนสะพานแลวคิดวานี่สะพานของฉัน เรา
แคเดินมาแลวเราก็เดินไป ฝงโนนสูฝงนี้ ฝงนี้สูฝงโนน เมื่อพน
สะพานแลวก็เดินตอไปขางหนาซิ หวงสะพานไวทำไม
นี่ก็คือการปลอยวางนั่นเอง บางคนพูดเสร็จแลวก็บอกวา
ขอบพระคุณมากนะคะทาน ปานนี้นองเขาคงไปดีแลวละ ปรากฏ
วารุงขึ้นเขาโทรศัพทมาหาอาตมา ยังไมไป บอกวาไดฟงธรรมะแลว
เกิดปติขึ้นมานะ จริงๆคนที่ปวยเรื้อรัง และระยะสุดทายไมใชคน
สิ้นหวัง แตทางพุทธศาสนามองวา เปนคนที่มีความหวังเปนที่สุด
เพราะพอเขารูวาเขาจะตาย เขาก็ทิ้งทุกอยางเลยนะ จิตเขาเด็ดเดี่ยว
มากไมมีอะไรที่จะตองทำอีกแลวนอกจากการปฏิบัติธรรมในนาที
สุดทาย ลุกขึ้นมาปฏิบัติธรรมพอมาทำอยางนี้ หลายคนเจริญสติ
รุดหนาไดมาก เพราะเขาไมมีกังวล เพราะรูแลววายังไงก็ตายใชไหม
เหลือตัวคนเดียวแลวนี่ เขาจะตองเปนเดี่ยวมือหนึ่งไปสูโลกหนานะ
พอแมก็ชวยไมได ลุกขึ้นมาเจริญสติ พระบอกยังไงทำอยางนั้น
ทั้งหมด และนั่นทำใหแหกคำทำนายของหมอหลายคน บางคน
สามารถปฏิบัติธรรมอยูมาจนขามปได
ที่เชียงใหมนี่ทำวิจัยศึกษาเลยนะ ขอถามวาในรางกาย
คนเราแบกภาระไมไหว แตทำไมคนอยูตอได ปรากฏวาคนไขนี่
ปฏิบัติวิปสสนาทั้งๆที่ในชีวิตเขาไมเคยทำเลยนะ เขาบอกวาทั้งชีวิต
ทำแตความดี ตักบาตรทุกเชา แลวสิ่งที่หนูไดรับคือตองมาเปนมะเร็ง
....ทุกวันนี้เรามีมนุษยที่เต็มไปดวยความ
ทุกข และเขาอยูตรงไหนเขาทำใหตัวเองทุกข
และทำใหคนใกลๆทุกข ถาเราไมมีสติ เราจะเปน
หนวยความทุกขเคลื่อนที่ ....
- 5. 8 ยุวพุทธสัมพันธ ฉบับที่ ๗๗
นี่หรือคะบุญ คือหมอฟนธงแลววา สามวันเจ็ดวันนี้ แกตองไปแน
คนปวยก็เลยทาทายเลย ถาพระอาจารยตอบใหหนูไมไดวา ทำไม
บุญที่หนูทำถึงไมชวย หนูจะเปลี่ยนศาสนา แมจะถึงนาทีสุดทายหนู
ก็จะเปลี่ยน เพราะหนูรูสึกวาหนูทำแลวมันสูญเปลา ตักบาตรทุก
เชาแลวทำไมโรคมะเร็งของหนูไมหาย อาตมาเลยบอกวาหนูเปน
มะเร็งหนูตองใหหมอรักษาซิ หนูตักบาตรคนที่อิ่มคือพระใชไหมลูก
มันไมตรงกับสมมุติฐานเทาไหรนะ แลวบุญหนูก็ไดไปแลวตอนที่หนู
ตักบาตรไง แลวพระพุทธเจาเคยบอกที่ไหนวาตักบาตรจะไมเปน
มะเร็ง เราก็ไปใหสติเขานะ คุยไปคุยมา จากคนปวยที่หายใจออน
โรย เชื่อไหมขณะที่คุยกับอาตมาลุกมานั่งบนเตียง แลวคุยอยางนี้
เลย ตอนตอสายโทรศัพท คุยครั้งแรกนอนคุย พอคุยกับอาตมา
คุยไปคุยมาลุกขึ้นมานั่งคุยอยางนี้ แลวอาตมาก็บอกวาลูกสูกับความ
เจ็บไดยังไง เขาก็บอกวาถามันไมไหวขึ้นมาจริงๆหนูก็ตามดูเวทนา
แลวดีไหมลูก ดีเหลือเกินเจาคะ แตหนูแทบจะทนไมไหว แลวใคร
สอนใหหนูดูเวทนา พอแมครูบาอาจารยสอน หนูไมเคยทำหรอก
แตวาหนูไมเหลืออะไรแลวหนูก็ตองทำ ดูเวทนาจนแยกเวทนาได
