SlideShare a Scribd company logo
1 of 35
Download to read offline
๕
บทนา
                                         ๏๏๏๏๏๏๏๏๏
                                    โสตฺถิ พุทฺธมามกาน
      ขอสวัสดิมงคลจงมีแด่พทธมามกชน
                          ุ
         ปั จจุบนวันนี ้มีปรากฏ เพราะมีอดีตเกิดขึ ้นก่อน ขอกล่าวถึงอดีตเล็กน้ อย
                ั
        “จุลสารจากแดงสัมพันธ์ ” เกิดขึ ้นเมื่อหลายปี ที่ผ่านมาโดยกลุ่มสหธรรมิกวัดจากแดง
เป็ นผู้จดทา บางปกใช้ ชื่อว่า “จุลสารวัดจากแดงสัมพันธ์”พอถึงช่วงหนึงมีข้อติดขัดเกิดขึ ้น
          ั                                                            ่
การจัดทาออกแจกจ่ายได้ หยุดลง แต่ความคิดในการจัดทายังคงดารงอยู่
      เริ่มปี ปฏิทินใหม่ ๒๕๕๕ จึงเริ่มต้ นใหม่ในชื่อว่า “จุลสารโพธิยาลัย”
     พูดถึงปี ปฏิทินที่ใช้ กนในปั จจุบน ถือตามสากลให้ เริ่มนับเดือนมกราคมเป็ นเดือน
                              ั       ั
แรก แต่เดือนอ้ ายของไทยได้ เริ่มแล้ วตังแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึงเป็ นช่วง
                                        ้                                 ่
เดือนที่น ้านองน ้าทรงเริ่มรี่ไหลลงไปตามธรรมชาติ (ส่วนบางที่ยงไหลไปไหนไม่ได้ เพราะ
                                                               ั
ถูกขวาง)
      เดือนแรกของปี หากนับตามวัฒนธรรมอินเดียหรือชมพูทวีป จะเป็ นเดือนจิตรมาส
หรือเดือนห้ าตกประมาณเดือนเมษายน ซึงเป็ นช่วงเปลี่ยนปี นักษัตรด้ วย แต่หากนับตาม
                                       ่
พุทธศักราชโดยตรงต้ องเริ่มนับหลังวันเพ็ญเดือนหก เพราะพุทธศักราชเริ่มนับจากพุทธ
ปรินิพพาน
      ปั จจุบน มักเรียกเปลี่ยนรวมกันในเดือนมกราคมทังหมด
             ั                                     ้
         การนั บ วั น ใหม่ ใ นปั จจุ บัน ก็ นั บ ตามที่ ก าหนดกั น โดยอาศั ย นาฬิ ก า ซึ่ ง ไม่
สอดคล้ องกับธรรมชาติที่แต่ก่อนนับตามการขึ ้นของ “ตาวัน” ในทางพระพุทธศาสนาจึง
นับวันใหม่ตามการขึนของแสงเงินแสงทองซึงเป็ นเครื่ องหมายให้ ร้ ู ว่า “ตาวัน” กาลังขึน
                      ้                           ่                                          ้
มาแล้ ว เพราะช่วงต่อจากเที่ยงคืนนันยังเป็ นช่วงมัชฌิมยามของกลางคืน (ชื่อก็บอกว่า
                                        ้
กลางคืนแต่ยงฝื นเรียกกันว่าเป็ นวันใหม่)
            ั
                                              ๖
วันขึ ้นปี ใหม่ตามรอบปี ปฏิทินใช้ เวลาถึง ๓๖๕ วัน หรือ ๓๖๖ วัน จึงจะครบหนึ่งครัง
                                                                                     ้
ทังๆ ที่ความจริ งวันใหม่ปรากฏทุกวัน แต่เพราะนี่คือ “ประสาโลก” จึงถือ โอกาสเฉลิม
  ้
ฉลองกันอย่างสนุกสนานร่ าเริ ง เพลิดเพลิน ลุ่มหลง โดยที่แท้ เวลาที่เข้ ามาใหม่คือเวลาที่
เดินเข้ าไปสู่ความตาย ช่วงหลังนีมีการจัด ”นับถอยหลัง” กันอย่างกว้ างขวาง ควรคิด
                                    ้
คานึงว่านันเป็ นการนับถอยหลังเข้ าไปสู่ความตายเช่นกัน
           ่
      เพื่อให้ สอดคล้ องกับวิถีโลกที่เปลี่ยนไป บุคคลในพระพุทธศาสนาจึงนาเอาวิถีโลก
นันมาประยุกต์ใช้ ให้ สอดคล้ องกับหลักการทางพระพุทธศาสนา คือการบาเพ็ญกุศลธรรม
  ้
ทังหลายในโอกาสต่างๆ แต่ต้องไม่ลืมหลักการว่าการบาเพ็ญกุศลธรรมหรื อการปฏิบติ
    ้                                                                           ั
ธรรมที่แท้ นน มิใช่การมุ่งไปสู่อัครสถานอันโอ่อ่า การบาเพ็ญกุศลธรรมหรื อการปฏิบัติ
            ั้
ธรรมที่แท้ มิใช่การรอคอยเวลาหรือรอ “คิว” เพื่อเข้ าปฏิบติธรรม
                                                       ั
      การปฏิบติธรรมทาได้ ทกที่ ดูกรณีของพระมหาชนกอยู่ในมหาสมุทรก็ปฏิบติธรรม
                ั           ุ                                               ั
คือ ความเพียรได้ พระเวสสันดรอยู่ในกรุ งสีพีก็ปฏิบติธรรมคือ บริ จาคทานได้ ระหว่าง
                                                   ั
เส้ นทางไปสู่เขาวงกตก็บริ จาคทานได้ แม้ อยู่ในเขาวงกตก็ยงบริ จาคทานได้ กระต่ายอยู่
                                                        ั
ในป่ าก็ถือศีลปฏิบติธรรมบริจาคทานได้ พญาวานรเผชิญอันตรายอยู่ริมน ้าก็ปฏิบติธรรม
                  ั                                                           ั
ได้ นกน้ อยอยู่ในกรงเล็บของเหยี่ยวใหญ่ก็ปฏิบติธรรมได้ การปฏิบติธรรมจึงทาได้ ทกที่
                                             ั                ั                 ุ
       เวลาปฏิบติธรรมก็ทาได้ ทกเวลา โดยเฉพาะเวลาที่มีลมหายใจ เพราะเมื่อหมดลม
               ั              ุ
หายใจก็หมดโอกาสในการปฏิบติธรรม ดังนันอย่ารอเวลา เพราะไม่ร้ ู ว่าพรุ่ งนีหรื อชาติ
                                ั        ้                              ้
หน้ า อะไรจะมาก่อน
                โสตฺถิ โหตุ สุขญฺจ โว       ขอสุขสวัสดิมงคลจงมีแด่ทกท่าน
                                                                   ุ




                                          ๗
ประวัตวัดจากแดง
                                         ิ
      วัดจากแดง เป็ นวัดราษฎร์ ตังอยู่ริมแม่น ้าเจ้ าพระยาฝั่ งขวา เลขที่ ๑๖ หมู่ ๖
                                 ้
ซอยจากแดง ถนนเพชรหึงษ์ ตาบลทรงคนอง อาเภอพระประแดง
จังหวัดสมุทรปราการ มีเนื ้อที่ ๑๕ ไร่ ๒ งาน ๕๔ ตารางวา
       วัดจากแดงสร้ างขึ ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๓๒๕ ปูชนียวัตถุสมัยโบราณของวัด
คือพระพุทธรูป นามว่า “หลวงพ่อหิน” ซึงขุดพบบริเวณโบสถ์หลังเก่า วัดจากแดงได้ รับ
                                              ่
พระราชทานวิสงคามสีมาเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๓๓๐
                   ุ
      ชื่อจากแดง มีการสันนิษฐานว่ามาจากคาว่า “จากแดน” หมายถึงหมู่บ้านของ
ประชาชนที่อพยพมาจากที่อยู่เดิมในอยุธยา แต่ตอมาได้ เพี ้ยนเสียงเป็ น "จากแดง"
                                                        ่
เมื่อสร้ างวัดขึ ้นแล้ ว ชาวบ้ านจึงได้ ตงชื่อวัดตามชื่อท้ องที่ตงวัดสืบมาจนปั จจุบน
                                         ั้                      ั้                ั


          ลาดับเจ้ าอาวาส (เท่าที่สืบค้ นได้ )
        รูปที่ ๑ พระอธิการสุด
        รูปที่ ๒ พระอธิการปั่ น
        รูปที่ ๓ พระอธิการมอม
        รูปที่ ๔ พระอธิการเปลื ้อง                      พ.ศ. ๒๔๗๕ – ๒๔๘๐
        รูปที่ ๕ พระอธิการทองอยู่                       พ.ศ. ๒๔๘๑ – ๒๔๘๙
        รูปที่ ๖ พระอธิการบู่                           พ.ศ. ๒๔๙๐ – ๒๔๙๔
        รูปที่ ๗ พระอธิการทองคา                         พ.ศ. ๒๔๙๕ – ๒๕๐๒
        รูปที่ ๘ พระอธิการยุ้ย                          พ.ศ. ๒๕๐๓ – ๒๕๐๘
        รูปที่ ๙ พระอธิการเผือก โสภิโต                  พ.ศ. ๒๕๐๙ – ๒๕๒๐
        รูปที่ ๑๐ พระอธิการนิตย์ อภินนฺโท               พ.ศ. ๒๕๒๑ – ๒๕๒๒
        รูปที่ ๑๑ พระครูธรรมธรสุมนต์ นนฺทิโก            พ.ศ. ๒๕๒๓ – ปั จจุบน
                                                                           ั

                                           ๘
สถานที่สาคัญภายในวัด




พระอุโบสถ                พระธาตุสมันตมหาปั ฏฐานเจดีย์




              ศาลาบาเพ็ญบุญ




              วิหารหลวงพ่ อหิน
                     ๙
อาคารโพธิยาลัย         อาคารโพธิยาลัย ๒




                      ศาลานามอนุสรณ์




    เมรุ
                        ศาลาหอฉัน
                 ๑๐
วัดจากแดงกาลังทาอะไร
                                                                           เขมา
   วัดจากแดง ในปั จจุบนถือเป็ นวัดที่มีกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนาอย่างเข้ มแข็ง
                      ั
ทังในด้ านปริยติและการปฏิบติ ทางด้ านพระปริยตินน วัดจากแดงมีหลักสูตรการเรียน
  ้            ั            ั                 ั ั้
การสอนภาษาบาฬีอย่างเข้ มแข็ง ดังจะเห็นได้ จากสถิติของผลการสอบหลักสูตรบาฬี
สนามหลวงในช่วงหลายปี ที่ผ่านมา นักเรียนของวัดจากแดงสามารถสอบไล่ได้
เป็ นอันดับ ๑ ของจังหวัดสมุทรปราการ เป็ นอันดับ ๘ ของภาค สองปี ซ้อน จนทําให้ ได้ รับ
การยกย่องให้ เป็ นสํานักศาสนศึกษาดีเด่นของจังหวัดสมุทรปราการ
      ปั จจุบนการเรียนการสอนทางด้ านพระปริยติของวัดจากแดงก็ยงคงเป็ นไปอย่าง
             ั                                ั                 ั
เข้ มข้ นและเข้ มแข็ง ปั จจุบนมีพระภิกษุสามเณรศึกษาเล่าเรียนอยูภายในวัดจากแดงมาก
                               ั                              ่
ถึง ๗๐ กว่ารูป และมีแนวโน้ มมากขึ ้นต่อไป นอกจากหลักสูตรการเรียนการสอนของ
พระภิกษุสามเณรแล้ ว วัดจากแดงได้ เปิ ดหลักสูตรการเรียนสําหรับประชาชนขึ ้น ไม่ว่าจะ
                             ี
เป็ นพระอภิธรรม พระบาฬสําหรับประชาชน และหลักสูตรธรรมศึกษาสําหรับประชาชน
    ทางด้ านการปฏิบติ วัดจากแดงได้ จดให้ มีการสวดมนต์ทําวัตรเย็น เจริญสมาธิภาวนา
                    ั               ั
สําหรับประชาชนขึ ้นในทุกวัน เวลา ๑๗.๓๐ - ๑๙.๐๐ น. และจัดให้ มีกิจกรรมปฏิบติธรรม
                                                                           ั
ในวันสําคัญทางพระพุทธศาสนาต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็ นวันมาฆบูชา วันวิสาขาขบูชา
วันอาสาฬหบูชา วันแม่ วันพ่อ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ต่างๆ โดยได้ รับความสนใจจาก
พุทธศาสนิกชนเป็ นจํานวนมาก
      ทางด้ านการเผยแผ่ นอกจากจะมีการเรียนการสอนตามปกติแล้ ว วัดจากแดงได้ จด ั
ให้ มีวิทยุชมชนเพื่อพระพุทธศาสนา ทางคลื่นวิทยุ FM 95.75 MHz โดยได้ รับความ
            ุ
อุปถัมภ์จากทางญาติโยมผู้ศรัทธาเป็ นจานวนมาก อีกทังยังมีการเผยแผ่ธรรมะในเว็บไซต์
                                                 ้
www.bodhiyalai.org ซึงจะมีธรรมะออนไลน์และสามารถดาวน์โหลดไปฟั งได้ อีกด้ วย
                        ่



                                         ๑๑
เกียรติคุณที่ได้ รับ
ปี พุทธศักราช ๒๕๕๒
- ได้ รับโล่เกียรติคณวัดวิถีพทธเฉลิมพระเกียรติ
                    ุ        ุ
- ได้ รับการประกาศให้ เป็ นสานักเรี ยนปริยติธรรมแผนกบาฬี
                                          ั
- ได้ รับโล่เกียรติคณจากมหาวิทยาลัยพุทธนานาชาติ เมืองสกาย ประเทศพม่า
                    ุ
ปี พุทธศักราช ๒๕๕๓
- ได้ รับเลือกให้ เป็ นวัดพัฒนาดีเด่นอันดับ๑ ของจังหวัดสมุทรปราการ (จาก๑๒๓วัด)
- ได้ รับรางวัลสานักศาสนศึกษาดีเด่นอันดับ ๑ ของจังหวัดสมุทรปราการ
- ได้ รับโล่เกียรติคณ "วัดปลอดเหล้ า งานบุญในวัด" จากผู้ว่าราชการจังหวัด
                    ุ
สมุทรปราการ
ปี พุทธศักราช ๒๕๕๔
- ได้ รับโล่เกียรติคณกิจการงานพระพุทธศาสนาอุปถัมภ์จากสานักข่าว
                    ุ
พระพุทธศาสนาและศิลปวัฒนธรรม
- ได้ รับรางวัลพุทธคุณปการ ระดับกาญจนา
                      ู
- ได้ รับรางวัลสานักศาสนศึกษาดีเด่นอันดับ๑ ของจังหวัดสมุทรปราการ
- ได้ รับเลือกให้ เป็ นวัดส่งเสริมสุขภาพดีเด่นระดับจังหวัด (กาลังอยู่ในขันตอนการ
                                                                         ้
ประกวดระดับประเทศ)




                                      ๑๒
คุยเฟื่ องเรื่ องพระวินัย
                                                                      บินหลาดง
                       วินโย นาม พุทฺธสาสนสฺส อายุ.
                       วินเย ฐิเต พุทฺธสาสนํ ฐิตํ โหติ.
       พระวินยเป็ นอายุของพระพุทธศาสนา เมื่อพระวินยยังดารงอยู่ พระพุทธศาสนาก็
               ั                                     ั
ชื่อว่าดารงอยู่ พระวินยเป็ นเหมือนกฎหมายของพระศาสนานี ้ บุคคลใดบวชเข้ ามาใน
                          ั
พระศาสนานี ้ก็ต้องอยู่ภายใต้ กฎหมาย ภายใต้ ข้อบัญญัติทางพระวินย ฉะนันหากพระ
                                                                  ั        ้
วินยนี ้ยังดารงอยู่ ไม่ถกเพิกถอนไปตราบใด ก็ถือว่าพระศาสนานี ้ก็ยงดารงอยู่ตราบนัน
    ั                   ู                                       ั              ้
    พระผู้มีพระภาคเจ้ า เมื่อพระองค์จะทรงบัญญัติพระธรรมวินย พระองค์ทรงอาศัย
                                                          ั
ประโยชน์แก่บคคลหลายฝ่ าย คือประโยชน์ต่อพระองค์เอง ต่อพุทธบริษัท ๔ และต่อ
             ุ
พระศาสนา ซึงอาจจะนับเป็ นข้ อได้ ถง ๕ ข้ อ คือ
               ่                  ึ
      ๑. พระผู้มีพระภาคเจ้ า ในยามที่พระองค์จะทรงบัญญัติพระวินย พระองค์ไม่ทรง
                                                                ั
บัญญัติโดยพลการ ทรงสอบถามให้ ภิกษุสงฆ์ยอมรับโดยพร้ อมเพรียงกัน แล้ วจึงทรง
บัญญัติ นี่ชี ้ให้ เห็นถึงพระองค์ทรงมองถึงประโยชน์พระองค์ และประโยชน์ของภิกษุสงฆ์
เพื่อมิให้ ใครติเตียน พระองค์จกใช้ อานาจในการบัญญัติ จึงถามภิกษุสงฆ์เสียก่อน แล้ ว
                                 ั
จึงทรงบัญญัติพระวินย (ปั จจุบนเทียบได้ กบการทาประชามติ)
                          ั        ั       ั
      ๒. การที่คนหลาย ๆ คนมาอยู่รวมกันเป็ นหมู่ เป็ นคณะขึ ้นมา ไม่มีกฎกติกาการ
เป็ นอยู่ก็จะไม่ผาสุก พระองค์อาศัยประโยชน์ข้อนี ้แล้ วบัญญัติพระวินย คือ เพื่อการอยู่
                                                                   ั
ผาสุกของหมู่คณะ
      ๓. คนเป็ นอันมากมาอยู่รวมกันต่างจิตต่างใจ บางคนแนะนาได้ ง่าย บางคนแนะนา
ได้ ยากเมื่อสังคมนันตังกฎกติกาขึ ้นมาแล้ วก็สามารถยกมาเป็ นเครื่องมือในการแนะนา
                     ้ ้
คนเหล่านัน ฉะนันพระองค์อาศัยประโยชน์นี ้จึงบัญญัติพระวินย คือ เพื่อข่มบุคคลผู้ว่า
            ้      ้                                        ั
ยากสอนยาก

                                         ๑๓
๔. สังคมได้ มีกฎกติกาที่ดี และคนในสังคมนันก็ต้องอยู่ในกฎกติกานัน สังคมนันก็
                                                 ้                    ้        ้
อยู่กนอย่างมีความสุข พยายามเพื่อความบริบรณ์แห่งประโยชน์ตน และผู้อื่นได้ เต็มที่
     ั                                         ู
พระองค์อาศัยประโยชน์นี ้จึงทรงบัญญัติพระวินย คือ เพื่อความผาสุกของภิกษุผ้ มีศล
                                             ั                               ู ี
เป็ นที่รัก
    ๕. สังคมใดไม่มีศีลไม่มีธรรมไม่มกฎกติกา ผู้อยู่ในสังคมนันก็จะทาแต่สิ่งที่ไม่ดี เช่น
                                     ี                       ้
การฆ่า การลักทรัพย์ เป็ นต้ น เมื่อเขาเหล่านันทาอย่างนัน โดยเขาจับได้ ก็จะได้ รับโทษ
                                             ้           ้
มีการทุบตี ตัดมือ ตัดเท้ า หรือฆ่าอันเป็ นเหตุจะก่อทุกข์ก่อโทษทังนัน ฉะนัน พระองค์
                                                                ้ ้      ้
อาศัยประโยชน์ นี ้จึงทรงบัญญัติพระวินย คือ เมื่อปองกันโทษอันจะเกิดในปั จจุบน
                                       ั           ้                          ั
   ประโยชน์ทง้ั ๕ ประการที่กล่าวมานี ้จะเห็นได้ ว่าพระผู้มีพระภาคเจ้ าทรงอาศัย
ความกรุณาอันใหญ่ จึงทรงบัญญัติพระวินยให้ ภิกษุสงฆ์
                                    ั