พอรูอยางนี้อาตมาก็บอกวา ลูกไมตองถามหาบุญแลวนะ
เพราะในเมืองไทยผูคน ๖๐ ลานคน มีกี่คนที่ไดเรียนวิปสสนา
กรรมฐาน การที่หนูรูจักแยกกายแยกใจดูเวทนาเปนนี่มันเปนการ
เจริญสติปฏฐาน ๔ นี่มันเลยบุญมาไกลมากแลวนะ นี่มันวิปสสนา
มันสูงกวาบุญอิ่มอกอิ่มใจตั้งกี่เทา ยังไมรูอีกหรือวาหนูมีของที่ดีที่สุด
แลวนะ พระอาจารยพูดแคนี้รองไหสวนขึ้นมาเลย นี่ก็แสดงวาหนู
คิดผิดมาตลอดเลยใชไหมคะที่หนูคิดวาบุญจะเสกใหหนูหาย อาตมา
ก็เลยบอกวาใชลูก หนูไมจำเปนตองหายหรอก หนูตายก็ได แต
วิปสสนานั่นแหละคือบุญอันสูงสุด พอเราไปชี้ใหเห็นวา มนุษยใน
โลกนี้มี ๖,๐๐๐ ลานคน มีมนุษยกี่คนที่วิปสสนาเปน คนโดยมาก
ไมคอยรูจักคำๆนี้ซะดวยซ้ำไป พอเราไปแตะนิดเดียววาสิ่งที่เขา
ทำประเสริฐที่สุด ตั้งแตวันนั้นเปนตนมานองคนนี้ปวยก็ตามดูเวทนา
ดูไปดูไป จนกระทั่งวาไมรูเปนยังไงนะอาการเจ็บไขเรื้อรังมันซา
ลงไป
ในที่สุดก็ออกจากโรงพยาบาลแลวก็มีชีวิตอยูอีกตั้งป ๒ ป
กอนจะจากไปพรอมกับรอยยิ้ม เพราะผูปวยคนนี้เขาใจวารูปก็แค
นั้น นามก็แคนั้น สุดทายเราไมวางเขา เขาก็วางเราทั้งหมด แลว
ก็ไปอยางสงบ โยมดูซิ พระอาจารยไมตองทำอะไรเลยนะ พระ
อาจารยก็บอกแควาตอนทำบุญมันก็อิ่มใจไปแลว บุญไมมีหนาที่
รักษาโรคมะเร็ง แตถาคุณเจ็บไขไดปวย ตราบใดก็ตามถาคุณยัง
คิดวามีตัวคุณที่ปวย ตายไปพรอมกับความเขาใจผิดๆแบบนั้นนะ
มันตองกลับมาเกิดอีก ทุกขมันไมจบ กอนจะตายเขาก็รูวานี่แค
รูปนะ รูปปวยแตนามไมปวยนี่ กายปวยแตใจไมปวย พอปลอย
ไดพอวางไดนะ กอนที่คนๆนี้จะจากไปหนังสืองานศพเสร็จแลว
ดูแลพอแมเรียบรอยแลว ทุกอยางวางแผนอยางดีทั้งหมด แมจาก
ไปก็เหมือนไปดูงานในตางประเทศ เพราะเตรียมตัวมาอยางดี
แลวก็ไป แมกระทั่งเทศนในงานศพวันสุดทาย เขาก็บอกวา นิมนต
ทานว. มาเทศน อาตมาไมไปไดไงก็ผีนิมนต (หัวเราะ)
เห็นรึยัง ถาเราเจริญวิปสสนากรรมฐานเปนนะ เราจะมี
ความสุขที่เปนธารน้ำพุอยูขางใน แลวหลังจากนั้นนั่งตรงไหนมี
ความสุข ยืนตรงไหนตรงนั้นมีความสุข ทำอะไรที่ไหนจะมีรัศมี
ความสุข อาบไลทาทั่วไปหมด เราอยากเปนมนุษยธารหรือไม ถา
เราอยากเปนใหเราทั้งหลายประพฤติปฏิบัติ ตามแนวทางของ
การเจริญสติปฏฐาน ๔ เจริญวิปสสนากรรมฐานตามแนวทาง
สติปฏฐาน ๔ ตามดู กาย เวทนา จิต และธรรม แลววันหนึ่งเรา
จะรูวาไมมีอะไรอะไรก็มีความสุขไมมีชื่อเสียงเราก็มีความสุข
....ถาเราฝกสติเปนชีวิตจิตใจแลวเราไมตอง
อาศัยทวงทีลีลาเลยนะอยูที่ไหนทำที่นั้นเลย
ทานขาวอยูก็เจริญสติได ขับรถเราก็เจริญสติได
เขาหองอาบน้ำอยูก็เจริญสติได คุยอยูนี่ก็เจริญ
สติได ทุกอยางเปนการเจริญสติถาเราทำเปน
แลว....