                                         ๑๔
วัฏฏกชาดก (ตายเพราะแตกกัน)
                                                                              เขมา
    อตีเต ครังอดีตกาลนานมาแล้ ว เมื่อพระเจ้ าพรหมทัตทรงเสวยราชสมบัติ ณ เมือง
               ้
พาราณสี พระโพธิสตว์ได้ ถือกาเนิดเป็ นนกกระจาบ มีนกกระจาบหลายพันเป็ นบริวาร
                     ั
พรานนกคนหนึงในเมืองนัน มีอาชีพจับนกขายโดยเฉพาะนกกระจาบ เขาจับนกโดยวิธี
                 ่       ้
หว่านข้ าวเปลือกล่อให้ นกลงมากินแล้ วใช้ แหเหวี่ยงคลุม ทาให้ สามารถจับนกกระจาบได้
คราวละจานวนมากๆ สาหรับกินและขายเลี ้ยงชีพ
      คราวหนึงเมื่อนกกระจาบโพธิสตว์ผ้ เู ป็ นหัวหน้ าฝูง ถูกจับพร้ อมๆกับบริวาร นก
              ่                 ั
กระจาบโพธิสตว์จงสังให้ บริวารนกทังหมดบินขึ ้นพร้ อมๆกัน จนแหลอยขึ ้นสามารถนาไป
                ั ึ ่              ้
วางบนต้ นไม้ ได้ แล้ วจึงบินรอดแหด้ านล่างเพื่อเอาตัวรอด เป็ นอยู่อย่างนี ้บ่อยครัง
                                                                                  ้
นายพรานนกนันจึงไม่สามารถที่จะจับนกได้ เลย จึงถูกภรรยาตาหนิเป็ นอันมาก เพราะไม่
                 ้
มีนกที่จะนาไปขายและเลี ้ยงชีวิต นายพรานปลอบภรรยาว่านกกระจาบฝูงนี ้ฉลาดมาก
มันพร้ อมใจกันบินขึ ้นและยกแหไปไว้ บนยอดไม้ อย่างรวดเร็วทุกครัง แต่อย่ากังวลไปเลย
                                                                ้
เมื่อใดที่พวกมันทะเลาะวิวาทกัน แตกความสามัคคีกน ต่างตัวต่างถือดีแก่งแย่งกัน เมื่อ
                                                       ั
นันก็จะสามารถจับนกได้ ทงหมด เขาบอกภรรยาอย่างนี ้และรอวันเวลาอยู่
  ้                       ั้
      สองสามวันต่อมา         นกกระจาบตัวหนึ่งโผบินลงมาที่พื ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทน  ั
สังเกต จึงเหยียบหัวนกกระจาบตัวหนึงเข้ าเต็มแรง นกกระจาบตัวที่ถกเหยียบจึงร้ องว่า
                                     ่                               ู
“ใครกันมาเหยียบหัวข้ า” ตัวที่เหยียบจึงกล่าวคาขอโทษอย่างนอบน้ อม แต่ตวที่ถก    ั ู
เหยียบหาได้ ให้ อภัยไม่      แม้ นกกระจาบตัวที่ผิดจะอ้ อนวอนขออภัยอย่างไรก็ไม่ยอม
จึงเกิดการทะเลาะถกเถียงขึ ้นอย่างรุนแรง       ต่างฝ่ ายต่างอวดเบ่งว่าที่รอดตายมาได้ ก็
เพราะอาศัยกาลังของตนพาแหขึ ้นไปบนต้ นไม้           การทะเลาะกันขยายวงกว้ างออกไป
อย่างมาก เพราะบรรดานกที่ถือหางของแต่ละฝ่ ายก็ไม่ยอมลดราวาศอก ต่างก็เข้ ามา
สาทับกันถือว่าพวกของตนเป็ นฝ่ ายถูก เป็ นฝ่ ายที่เหนือกว่า จึงแตกความสามัคคีกนในั
ที่สด
    ุ

                                          ๑๕
พระโพธิสตว์ผ้ เู ป็ นหัวหน้ าฝูงเห็นเข้ าก็เกิดความวิตกว่า บัดนี ้ฝูงนกทะเลาะวิวาทกัน
             ั
ไม่สามัคคีกนเสียแล้ ว ต่อไปจะเกิดความวิบติอย่างแน่นอน เพราะจะไม่มีใครออกแรงบิน
           ั                                      ั
ยกแห จะพากันตายทังหมด ดาริ ดงนี ้แล้ วก็พานกกระจาบตัวที่ไม่เข้ าพวกกับฝ่ ายทะเลาะ
                          ้            ั
กันบินไปหากินในที่อื่น
     ต่อมาอีกสามสี่วน นายพรานนกออกจากบ้ านมาโปรยเหยื่อและแอบซุมอยู่เหมือน
                    ั                                                           ่
เช่นเคย       ฝูงนกกระจาบต่างก็บนลงมากินอาหาร
                                 ิ                           นายพรานจึงเหวี่ยงแหคลุมไว้
ฝูงนกทังหมดจึงติดอยู่ในแห แต่ต่างพากันนิ่งเฉยไม่ยอมบิน ตัวหนึ่งตะโกนว่า “ใครที่เคย
        ้
บอกว่ามีกาลังมาก เป็ นคนออกแรงบินพาแหขึ ้นไปบนยอดไม้ ก็ลองบินดูหน่อยเถิด” อีก
ฝ่ ายก็กล่าวในทานองเดียวกัน        ต่างฝ่ ายต่างโต้ เถียงกันไปมาท้ าให้ อีกฝ่ ายลองกาลังดู
นายพรานก็พลันเข้ าไปรวบแห สามารถจับนกได้ ทงฝูง นาไปให้ ภรรยาขายและทาเป็ น
                                                     ั้
อาหารสาหรับเลี ้ยงชีพ
    สาระจากชาดก “ความสามัคคีสร้ างยาก แตกสามัคคีนันทาได้ ง่าย”
                                                  ้
       ความสามัคคีนนสร้ างได้ ด้วยน ้าใจ น ้าใจเป็ นเครื่องประสานสามัคคีได้ เป็ นอย่างดี
                       ั้
ชาดน ้าใจก็เอื ้อเฟื อกันไม่ได้ พูดกันด้ วยดีไม่ได้ ช่วยเหลือซึงกันและกันไม่ได้ และที่สาคัญ
                     ้                                         ่
ที่สดคือ จะไม่ให้ อภัยกัน จะมีแต่ทิฏฐิ มานะ ไม่ยอมกัน ไม่มองหน้ ากันพูดจากันไม่ร้ ูเรื่อง
     ุ
       หากต่างฝ่ ายต่างไม่ยอมกัน ต่างถือศักดิ์ศรี ถือฝ่ าย ถือสี ถือค่าย ยกตนข่มท่าน ก็จะ
ปรองดองกันไม่ได้ เข้ ากันไม่ได้ ก็พาลจะแตกกันเท่านันเอง หากแต่ละฝ่ ายต่างยอมกัน
                                                           ้
บ้ าง ผ่อนปรนกันบ้ าง ลดตัว ลดทิฏฐิ มานะลงเสียงบ้ าง ความสามัคคีก็จะเกิดขึ ้นได้
       ความสามัคคีนามาซึงความสงบสุข การทะเลาะวิวาทนามาซึงความวุ่นวายและ
                             ่                                            ่
ความวิบติไม่มีที่สิ ้นสุด
          ั                        ไม่มีใครได้ ผลประโยชน์ที่แท้ จริงจากการทะเลาะวิวาทกัน
ผู้ชนะก็ได้ เพียงความสะใจ แต่ต้องระวังตัว ผู้แพ้ ก็ได้ แต่แค้ นใจและหาทางแก้ แค้ น ก่อเวร
ซึงกันและกันไม่มีที่สิ ้นสุด
   ่




                                            ๑๖
ปหาราทสูตร
                                                อ.อิศริ ยา นุตสาระ M.A.
            นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส ฯ
                                            ฺ
              ขอนอบน้ อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้ าพระองค์นน
                                                      ั้
จากพระสุตตันตปิ ฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต พระไตรปิ ฎกและอรรถ
กถาแปล เล่มที่ ๓๗ หน้ า ๓๙๙-๔๑๓
      พระพุทธเจ้ าได้ แสดงพระธรรมแด่ท้าวปหาราทะจอมอสูร ณ ใต้ ร่มไม้ สะเดา
ใกล้ กรุงเวรัญชา เพื่อแสดงถึงความลาด ลุ่ม ลึก ของพระธรรมวินย หรือความอัศจรรย์
                                                           ั
ของพระธรรมวินย โดยการเปรียบเทียบกับความอัศจรรย์ของมหาสมุทร ๘ ประการ
                 ั
      เนื ้อเรื่องย่อ ท้ าวปหาราทะเป็ นหัวหน้ าอสูรผู้หนึง หัวหน้ าอสูรมี ๓ ท่าน คือ
                                                         ่
๑. ท้ าวเวปจิตติ ๒. ท้ าวราหู และ ๓. ท้ าวปหาราทะ ท้ าวปหาราทะได้ ตงความ       ั้
ปรารถนาไว้ นับตังแต่วนที่พระพุทธเจ้ าตรัสรู้แล้ วว่าจะไปเข้ าเฝาพระบรมศาสดา แต่ก็
                      ้ ั                                      ้
ผลัดวันไปเรื่อยๆ จนเวลาล่วงไปถึง ๑๒ ปี จึงตัดสินใจมาเฝาพระพุทธองค์ และปรารถนา
                                                           ้
จะทูลถามคาถาม ครันได้ เข้ าเฝาจริงก็ไม่กล้ าทูลถาม พระพุทธองค์ทรงทราบ ทรงเปี่ ยม
                         ้      ้
ไปด้ วยพระมหากรุณาต่อท้ าวปหาราทะ ทรงรู้ว่าหากพระองค์ไม่ตรัสก่อน ท้ าวปหาราทะ
ก็ไม่กล้ าทูลถามอย่างแน่นอน จึงตรัสถามว่า บรรดาอสูรชื่นชมและอัศจรรย์ในมหาสมุทร
ใช่ไหม และมหาสมุทรนันมีอะไรที่น่ารื่นรมย์บ้าง ท้ าวปหาราทะปี ติยินดีที่ได้ ฟังพระพุทธ
                           ้
องค์มีรับสังถามในสิ่งที่ท่านมีความรู้เป็ นอย่างดี จึงทูลตอบว่า พวกอสูรชื่นชม อภิรมย์
            ่
และภูมิใจในมหาสมุทรว่ามีความน่าอัศจรรย์ถง ๘ ประการ ดังนี ้คือ
                                               ึ
     ๑. มหาสมุทรมีลกษณะ ลาด ลุ่ม ลึก ลงไปตามลาดับ ไม่โกรกชันเหมือนเหว
                    ั
     ๒. มหาสมุทรเต็มเปี่ ยมอยูเ่ สมอ แต่ไม่เคยล้ นฝั่ ง
     ๓. มหาสมุทรไม่เกลื่อนไปด้ วยซากศพ เพราะคลื่นย่อมซัดซากต่างๆเข้ าหาฝั่ ง



                                         ๑๗
๔. มหาสมุทรเป็ นที่รวมของแม่น ้าใหญ่ที่มีชื่อต่างๆ เช่น คงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู
และเมื่อไหลลงสู่มหาสมุทรก็ย่อมละชื่อเดิมทังหมด้
     ๕. แม่น ้าในโลกย่อมไหลลงมหาสมุทร สายฝนในอากาศก็ตกลงสู่มหาสมุทร แต่
มหาสมุทรก็ไม่ปรากฏว่าพร่องหรื อเต็ม
     ๖. น ้าในมหาสมุทรมีรสเดียวคือรสเค็ม
     ๗. มหาสมุทรเต็มไปด้ วยรัตนะอันมีค่ามากมาย
     ๘. มหาสมุทรเป็ นที่อาศัยของสัตว์ขนาดใหญ่จานวนมาก นี ้เป็ นความน่าอัศจรรย์ ๘
ประการในมหาสมุทร ที่พวกอสูรเห็นแล้ วจึงชื่นชม อภิรมย์และภูมิใจ
     จากนันท้ าวปหาราทะ ก็ทลถามพระพุทธองค์ว่า “ข้ าแต่พระองค์ผ้ เู จริญ ภิกษุ
            ้                   ู
ทังหลายชื่นชมในพระธรรมวินยนี ้บ้ างหรือไม่พระเจ้ าข้ า ในธรรมวินยนี ้มีความน่าอัศจรรย์
  ้                               ั                               ั
ใจที่ภิกษุเห็นแล้ วอภิรมย์อยู่บ้างหรือไม่พระเจ้ าข้ า”
     พระพุทธเจ้ าตรัสตอบว่า มีอยู่ปหาราทะ ความอัศจรรย์ของพระธรรมมีอยู่ถง ๘   ึ
ประการ เช่นกันคือ
        ๑. ในธรรมวินยที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ ดีแล้ วนัน มีความละเอียดลึกซึ ้งต้ องมีการ
                          ั                             ้
ศึกษาไปตามลาดับ มีการกระทาไปตามลาดับ มีการปฏิบตไปตามลาดับ เช่นเดียว
                                                                 ั ิ
กับมหาสมุทรที่มีความลาด ลุ่มลึกลงไปตามลาดับ ไม่มีทางลัดไปสู่พระนิพพาน (เพราะ
เมื่อพระองค์ตรัสรู้ใหม่ๆ ยังทรงมีพทธดาริว่าพระธรรมที่ตรัสรู้นี ้เป็ นธรรมที่ลกซึ ้ง สุขม
                                         ุ                                     ึ        ุ
ลุ่มลึก ที่ไม่อาจรู้ได้ ด้วยการตรึก คือไม่อาจรู้ได้ ด้วยการคิดเอาเอง แต่เป็ นธรรมที่บณฑิต
                                                                                     ั
ควรรู้ คือต้ องศึกษาไปตามลาดับขันตอน ตามที่พระพุทธองค์แสดงไว้ ในพระไตรปิ ฎก)
                                       ้
พระพุทธเจ้ าตรัสว่า ดูก่อนปหาราทะข้ อที่ในธรรมวินยนี ้มีการศึกษาไปตามลาดับ กระทา
                                                          ั
ไปตามลาดับ มีการปฏิบติไปตามลาดับนี ้ มิใช่ว่าจะมีการบรรลุอรหัตผลอย่างกบกระโดด
                             ั
ข้ อนี ้เป็ นธรรมที่น่าอัศจรรย์อนไม่เคยมีมาประการที่ ๑ ในธรรมวินยนี ้ที่ภิกษุทงหลายเห็น
                                ั                                    ั           ั้
แล้ วๆ จึงอภิรมย์อยู่



                                           ๑๘
๒. มหาสมุทรเต็มเปี่ ยมอยูเ่ สมอ ไม่ล้นฝั่ งฉันใด สาวกของพระพุทธเจ้ าที่แท้ จริ งก็จะ
ไม่ล่วงละเมิดสิกขาบทหรือพระวินยที่ทรงบัญญัติไว้ แม้ เพราะเหตุแห่งชีวิต (คือพระภิกษุที่
                                         ั
แท้ จะเต็มเปี่ ยมไปด้ วยความบริสทธิ์แห่งศีล แม้ จะตายก็ไม่ยอมที่จะทาให้ ศีลขาดเลย
                                       ุ
เช่นกัน)
          ๓. มหาสมุทรไม่เกลื่อนด้ วยซากศพ เพราะในมหาสมุทรคลื่นย่อมซัดเอาซากศพเข้ า
หาฝั่ งฉันใด ภิกษุทศีลที่ปกปิ ดกรรมชัว ชุ่มด้ วยราคะ มิใช่สมณะก็ปฏิญญาว่าเป็ นสมณะ
                       ุ                     ่
มิใช่ผ้ ประพฤติพรหมจรรย์ ก็ปฏิญญาว่าประพฤติพรหมจรรย์ หมู่สงฆ์ก็ย่อมประชุมกันขับ
        ู
ไล่ออกจากหมู่คณะ คนเช่นนี ้แม้ จะนังอยู่ท่ามกลางหมู่สงฆ์ ก็ชื่อว่าห่างไกลจากสงฆ์ นี ้
                                           ่
เป็ นความน่าอัศจรรย์ประการหนึงของพระธรรมวินย
                                     ่                  ั
          ๔. แม่น ้าสายใหญ่ๆคือ แม่น ้าคงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู มหิ แม่น ้าเหล่านันไหลไป
                                                                                  ้
ถึงมหาสมุทรแล้ ว ย่อมละนามและโคตรเดิมหมด คงเรียกว่า มหาสมุทรเท่านัน            ้
เช่นเดียวกับกุลบุตรไม่ว่าจะมาจากวรรณะใด เช่น กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร เมือ            ่
ออกบวชย่อมละนามและโคตรเดิม มาเป็ นสมณศากยบุตรเท่านันเช่นกัน       ้
          ๕. แม่น ้าทุกสายในโลกย่อมไหลไปรวมยังมหาสมุทร และสายฝนจากอากาศก็ตก
ลงสู่มหาสมุทร แต่มหาสมุทรก็มิได้ ปรากฏว่าจะพร่องหรือเต็มเพราะน ้านันฉันใด ภิกษุที่
                                                                           ้
บรรลุอรหัตผลจานวนมาก เมื่อนิพพานแล้ วก็ไม่ปรากฏว่านิพพานธาตุจะพร่องหรือเต็ม
แต่ประการใดเช่นกัน
          ๖. มหาสมุทรมีรสเดียว คือ รสเค็มฉันใด ธรรมวินยนี ้ก็มีรสเดียวเช่นกัน คือ วิมุตติ
                                                            ั
รส หมายถึงรสแห่งความสุขและความสงบจากกิเลส ในพระนิพพานอันเป็ นบรมสุข
          ๗. มหาสมุทรเต็มไปด้ วยรัตนะอันมีค่าฉันใด ในพระธรรมวินยก็เต็มไปด้ วยรัตนะ
                                                                    ั
อันมีค่าฉันนัน รัตนะในธรรมวินยนันมีดงนี ้ คือ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิ
                ้                 ั ้ ั
บาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคมี องค์ ๘




                                             ๑๙
๘. มหาสมุทรเป็ นที่พานักอาศัยของสิ่งที่มีชีวิตใหญ่ๆ พระธรรมวินยก็เป็ นที่พานัก
                                                                     ั
อาศัยของสิ่งมีชีวิตใหญ่ๆ สิ่งมีชีวิตในพระธรรมวินยนี ้ มีดงนี ้ คือ
                                                      ั    ั
     -พระโสดาบัน
     -พระสกทาคามี
     -พระอนาคามี
     -พระอรหันต์
ข้ อสังเกตจากปหาราทสูตร
     ๑. จากพระสูตรนี ้ จะเห็นถึงน ้าพระทัยที่เปี่ ยมไปด้ วยพระมหากรุณาธิคณของพระ
                                                                          ุ
พุทธองค์ต่อท่านปหาราทะ ด้ วยพระสัพพัญญุตญาณของพระองค์ทรงล่วงรู้ว่า ปหาราทะ
ปรารถนาที่จะทูลถาม แต่ถ้าพระองค์ไม่ตรัสขึ ้นก่อน ปหาราทะจะไม่กล้ าพูด จึงตรัสถาม
ถึงความอัศจรรย์ของมหาสมุทร ปหาราทะมีความรู้ดีในเรื่องนี ้ และชื่นชมว่าพระพุทธองค์
ประทานความคุ้นเคยให้ กบตนจึงตรัสถามตน อันเป็ นที่มาของพระสูตรนี ้
                         ั
     ๒. ด้ วยพระปรีชาสามารถ พระปั ญญากว้ างไกล ไหวพริบปฏิภาณอันยอดเยี่ยมพระ
พุทธองค์ทรงสามารถเปรียบเทียบความอัศจรรย์ของพระธรรมวินยกับความอัศจรรย์ของ
                                                                   ั
มหาสมุทรได้ อย่างสมจริง
     ๓. พระพุทธองค์ทรงมีจิตวิทยาอย่างยอดเยี่ยม ทรงคล้ อยตามความคิดเห็นของ
ท้ าวปหาราทะจอมอสูร โดยไม่ทรงขัดแย้ งใดๆที่จะก่อให้ เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อคู่สนทนา
เลย จัดว่าเป็ นแบบอย่างที่ดีงาม
     ๔. พระพุทธองค์เปี่ ยมด้ วยพระมหากรุณา เมือท้ าวปหาราทะกราบทูลถึงความน่า
                                                    ่
อัศจรรย์ของมหาสมุทรว่ามี ๘ ประการ ทังๆที่พระองค์สามารถแสดงธรรม ๘ ประการได้
                                         ้
จนถึง ๑,๐๐๐ ประการก็ได้ แต่มิได้ ทรงข่มปหาราทะ จึงทรงแสดงความน่าอัศจรรย์ของ
พระธรรมวินยเพียง ๘ ประการเท่ากัน โดยมิได้ ทรงแสดงเกินไปกว่านี ้เลย ก็เป็ นคุณธรรมที่
              ั
ประเสริฐที่ควรคานึงถึง



                                         ๒๐
๕.ผู้แสดงธรรมของพระพุทธองค์ควรมีคณสมบัติดงต่อไปนี ้
                                                  ุ       ั
(จากอุทายิสตร อังคุตตรนิกาย ปั ญจก-ฉักกนิบาต เล่มที่๓๖ หน้ า๓๓๓)
                   ู
         ๕.๑ ต้ องแสดงไปตามลาดับ
         ๕.๒ ธรรมที่แสดงถูกต้ อง ต้ องมีเหตุผล
         ๕.๓ แสดงธรรมด้ วยความจริงใจประกอบด้ วยความเมตตา
         ๕.๔ แสดงธรรมโดยไม่หวังลาภสักการะใดๆ
         ๕.๕ แสดงธรรมโดยไม่กระทบตนและผู้อื่น
       นอกจากนี ้ก็จะเพิ่มเติมในข้ อ๖ ว่าการแสดงธรรมของพระพุทธเจ้ า มิใช่ธรรมของ
ข้ าพเจ้ าอันเป็ นอัตโนมติของตน อันเป็ นอริยปวาท คือการกล่าวตู่พระธรรมคาสังสอนของ
                                                ู                            ่
พระพุทธเจ้ าซึงมีโทษมาก่
       ๗. ผู้แสดงธรรมต้ องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ จนมีไหวพริบปฏิภาณ
สามารถเปรียบเทียบอุปมาอุปไมยได้ อย่างถูกต้ องชัดเจน
       ในฐานะที่รับผิดชอบในหน้ าพระสูตร จึงเลือกพระสูตรนี ้มาแสดงด้ วยความมุ่งหมาย
๖ ประการคือ
       ๑. เพื่อแสดงให้ เห็นถึงความลึกซึ ้งของพระธรรมวินย ที่จะต้ องศึกษาและปฏิบติไป
                                                            ั                   ั
ตามลาดับ ไม่มีทางลัดไปสู่พระนิพพาน จากอรรถกถายืนยันว่า การบรรลุมิได้ เกิดจาก
การศึกษาแบบกบกระโดด
       ๒. การศึกษาพระธรรมวินย และการปฏิบติไปสู่ความพ้ นทุกข์ ต้ องเริ่มด้ วยความ
                                   ั                ั
บริสทธิ์ของศีล
     ุ
       ๓. เพือให้ เห็นถึงความสาคัญของปริยติ คือ คาสอนจากพระไตรปิ ฎก
              ่                               ั
       ๔. ได้ ร้ ูจก ๕ รัตนะในพระธรรมวินย
                     ั                    ั
       ๕. ได้ ร้ ูและเข้ าใจถึงความอัศจรรย์ของพระธรรมวินยเมื่อเปรียบเทียบกับความ
                                                              ั
อัศจรรย์ของมหาสมุทรถึง ๘ ประการ
       ๖. เพื่อได้ ศกษาข้ อสังเกตเกี่ยวกับพระสูตรซึงเป็ นการพิจารณาอย่างแยบคาย เพื่อให้
                         ึ                            ่
เกิดปั ญญาบารมี
                                          ๒๑
รัตนะในพระธรรมวินัย ได้ แก่
สติปัฏฐาน ๔ :- ธรรมอันเป็ นที่ตงแห่งสติ ข้ อปฏิบติที่มีสติเป็ นประธาน ตังสติกาหนด
                                 ั้                     ั                      ้
พิจารณาให้ ร้ ูเท่าทันตามความเป็ นจริง ได้ แก่
            ๑. กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ การตังสติพิจารณากาย
                                                          ้
            ๒. เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ การตังสติพิจารณาเวทนา ้
            ๓. จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ การตังสติกาหนดพิจารณาจิตและมีสติ
                                                            ้
กากับดูร้ ูเท่าทันจิต ทุกสภาพและอาการของจิต
            ๔. ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ การตังสติกาหนดพิจารณาธรรม โดยการมี
                                                              ้
สติกากับดูร้ ูเท่าทันธรรม มี ๔ ประการได้ แก่ กาย เวทนา จิต ธรรม
สัมมัปปธาน :- ความเพียรชอบที่เป็ นสัมมาวายามะ
            ๑. เพียรระวังบาปอกุศลที่ยงไม่เกิด มิให้ เกิดขึ ้น
                                       ั
            ๒. เพียรละบาปอกุศลที่เกิดขึ ้นแล้ ว
            ๓. เพียรเจริญกุศลธรรมที่ยงไม่เกิด ให้ เกิดขึ ้น
                                     ั
            ๔. เพียรรักษากุศลธรรมที่เกิดขึ ้นแล้ ว ไม่ให้ เสื่อมและให้ เพิ่มไพบูลย์ยิ่งๆขึ ้น
อิทธิบาท ๔ :- คุณเครื่องให้ ถงความสาเร็จ, ทางแห่งความสาเร็จ มี ๔ ข้ อ ได้ แก่
                               ึ
            ๑. ฉันทะ ความพอใจรักใคร่สิ่งนัน   ้
            ๒. วิริยะ ความพยายามทาสิ่งนัน       ้
            ๓. จิตตะ ความเอาใจฝั กใฝ่ ในสิ่งนัน   ้
            ๔. วิมังสา ความพิจารณาใคร่ครวญหาเหตุผลในสิ่งนัน         ้
อินทรีย์ ๕ :- ความเป็ นใหญ่ ๕ ประการ ได้ แก่
             ๑. ศรัทธา ความเชื่อที่ประกอบด้ วยปั ญญา
             ๒. วิริยะ ความเพียร ความบากบันไม่ท้อถอย่
             ๓. สติ      ความระลึกได้
             ๔. สมาธิ ความมีใจตังมัน สงบ ไม่ฟ้ งซ่าน
                                    ้ ่               ุ
             ๕. ปั ญญา ความรอบรู้
                                             ๒๒
โพชฌงค์ ๗ :- ธรรมที่เป็ นองค์แห่งการตรัสรู้มี ๗ ข้ อ คือ
      ๑. สติ
      ๒. ธัมมวิจยะ (การสอดส่องเลือกเฟ้ นธรรม)
      ๓. วิริยะ
      ๔. ปี ติ
      ๕. ปั สสัทธิ (ความสงบ)
      ๖. สมาธิ
      ๗. อุเบกขา
อริยมรรคมีองค์ ๘ :- ทางอันประเสริฐมีองค์ ๘ ประการ ได้ แก่
      ๑. สัมมาทิฏฐิ             ความเห็นชอบ
      ๒. สัมมาสังกัปปะ          ความดาริชอบ
      ๓. สัมมาวาจา              เจรจาชอบ (วจีสจริต)ุ
      ๔. สัมมากัมมันตะ ทาการงานชอบ (กายสุจริต)
      ๕. สัมมาอาชีวะ            เลี ้ยงชีพชอบ (เว้ นจากมิจฉาชีพ ๕ ประการ)
      ๖. สัมมาวายามะ            ความเพียรชอบ
      ๗. สัมมาสติ               ความระลึกชอบ
      ๘. สัมมาสมาธิ             ตังจิตมันชอบ
                                  ้ ่




                                        ๒๓
การฟั นฝ่ าวิกฤติ ตามรอยพระมหาโพธิสตว์ เวสสันดร
                                                      ั
                                                                คนเดินทาง
           เรื่องของภัยพิบติต่างๆนัน ล้ วนแล้ วแต่ทําความเสียหายให้ แก่ทรัพย์สิน บ้ านเรือน
                                  ั       ้
เรือกสวนไร่นา ธุรกิจมากมายนับไม่ได้ หลายต่อหลายครอบครัวต้ องประสบกับความ
สูญเสียแห่งญาติ ความสูญเสียแห่งทรัพย์ มีประการต่างๆ ย่อมต้ องมีความโศกเศร้ า
ความเครียด ความเสียใจ เป็ นธรรมดา หากแต่วิกฤติต่างๆ ก็มิใช่แต่จะเกิดเพียงใน
ปั จจุบนนี ้เท่านัน หากแต่ว่าเกิดขึ ้นมาแล้ วหลายยุคหลายสมัยมากมายนับไม่ถ้วน
           ั           ้
        เรื่องนี ้ในบุคคลที่มีศรัทธา เชื่อเรื่องกรรม เรื่องผลของกรรม ก็อาจจะรักษาจิตของตน
ไว้ ได้ บ้าง แต่กระนัน ก็ยงอดที่จะตกอยู่ในความประหวันพรั่นพรึง ความกลัวที่จะต้ อง
                              ้       ั                          ่
เผชิญกับความสูญเสีย เพราะความเสียหาย เกิดความกังวลวิตกทุกข์ร้อน แม้ ในคราวได้
พบเห็นความทุกข์ของผู้คนทังหลายเป็ นอันมาก หรือไม่อาจจะระงับความเสียใจอย่าง
                                        ้
เหลือเกิน ในคราวที่จะต้ องเผชิญหน้ ากับความสูญเสียใหญ่หลวงนันด้ วยตนเอง การที่
                                                                        ้
จะฟั นฝ่ าวิกฤติภยพิบติต่างๆนัน ความสําคัญอยู่ที่การมีสติ มีปัญญาที่จะแก้ ไขปั ญหา
                         ั ั                ้
ต่างๆที่เกิดขึ ้นรอบตัวเรา                โดยเฉพาะความมีสติที่จะสามารถพลิกวิกฤติให้ เป็ นโอกาส
ดังเช่นพระมหาโพธิสตว์เวสสันดร   ั
        ความตอนหนึงโดยย่อว่า เมื่อเมืองกาลิงครัฐเกิดฝนแล้ ง ข้ าวกล้ าไม่สมบูรณ์
                          ่
ประชาชนก็เดือดร้ อน เมือเป็ นอยูไม่ได้ ก็ทําโจรกรรม ชาวเมืองจึงกดดันให้ เจ้ าเมืองไป
                                    ่         ่
ขอช้ างปั จจยนาคกับพระเจ้ าสัญชัยแห่งกรุงสีพี ช้ างปั จจยนาคเป็ นช้ างมงคล เกิดด้ วย
บารมีของพระโพธิสตว์เวสสันดร เป็ นสหชาติกน คือเกิดพร้ อมกัน เป็ นคู่บารมีของพระ
                            ั                         ั
โพธิสตว์ ช้ างปั จจยนาคอยู่ที่ไหน ความอุดมสมบูรณ์ก็เกิดที่นน กษัตริย์เมืองกาลิงครัฐ
         ั                                                           ั่
จึงส่งพราหมณ์ไปทูลขอช้ างปั จจยนาคจากพระเวสสันดร
        พระโพธิสตว์ได้ มอบช้ างปั จจยนาคให้ แก่พราหมณ์ทง้ั ๘ ผู้มาขอนัน ยังความโกรธ
                     ั                                                       ้
แค้ นให้ เกิดกับชาวสีพีเป็ นอันมาก ชาวเมืองต่างพากันมาชุมนุมเพื่อขับไล่พระเวสสันดร
ให้ ออกจากแว่นแคว้ น

                                             ๒๔
พระเจ้ าสัญชัยทรงจําต้ องขับไล่พระราชโอรสที่เป็ นที่รักยิ่งกว่าชีวิตของพระองค์เอง
เพื่อต้ องการรักษาราชประเพณีในการปกครอง ไม่ให้ เกิดการจลาจลของหมู่ชนชาวสีพี
ก่อนที่พระโพธิสตว์จะพาครอบครัวเสด็จไปสู่เขาวงกต ยังได้ บริจาคมหาทานแก่ผ้ มาขอใน
                    ั                                                             ู
สัตตสัตกมหาทาน จนในที่สดก็ไม่เหลือสมบัติข้าวของอะไรๆ ติดตัวไปเลย เพราะ
                                  ุ
ชาวเมืองที่เหลือยังดันด้ นมาขอบริ จาคจากพระองค์ไปจนหมด ไม่มีอะไรติดตัวระหว่าง
                        ้
การเดินทางระหกระเหินนันเลย    ้
       ในคราวที่มาเจอกษัตริย์อีกเมืองหนึง ซึงได้ ร้องขอพระองค์ให้ ทรงยอมรับราชสมบัติที่
                                          ่ ่
เมืองของตนด้ วยความเคารพบูชาพระเวสสันดรนัน พระโพธิสตว์ทรงปฏิเสธและทรงรับสัง
                                                   ้              ั                      ่
ว่า “พระองค์ไม่ประสงค์ที่จะรับราชสมบัติใดๆ เพราะหากรับแล้ วชาวสีพีก็จะพลอยมาขัด
เคืองกับเมืองๆนี ้ด้ วย สงครามอันร้ ายกาจก็อาจเกิดขึ ้นได้ เพราะอาศัยพระองค์แต่เพียงผู้
เดียว” พระองค์จงยืนยันที่จะเดินทางไปยังเขาวงกต
                      ึ
       ในความย่อข้ างต้ น ขอให้ ท่านผู้อ่านพิจารณาดูเอาเถิด พระโพธิสตว์นนทรงเป็ นผู้
                                                                             ั ั้
ปรารภธรรมเป็ นอย่างยิ่ง มิได้ ปรารภตนเองเป็ นใหญ่เลย ทรงเห็นแก่ความผาสุก ความ
สงบของชนหมู่มาก จึงยอมเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ทรงมี ด้ วยต้ องการที่จะ
กําจัดความขัดเคือง กําจัดความพยาบาทของชนทังหลาย ไม่ประสงค์ให้ เกิดวิวาทจน
                                                        ้
กลายเป็ นสงคราม และทรงถือเอาวิกฤตินี ้เป็ นเหตุแห่งบารมีของพระองค์เพื่อทรงกระทํา
ทานบารมีให้ ถงที่สด แม้ ด้วยเหตุแห่งความสูญเสียมีประมาณเท่านี ้ จิตใจของพระ
                   ึ ุ
โพธิสตว์ก็มิได้ ทรงหวันไหวเลยทรงบริจาคความสุขทุกอย่าง ทังทรัพย์สินมากมาย ทังลาภ
        ั                 ่                                         ้                 ้
ยศ สุข สรรเสริญ ความสะดวกสบายในเมืองของพระองค์ จนหมดสิ ้นประดุจบุคคลผู้
สิ ้นเนื ้อประดาตัว!!
       มาในยุคนี ้ สมัยนี ้ แม้ ไม่ปรากฏพระเวสสันดรโพธิสตว์ก็จริงอยู่ แต่ว่าพวกเรายังคง
                                                             ั
ได้ ยินได้ ฟังเรื่องราวของพระองค์ท่าน ด้ วยความปลาบปลื ้ม ซาบซึ ้งและอนุโมทนากับมหา
ทานของพระองค์ ตังแต่ต้นจนจบ ชื่นชมโสมนัสในพระบารมีของพระองค์กนอยู่ มาจน
                            ้                                                  ั
บัดนี ้

                                           ๒๕
ก็แต่ว่าหากพวกเราจะได้ ยินได้ ฟัง         เพียงแค่เก็บมาเป็ นความชื่นใจเท่านัน หา
                                                                                      ้
เพียงพอไม่ เพราะประโยชน์ที่พวกเราผู้ได้ ฟัง พึงใคร่ครวญว่า เวสสันดรชาดกนี ้ ได้ ให้
อะไรๆ กับเรา ผ่านเรื่องราวพระบารมีของพระองค์ นี ้ชื่อว่าเป็ นวิสยของผู้มีปัญญาที่จะ
                                                                         ั
กลันกรองถือเอาประโยชน์สงสุดที่ได้ พงมี พึงเป็ น จากที่ได้ สดับฟั งพระธรรมเทศนานัน
     ่                            ู        ึ                                               ้
ขอพวกเราจงน้ อม ใจกระทําจิตของตนๆ แม้ เพียงส่วนหนึงก็ยงดีที่จะอาศัยเหตุการณ์
                                                                  ่ ั
วิกฤติในครังนี ้เป็ นปั จจัยขึ ้นเพาะบ่มวิสยแห่งบัณฑิตที่ชื่อว่าเวสสันดรโพธิสตว์กนเถิด
               ้                             ั                                 ั ั
บัดนี ้ วิกฤติเรื่องนํ ้าก่อให้ เกิดความทุกข์แสนสาหัสแก่ชาวไทยหมู่มาก ความสูญเสีย
ความทุกข์โศกคือโศกะปริเทวะรํ่าไห้ และอุปายาสก็เกิดขึ ้น
       ผู้ใดได้ สดับพระธรรมเทศนาในเรื่องราวต่างๆที่พระพุทธองค์ได้ ทรงแสดงไว้ มากมาย
นัน ย่อมเกิดศรัทธาเชื่อเรื่องกรรม เรื่องผลของกรรม จึงรู้ว่า นี ้เป็ นคราวที่จะต้ องสูญเสีย
   ้
เพราะผลของบาปที่ตนเองได้ กระทําไว้ ในกาลก่อน
       ดังนัน ในยามที่จะต้ องสูญเสีย พึงตังรับด้ วยสติ ด้ วยศรัทธา ด้ วยปั ญญาเถิด
             ้                                   ้
เมื่อนัน "การสูญเสีย" นันๆ จึงจะเป็ น "การได้ " ของพวกเรา พระเวสสันดรทรงสูญสิ ้นทุก
        ้                   ้
สิ่งทุกอย่างที่พระองค์มี แต่พระองค์ไม่ร้ ูสกว่า "สูญเสีย" เพราะทรงถือเอาเหตุมีประมาณ
                                               ึ
เท่านี ้ ยกขึ ้นเป็ นปั จจัยแก่ทานบารมีของพระองค์ให้ ยิ่งๆ ขึ ้นไปอีก พระองค์นนทรงเป็ น
                                                                                   ั้
บัณฑิตโดยแท้ บัณฑิตผู้มีปัญญา จึงเป็ นผู้ได้ โอกาสที่จะกระทําบารมีทกเมื่อ แม้ ในยาม
                                                                             ุ
"เสีย" ท่านก็ถือว่าเป็ นการ "ได้ " ได้ โอกาสของพระองค์ โอกาสที่จะทําความดี ทําบารมีที่
ยอดเยี่ยมยิ่งขึ ้นไปอีก ในวิสยของพวกเรา พึงฉวยเอาเหตุการณ์ในครังนี ้ขึ ้นพิจารณา เฉก
                                    ั                                      ้
เช่นวิสยแห่งบัณฑิตเวสสันดรนันก็จะพึงได้ เห็นโอกาสแห่ง "การได้ " บนความ "สูญเสีย"
          ั                           ้
ของตนเองและพวกพ้ องที่เกิดขึ ้นแล้ ว หรืออาจจะเกิดขึ ้น มีอาทิว่า
       ๑. วิกฤตินี ้ ได้ เกิด "มหาทาน" ในบุคคลผู้ที่ยงไม่เดือดร้ อน ก็ต่างขวนขวายระดม
                                                        ั
สรรพกําลังของตนๆ ทังกําลังกายและกําลังใจ และทังทรัพย์ เพือช่วยเหลือเกื ้อกูลผู้ที่
                              ้                              ้         ่
กําลังตกทุกข์ได้ ยาก "มหาทาน" จึงเกิดขึ ้นในแผ่นดินของเราในอาการอย่างนี ้ประการหนึง      ่