- 6. 9กุมภาพันธ - เมษายน ๒๕๕๔
เพราะใจมันตื่นแลว ใจที่ตื่นแลวเปนใจที่ตองการนอยที่สุด วัตถุ
ถาหากจะมีก็มีเพื่อเกื้อกูลความจำเปนขั้นพื้นฐาน ที่เหลือแบงปน
เพราะใจมันเต็มแลวก็ไมเลือกเอาอะไรมาสุมๆไวเปนสมบัติ ใจที่
ตื่นแลวจะเปนใจที่ตองการนอยที่สุด แตจะมีความสุขไดมากที่สุด
ถาเราฝกสติเปนชีวิตจิตใจแลวเราไมตองอาศัยทวงทีลีลา
เลยนะอยูที่ไหนทำที่นั้นเลย ทานขาวอยูก็เจริญสติได ขับรถเรา
ก็เจริญสติได เขาหองอาบน้ำอยูก็เจริญสติได คุยอยูนี่ก็เจริญสติ
ได ทุกอยางเปนการเจริญสติถาเราทำเปนแลว และถาใครทำอยาง
นี้ ใครสะสมสติไปสะสมไปสะสมไป ถึงจุดหนึ่ง คืนหนึ่งวันหนึ่ง
กายมันจะเบา จิตมันจะเบานะ จิตเบาเกิดขึ้นแลวบางทีเราจะรูสึก
วานุมเราแตะโตะรูสึกวานุมพิมพคอมพิวเตอรอยูนี่สัมผัสแปนพิมพ
อยูนี่นุมไปทั้งแปนเลย กายเบาจิตเบา ทุกอยางอยูที่ใจ นุมนวล
ควรแกงานไปซะทั้งหมดเลย ถาไปถึงภาวะอยางนี้แลวจะเหมือน
กับเราเดินลงเขา ชีวิตเหมือนมีลมรำเพยพัดอยูเรื่อยๆ ความสุข
นอยๆคอยรินคอยไหลเหมือนน้ำหลอเลี้ยง มันก็กระทบโลกธรรม
ตามปกตินะรูปรสกลิ่นเสียงเราสัมผัสเรากระทบมันทั้งหมด แต
ความกระเทือนมันนอยลงๆ เรารับรูทุกอยางนะ คนชมคนดาเรา
เรารับรูทุกอยาง เปรี้ยวหวานมันเค็มเผ็ด แตวาความยึดติดถือมั่น
ตรงนี้มันจะนอยลง จนสักแตวา มันเปนคลื่นหนึ่งเทานั้น หลังจาก
นั้นเหตุการณภายนอก คนภายนอกทำใหชีวิตของเราแกวงได
นอยมาก เรากลายเปนคนที่มีความมั่นคงทางอารมณสูง และ
ความสุขนั้นเปนสิ่งที่คุณไมตองหา เขาจัดใหอยูขางในใจนี้
ถาเราพัฒนาตนจนมีสัมมาสติอยูกับตัว แลวเราจะเปน
คนที่ตื่นอยูเสมอ เราอยูที่ไหนเราก็มีความสุข แลวก็ออกมาเลย
นะทางกาย วาจา ใจ มันจะนุมนวลออนกวาวัย เคยมีคนไปถาม
พระพุทธเจาวาทำไมผิวของพระพุทธองคจึงออนวัยเชนนี้
พระพุทธเจาตรัสบอกวา ใครก็ตามไมคำนึงถึงความหลัง ไมเฝา