                                            ๒๖
๒. "มหาทาน" พึงเกิดขึ ้น แม้ ในกลุ่มบุคคลผู้กําลังสูญเสียหรือใกล้ จะสูญเสีย ผู้มา
ขอรับบริจาคทานในครังนี ้ได้ แก่ "นํ ้า" นันเอง เขามาขอทรัพย์สินของพวกเราไปดุจชาว
                          ้                  ่
เมืองสีพีได้ ขอรับบริจาคสัตตสัตกมหาทานจากพระองค์               และยังมีพราหมณ์ทงหลายั้
ติดตามพระองค์มาเพื่อทูลขอทรัพย์อะไรๆที่เหลือจากพระองค์อีก
       แม้ ในคราวที่พระองค์เสด็จเดินทางเข้ าสู่เขาวงกต พราหมณ์เหล่านันมาขอทุกสิ่งทุก
                                                                           ้
อย่างไปจนหมดสิ ้น พระองค์ทรงไม่มีอะไรเหลือเลย หากพวกเรากระทําจิตใจแม้ เพียงส่วน
หนึงเช่นกับพระเวสสันดร เราสมควรจะปรารภเหตุแห่ง "การได้ ” บนความสูญเสียที่กําลัง
     ่
เกิดขึ ้นนี ้ ดุจพระเวสสันดรผู้กําลังบริจาคทานจนหมดจนสิ ้นทุกอย่าง โดยมิได้ ทรงหวันไหว   ่
เลย แม้ เราจะไม่ใช่พระโพธิสตว์ก็จริงอยู่ แต่เราก็พงพิจารณาได้ อย่างนี ้ว่า "เมื่อถึงคราว
                                 ั                  ึ
จะสูญเสีย แม้ ใครๆ ในโลกจะเพียรพยายามรักษาเอาไว้ อย่างไร ธรรมชาตินนๆ ก็ยงย่อม  ั้      ั
ต้ องสูญสิ ้นไปเป็ นธรรมดา เราจึงควรถือเอาความสูญเสียนี ้แหละยกขึ ้นมาเป็ นบารมีใหญ่
แห่งตน"
       ๓. การตังสติ การยอมรับความสูญเสีย ในคราวที่ต้องเกิดขึ ้น ก็สามารถยกเป็ นบารมี
                  ้
อย่างหนึงอันยิ่งใหญ่ของพวกเราได้ เช่นกัน พระเวสสันดรทรงสละมหาทานแก่ชาวสีพีจน
             ่
สิ ้น ด้ วยความยินดีได้ ฉนใด พวกเราก็พงยอมรับความสูญเสียอันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ครังนี ้ใน
                            ั              ึ                                               ้
คราวที่ถงที่สดที่จําต้ องสละแล้ ว สละมหาทานให้ แก่ "นํ ้า" ผู้หาเจตนามิได้ นํ ้าที่เกิดด้ วย
            ึ ุ
อํานาจกรรม โดยปราศจากความรู้สกเศร้ าหมองได้ ฉนนัน เราก็ได้ ชื่อว่า เป็ นผู้เยี่ยมยอด
                                        ึ             ั ้
คนหนึง ด้ วย "ขันติบารมี" เป็ นผู้เยียมยอดด้ วย "สติ” และด้ วย "ศรัทธาเชื่อเรื่องกรรม เรื่อง
         ่                            ่
ผลของกรรม" และเป็ นผู้เยี่ยมยอดด้ วย "ปั ญญาบารมี" ที่จะยอมรับผลของกรรมครังนี ้              ้
อย่างไม่สะทกสะเทือนจนเกินรับ เรื่องพระเวสสันดรจึงได้ สอนธรรมะแก่ประชาชนคนไทย
ด้ วยอาการอย่างนี ้




                                             ๒๗
ปฐมบทในปฐมกาลแห่ งพระพุทธศาสนา
                                                                       สงฺคีตวรภิกฺขุ
                                           ในเรื่องราวความเป็ นมาของการเผยแผ่พระ
                                      ธรรมคาสอน ทุก ๆ คนจาเป็ นต้ องรู้จกกับพระั
                                      สูตรที่ชื่อว่าธัมมจักกัปปวัตตนสูตรในวินยปิ ฎก
                                                                             ั
                                      เล่มที่ ๔ มหาวรรค ข้ อที่ ๑๓
                                        ซึงเนื ้อหาสาระสาคัญของพระสูตรนี ้ก็คือการ
                                          ่
อธิบายเกี่ยวกับหนทางของการพ้ นจากทุกข์ในวัฏฏสงสาร              ซึงมีการกล่าวถึงสุคติภพ
                                                                 ่
ในช่วงท้ ายของคาสอน ทังสวรรค์ ๖ ชัน และพรหมโลกอีกด้ วย การรู้จกกับภพภูมิต่าง
                         ้                  ้                           ั
ๆ เพื่อทาความเข้ าใจว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายในการที่จะหลุดพ้ นจากทุกข์
     ความทุกข์ที่พระสัมมาพุทธเจ้ าตรัสบอกมันเหมือนกับศรที่ปักอกอยู่ รู้อยู่ว่าถ้ าดึง
ออกก็ต้องเจ็บและอาจถึงตายได้ แต่นนก็เป็ นหนทางเดียวที่จะหายจากโรค ตรัสด้ วย
                                            ั่
ความสุขอย่างล้ นพ้ นด้ วยความหวังว่าจะต้ องมีใครสักคนที่กล้ าดึงออก ที่เรารู้ ๆ แต่คน
ทัวไปส่วนใหญ่ไม่กล้ า แล้ วจึงตายไปตรงนัน ทุกข์เพราะการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เจอสิ่งที่
  ่                                            ้
ไม่ชอบ พลัดพรากจากของรัก ไม่ได้ ดงหวัง คือ ทุกข์เพราะการใช้ ชีวิตซึงในชีวิตของเรา
                                          ั                          ่
มีของที่พ่อและแม่ให้ มาอยู่ ๕ อย่างคือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ๕
อย่างนี ้คือสิ่งที่เราทังหลายยึดไว้ ด้วยความอยาก
                        ้
     ที่มาที่ไปของความทุกข์นน พระพุทธเจ้ าตรัสถึงตัณหาที่เป็ นส่วนกากับของชีวิตที่ทก
                               ั้                                                    ุ
คนจะต้ องรู้ว่าที่เราทังหลายยังมีความทุกข์อยู่ เป็ นเพราะเราทังหลายยังมีส่วนกากับของ
                       ้                                      ้
ชีวิต เป็ นทังความเพลิดเพลิน ความมัวเมา มีความโง่เป็ นเหตุ ทาให้ เกิดเรื่องราวที่ไม่ได้
              ้
ตังใจมากมาย ซึงสรุปไว้ ในชื่อ ๓ ชื่อ คือ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา
  ้                 ่




                                          ๒๘
การถึงที่สดแห่งกองทุกข์ พระพุทธเจ้ าตรัสถึงความดับทุกข์ว่าเป็ นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สด
                  ุ                                                                      ุ
ในชีวิตที่สิ่งต่าง ๆ ต้ องเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน เราจึงต้ องจับมันเพื่อบังคับทิศทางของการ
เปลี่ยนแปลงให้ เป็ นไปในทางที่ดี ที่ถกต้ อง จนเชื่อมันในหนทาง และดาเนินชีวิตไปได้
                                            ู            ่
อย่างสบาย
      พูดถึงทางสายกลางที่มาในพระสูตรนี ้มี สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูก, สัมมาสังกัปปะ
ความคิดถูก, สัมมาวาจา การพูดถูก, สัมมากัมมันตะ การทาถูก,                     สัมมาอาชีวะ
การเลี ้ยงชีพถูก, สัมมาวายามะ การพยายามถูก, สัมมาสติ สติที่ถก, สัมมาสมาธิ ู
ความมันคงที่ถก
           ่        ู
      ในพระสูตรนี ้ตรัสไปจนกระทังได้ คาตอบที่ว่าไม่มีใครเลยหรือที่ร้ ู จนกระทังความรู้
                                       ่                                          ่
เกิดขึ ้นในบุคคลคนหนึ่งที่ชื่อว่า โกญฑัญญะ
                                “ย กิญฺจิ สมุทยธมฺม สพฺพ ต นิโรธธมฺม”
      “สิ่งใดสิ่งหนึงมีความเกิดขึ ้นเป็ นธรรมดาสิ่งนันทังปวงล้ วนมีความดับไปเป็ นธรรมดา”
                      ่                              ้ ้
      การรู้ รู้แล้ ว การละ ละแล้ ว การทาให้ แจ้ ง ทาให้ แจ้ งแล้ ว การทาตาม ทาตาม
แล้ ว มันจะมีความเข้ าใจอยู่ไม่กี่อย่างในชีวิตที่ต้องอาศัยเวลา
      การค้ นพบนี ้เป็ นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก เป็ นที่มาของการเกิดพระรัตนตรัยครังแรกในโลก
                                                                              ้
ทาให้ ความดีเป็ นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และคนทัวไปควรทาและทาได้ ตราบนานเท่านาน
                                              ่
      นี ้เป็ นพระธรรมสูตรแรกในพระพุทธศาสนา




                                           ๒๙
โพธิยาลัย เดือน มกราคม 2555
โพธิยาลัย เดือน มกราคม 2555
โพธิยาลัย เดือน มกราคม 2555
โพธิยาลัย เดือน มกราคม 2555
โพธิยาลัย เดือน มกราคม 2555
โพธิยาลัย เดือน มกราคม 2555

More Related Content

What's hot

เชิญร่วมงานสาธยายพระไตรปิฎก วัดมเหยงคณ์ วันที่ 5 เดือน 5 2555
เชิญร่วมงานสาธยายพระไตรปิฎก วัดมเหยงคณ์ วันที่ 5 เดือน 5 2555เชิญร่วมงานสาธยายพระไตรปิฎก วัดมเหยงคณ์ วันที่ 5 เดือน 5 2555
เชิญร่วมงานสาธยายพระไตรปิฎก วัดมเหยงคณ์ วันที่ 5 เดือน 5 2555Carzanova
 
อุบายและวิธีการภาวนา
อุบายและวิธีการภาวนาอุบายและวิธีการภาวนา
อุบายและวิธีการภาวนาSongsarid Ruecha
 
กลอนมงคล๓๘ ประการ
กลอนมงคล๓๘ ประการกลอนมงคล๓๘ ประการ
กลอนมงคล๓๘ ประการniralai
 
1 บทนำ - 9 มนต์ เพื่อความก้าวหน้า โดย ท่าน ว. วชิรเมธี
1 บทนำ - 9 มนต์ เพื่อความก้าวหน้า โดย ท่าน ว. วชิรเมธี1 บทนำ - 9 มนต์ เพื่อความก้าวหน้า โดย ท่าน ว. วชิรเมธี
1 บทนำ - 9 มนต์ เพื่อความก้าวหน้า โดย ท่าน ว. วชิรเมธีPanuwat Beforetwo
 
ลอยกระทง
ลอยกระทงลอยกระทง
ลอยกระทงwilasinee k
 
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrail3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrailTongsamut vorasan
 
ศึกษาเปรียบเทียบแนวความคิด
ศึกษาเปรียบเทียบแนวความคิดศึกษาเปรียบเทียบแนวความคิด
ศึกษาเปรียบเทียบแนวความคิดpentanino
 
1 อริยวินัย ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 10 ariyavinaya10th
1 อริยวินัย ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 10  ariyavinaya10th1 อริยวินัย ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 10  ariyavinaya10th
1 อริยวินัย ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 10 ariyavinaya10thTongsamut vorasan
 
ลังกากถา ข้อคิด ของดีเมืองศรีลังกา
ลังกากถา ข้อคิด ของดีเมืองศรีลังกาลังกากถา ข้อคิด ของดีเมืองศรีลังกา
ลังกากถา ข้อคิด ของดีเมืองศรีลังกาWat Pasantidhamma
 
วันเข้าพรรษา
วันเข้าพรรษาวันเข้าพรรษา
วันเข้าพรรษาMintra Wannapako
 
ความหมายของอาภรณ์ และสีของอาภรณ์
ความหมายของอาภรณ์ และสีของอาภรณ์ความหมายของอาภรณ์ และสีของอาภรณ์
ความหมายของอาภรณ์ และสีของอาภรณ์The Vatican
 
สถานที่และอุปกรณ์ต่างๆ ในพิธีกรรม
สถานที่และอุปกรณ์ต่างๆ ในพิธีกรรมสถานที่และอุปกรณ์ต่างๆ ในพิธีกรรม
สถานที่และอุปกรณ์ต่างๆ ในพิธีกรรมThe Vatican
 
เกณฑ์การรับกุลบุตรเพื่ออุปสมบทในพระพุทธศาสนา
เกณฑ์การรับกุลบุตรเพื่ออุปสมบทในพระพุทธศาสนาเกณฑ์การรับกุลบุตรเพื่ออุปสมบทในพระพุทธศาสนา
เกณฑ์การรับกุลบุตรเพื่ออุปสมบทในพระพุทธศาสนาTongsamut vorasan
 
สถานที่อุปกรณ์ในพิธีกรรม
สถานที่อุปกรณ์ในพิธีกรรมสถานที่อุปกรณ์ในพิธีกรรม
สถานที่อุปกรณ์ในพิธีกรรมThe Vatican
 
๐๐๖.๐๔. สุดยอด วัตร ๑๔ หน้าแรกมีตาราง มี ๓๔ หน้า
๐๐๖.๐๔.  สุดยอด วัตร  ๑๔  หน้าแรกมีตาราง      มี ๓๔  หน้า๐๐๖.๐๔.  สุดยอด วัตร  ๑๔  หน้าแรกมีตาราง      มี ๓๔  หน้า
๐๐๖.๐๔. สุดยอด วัตร ๑๔ หน้าแรกมีตาราง มี ๓๔ หน้าwatpadongyai
 
เรื่องศาสนาเชน
เรื่องศาสนาเชนเรื่องศาสนาเชน
เรื่องศาสนาเชนTongsamut vorasan
 

What's hot (19)

พระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนาพระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนา
 
เชิญร่วมงานสาธยายพระไตรปิฎก วัดมเหยงคณ์ วันที่ 5 เดือน 5 2555
เชิญร่วมงานสาธยายพระไตรปิฎก วัดมเหยงคณ์ วันที่ 5 เดือน 5 2555เชิญร่วมงานสาธยายพระไตรปิฎก วัดมเหยงคณ์ วันที่ 5 เดือน 5 2555
เชิญร่วมงานสาธยายพระไตรปิฎก วัดมเหยงคณ์ วันที่ 5 เดือน 5 2555
 
อุบายและวิธีการภาวนา
อุบายและวิธีการภาวนาอุบายและวิธีการภาวนา
อุบายและวิธีการภาวนา
 
กลอนมงคล๓๘ ประการ
กลอนมงคล๓๘ ประการกลอนมงคล๓๘ ประการ
กลอนมงคล๓๘ ประการ
 
1 บทนำ - 9 มนต์ เพื่อความก้าวหน้า โดย ท่าน ว. วชิรเมธี
1 บทนำ - 9 มนต์ เพื่อความก้าวหน้า โดย ท่าน ว. วชิรเมธี1 บทนำ - 9 มนต์ เพื่อความก้าวหน้า โดย ท่าน ว. วชิรเมธี
1 บทนำ - 9 มนต์ เพื่อความก้าวหน้า โดย ท่าน ว. วชิรเมธี
 
ลอยกระทง
ลอยกระทงลอยกระทง
ลอยกระทง
 
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrail3 ตามรอยธรรม dhamatrail
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
 
สถานการณ์พุทธศาสนา พลิกหายนะเป็นพัฒนา
สถานการณ์พุทธศาสนา พลิกหายนะเป็นพัฒนาสถานการณ์พุทธศาสนา พลิกหายนะเป็นพัฒนา
สถานการณ์พุทธศาสนา พลิกหายนะเป็นพัฒนา
 
มนุษย์กับการสร้างสรรค์
มนุษย์กับการสร้างสรรค์มนุษย์กับการสร้างสรรค์
มนุษย์กับการสร้างสรรค์
 
ศึกษาเปรียบเทียบแนวความคิด
ศึกษาเปรียบเทียบแนวความคิดศึกษาเปรียบเทียบแนวความคิด
ศึกษาเปรียบเทียบแนวความคิด
 
1 อริยวินัย ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 10 ariyavinaya10th
1 อริยวินัย ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 10  ariyavinaya10th1 อริยวินัย ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 10  ariyavinaya10th
1 อริยวินัย ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 10 ariyavinaya10th
 
ลังกากถา ข้อคิด ของดีเมืองศรีลังกา
ลังกากถา ข้อคิด ของดีเมืองศรีลังกาลังกากถา ข้อคิด ของดีเมืองศรีลังกา
ลังกากถา ข้อคิด ของดีเมืองศรีลังกา
 
วันเข้าพรรษา
วันเข้าพรรษาวันเข้าพรรษา
วันเข้าพรรษา
 
ความหมายของอาภรณ์ และสีของอาภรณ์
ความหมายของอาภรณ์ และสีของอาภรณ์ความหมายของอาภรณ์ และสีของอาภรณ์
ความหมายของอาภรณ์ และสีของอาภรณ์
 
สถานที่และอุปกรณ์ต่างๆ ในพิธีกรรม
สถานที่และอุปกรณ์ต่างๆ ในพิธีกรรมสถานที่และอุปกรณ์ต่างๆ ในพิธีกรรม
สถานที่และอุปกรณ์ต่างๆ ในพิธีกรรม
 
เกณฑ์การรับกุลบุตรเพื่ออุปสมบทในพระพุทธศาสนา
เกณฑ์การรับกุลบุตรเพื่ออุปสมบทในพระพุทธศาสนาเกณฑ์การรับกุลบุตรเพื่ออุปสมบทในพระพุทธศาสนา
เกณฑ์การรับกุลบุตรเพื่ออุปสมบทในพระพุทธศาสนา
 
สถานที่อุปกรณ์ในพิธีกรรม
สถานที่อุปกรณ์ในพิธีกรรมสถานที่อุปกรณ์ในพิธีกรรม
สถานที่อุปกรณ์ในพิธีกรรม
 
๐๐๖.๐๔. สุดยอด วัตร ๑๔ หน้าแรกมีตาราง มี ๓๔ หน้า
๐๐๖.๐๔.  สุดยอด วัตร  ๑๔  หน้าแรกมีตาราง      มี ๓๔  หน้า๐๐๖.๐๔.  สุดยอด วัตร  ๑๔  หน้าแรกมีตาราง      มี ๓๔  หน้า
๐๐๖.๐๔. สุดยอด วัตร ๑๔ หน้าแรกมีตาราง มี ๓๔ หน้า
 
เรื่องศาสนาเชน
เรื่องศาสนาเชนเรื่องศาสนาเชน
เรื่องศาสนาเชน
 

Viewers also liked

M society issue 8
M society   issue 8M society   issue 8
M society issue 8Panda Jing
 
ป่วนรักลูกสักหลาด (ทดลอง)
ป่วนรักลูกสักหลาด (ทดลอง)ป่วนรักลูกสักหลาด (ทดลอง)
ป่วนรักลูกสักหลาด (ทดลอง)Panda Jing
 
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1Panda Jing
 
อยากบอกให้รู้ว่ารัก
อยากบอกให้รู้ว่ารักอยากบอกให้รู้ว่ารัก
อยากบอกให้รู้ว่ารักPanda Jing
 
Ebook พระบรมสารีริกธาตุ น้อมนำปัญญา สู่สัมมาปฏิบัติ
Ebook พระบรมสารีริกธาตุ น้อมนำปัญญา สู่สัมมาปฏิบัติEbook พระบรมสารีริกธาตุ น้อมนำปัญญา สู่สัมมาปฏิบัติ
Ebook พระบรมสารีริกธาตุ น้อมนำปัญญา สู่สัมมาปฏิบัติPanda Jing
 
อีบุ๊ค ศิลปะการมีชีวิตอยู่บนโลก
อีบุ๊ค ศิลปะการมีชีวิตอยู่บนโลกอีบุ๊ค ศิลปะการมีชีวิตอยู่บนโลก
อีบุ๊ค ศิลปะการมีชีวิตอยู่บนโลกPanda Jing
 
ห้าห้องชีวิต เนรมิตนิสัย
ห้าห้องชีวิต เนรมิตนิสัยห้าห้องชีวิต เนรมิตนิสัย
ห้าห้องชีวิต เนรมิตนิสัยPanda Jing
 
Ebook ecstazy feb 2013
Ebook ecstazy feb 2013Ebook ecstazy feb 2013
Ebook ecstazy feb 2013Panda Jing
 
ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว
ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัวให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว
ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัวPanda Jing
 
โพธิยาลัย เดือน กุมภาพันธ์ 2555
โพธิยาลัย เดือน กุมภาพันธ์ 2555โพธิยาลัย เดือน กุมภาพันธ์ 2555
โพธิยาลัย เดือน กุมภาพันธ์ 2555Panda Jing
 
Wisdom เรื่องเล่าเพื่อความหวังและพลังใจ
Wisdom เรื่องเล่าเพื่อความหวังและพลังใจWisdom เรื่องเล่าเพื่อความหวังและพลังใจ
Wisdom เรื่องเล่าเพื่อความหวังและพลังใจPanda Jing
 
พระพุทธกิจ 45 พรรษา
พระพุทธกิจ 45 พรรษาพระพุทธกิจ 45 พรรษา
พระพุทธกิจ 45 พรรษาPanda Jing
 
หยั่งลงก้นมหาสมุทร
หยั่งลงก้นมหาสมุทรหยั่งลงก้นมหาสมุทร
หยั่งลงก้นมหาสมุทรPanda Jing
 
อีบูีค ๑๐๐ พระชันษา พระโอวาทธรรม
อีบูีค ๑๐๐ พระชันษา พระโอวาทธรรมอีบูีค ๑๐๐ พระชันษา พระโอวาทธรรม
อีบูีค ๑๐๐ พระชันษา พระโอวาทธรรมPanda Jing
 
ปลูกต้นธรรม งอกงามที่ใจ
ปลูกต้นธรรม งอกงามที่ใจปลูกต้นธรรม งอกงามที่ใจ
ปลูกต้นธรรม งอกงามที่ใจPanda Jing
 
อีบุ๊ค ทำไมต้องค้านเขื่อนแม่วงก์
อีบุ๊ค ทำไมต้องค้านเขื่อนแม่วงก์อีบุ๊ค ทำไมต้องค้านเขื่อนแม่วงก์
อีบุ๊ค ทำไมต้องค้านเขื่อนแม่วงก์Panda Jing
 

Viewers also liked (17)

M society issue 8
M society   issue 8M society   issue 8
M society issue 8
 
ป่วนรักลูกสักหลาด (ทดลอง)
ป่วนรักลูกสักหลาด (ทดลอง)ป่วนรักลูกสักหลาด (ทดลอง)
ป่วนรักลูกสักหลาด (ทดลอง)
 
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1
 
อยากบอกให้รู้ว่ารัก
อยากบอกให้รู้ว่ารักอยากบอกให้รู้ว่ารัก
อยากบอกให้รู้ว่ารัก
 
Ebook พระบรมสารีริกธาตุ น้อมนำปัญญา สู่สัมมาปฏิบัติ
Ebook พระบรมสารีริกธาตุ น้อมนำปัญญา สู่สัมมาปฏิบัติEbook พระบรมสารีริกธาตุ น้อมนำปัญญา สู่สัมมาปฏิบัติ
Ebook พระบรมสารีริกธาตุ น้อมนำปัญญา สู่สัมมาปฏิบัติ
 
V6 2556
V6 2556V6 2556
V6 2556
 
อีบุ๊ค ศิลปะการมีชีวิตอยู่บนโลก
อีบุ๊ค ศิลปะการมีชีวิตอยู่บนโลกอีบุ๊ค ศิลปะการมีชีวิตอยู่บนโลก
อีบุ๊ค ศิลปะการมีชีวิตอยู่บนโลก
 
ห้าห้องชีวิต เนรมิตนิสัย
ห้าห้องชีวิต เนรมิตนิสัยห้าห้องชีวิต เนรมิตนิสัย
ห้าห้องชีวิต เนรมิตนิสัย
 
Ebook ecstazy feb 2013
Ebook ecstazy feb 2013Ebook ecstazy feb 2013
Ebook ecstazy feb 2013
 
ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว
ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัวให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว
ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว
 
โพธิยาลัย เดือน กุมภาพันธ์ 2555
โพธิยาลัย เดือน กุมภาพันธ์ 2555โพธิยาลัย เดือน กุมภาพันธ์ 2555
โพธิยาลัย เดือน กุมภาพันธ์ 2555
 
Wisdom เรื่องเล่าเพื่อความหวังและพลังใจ
Wisdom เรื่องเล่าเพื่อความหวังและพลังใจWisdom เรื่องเล่าเพื่อความหวังและพลังใจ
Wisdom เรื่องเล่าเพื่อความหวังและพลังใจ
 
พระพุทธกิจ 45 พรรษา
พระพุทธกิจ 45 พรรษาพระพุทธกิจ 45 พรรษา
พระพุทธกิจ 45 พรรษา
 
หยั่งลงก้นมหาสมุทร
หยั่งลงก้นมหาสมุทรหยั่งลงก้นมหาสมุทร
หยั่งลงก้นมหาสมุทร
 
อีบูีค ๑๐๐ พระชันษา พระโอวาทธรรม
อีบูีค ๑๐๐ พระชันษา พระโอวาทธรรมอีบูีค ๑๐๐ พระชันษา พระโอวาทธรรม
อีบูีค ๑๐๐ พระชันษา พระโอวาทธรรม
 
ปลูกต้นธรรม งอกงามที่ใจ
ปลูกต้นธรรม งอกงามที่ใจปลูกต้นธรรม งอกงามที่ใจ
ปลูกต้นธรรม งอกงามที่ใจ
 
อีบุ๊ค ทำไมต้องค้านเขื่อนแม่วงก์
อีบุ๊ค ทำไมต้องค้านเขื่อนแม่วงก์อีบุ๊ค ทำไมต้องค้านเขื่อนแม่วงก์
อีบุ๊ค ทำไมต้องค้านเขื่อนแม่วงก์
 

Similar to โพธิยาลัย เดือน มกราคม 2555

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) ธรรมนูญชีวิต
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)   ธรรมนูญชีวิตพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)   ธรรมนูญชีวิต
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) ธรรมนูญชีวิตTongsamut vorasan
 
จุลสารชมรมจริยธรรมฉบับที่๒
จุลสารชมรมจริยธรรมฉบับที่๒จุลสารชมรมจริยธรรมฉบับที่๒
จุลสารชมรมจริยธรรมฉบับที่๒dentyomaraj
 
Wansamkarn tippaya
Wansamkarn tippayaWansamkarn tippaya
Wansamkarn tippayatippaya6563
 
วัดป่าดงใหญ่
วัดป่าดงใหญ่วัดป่าดงใหญ่
วัดป่าดงใหญ่watpadongyai
 
วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาlinda471129101
 
พระพุทธศาสนากับป่าไม้
พระพุทธศาสนากับป่าไม้พระพุทธศาสนากับป่าไม้
พระพุทธศาสนากับป่าไม้Kasetsart University
 

Similar to โพธิยาลัย เดือน มกราคม 2555 (20)

แผ่นพับ พระธาตุดอยอ่างกุ้ง
แผ่นพับ พระธาตุดอยอ่างกุ้งแผ่นพับ พระธาตุดอยอ่างกุ้ง
แผ่นพับ พระธาตุดอยอ่างกุ้ง
 
วั
วัวั
วั
 
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) ธรรมนูญชีวิต
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)   ธรรมนูญชีวิตพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)   ธรรมนูญชีวิต
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) ธรรมนูญชีวิต
 
จุลสารชมรมจริยธรรมฉบับที่๒
จุลสารชมรมจริยธรรมฉบับที่๒จุลสารชมรมจริยธรรมฉบับที่๒
จุลสารชมรมจริยธรรมฉบับที่๒
 
Wansamkarn tippaya
Wansamkarn tippayaWansamkarn tippaya
Wansamkarn tippaya
 
200789830 katin
200789830 katin200789830 katin
200789830 katin
 
Saeng Dhamma June, 2010
Saeng Dhamma June, 2010Saeng Dhamma June, 2010
Saeng Dhamma June, 2010
 
วัดป่าดงใหญ่
วัดป่าดงใหญ่วัดป่าดงใหญ่
วัดป่าดงใหญ่
 
วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
 
Buddha1
Buddha1Buddha1
Buddha1
 
Buddha1
Buddha1Buddha1
Buddha1
 
Saeng Dhamma Vol. 36 No. 434 June 2011
Saeng Dhamma Vol. 36 No. 434 June 2011 Saeng Dhamma Vol. 36 No. 434 June 2011
Saeng Dhamma Vol. 36 No. 434 June 2011
 
Saengdhamma in august 2010
Saengdhamma in august 2010Saengdhamma in august 2010
Saengdhamma in august 2010
 
9 mantra
9 mantra9 mantra
9 mantra
 
Seang Dhamma Vol. 37 No. 440 December 2011
Seang Dhamma Vol. 37 No. 440 December 2011Seang Dhamma Vol. 37 No. 440 December 2011
Seang Dhamma Vol. 37 No. 440 December 2011
 
Saeng Dhamma Vol.37 No. 435 July 2011
Saeng Dhamma Vol.37 No. 435 July  2011Saeng Dhamma Vol.37 No. 435 July  2011
Saeng Dhamma Vol.37 No. 435 July 2011
 
ฮินดู
ฮินดูฮินดู
ฮินดู
 
พระพุทธศาสนากับป่าไม้
พระพุทธศาสนากับป่าไม้พระพุทธศาสนากับป่าไม้
พระพุทธศาสนากับป่าไม้
 
Saeng Dhamma Vol. 37 No. 436 August 2011
Saeng Dhamma Vol. 37 No. 436 August 2011 Saeng Dhamma Vol. 37 No. 436 August 2011
Saeng Dhamma Vol. 37 No. 436 August 2011
 
หนังสือธรรมะใกล้ตัว
หนังสือธรรมะใกล้ตัวหนังสือธรรมะใกล้ตัว
หนังสือธรรมะใกล้ตัว
 

More from Panda Jing

จิตตนคร นครหลวงของโลก
จิตตนคร นครหลวงของโลกจิตตนคร นครหลวงของโลก
จิตตนคร นครหลวงของโลกPanda Jing
 
อีบุ๊ค หลักธรรม หลักทำ ตามรอยพระยุคลบาท
อีบุ๊ค หลักธรรม หลักทำ ตามรอยพระยุคลบาทอีบุ๊ค หลักธรรม หลักทำ ตามรอยพระยุคลบาท
อีบุ๊ค หลักธรรม หลักทำ ตามรอยพระยุคลบาทPanda Jing
 
File 633116b358da6b762609165edeaa0f3c
File 633116b358da6b762609165edeaa0f3cFile 633116b358da6b762609165edeaa0f3c
File 633116b358da6b762609165edeaa0f3cPanda Jing
 
Plook ฉบับเดือน เมษายน ปี 2011
Plook ฉบับเดือน เมษายน ปี 2011Plook ฉบับเดือน เมษายน ปี 2011
Plook ฉบับเดือน เมษายน ปี 2011Panda Jing
 
Plook ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2011
Plook ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2011Plook ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2011
Plook ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2011Panda Jing
 
Way toteacher001
Way toteacher001Way toteacher001
Way toteacher001Panda Jing
 
อีบุ๊ค ชีวิตนี้น้อยนัก
อีบุ๊ค ชีวิตนี้น้อยนักอีบุ๊ค ชีวิตนี้น้อยนัก
อีบุ๊ค ชีวิตนี้น้อยนักPanda Jing
 
Plook ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2011
Plook ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2011Plook ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2011
Plook ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2011Panda Jing
 
Plook ฉบับเดือน มกราคม ปี 2011
Plook ฉบับเดือน มกราคม ปี 2011Plook ฉบับเดือน มกราคม ปี 2011
Plook ฉบับเดือน มกราคม ปี 2011Panda Jing
 
สาเหตุและวิธีการรักษาอาการนอนกรน
สาเหตุและวิธีการรักษาอาการนอนกรนสาเหตุและวิธีการรักษาอาการนอนกรน
สาเหตุและวิธีการรักษาอาการนอนกรนPanda Jing
 
อีบุ๊ค ใจความสำคัญแห่งพระพุทธศาสนา
อีบุ๊ค ใจความสำคัญแห่งพระพุทธศาสนาอีบุ๊ค ใจความสำคัญแห่งพระพุทธศาสนา
อีบุ๊ค ใจความสำคัญแห่งพระพุทธศาสนาPanda Jing
 
อีบุ๊ค คุณานุคุณไตรภาค
อีบุ๊ค คุณานุคุณไตรภาคอีบุ๊ค คุณานุคุณไตรภาค
อีบุ๊ค คุณานุคุณไตรภาคPanda Jing
 
อีบุ๊ค กองทัพทั้งสิบของมาร
อีบุ๊ค กองทัพทั้งสิบของมารอีบุ๊ค กองทัพทั้งสิบของมาร
อีบุ๊ค กองทัพทั้งสิบของมารPanda Jing
 
ศาสนาพุทธในประเทศไทย
ศาสนาพุทธในประเทศไทยศาสนาพุทธในประเทศไทย
ศาสนาพุทธในประเทศไทยPanda Jing
 
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (World war i)
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (World war i)สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (World war i)
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (World war i)Panda Jing
 
อีบุ๊ค Health ฉบับที่ 1
อีบุ๊ค Health ฉบับที่ 1อีบุ๊ค Health ฉบับที่ 1
อีบุ๊ค Health ฉบับที่ 1Panda Jing
 
พญานาค ตำนาน ความเชื่อ หรือความจริง
พญานาค ตำนาน ความเชื่อ หรือความจริงพญานาค ตำนาน ความเชื่อ หรือความจริง
พญานาค ตำนาน ความเชื่อ หรือความจริงPanda Jing
 
อีบุ๊ค คำสอนธรรมะสบาย
อีบุ๊ค คำสอนธรรมะสบายอีบุ๊ค คำสอนธรรมะสบาย
อีบุ๊ค คำสอนธรรมะสบายPanda Jing
 
คู่มือการสอบใบขับขี่ภาคปฏิบัติรถยนต์ ฉบับอ่านง่ายพร้อมภาพประกอบ
คู่มือการสอบใบขับขี่ภาคปฏิบัติรถยนต์ ฉบับอ่านง่ายพร้อมภาพประกอบคู่มือการสอบใบขับขี่ภาคปฏิบัติรถยนต์ ฉบับอ่านง่ายพร้อมภาพประกอบ
คู่มือการสอบใบขับขี่ภาคปฏิบัติรถยนต์ ฉบับอ่านง่ายพร้อมภาพประกอบPanda Jing
 
รากเหง้าเราคือทุกข์
รากเหง้าเราคือทุกข์รากเหง้าเราคือทุกข์
รากเหง้าเราคือทุกข์Panda Jing
 

More from Panda Jing (20)

จิตตนคร นครหลวงของโลก
จิตตนคร นครหลวงของโลกจิตตนคร นครหลวงของโลก
จิตตนคร นครหลวงของโลก
 
อีบุ๊ค หลักธรรม หลักทำ ตามรอยพระยุคลบาท
อีบุ๊ค หลักธรรม หลักทำ ตามรอยพระยุคลบาทอีบุ๊ค หลักธรรม หลักทำ ตามรอยพระยุคลบาท
อีบุ๊ค หลักธรรม หลักทำ ตามรอยพระยุคลบาท
 
File 633116b358da6b762609165edeaa0f3c
File 633116b358da6b762609165edeaa0f3cFile 633116b358da6b762609165edeaa0f3c
File 633116b358da6b762609165edeaa0f3c
 
Plook ฉบับเดือน เมษายน ปี 2011
Plook ฉบับเดือน เมษายน ปี 2011Plook ฉบับเดือน เมษายน ปี 2011
Plook ฉบับเดือน เมษายน ปี 2011
 
Plook ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2011
Plook ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2011Plook ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2011
Plook ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2011
 
Way toteacher001
Way toteacher001Way toteacher001
Way toteacher001
 
อีบุ๊ค ชีวิตนี้น้อยนัก
อีบุ๊ค ชีวิตนี้น้อยนักอีบุ๊ค ชีวิตนี้น้อยนัก
อีบุ๊ค ชีวิตนี้น้อยนัก
 
Plook ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2011
Plook ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2011Plook ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2011
Plook ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2011
 
Plook ฉบับเดือน มกราคม ปี 2011
Plook ฉบับเดือน มกราคม ปี 2011Plook ฉบับเดือน มกราคม ปี 2011
Plook ฉบับเดือน มกราคม ปี 2011
 
สาเหตุและวิธีการรักษาอาการนอนกรน
สาเหตุและวิธีการรักษาอาการนอนกรนสาเหตุและวิธีการรักษาอาการนอนกรน
สาเหตุและวิธีการรักษาอาการนอนกรน
 
อีบุ๊ค ใจความสำคัญแห่งพระพุทธศาสนา
อีบุ๊ค ใจความสำคัญแห่งพระพุทธศาสนาอีบุ๊ค ใจความสำคัญแห่งพระพุทธศาสนา
อีบุ๊ค ใจความสำคัญแห่งพระพุทธศาสนา
 
อีบุ๊ค คุณานุคุณไตรภาค
อีบุ๊ค คุณานุคุณไตรภาคอีบุ๊ค คุณานุคุณไตรภาค
อีบุ๊ค คุณานุคุณไตรภาค
 
อีบุ๊ค กองทัพทั้งสิบของมาร
อีบุ๊ค กองทัพทั้งสิบของมารอีบุ๊ค กองทัพทั้งสิบของมาร
อีบุ๊ค กองทัพทั้งสิบของมาร
 
ศาสนาพุทธในประเทศไทย
ศาสนาพุทธในประเทศไทยศาสนาพุทธในประเทศไทย
ศาสนาพุทธในประเทศไทย
 
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (World war i)
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (World war i)สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (World war i)
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (World war i)
 
อีบุ๊ค Health ฉบับที่ 1
อีบุ๊ค Health ฉบับที่ 1อีบุ๊ค Health ฉบับที่ 1
อีบุ๊ค Health ฉบับที่ 1
 
พญานาค ตำนาน ความเชื่อ หรือความจริง
พญานาค ตำนาน ความเชื่อ หรือความจริงพญานาค ตำนาน ความเชื่อ หรือความจริง
พญานาค ตำนาน ความเชื่อ หรือความจริง
 
อีบุ๊ค คำสอนธรรมะสบาย
อีบุ๊ค คำสอนธรรมะสบายอีบุ๊ค คำสอนธรรมะสบาย
อีบุ๊ค คำสอนธรรมะสบาย
 