ระวังแตอนาคต จอจดอยูกับปจจุบัน ผิวพรรณยอมผองใส
ประโยคนี้คือวา สัมมาสติ ใครเจริญสติอยูเสมอผิวพรรณผองใส
เปนเรื่องธรรมดา แตจิตผองใสเปนผลโดยตรง พอจิตผองใสแลว
ชีวิตของเราก็ผองใสตามไปดวย ดังนั้นเราลองมาถามตัวเองดูซิ
วา ทุกๆครั้งที่เรามีความทุกขมันเปนผลของพฤติกรรมที่มีสติ
หรือขาดสติ ขาดสตินะ โดยมากพฤติกรรมที่ทำใหเรามีความสุข
สุขอยางแทจริงไมใชสุขอยางหยาบๆนะ มันมาจากการที่เราสราง
สรรคเหตุที่เรามีสติ
ฉะนั้นที่เราตั้งชื่อไววา ใหสุขแกทาน สุขนั้นถึงตัวนี่ ใน
อีกทางหนึ่งมันก็เปนใหทุกขแกทานทุกขนั้นถึงตัวได ลองสังเกตดูซิ
วา ถาเราทำอะไรที่เปนเหตุความทุกข จากตัวเราเปนเหตุทุกขออก
ไปหาคนอื่นนะ ทุกขที่ตีกลับมาหาเราก็เปนเหตุแหงทุกขที่เราสราง
ไว ถาเราสรางเหตุแหงสุขที่ตัวเรา แลวเราแผออกไปหาคนอื่น
ผลแหงสุขก็จะตีกลับมาหาเราเปนความสุขเหมือนกัน ฉะนั้นกอน
ที่เราจะไปใหสุขที่แกทาน สุขนั้นถึงตัวนี่นะ สำคัญที่สุดทั้งเนื้อทั้ง
ตัวของเราใหเปนคนแหงความสุขใหไดเสียกอน ซึ่งเคล็ดลับจริงๆ
จะพูดวาเคล็ดลับคงไมถูก พระพุทธเจาทานเปดเผยมาโดยตลอด
นั่นก็คือการพยายามกลับมารูสึกตัวอยูเสมอ ทุกวันนี้เรามีคนที่มี
ความรูมาก และคนที่มีความรูมากทำใหคนไทยขัดแยงกัน เพราะ
คนที่มีความรูมากเหลานั้น มีแตความรูยังไมมีความรูสึก ความ
รูมันเปนเรื่องของหัวสมอง แตความรูสึกตัวมันเปนจิตที่ตื่นขึ้นมา
ถาเมืองไทยของเรามีคนที่เจริญสติ มีคนที่รูสึกตัวมากๆจะคิด
จะพูดจะทำอะไร เขาก็จะทำอยางมีคุณภาพ ถาเราเปนคนที่เจริญ
สติแลว เวลาที่เราจะหลุดคำพูดอะไรออกไป มันก็จะเปนคำพูด
....เคยมีคนไปถามพระพุทธเจาวาทำไมผิวของ
พระพุทธองคจึงออนวัยเชนนี้ พระพุทธเจาตรัส
บอกวา ใครก็ตามไมคำนึงถึงความหลัง ไมเฝา
ระวังแตอนาคต จอจดอยูกับปจจุบัน ผิวพรรณ
ยอมผองใส....