คู่มือการสอบใบขับขี่ภาคปฏิบัติรถยนต์ ฉบับอ่านง่ายพร้อมภาพประกอบ
คู่มือการสอบใบขับขี่ภาคปฏิบัติรถยนต์ ฉบับอ่านง่ายพร้อมภาพประกอบคู่มือการสอบใบขับขี่ภาคปฏิบัติรถยนต์ ฉบับอ่านง่ายพร้อมภาพประกอบ
คู่มือการสอบใบขับขี่ภาคปฏิบัติรถยนต์ ฉบับอ่านง่ายพร้อมภาพประกอบ
 
รากเหง้าเราคือทุกข์
รากเหง้าเราคือทุกข์รากเหง้าเราคือทุกข์
รากเหง้าเราคือทุกข์
 

โพธิยาลัย เดือน มกราคม 2555

  • 1.
  • 2.
  • 3.
  • 4.
  • 5.
  • 6. บทนา ๏๏๏๏๏๏๏๏๏ โสตฺถิ พุทฺธมามกาน ขอสวัสดิมงคลจงมีแด่พทธมามกชน ุ ปั จจุบนวันนี ้มีปรากฏ เพราะมีอดีตเกิดขึ ้นก่อน ขอกล่าวถึงอดีตเล็กน้ อย ั “จุลสารจากแดงสัมพันธ์ ” เกิดขึ ้นเมื่อหลายปี ที่ผ่านมาโดยกลุ่มสหธรรมิกวัดจากแดง เป็ นผู้จดทา บางปกใช้ ชื่อว่า “จุลสารวัดจากแดงสัมพันธ์”พอถึงช่วงหนึงมีข้อติดขัดเกิดขึ ้น ั ่ การจัดทาออกแจกจ่ายได้ หยุดลง แต่ความคิดในการจัดทายังคงดารงอยู่ เริ่มปี ปฏิทินใหม่ ๒๕๕๕ จึงเริ่มต้ นใหม่ในชื่อว่า “จุลสารโพธิยาลัย” พูดถึงปี ปฏิทินที่ใช้ กนในปั จจุบน ถือตามสากลให้ เริ่มนับเดือนมกราคมเป็ นเดือน ั ั แรก แต่เดือนอ้ ายของไทยได้ เริ่มแล้ วตังแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึงเป็ นช่วง ้ ่ เดือนที่น ้านองน ้าทรงเริ่มรี่ไหลลงไปตามธรรมชาติ (ส่วนบางที่ยงไหลไปไหนไม่ได้ เพราะ ั ถูกขวาง) เดือนแรกของปี หากนับตามวัฒนธรรมอินเดียหรือชมพูทวีป จะเป็ นเดือนจิตรมาส หรือเดือนห้ าตกประมาณเดือนเมษายน ซึงเป็ นช่วงเปลี่ยนปี นักษัตรด้ วย แต่หากนับตาม ่ พุทธศักราชโดยตรงต้ องเริ่มนับหลังวันเพ็ญเดือนหก เพราะพุทธศักราชเริ่มนับจากพุทธ ปรินิพพาน ปั จจุบน มักเรียกเปลี่ยนรวมกันในเดือนมกราคมทังหมด ั ้ การนั บ วั น ใหม่ ใ นปั จจุ บัน ก็ นั บ ตามที่ ก าหนดกั น โดยอาศั ย นาฬิ ก า ซึ่ ง ไม่ สอดคล้ องกับธรรมชาติที่แต่ก่อนนับตามการขึ ้นของ “ตาวัน” ในทางพระพุทธศาสนาจึง นับวันใหม่ตามการขึนของแสงเงินแสงทองซึงเป็ นเครื่ องหมายให้ ร้ ู ว่า “ตาวัน” กาลังขึน ้ ่ ้ มาแล้ ว เพราะช่วงต่อจากเที่ยงคืนนันยังเป็ นช่วงมัชฌิมยามของกลางคืน (ชื่อก็บอกว่า ้ กลางคืนแต่ยงฝื นเรียกกันว่าเป็ นวันใหม่) ั ๖
  • 7. วันขึ ้นปี ใหม่ตามรอบปี ปฏิทินใช้ เวลาถึง ๓๖๕ วัน หรือ ๓๖๖ วัน จึงจะครบหนึ่งครัง ้ ทังๆ ที่ความจริ งวันใหม่ปรากฏทุกวัน แต่เพราะนี่คือ “ประสาโลก” จึงถือ โอกาสเฉลิม ้ ฉลองกันอย่างสนุกสนานร่ าเริ ง เพลิดเพลิน ลุ่มหลง โดยที่แท้ เวลาที่เข้ ามาใหม่คือเวลาที่ เดินเข้ าไปสู่ความตาย ช่วงหลังนีมีการจัด ”นับถอยหลัง” กันอย่างกว้ างขวาง ควรคิด ้ คานึงว่านันเป็ นการนับถอยหลังเข้ าไปสู่ความตายเช่นกัน ่ เพื่อให้ สอดคล้ องกับวิถีโลกที่เปลี่ยนไป บุคคลในพระพุทธศาสนาจึงนาเอาวิถีโลก นันมาประยุกต์ใช้ ให้ สอดคล้ องกับหลักการทางพระพุทธศาสนา คือการบาเพ็ญกุศลธรรม ้ ทังหลายในโอกาสต่างๆ แต่ต้องไม่ลืมหลักการว่าการบาเพ็ญกุศลธรรมหรื อการปฏิบติ ้ ั ธรรมที่แท้ นน มิใช่การมุ่งไปสู่อัครสถานอันโอ่อ่า การบาเพ็ญกุศลธรรมหรื อการปฏิบัติ ั้ ธรรมที่แท้ มิใช่การรอคอยเวลาหรือรอ “คิว” เพื่อเข้ าปฏิบติธรรม ั การปฏิบติธรรมทาได้ ทกที่ ดูกรณีของพระมหาชนกอยู่ในมหาสมุทรก็ปฏิบติธรรม ั ุ ั คือ ความเพียรได้ พระเวสสันดรอยู่ในกรุ งสีพีก็ปฏิบติธรรมคือ บริ จาคทานได้ ระหว่าง ั เส้ นทางไปสู่เขาวงกตก็บริ จาคทานได้ แม้ อยู่ในเขาวงกตก็ยงบริ จาคทานได้ กระต่ายอยู่ ั ในป่ าก็ถือศีลปฏิบติธรรมบริจาคทานได้ พญาวานรเผชิญอันตรายอยู่ริมน ้าก็ปฏิบติธรรม ั ั ได้ นกน้ อยอยู่ในกรงเล็บของเหยี่ยวใหญ่ก็ปฏิบติธรรมได้ การปฏิบติธรรมจึงทาได้ ทกที่ ั ั ุ เวลาปฏิบติธรรมก็ทาได้ ทกเวลา โดยเฉพาะเวลาที่มีลมหายใจ เพราะเมื่อหมดลม ั ุ หายใจก็หมดโอกาสในการปฏิบติธรรม ดังนันอย่ารอเวลา เพราะไม่ร้ ู ว่าพรุ่ งนีหรื อชาติ ั ้ ้ หน้ า อะไรจะมาก่อน โสตฺถิ โหตุ สุขญฺจ โว ขอสุขสวัสดิมงคลจงมีแด่ทกท่าน ุ ๗
  • 8. ประวัตวัดจากแดง ิ วัดจากแดง เป็ นวัดราษฎร์ ตังอยู่ริมแม่น ้าเจ้ าพระยาฝั่ งขวา เลขที่ ๑๖ หมู่ ๖ ้ ซอยจากแดง ถนนเพชรหึงษ์ ตาบลทรงคนอง อาเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ มีเนื ้อที่ ๑๕ ไร่ ๒ งาน ๕๔ ตารางวา วัดจากแดงสร้ างขึ ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๓๒๕ ปูชนียวัตถุสมัยโบราณของวัด คือพระพุทธรูป นามว่า “หลวงพ่อหิน” ซึงขุดพบบริเวณโบสถ์หลังเก่า วัดจากแดงได้ รับ ่ พระราชทานวิสงคามสีมาเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๓๓๐ ุ ชื่อจากแดง มีการสันนิษฐานว่ามาจากคาว่า “จากแดน” หมายถึงหมู่บ้านของ ประชาชนที่อพยพมาจากที่อยู่เดิมในอยุธยา แต่ตอมาได้ เพี ้ยนเสียงเป็ น "จากแดง" ่ เมื่อสร้ างวัดขึ ้นแล้ ว ชาวบ้ านจึงได้ ตงชื่อวัดตามชื่อท้ องที่ตงวัดสืบมาจนปั จจุบน ั้ ั้ ั ลาดับเจ้ าอาวาส (เท่าที่สืบค้ นได้ ) รูปที่ ๑ พระอธิการสุด รูปที่ ๒ พระอธิการปั่ น รูปที่ ๓ พระอธิการมอม รูปที่ ๔ พระอธิการเปลื ้อง พ.ศ. ๒๔๗๕ – ๒๔๘๐ รูปที่ ๕ พระอธิการทองอยู่ พ.ศ. ๒๔๘๑ – ๒๔๘๙ รูปที่ ๖ พระอธิการบู่ พ.ศ. ๒๔๙๐ – ๒๔๙๔ รูปที่ ๗ พระอธิการทองคา พ.ศ. ๒๔๙๕ – ๒๕๐๒ รูปที่ ๘ พระอธิการยุ้ย พ.ศ. ๒๕๐๓ – ๒๕๐๘ รูปที่ ๙ พระอธิการเผือก โสภิโต พ.ศ. ๒๕๐๙ – ๒๕๒๐ รูปที่ ๑๐ พระอธิการนิตย์ อภินนฺโท พ.ศ. ๒๕๒๑ – ๒๕๒๒ รูปที่ ๑๑ พระครูธรรมธรสุมนต์ นนฺทิโก พ.ศ. ๒๕๒๓ – ปั จจุบน ั ๘
  • 9. สถานที่สาคัญภายในวัด พระอุโบสถ พระธาตุสมันตมหาปั ฏฐานเจดีย์ ศาลาบาเพ็ญบุญ วิหารหลวงพ่ อหิน ๙
  • 10. อาคารโพธิยาลัย อาคารโพธิยาลัย ๒ ศาลานามอนุสรณ์ เมรุ ศาลาหอฉัน ๑๐
  • 11. วัดจากแดงกาลังทาอะไร เขมา วัดจากแดง ในปั จจุบนถือเป็ นวัดที่มีกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนาอย่างเข้ มแข็ง ั ทังในด้ านปริยติและการปฏิบติ ทางด้ านพระปริยตินน วัดจากแดงมีหลักสูตรการเรียน ้ ั ั ั ั้ การสอนภาษาบาฬีอย่างเข้ มแข็ง ดังจะเห็นได้ จากสถิติของผลการสอบหลักสูตรบาฬี สนามหลวงในช่วงหลายปี ที่ผ่านมา นักเรียนของวัดจากแดงสามารถสอบไล่ได้ เป็ นอันดับ ๑ ของจังหวัดสมุทรปราการ เป็ นอันดับ ๘ ของภาค สองปี ซ้อน จนทําให้ ได้ รับ การยกย่องให้ เป็ นสํานักศาสนศึกษาดีเด่นของจังหวัดสมุทรปราการ ปั จจุบนการเรียนการสอนทางด้ านพระปริยติของวัดจากแดงก็ยงคงเป็ นไปอย่าง ั ั ั เข้ มข้ นและเข้ มแข็ง ปั จจุบนมีพระภิกษุสามเณรศึกษาเล่าเรียนอยูภายในวัดจากแดงมาก ั ่ ถึง ๗๐ กว่ารูป และมีแนวโน้ มมากขึ ้นต่อไป นอกจากหลักสูตรการเรียนการสอนของ พระภิกษุสามเณรแล้ ว วัดจากแดงได้ เปิ ดหลักสูตรการเรียนสําหรับประชาชนขึ ้น ไม่ว่าจะ ี เป็ นพระอภิธรรม พระบาฬสําหรับประชาชน และหลักสูตรธรรมศึกษาสําหรับประชาชน ทางด้ านการปฏิบติ วัดจากแดงได้ จดให้ มีการสวดมนต์ทําวัตรเย็น เจริญสมาธิภาวนา ั ั สําหรับประชาชนขึ ้นในทุกวัน เวลา ๑๗.๓๐ - ๑๙.๐๐ น. และจัดให้ มีกิจกรรมปฏิบติธรรม ั ในวันสําคัญทางพระพุทธศาสนาต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็ นวันมาฆบูชา วันวิสาขาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันแม่ วันพ่อ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ต่างๆ โดยได้ รับความสนใจจาก พุทธศาสนิกชนเป็ นจํานวนมาก ทางด้ านการเผยแผ่ นอกจากจะมีการเรียนการสอนตามปกติแล้ ว วัดจากแดงได้ จด ั ให้ มีวิทยุชมชนเพื่อพระพุทธศาสนา ทางคลื่นวิทยุ FM 95.75 MHz โดยได้ รับความ ุ อุปถัมภ์จากทางญาติโยมผู้ศรัทธาเป็ นจานวนมาก อีกทังยังมีการเผยแผ่ธรรมะในเว็บไซต์ ้ www.bodhiyalai.org ซึงจะมีธรรมะออนไลน์และสามารถดาวน์โหลดไปฟั งได้ อีกด้ วย ่ ๑๑
  • 12. เกียรติคุณที่ได้ รับ ปี พุทธศักราช ๒๕๕๒ - ได้ รับโล่เกียรติคณวัดวิถีพทธเฉลิมพระเกียรติ ุ ุ - ได้ รับการประกาศให้ เป็ นสานักเรี ยนปริยติธรรมแผนกบาฬี ั - ได้ รับโล่เกียรติคณจากมหาวิทยาลัยพุทธนานาชาติ เมืองสกาย ประเทศพม่า ุ ปี พุทธศักราช ๒๕๕๓ - ได้ รับเลือกให้ เป็ นวัดพัฒนาดีเด่นอันดับ๑ ของจังหวัดสมุทรปราการ (จาก๑๒๓วัด) - ได้ รับรางวัลสานักศาสนศึกษาดีเด่นอันดับ ๑ ของจังหวัดสมุทรปราการ - ได้ รับโล่เกียรติคณ "วัดปลอดเหล้ า งานบุญในวัด" จากผู้ว่าราชการจังหวัด ุ สมุทรปราการ ปี พุทธศักราช ๒๕๕๔ - ได้ รับโล่เกียรติคณกิจการงานพระพุทธศาสนาอุปถัมภ์จากสานักข่าว ุ พระพุทธศาสนาและศิลปวัฒนธรรม - ได้ รับรางวัลพุทธคุณปการ ระดับกาญจนา ู - ได้ รับรางวัลสานักศาสนศึกษาดีเด่นอันดับ๑ ของจังหวัดสมุทรปราการ - ได้ รับเลือกให้ เป็ นวัดส่งเสริมสุขภาพดีเด่นระดับจังหวัด (กาลังอยู่ในขันตอนการ ้ ประกวดระดับประเทศ) ๑๒
  • 13. คุยเฟื่ องเรื่ องพระวินัย บินหลาดง วินโย นาม พุทฺธสาสนสฺส อายุ. วินเย ฐิเต พุทฺธสาสนํ ฐิตํ โหติ. พระวินยเป็ นอายุของพระพุทธศาสนา เมื่อพระวินยยังดารงอยู่ พระพุทธศาสนาก็ ั ั ชื่อว่าดารงอยู่ พระวินยเป็ นเหมือนกฎหมายของพระศาสนานี ้ บุคคลใดบวชเข้ ามาใน ั พระศาสนานี ้ก็ต้องอยู่ภายใต้ กฎหมาย ภายใต้ ข้อบัญญัติทางพระวินย ฉะนันหากพระ ั ้ วินยนี ้ยังดารงอยู่ ไม่ถกเพิกถอนไปตราบใด ก็ถือว่าพระศาสนานี ้ก็ยงดารงอยู่ตราบนัน ั ู ั ้ พระผู้มีพระภาคเจ้ า เมื่อพระองค์จะทรงบัญญัติพระธรรมวินย พระองค์ทรงอาศัย ั ประโยชน์แก่บคคลหลายฝ่ าย คือประโยชน์ต่อพระองค์เอง ต่อพุทธบริษัท ๔ และต่อ ุ พระศาสนา ซึงอาจจะนับเป็ นข้ อได้ ถง ๕ ข้ อ คือ ่ ึ ๑. พระผู้มีพระภาคเจ้ า ในยามที่พระองค์จะทรงบัญญัติพระวินย พระองค์ไม่ทรง ั บัญญัติโดยพลการ ทรงสอบถามให้ ภิกษุสงฆ์ยอมรับโดยพร้ อมเพรียงกัน แล้ วจึงทรง บัญญัติ นี่ชี ้ให้ เห็นถึงพระองค์ทรงมองถึงประโยชน์พระองค์ และประโยชน์ของภิกษุสงฆ์ เพื่อมิให้ ใครติเตียน พระองค์จกใช้ อานาจในการบัญญัติ จึงถามภิกษุสงฆ์เสียก่อน แล้ ว ั จึงทรงบัญญัติพระวินย (ปั จจุบนเทียบได้ กบการทาประชามติ) ั ั ั ๒. การที่คนหลาย ๆ คนมาอยู่รวมกันเป็ นหมู่ เป็ นคณะขึ ้นมา ไม่มีกฎกติกาการ เป็ นอยู่ก็จะไม่ผาสุก พระองค์อาศัยประโยชน์ข้อนี ้แล้ วบัญญัติพระวินย คือ เพื่อการอยู่ ั ผาสุกของหมู่คณะ ๓. คนเป็ นอันมากมาอยู่รวมกันต่างจิตต่างใจ บางคนแนะนาได้ ง่าย บางคนแนะนา ได้ ยากเมื่อสังคมนันตังกฎกติกาขึ ้นมาแล้ วก็สามารถยกมาเป็ นเครื่องมือในการแนะนา ้ ้ คนเหล่านัน ฉะนันพระองค์อาศัยประโยชน์นี ้จึงบัญญัติพระวินย คือ เพื่อข่มบุคคลผู้ว่า ้ ้ ั ยากสอนยาก ๑๓
  • 14. ๔. สังคมได้ มีกฎกติกาที่ดี และคนในสังคมนันก็ต้องอยู่ในกฎกติกานัน สังคมนันก็ ้ ้ ้ อยู่กนอย่างมีความสุข พยายามเพื่อความบริบรณ์แห่งประโยชน์ตน และผู้อื่นได้ เต็มที่ ั ู พระองค์อาศัยประโยชน์นี ้จึงทรงบัญญัติพระวินย คือ เพื่อความผาสุกของภิกษุผ้ มีศล ั ู ี เป็ นที่รัก ๕. สังคมใดไม่มีศีลไม่มีธรรมไม่มกฎกติกา ผู้อยู่ในสังคมนันก็จะทาแต่สิ่งที่ไม่ดี เช่น ี ้ การฆ่า การลักทรัพย์ เป็ นต้ น เมื่อเขาเหล่านันทาอย่างนัน โดยเขาจับได้ ก็จะได้ รับโทษ ้ ้ มีการทุบตี ตัดมือ ตัดเท้ า หรือฆ่าอันเป็ นเหตุจะก่อทุกข์ก่อโทษทังนัน ฉะนัน พระองค์ ้ ้ ้ อาศัยประโยชน์ นี ้จึงทรงบัญญัติพระวินย คือ เมื่อปองกันโทษอันจะเกิดในปั จจุบน ั ้ ั ประโยชน์ทง้ั ๕ ประการที่กล่าวมานี ้จะเห็นได้ ว่าพระผู้มีพระภาคเจ้ าทรงอาศัย ความกรุณาอันใหญ่ จึงทรงบัญญัติพระวินยให้ ภิกษุสงฆ์ ั ๑๔