- 7. 10 ยุวพุทธสัมพันธ ฉบับที่ ๗๗
เชิงคุณภาพ แตถาเราไมมีสติ เวลาจะหลุดคำพูดอะไรออกไป มัน
ก็จะกลายเปนคำพูดไมมีคุณภาพ
ดังนั้นกลาวอยางสั้นที่สุด ถาเราอยากเปนคนที่ใหสุขแก
ทานสุขนั้นถึงตัว พระอาจารยขอแนะนำวา ใหพยายามกลับมาตาม
ดูลมหายใจ อยูตรงไหนทำตลอดเวลา นั่งอยูอยางนี้นะ สมมุติวา
ฟงพระอาจารยเทศน หูฟงไป สงสติมาทางหู ถารูสึกวามันตึงๆ มัน
เริ่มลาแลว ดึงกลับมาตามลมหายใจก็ได ลองทำดู ทำเรื่อยๆทำทุก
วันที่โยมอยากจะกลับมาตามดูลมหายใจนะ ในแตละวันทำไดกี่รอย
กี่พันกี่หมื่นครั้งทำไดทั้งหมด ทุกๆครั้งที่เราเรียกสติกลับคืนมาสู
ลมหายใจนะหรือกลับมายังกายที่เคลื่อนไหวก็ได มันก็เหมือนกับการ
ไดรดน้ำเมล็ดพันธแหงสติเขาไป จิตมันจะดีขึ้นๆทุกคืนทุกวัน ใคร
ขยันทำบอยๆเทากับวาคนนั้นไดรดน้ำแหงสติลงไปที่ตนไมคือตัวเอง
เพราะตนไมคือตัวเรานี้รดน้ำมีสติเพิ่มขึ้นๆเราจะมีความสุข แลว
จากนั้นเราจะมีชีวิตที่สดชื่นรมเย็น
พระพุทธเจาเคยตรัสเอาไวอยางชัดเจนวา เราตถาคตกลับ
จากบิณฑบาตแลวถาเอาหญาแหงมาปู ตถาคตมาลงนั่ง ที่นั่ง
นั้นแหละเปนที่นั่งอันเปนทิพยของเราตถาคต ตถาคตไปเทศนไป
สอนออกมาแลวขึ้นไปนั่งบนแผนศิลา ศิลานั้นแหละเปนที่นั่งของ
เราตถาคต เราตถาคตไปโปรดสัตวกลับมาแลว ยืนอยูบนทางเดิน
จงกรมที่มีกรวดหินดินทรายอันขรุขระ แตทางเดินจงกรมนั่นแหละ
เปนทางเดินอันเปนทิพย ประโยคนี้สำคัญมากนะคุณโยมนะ สะทอน
อะไร สะทอนวาขางในสุขแลว สิ่งแวดลอมแมจะหยาบจะกระดาง
ยังไงก็ตาม จะเปลี่ยนคุณภาพเพื่อใหเรามีความสุขทั้งสิ้น แตถาขาง
ในของเราไมสุขเพราะใจของเราไมตื่น จะประดับประดาจะตกแตง
ยังไงก็แลวแตเถอะ ใจก็ยังทุกขอยูนั่นเอง
ฉะนั้นขอใหเรากลับมาเพื่อที่จะเรียนรูการมีสติอยูเสมอ
พัฒนาการมีสติอยูเสมอ ซึ่งถาเราทำเชนนี้เปนแลว อาจารยกลา
การันตีไดวาภายในเจ็ดวัน เจ็ดวันที่ฉันเปลี่ยน คุณจะเปลี่ยนแนนอน
คุณจะไดเห็นการเจริญเติบโตของตัวเอง แลวถาเราทำถูกตอง สิ่ง
ที่เราทำนั้นเปนการเจริญที่มีสัมมาสติ คุณโยมจะเปนคนที่ยิ้มงาย
ที่สุด รอยยิ้มนอยๆจะเผยใหเห็นเลยบนริมฝปาก นั่งคนเดียวยืน
คนเดียวนอนคนเดียวคุณโยมจะยิ้มไดเรื่อยๆอยางมีความสุขรื่นรมย
เกิดในสภาวะที่สดชื่นรมเย็น แลวหลังจากนั้นเราจะขึ้นตอคน
วัตถุ สิ่งบันเทิงนอยลง เรากลายเปนคนที่เดินอยูในทุงกวาง จะ
โดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาอยางมีความสุข เปนคนที่ชีวิตนี้ไมรูสึกวามัน
ขาดอะไร เราอยูตรงไหนตรงนั้นก็เปนแหลงพลังความสุข เราไป