  • 15. วัฏฏกชาดก (ตายเพราะแตกกัน) เขมา อตีเต ครังอดีตกาลนานมาแล้ ว เมื่อพระเจ้ าพรหมทัตทรงเสวยราชสมบัติ ณ เมือง ้ พาราณสี พระโพธิสตว์ได้ ถือกาเนิดเป็ นนกกระจาบ มีนกกระจาบหลายพันเป็ นบริวาร ั พรานนกคนหนึงในเมืองนัน มีอาชีพจับนกขายโดยเฉพาะนกกระจาบ เขาจับนกโดยวิธี ่ ้ หว่านข้ าวเปลือกล่อให้ นกลงมากินแล้ วใช้ แหเหวี่ยงคลุม ทาให้ สามารถจับนกกระจาบได้ คราวละจานวนมากๆ สาหรับกินและขายเลี ้ยงชีพ คราวหนึงเมื่อนกกระจาบโพธิสตว์ผ้ เู ป็ นหัวหน้ าฝูง ถูกจับพร้ อมๆกับบริวาร นก ่ ั กระจาบโพธิสตว์จงสังให้ บริวารนกทังหมดบินขึ ้นพร้ อมๆกัน จนแหลอยขึ ้นสามารถนาไป ั ึ ่ ้ วางบนต้ นไม้ ได้ แล้ วจึงบินรอดแหด้ านล่างเพื่อเอาตัวรอด เป็ นอยู่อย่างนี ้บ่อยครัง ้ นายพรานนกนันจึงไม่สามารถที่จะจับนกได้ เลย จึงถูกภรรยาตาหนิเป็ นอันมาก เพราะไม่ ้ มีนกที่จะนาไปขายและเลี ้ยงชีวิต นายพรานปลอบภรรยาว่านกกระจาบฝูงนี ้ฉลาดมาก มันพร้ อมใจกันบินขึ ้นและยกแหไปไว้ บนยอดไม้ อย่างรวดเร็วทุกครัง แต่อย่ากังวลไปเลย ้ เมื่อใดที่พวกมันทะเลาะวิวาทกัน แตกความสามัคคีกน ต่างตัวต่างถือดีแก่งแย่งกัน เมื่อ ั นันก็จะสามารถจับนกได้ ทงหมด เขาบอกภรรยาอย่างนี ้และรอวันเวลาอยู่ ้ ั้ สองสามวันต่อมา นกกระจาบตัวหนึ่งโผบินลงมาที่พื ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทน ั สังเกต จึงเหยียบหัวนกกระจาบตัวหนึงเข้ าเต็มแรง นกกระจาบตัวที่ถกเหยียบจึงร้ องว่า ่ ู “ใครกันมาเหยียบหัวข้ า” ตัวที่เหยียบจึงกล่าวคาขอโทษอย่างนอบน้ อม แต่ตวที่ถก ั ู เหยียบหาได้ ให้ อภัยไม่ แม้ นกกระจาบตัวที่ผิดจะอ้ อนวอนขออภัยอย่างไรก็ไม่ยอม จึงเกิดการทะเลาะถกเถียงขึ ้นอย่างรุนแรง ต่างฝ่ ายต่างอวดเบ่งว่าที่รอดตายมาได้ ก็ เพราะอาศัยกาลังของตนพาแหขึ ้นไปบนต้ นไม้ การทะเลาะกันขยายวงกว้ างออกไป อย่างมาก เพราะบรรดานกที่ถือหางของแต่ละฝ่ ายก็ไม่ยอมลดราวาศอก ต่างก็เข้ ามา สาทับกันถือว่าพวกของตนเป็ นฝ่ ายถูก เป็ นฝ่ ายที่เหนือกว่า จึงแตกความสามัคคีกนในั ที่สด ุ ๑๕
  • 16. พระโพธิสตว์ผ้ เู ป็ นหัวหน้ าฝูงเห็นเข้ าก็เกิดความวิตกว่า บัดนี ้ฝูงนกทะเลาะวิวาทกัน ั ไม่สามัคคีกนเสียแล้ ว ต่อไปจะเกิดความวิบติอย่างแน่นอน เพราะจะไม่มีใครออกแรงบิน ั ั ยกแห จะพากันตายทังหมด ดาริ ดงนี ้แล้ วก็พานกกระจาบตัวที่ไม่เข้ าพวกกับฝ่ ายทะเลาะ ้ ั กันบินไปหากินในที่อื่น ต่อมาอีกสามสี่วน นายพรานนกออกจากบ้ านมาโปรยเหยื่อและแอบซุมอยู่เหมือน ั ่ เช่นเคย ฝูงนกกระจาบต่างก็บนลงมากินอาหาร ิ นายพรานจึงเหวี่ยงแหคลุมไว้ ฝูงนกทังหมดจึงติดอยู่ในแห แต่ต่างพากันนิ่งเฉยไม่ยอมบิน ตัวหนึ่งตะโกนว่า “ใครที่เคย ้ บอกว่ามีกาลังมาก เป็ นคนออกแรงบินพาแหขึ ้นไปบนยอดไม้ ก็ลองบินดูหน่อยเถิด” อีก ฝ่ ายก็กล่าวในทานองเดียวกัน ต่างฝ่ ายต่างโต้ เถียงกันไปมาท้ าให้ อีกฝ่ ายลองกาลังดู นายพรานก็พลันเข้ าไปรวบแห สามารถจับนกได้ ทงฝูง นาไปให้ ภรรยาขายและทาเป็ น ั้ อาหารสาหรับเลี ้ยงชีพ สาระจากชาดก “ความสามัคคีสร้ างยาก แตกสามัคคีนันทาได้ ง่าย” ้ ความสามัคคีนนสร้ างได้ ด้วยน ้าใจ น ้าใจเป็ นเครื่องประสานสามัคคีได้ เป็ นอย่างดี ั้ ชาดน ้าใจก็เอื ้อเฟื อกันไม่ได้ พูดกันด้ วยดีไม่ได้ ช่วยเหลือซึงกันและกันไม่ได้ และที่สาคัญ ้ ่ ที่สดคือ จะไม่ให้ อภัยกัน จะมีแต่ทิฏฐิ มานะ ไม่ยอมกัน ไม่มองหน้ ากันพูดจากันไม่ร้ ูเรื่อง ุ หากต่างฝ่ ายต่างไม่ยอมกัน ต่างถือศักดิ์ศรี ถือฝ่ าย ถือสี ถือค่าย ยกตนข่มท่าน ก็จะ ปรองดองกันไม่ได้ เข้ ากันไม่ได้ ก็พาลจะแตกกันเท่านันเอง หากแต่ละฝ่ ายต่างยอมกัน ้ บ้ าง ผ่อนปรนกันบ้ าง ลดตัว ลดทิฏฐิ มานะลงเสียงบ้ าง ความสามัคคีก็จะเกิดขึ ้นได้ ความสามัคคีนามาซึงความสงบสุข การทะเลาะวิวาทนามาซึงความวุ่นวายและ ่ ่ ความวิบติไม่มีที่สิ ้นสุด ั ไม่มีใครได้ ผลประโยชน์ที่แท้ จริงจากการทะเลาะวิวาทกัน ผู้ชนะก็ได้ เพียงความสะใจ แต่ต้องระวังตัว ผู้แพ้ ก็ได้ แต่แค้ นใจและหาทางแก้ แค้ น ก่อเวร ซึงกันและกันไม่มีที่สิ ้นสุด ่ ๑๖
  • 17. ปหาราทสูตร อ.อิศริ ยา นุตสาระ M.A. นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส ฯ ฺ ขอนอบน้ อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้ าพระองค์นน ั้ จากพระสุตตันตปิ ฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต พระไตรปิ ฎกและอรรถ กถาแปล เล่มที่ ๓๗ หน้ า ๓๙๙-๔๑๓ พระพุทธเจ้ าได้ แสดงพระธรรมแด่ท้าวปหาราทะจอมอสูร ณ ใต้ ร่มไม้ สะเดา ใกล้ กรุงเวรัญชา เพื่อแสดงถึงความลาด ลุ่ม ลึก ของพระธรรมวินย หรือความอัศจรรย์ ั ของพระธรรมวินย โดยการเปรียบเทียบกับความอัศจรรย์ของมหาสมุทร ๘ ประการ ั เนื ้อเรื่องย่อ ท้ าวปหาราทะเป็ นหัวหน้ าอสูรผู้หนึง หัวหน้ าอสูรมี ๓ ท่าน คือ ่ ๑. ท้ าวเวปจิตติ ๒. ท้ าวราหู และ ๓. ท้ าวปหาราทะ ท้ าวปหาราทะได้ ตงความ ั้ ปรารถนาไว้ นับตังแต่วนที่พระพุทธเจ้ าตรัสรู้แล้ วว่าจะไปเข้ าเฝาพระบรมศาสดา แต่ก็ ้ ั ้ ผลัดวันไปเรื่อยๆ จนเวลาล่วงไปถึง ๑๒ ปี จึงตัดสินใจมาเฝาพระพุทธองค์ และปรารถนา ้ จะทูลถามคาถาม ครันได้ เข้ าเฝาจริงก็ไม่กล้ าทูลถาม พระพุทธองค์ทรงทราบ ทรงเปี่ ยม ้ ้ ไปด้ วยพระมหากรุณาต่อท้ าวปหาราทะ ทรงรู้ว่าหากพระองค์ไม่ตรัสก่อน ท้ าวปหาราทะ ก็ไม่กล้ าทูลถามอย่างแน่นอน จึงตรัสถามว่า บรรดาอสูรชื่นชมและอัศจรรย์ในมหาสมุทร ใช่ไหม และมหาสมุทรนันมีอะไรที่น่ารื่นรมย์บ้าง ท้ าวปหาราทะปี ติยินดีที่ได้ ฟังพระพุทธ ้ องค์มีรับสังถามในสิ่งที่ท่านมีความรู้เป็ นอย่างดี จึงทูลตอบว่า พวกอสูรชื่นชม อภิรมย์ ่ และภูมิใจในมหาสมุทรว่ามีความน่าอัศจรรย์ถง ๘ ประการ ดังนี ้คือ ึ ๑. มหาสมุทรมีลกษณะ ลาด ลุ่ม ลึก ลงไปตามลาดับ ไม่โกรกชันเหมือนเหว ั ๒. มหาสมุทรเต็มเปี่ ยมอยูเ่ สมอ แต่ไม่เคยล้ นฝั่ ง ๓. มหาสมุทรไม่เกลื่อนไปด้ วยซากศพ เพราะคลื่นย่อมซัดซากต่างๆเข้ าหาฝั่ ง ๑๗
  • 18. ๔. มหาสมุทรเป็ นที่รวมของแม่น ้าใหญ่ที่มีชื่อต่างๆ เช่น คงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู และเมื่อไหลลงสู่มหาสมุทรก็ย่อมละชื่อเดิมทังหมด้ ๕. แม่น ้าในโลกย่อมไหลลงมหาสมุทร สายฝนในอากาศก็ตกลงสู่มหาสมุทร แต่ มหาสมุทรก็ไม่ปรากฏว่าพร่องหรื อเต็ม ๖. น ้าในมหาสมุทรมีรสเดียวคือรสเค็ม ๗. มหาสมุทรเต็มไปด้ วยรัตนะอันมีค่ามากมาย ๘. มหาสมุทรเป็ นที่อาศัยของสัตว์ขนาดใหญ่จานวนมาก นี ้เป็ นความน่าอัศจรรย์ ๘ ประการในมหาสมุทร ที่พวกอสูรเห็นแล้ วจึงชื่นชม อภิรมย์และภูมิใจ จากนันท้ าวปหาราทะ ก็ทลถามพระพุทธองค์ว่า “ข้ าแต่พระองค์ผ้ เู จริญ ภิกษุ ้ ู ทังหลายชื่นชมในพระธรรมวินยนี ้บ้ างหรือไม่พระเจ้ าข้ า ในธรรมวินยนี ้มีความน่าอัศจรรย์ ้ ั ั ใจที่ภิกษุเห็นแล้ วอภิรมย์อยู่บ้างหรือไม่พระเจ้ าข้ า” พระพุทธเจ้ าตรัสตอบว่า มีอยู่ปหาราทะ ความอัศจรรย์ของพระธรรมมีอยู่ถง ๘ ึ ประการ เช่นกันคือ ๑. ในธรรมวินยที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ ดีแล้ วนัน มีความละเอียดลึกซึ ้งต้ องมีการ ั ้ ศึกษาไปตามลาดับ มีการกระทาไปตามลาดับ มีการปฏิบตไปตามลาดับ เช่นเดียว ั ิ กับมหาสมุทรที่มีความลาด ลุ่มลึกลงไปตามลาดับ ไม่มีทางลัดไปสู่พระนิพพาน (เพราะ เมื่อพระองค์ตรัสรู้ใหม่ๆ ยังทรงมีพทธดาริว่าพระธรรมที่ตรัสรู้นี ้เป็ นธรรมที่ลกซึ ้ง สุขม ุ ึ ุ ลุ่มลึก ที่ไม่อาจรู้ได้ ด้วยการตรึก คือไม่อาจรู้ได้ ด้วยการคิดเอาเอง แต่เป็ นธรรมที่บณฑิต ั ควรรู้ คือต้ องศึกษาไปตามลาดับขันตอน ตามที่พระพุทธองค์แสดงไว้ ในพระไตรปิ ฎก) ้ พระพุทธเจ้ าตรัสว่า ดูก่อนปหาราทะข้ อที่ในธรรมวินยนี ้มีการศึกษาไปตามลาดับ กระทา ั ไปตามลาดับ มีการปฏิบติไปตามลาดับนี ้ มิใช่ว่าจะมีการบรรลุอรหัตผลอย่างกบกระโดด ั ข้ อนี ้เป็ นธรรมที่น่าอัศจรรย์อนไม่เคยมีมาประการที่ ๑ ในธรรมวินยนี ้ที่ภิกษุทงหลายเห็น ั ั ั้ แล้ วๆ จึงอภิรมย์อยู่ ๑๘
  • 19. ๒. มหาสมุทรเต็มเปี่ ยมอยูเ่ สมอ ไม่ล้นฝั่ งฉันใด สาวกของพระพุทธเจ้ าที่แท้ จริ งก็จะ ไม่ล่วงละเมิดสิกขาบทหรือพระวินยที่ทรงบัญญัติไว้ แม้ เพราะเหตุแห่งชีวิต (คือพระภิกษุที่ ั แท้ จะเต็มเปี่ ยมไปด้ วยความบริสทธิ์แห่งศีล แม้ จะตายก็ไม่ยอมที่จะทาให้ ศีลขาดเลย ุ เช่นกัน) ๓. มหาสมุทรไม่เกลื่อนด้ วยซากศพ เพราะในมหาสมุทรคลื่นย่อมซัดเอาซากศพเข้ า หาฝั่ งฉันใด ภิกษุทศีลที่ปกปิ ดกรรมชัว ชุ่มด้ วยราคะ มิใช่สมณะก็ปฏิญญาว่าเป็ นสมณะ ุ ่ มิใช่ผ้ ประพฤติพรหมจรรย์ ก็ปฏิญญาว่าประพฤติพรหมจรรย์ หมู่สงฆ์ก็ย่อมประชุมกันขับ ู ไล่ออกจากหมู่คณะ คนเช่นนี ้แม้ จะนังอยู่ท่ามกลางหมู่สงฆ์ ก็ชื่อว่าห่างไกลจากสงฆ์ นี ้ ่ เป็ นความน่าอัศจรรย์ประการหนึงของพระธรรมวินย ่ ั ๔. แม่น ้าสายใหญ่ๆคือ แม่น ้าคงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู มหิ แม่น ้าเหล่านันไหลไป ้ ถึงมหาสมุทรแล้ ว ย่อมละนามและโคตรเดิมหมด คงเรียกว่า มหาสมุทรเท่านัน ้ เช่นเดียวกับกุลบุตรไม่ว่าจะมาจากวรรณะใด เช่น กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร เมือ ่ ออกบวชย่อมละนามและโคตรเดิม มาเป็ นสมณศากยบุตรเท่านันเช่นกัน ้ ๕. แม่น ้าทุกสายในโลกย่อมไหลไปรวมยังมหาสมุทร และสายฝนจากอากาศก็ตก ลงสู่มหาสมุทร แต่มหาสมุทรก็มิได้ ปรากฏว่าจะพร่องหรือเต็มเพราะน ้านันฉันใด ภิกษุที่ ้ บรรลุอรหัตผลจานวนมาก เมื่อนิพพานแล้ วก็ไม่ปรากฏว่านิพพานธาตุจะพร่องหรือเต็ม แต่ประการใดเช่นกัน ๖. มหาสมุทรมีรสเดียว คือ รสเค็มฉันใด ธรรมวินยนี ้ก็มีรสเดียวเช่นกัน คือ วิมุตติ ั รส หมายถึงรสแห่งความสุขและความสงบจากกิเลส ในพระนิพพานอันเป็ นบรมสุข ๗. มหาสมุทรเต็มไปด้ วยรัตนะอันมีค่าฉันใด ในพระธรรมวินยก็เต็มไปด้ วยรัตนะ ั อันมีค่าฉันนัน รัตนะในธรรมวินยนันมีดงนี ้ คือ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิ ้ ั ้ ั บาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคมี องค์ ๘ ๑๙
  • 20. ๘. มหาสมุทรเป็ นที่พานักอาศัยของสิ่งที่มีชีวิตใหญ่ๆ พระธรรมวินยก็เป็ นที่พานัก ั อาศัยของสิ่งมีชีวิตใหญ่ๆ สิ่งมีชีวิตในพระธรรมวินยนี ้ มีดงนี ้ คือ ั ั -พระโสดาบัน -พระสกทาคามี -พระอนาคามี -พระอรหันต์ ข้ อสังเกตจากปหาราทสูตร ๑. จากพระสูตรนี ้ จะเห็นถึงน ้าพระทัยที่เปี่ ยมไปด้ วยพระมหากรุณาธิคณของพระ ุ พุทธองค์ต่อท่านปหาราทะ ด้ วยพระสัพพัญญุตญาณของพระองค์ทรงล่วงรู้ว่า ปหาราทะ ปรารถนาที่จะทูลถาม แต่ถ้าพระองค์ไม่ตรัสขึ ้นก่อน ปหาราทะจะไม่กล้ าพูด จึงตรัสถาม ถึงความอัศจรรย์ของมหาสมุทร ปหาราทะมีความรู้ดีในเรื่องนี ้ และชื่นชมว่าพระพุทธองค์ ประทานความคุ้นเคยให้ กบตนจึงตรัสถามตน อันเป็ นที่มาของพระสูตรนี ้ ั ๒. ด้ วยพระปรีชาสามารถ พระปั ญญากว้ างไกล ไหวพริบปฏิภาณอันยอดเยี่ยมพระ พุทธองค์ทรงสามารถเปรียบเทียบความอัศจรรย์ของพระธรรมวินยกับความอัศจรรย์ของ ั มหาสมุทรได้ อย่างสมจริง ๓. พระพุทธองค์ทรงมีจิตวิทยาอย่างยอดเยี่ยม ทรงคล้ อยตามความคิดเห็นของ ท้ าวปหาราทะจอมอสูร โดยไม่ทรงขัดแย้ งใดๆที่จะก่อให้ เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อคู่สนทนา เลย จัดว่าเป็ นแบบอย่างที่ดีงาม ๔. พระพุทธองค์เปี่ ยมด้ วยพระมหากรุณา เมือท้ าวปหาราทะกราบทูลถึงความน่า ่ อัศจรรย์ของมหาสมุทรว่ามี ๘ ประการ ทังๆที่พระองค์สามารถแสดงธรรม ๘ ประการได้ ้ จนถึง ๑,๐๐๐ ประการก็ได้ แต่มิได้ ทรงข่มปหาราทะ จึงทรงแสดงความน่าอัศจรรย์ของ พระธรรมวินยเพียง ๘ ประการเท่ากัน โดยมิได้ ทรงแสดงเกินไปกว่านี ้เลย ก็เป็ นคุณธรรมที่ ั ประเสริฐที่ควรคานึงถึง ๒๐