คบกับใคร เขาก็มีความสุข อยางนอยที่สุดถาไมทันหูทันตา เขาจะรับ
รูไดวาเมื่อใกลคนคนนี้แลว ชีวิตจะดีขึ้น
นี่เปนอานิสงสที่เราเรียนรูที่จะเจริญสติอยูเสมอ แตเมื่อ
ไหรที่เราเจริญสติอยูเสมอ แลวปรากฏวาความเครียดก็ไมไดลดลง
อาการขี้วีนของเราก็ไมไดลดลง โวยวายก็ไมไดลดลง ปากเสียก็ไม
ไดลดลง เอาแตใจตัวเองก็ไมไดลดลง โลภโมโทสันก็ไมไดลดลง ตอง
หาสำนักใหมเลยนะ แตอาตมาเชื่อมั่นอยูเลยนะวาถาโยมมาฝก
กรรมฐานอยูในยุวพุทธฯเราทุกคนจะเกง เพราะที่นี่ไดทำเรื่องนี้มา
จนเปนผูรูจริงในเรื่องนี้และเปนหลักเปนฐานไดในสังคมไทยของเรา
ดังนั้นวันนี้ที่เรากำหนดหัวขอไววาใหสุขแกทานสุขนั้นถึง
ตัวนั้นอาตมาภาพก็ขอสรุปอยางรวบรัดตัดตอน ถาทานอยากเปน
บุคคลที่ใหสุขแกทานแลวสุขนั้นกลับมาถึงตัวไดเสมอ ก็ขอใหเรากลับ
มาเจริญวิปสสนากรรมฐานในชีวิตประจำวัน ถาใครรักตัวเองนะไม
ตองซื้ออะไรเปนของขวัญใหตัวเอง หาโอกาสเชิญชวนตัวเองมาเขา
คอรสวิปสสนากรรมฐานสักครั้งในชีวิต นั่นแหละคือการที่ใหรางวัล
ที่ยิ่งใหญแกตัวเองที่ดีที่สุดและใครทำไดบุคคลนั้นจะกลายเปนคนที่
ยิ่งใหญมีความสุขในอนาคตอันใกลไมเร็วก็ชา
วันนี้ก็ขออนุโมทนาสาธุการทุกคนทุกทานที่มาอยูใน
ปริมณฑลแหงนี้ไดมีขอคิดสิ่งละอันพันละนอยในวันนี้ ไปปรับปรุง
ไปประยุกตใชใหทานทั้งหลายกลายเปนบุคคลแหงความสุขโดย
ทั่วหนาทุกคนทุกทานเทอญ...
(อาจารยเริ่มสอนการภาวนา) เมื่อกี้เราพูดถึงทฤษฎีมาแลว
เราลองมาพูดถึงปฏิบัติกันดูนะจะไดรูวาความสดชื่นรมเย็นนั้นเปน
ยังไง ยังอยากจะทำใหตัวเองมีความสดชื่นรื่นรมยในชีวิตไหม วันนี้
จะใหเคล็ดลับ เอาเทาขวาวางบนเทาซาย มือขวาวางบนมือซาย ถา
ใครไมสะดวกจะนั่งพับเพียบก็ไดไมวากัน ยืดกายใหตรง ถากายไม
ตรงการไหลเวียนของเลือดลมจะไมดี อานาปานสติตองการการไหล
เวียนของเลือดดีๆหลับตาลง สังเกตดูซิวาปลายมือปลายเทาเราเกร็ง
ไหม ถาเกร็งคลายกอน ปากของเราเมมไปไหม ถาเมมคลายกอน
คิ้วของเรายนเขาหากันหรือเปลาถายนคลายเดี๋ยวนี้เลย อยาใหมีการ
เกร็งตรงสวนใดสวนหนึ่งของอวัยวะของเรานะ สบายๆทุกสวน
จากนั้นลองตามดูลมหายใจซิ เริ่มตนหายใจเขาแรงๆกอน
แลวก็ผอนจนสุดลมหายใจ เขาแรงแลวตามดู ดึงตัวเองกลับมาอยู
กับลมหายใจ จากนั้นผอนออกไป พอดึงตัวเองกลับมาอยูกับ
ลมหายใจแลว ทีนี้ปลอยกายปลอยใจใหสบายที่สุด ไมตองทำอะไร
อยางอื่นเลยนะแคสังเกตดูลมหายใจที่มันกำลังเขาและกำลังออก
เฉยๆ นั่งเฉยๆใหรูสึกวาเราสบายที่สุด ไมอะไรกับใครเลย สบาย
ที่สุด สังเกตดูลมหายใจที่กำลังเขากำลังออก ทำใหผอนคลายนะ เอา
ละลองปฏิบัติกันดู.................