  • 21. ๕.ผู้แสดงธรรมของพระพุทธองค์ควรมีคณสมบัติดงต่อไปนี ้ ุ ั (จากอุทายิสตร อังคุตตรนิกาย ปั ญจก-ฉักกนิบาต เล่มที่๓๖ หน้ า๓๓๓) ู ๕.๑ ต้ องแสดงไปตามลาดับ ๕.๒ ธรรมที่แสดงถูกต้ อง ต้ องมีเหตุผล ๕.๓ แสดงธรรมด้ วยความจริงใจประกอบด้ วยความเมตตา ๕.๔ แสดงธรรมโดยไม่หวังลาภสักการะใดๆ ๕.๕ แสดงธรรมโดยไม่กระทบตนและผู้อื่น นอกจากนี ้ก็จะเพิ่มเติมในข้ อ๖ ว่าการแสดงธรรมของพระพุทธเจ้ า มิใช่ธรรมของ ข้ าพเจ้ าอันเป็ นอัตโนมติของตน อันเป็ นอริยปวาท คือการกล่าวตู่พระธรรมคาสังสอนของ ู ่ พระพุทธเจ้ าซึงมีโทษมาก่ ๗. ผู้แสดงธรรมต้ องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ จนมีไหวพริบปฏิภาณ สามารถเปรียบเทียบอุปมาอุปไมยได้ อย่างถูกต้ องชัดเจน ในฐานะที่รับผิดชอบในหน้ าพระสูตร จึงเลือกพระสูตรนี ้มาแสดงด้ วยความมุ่งหมาย ๖ ประการคือ ๑. เพื่อแสดงให้ เห็นถึงความลึกซึ ้งของพระธรรมวินย ที่จะต้ องศึกษาและปฏิบติไป ั ั ตามลาดับ ไม่มีทางลัดไปสู่พระนิพพาน จากอรรถกถายืนยันว่า การบรรลุมิได้ เกิดจาก การศึกษาแบบกบกระโดด ๒. การศึกษาพระธรรมวินย และการปฏิบติไปสู่ความพ้ นทุกข์ ต้ องเริ่มด้ วยความ ั ั บริสทธิ์ของศีล ุ ๓. เพือให้ เห็นถึงความสาคัญของปริยติ คือ คาสอนจากพระไตรปิ ฎก ่ ั ๔. ได้ ร้ ูจก ๕ รัตนะในพระธรรมวินย ั ั ๕. ได้ ร้ ูและเข้ าใจถึงความอัศจรรย์ของพระธรรมวินยเมื่อเปรียบเทียบกับความ ั อัศจรรย์ของมหาสมุทรถึง ๘ ประการ ๖. เพื่อได้ ศกษาข้ อสังเกตเกี่ยวกับพระสูตรซึงเป็ นการพิจารณาอย่างแยบคาย เพื่อให้ ึ ่ เกิดปั ญญาบารมี ๒๑
  • 22. รัตนะในพระธรรมวินัย ได้ แก่ สติปัฏฐาน ๔ :- ธรรมอันเป็ นที่ตงแห่งสติ ข้ อปฏิบติที่มีสติเป็ นประธาน ตังสติกาหนด ั้ ั ้ พิจารณาให้ ร้ ูเท่าทันตามความเป็ นจริง ได้ แก่ ๑. กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ การตังสติพิจารณากาย ้ ๒. เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ การตังสติพิจารณาเวทนา ้ ๓. จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ การตังสติกาหนดพิจารณาจิตและมีสติ ้ กากับดูร้ ูเท่าทันจิต ทุกสภาพและอาการของจิต ๔. ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ การตังสติกาหนดพิจารณาธรรม โดยการมี ้ สติกากับดูร้ ูเท่าทันธรรม มี ๔ ประการได้ แก่ กาย เวทนา จิต ธรรม สัมมัปปธาน :- ความเพียรชอบที่เป็ นสัมมาวายามะ ๑. เพียรระวังบาปอกุศลที่ยงไม่เกิด มิให้ เกิดขึ ้น ั ๒. เพียรละบาปอกุศลที่เกิดขึ ้นแล้ ว ๓. เพียรเจริญกุศลธรรมที่ยงไม่เกิด ให้ เกิดขึ ้น ั ๔. เพียรรักษากุศลธรรมที่เกิดขึ ้นแล้ ว ไม่ให้ เสื่อมและให้ เพิ่มไพบูลย์ยิ่งๆขึ ้น อิทธิบาท ๔ :- คุณเครื่องให้ ถงความสาเร็จ, ทางแห่งความสาเร็จ มี ๔ ข้ อ ได้ แก่ ึ ๑. ฉันทะ ความพอใจรักใคร่สิ่งนัน ้ ๒. วิริยะ ความพยายามทาสิ่งนัน ้ ๓. จิตตะ ความเอาใจฝั กใฝ่ ในสิ่งนัน ้ ๔. วิมังสา ความพิจารณาใคร่ครวญหาเหตุผลในสิ่งนัน ้ อินทรีย์ ๕ :- ความเป็ นใหญ่ ๕ ประการ ได้ แก่ ๑. ศรัทธา ความเชื่อที่ประกอบด้ วยปั ญญา ๒. วิริยะ ความเพียร ความบากบันไม่ท้อถอย่ ๓. สติ ความระลึกได้ ๔. สมาธิ ความมีใจตังมัน สงบ ไม่ฟ้ งซ่าน ้ ่ ุ ๕. ปั ญญา ความรอบรู้ ๒๒
  • 23. โพชฌงค์ ๗ :- ธรรมที่เป็ นองค์แห่งการตรัสรู้มี ๗ ข้ อ คือ ๑. สติ ๒. ธัมมวิจยะ (การสอดส่องเลือกเฟ้ นธรรม) ๓. วิริยะ ๔. ปี ติ ๕. ปั สสัทธิ (ความสงบ) ๖. สมาธิ ๗. อุเบกขา อริยมรรคมีองค์ ๘ :- ทางอันประเสริฐมีองค์ ๘ ประการ ได้ แก่ ๑. สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ ๒. สัมมาสังกัปปะ ความดาริชอบ ๓. สัมมาวาจา เจรจาชอบ (วจีสจริต)ุ ๔. สัมมากัมมันตะ ทาการงานชอบ (กายสุจริต) ๕. สัมมาอาชีวะ เลี ้ยงชีพชอบ (เว้ นจากมิจฉาชีพ ๕ ประการ) ๖. สัมมาวายามะ ความเพียรชอบ ๗. สัมมาสติ ความระลึกชอบ ๘. สัมมาสมาธิ ตังจิตมันชอบ ้ ่ ๒๓
  • 24. การฟั นฝ่ าวิกฤติ ตามรอยพระมหาโพธิสตว์ เวสสันดร ั คนเดินทาง เรื่องของภัยพิบติต่างๆนัน ล้ วนแล้ วแต่ทําความเสียหายให้ แก่ทรัพย์สิน บ้ านเรือน ั ้ เรือกสวนไร่นา ธุรกิจมากมายนับไม่ได้ หลายต่อหลายครอบครัวต้ องประสบกับความ สูญเสียแห่งญาติ ความสูญเสียแห่งทรัพย์ มีประการต่างๆ ย่อมต้ องมีความโศกเศร้ า ความเครียด ความเสียใจ เป็ นธรรมดา หากแต่วิกฤติต่างๆ ก็มิใช่แต่จะเกิดเพียงใน ปั จจุบนนี ้เท่านัน หากแต่ว่าเกิดขึ ้นมาแล้ วหลายยุคหลายสมัยมากมายนับไม่ถ้วน ั ้ เรื่องนี ้ในบุคคลที่มีศรัทธา เชื่อเรื่องกรรม เรื่องผลของกรรม ก็อาจจะรักษาจิตของตน ไว้ ได้ บ้าง แต่กระนัน ก็ยงอดที่จะตกอยู่ในความประหวันพรั่นพรึง ความกลัวที่จะต้ อง ้ ั ่ เผชิญกับความสูญเสีย เพราะความเสียหาย เกิดความกังวลวิตกทุกข์ร้อน แม้ ในคราวได้ พบเห็นความทุกข์ของผู้คนทังหลายเป็ นอันมาก หรือไม่อาจจะระงับความเสียใจอย่าง ้ เหลือเกิน ในคราวที่จะต้ องเผชิญหน้ ากับความสูญเสียใหญ่หลวงนันด้ วยตนเอง การที่ ้ จะฟั นฝ่ าวิกฤติภยพิบติต่างๆนัน ความสําคัญอยู่ที่การมีสติ มีปัญญาที่จะแก้ ไขปั ญหา ั ั ้ ต่างๆที่เกิดขึ ้นรอบตัวเรา โดยเฉพาะความมีสติที่จะสามารถพลิกวิกฤติให้ เป็ นโอกาส ดังเช่นพระมหาโพธิสตว์เวสสันดร ั ความตอนหนึงโดยย่อว่า เมื่อเมืองกาลิงครัฐเกิดฝนแล้ ง ข้ าวกล้ าไม่สมบูรณ์ ่ ประชาชนก็เดือดร้ อน เมือเป็ นอยูไม่ได้ ก็ทําโจรกรรม ชาวเมืองจึงกดดันให้ เจ้ าเมืองไป ่ ่ ขอช้ างปั จจยนาคกับพระเจ้ าสัญชัยแห่งกรุงสีพี ช้ างปั จจยนาคเป็ นช้ างมงคล เกิดด้ วย บารมีของพระโพธิสตว์เวสสันดร เป็ นสหชาติกน คือเกิดพร้ อมกัน เป็ นคู่บารมีของพระ ั ั โพธิสตว์ ช้ างปั จจยนาคอยู่ที่ไหน ความอุดมสมบูรณ์ก็เกิดที่นน กษัตริย์เมืองกาลิงครัฐ ั ั่ จึงส่งพราหมณ์ไปทูลขอช้ างปั จจยนาคจากพระเวสสันดร พระโพธิสตว์ได้ มอบช้ างปั จจยนาคให้ แก่พราหมณ์ทง้ั ๘ ผู้มาขอนัน ยังความโกรธ ั ้ แค้ นให้ เกิดกับชาวสีพีเป็ นอันมาก ชาวเมืองต่างพากันมาชุมนุมเพื่อขับไล่พระเวสสันดร ให้ ออกจากแว่นแคว้ น ๒๔
  • 25. พระเจ้ าสัญชัยทรงจําต้ องขับไล่พระราชโอรสที่เป็ นที่รักยิ่งกว่าชีวิตของพระองค์เอง เพื่อต้ องการรักษาราชประเพณีในการปกครอง ไม่ให้ เกิดการจลาจลของหมู่ชนชาวสีพี ก่อนที่พระโพธิสตว์จะพาครอบครัวเสด็จไปสู่เขาวงกต ยังได้ บริจาคมหาทานแก่ผ้ มาขอใน ั ู สัตตสัตกมหาทาน จนในที่สดก็ไม่เหลือสมบัติข้าวของอะไรๆ ติดตัวไปเลย เพราะ ุ ชาวเมืองที่เหลือยังดันด้ นมาขอบริ จาคจากพระองค์ไปจนหมด ไม่มีอะไรติดตัวระหว่าง ้ การเดินทางระหกระเหินนันเลย ้ ในคราวที่มาเจอกษัตริย์อีกเมืองหนึง ซึงได้ ร้องขอพระองค์ให้ ทรงยอมรับราชสมบัติที่ ่ ่ เมืองของตนด้ วยความเคารพบูชาพระเวสสันดรนัน พระโพธิสตว์ทรงปฏิเสธและทรงรับสัง ้ ั ่ ว่า “พระองค์ไม่ประสงค์ที่จะรับราชสมบัติใดๆ เพราะหากรับแล้ วชาวสีพีก็จะพลอยมาขัด เคืองกับเมืองๆนี ้ด้ วย สงครามอันร้ ายกาจก็อาจเกิดขึ ้นได้ เพราะอาศัยพระองค์แต่เพียงผู้ เดียว” พระองค์จงยืนยันที่จะเดินทางไปยังเขาวงกต ึ ในความย่อข้ างต้ น ขอให้ ท่านผู้อ่านพิจารณาดูเอาเถิด พระโพธิสตว์นนทรงเป็ นผู้ ั ั้ ปรารภธรรมเป็ นอย่างยิ่ง มิได้ ปรารภตนเองเป็ นใหญ่เลย ทรงเห็นแก่ความผาสุก ความ สงบของชนหมู่มาก จึงยอมเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ทรงมี ด้ วยต้ องการที่จะ กําจัดความขัดเคือง กําจัดความพยาบาทของชนทังหลาย ไม่ประสงค์ให้ เกิดวิวาทจน ้ กลายเป็ นสงคราม และทรงถือเอาวิกฤตินี ้เป็ นเหตุแห่งบารมีของพระองค์เพื่อทรงกระทํา ทานบารมีให้ ถงที่สด แม้ ด้วยเหตุแห่งความสูญเสียมีประมาณเท่านี ้ จิตใจของพระ ึ ุ โพธิสตว์ก็มิได้ ทรงหวันไหวเลยทรงบริจาคความสุขทุกอย่าง ทังทรัพย์สินมากมาย ทังลาภ ั ่ ้ ้ ยศ สุข สรรเสริญ ความสะดวกสบายในเมืองของพระองค์ จนหมดสิ ้นประดุจบุคคลผู้ สิ ้นเนื ้อประดาตัว!! มาในยุคนี ้ สมัยนี ้ แม้ ไม่ปรากฏพระเวสสันดรโพธิสตว์ก็จริงอยู่ แต่ว่าพวกเรายังคง ั ได้ ยินได้ ฟังเรื่องราวของพระองค์ท่าน ด้ วยความปลาบปลื ้ม ซาบซึ ้งและอนุโมทนากับมหา ทานของพระองค์ ตังแต่ต้นจนจบ ชื่นชมโสมนัสในพระบารมีของพระองค์กนอยู่ มาจน ้ ั บัดนี ้ ๒๕
  • 26. ก็แต่ว่าหากพวกเราจะได้ ยินได้ ฟัง เพียงแค่เก็บมาเป็ นความชื่นใจเท่านัน หา ้ เพียงพอไม่ เพราะประโยชน์ที่พวกเราผู้ได้ ฟัง พึงใคร่ครวญว่า เวสสันดรชาดกนี ้ ได้ ให้ อะไรๆ กับเรา ผ่านเรื่องราวพระบารมีของพระองค์ นี ้ชื่อว่าเป็ นวิสยของผู้มีปัญญาที่จะ ั กลันกรองถือเอาประโยชน์สงสุดที่ได้ พงมี พึงเป็ น จากที่ได้ สดับฟั งพระธรรมเทศนานัน ่ ู ึ ้ ขอพวกเราจงน้ อม ใจกระทําจิตของตนๆ แม้ เพียงส่วนหนึงก็ยงดีที่จะอาศัยเหตุการณ์ ่ ั วิกฤติในครังนี ้เป็ นปั จจัยขึ ้นเพาะบ่มวิสยแห่งบัณฑิตที่ชื่อว่าเวสสันดรโพธิสตว์กนเถิด ้ ั ั ั บัดนี ้ วิกฤติเรื่องนํ ้าก่อให้ เกิดความทุกข์แสนสาหัสแก่ชาวไทยหมู่มาก ความสูญเสีย ความทุกข์โศกคือโศกะปริเทวะรํ่าไห้ และอุปายาสก็เกิดขึ ้น ผู้ใดได้ สดับพระธรรมเทศนาในเรื่องราวต่างๆที่พระพุทธองค์ได้ ทรงแสดงไว้ มากมาย นัน ย่อมเกิดศรัทธาเชื่อเรื่องกรรม เรื่องผลของกรรม จึงรู้ว่า นี ้เป็ นคราวที่จะต้ องสูญเสีย ้ เพราะผลของบาปที่ตนเองได้ กระทําไว้ ในกาลก่อน ดังนัน ในยามที่จะต้ องสูญเสีย พึงตังรับด้ วยสติ ด้ วยศรัทธา ด้ วยปั ญญาเถิด ้ ้ เมื่อนัน "การสูญเสีย" นันๆ จึงจะเป็ น "การได้ " ของพวกเรา พระเวสสันดรทรงสูญสิ ้นทุก ้ ้ สิ่งทุกอย่างที่พระองค์มี แต่พระองค์ไม่ร้ ูสกว่า "สูญเสีย" เพราะทรงถือเอาเหตุมีประมาณ ึ เท่านี ้ ยกขึ ้นเป็ นปั จจัยแก่ทานบารมีของพระองค์ให้ ยิ่งๆ ขึ ้นไปอีก พระองค์นนทรงเป็ น ั้ บัณฑิตโดยแท้ บัณฑิตผู้มีปัญญา จึงเป็ นผู้ได้ โอกาสที่จะกระทําบารมีทกเมื่อ แม้ ในยาม ุ "เสีย" ท่านก็ถือว่าเป็ นการ "ได้ " ได้ โอกาสของพระองค์ โอกาสที่จะทําความดี ทําบารมีที่ ยอดเยี่ยมยิ่งขึ ้นไปอีก ในวิสยของพวกเรา พึงฉวยเอาเหตุการณ์ในครังนี ้ขึ ้นพิจารณา เฉก ั ้ เช่นวิสยแห่งบัณฑิตเวสสันดรนันก็จะพึงได้ เห็นโอกาสแห่ง "การได้ " บนความ "สูญเสีย" ั ้ ของตนเองและพวกพ้ องที่เกิดขึ ้นแล้ ว หรืออาจจะเกิดขึ ้น มีอาทิว่า ๑. วิกฤตินี ้ ได้ เกิด "มหาทาน" ในบุคคลผู้ที่ยงไม่เดือดร้ อน ก็ต่างขวนขวายระดม ั สรรพกําลังของตนๆ ทังกําลังกายและกําลังใจ และทังทรัพย์ เพือช่วยเหลือเกื ้อกูลผู้ที่ ้ ้ ่ กําลังตกทุกข์ได้ ยาก "มหาทาน" จึงเกิดขึ ้นในแผ่นดินของเราในอาการอย่างนี ้ประการหนึง ่ ๒๖
  • 27. ๒. "มหาทาน" พึงเกิดขึ ้น แม้ ในกลุ่มบุคคลผู้กําลังสูญเสียหรือใกล้ จะสูญเสีย ผู้มา ขอรับบริจาคทานในครังนี ้ได้ แก่ "นํ ้า" นันเอง เขามาขอทรัพย์สินของพวกเราไปดุจชาว ้ ่ เมืองสีพีได้ ขอรับบริจาคสัตตสัตกมหาทานจากพระองค์ และยังมีพราหมณ์ทงหลายั้ ติดตามพระองค์มาเพื่อทูลขอทรัพย์อะไรๆที่เหลือจากพระองค์อีก แม้ ในคราวที่พระองค์เสด็จเดินทางเข้ าสู่เขาวงกต พราหมณ์เหล่านันมาขอทุกสิ่งทุก ้ อย่างไปจนหมดสิ ้น พระองค์ทรงไม่มีอะไรเหลือเลย หากพวกเรากระทําจิตใจแม้ เพียงส่วน หนึงเช่นกับพระเวสสันดร เราสมควรจะปรารภเหตุแห่ง "การได้ ” บนความสูญเสียที่กําลัง ่ เกิดขึ ้นนี ้ ดุจพระเวสสันดรผู้กําลังบริจาคทานจนหมดจนสิ ้นทุกอย่าง โดยมิได้ ทรงหวันไหว ่ เลย แม้ เราจะไม่ใช่พระโพธิสตว์ก็จริงอยู่ แต่เราก็พงพิจารณาได้ อย่างนี ้ว่า "เมื่อถึงคราว ั ึ จะสูญเสีย แม้ ใครๆ ในโลกจะเพียรพยายามรักษาเอาไว้ อย่างไร ธรรมชาตินนๆ ก็ยงย่อม ั้ ั ต้ องสูญสิ ้นไปเป็ นธรรมดา เราจึงควรถือเอาความสูญเสียนี ้แหละยกขึ ้นมาเป็ นบารมีใหญ่ แห่งตน" ๓. การตังสติ การยอมรับความสูญเสีย ในคราวที่ต้องเกิดขึ ้น ก็สามารถยกเป็ นบารมี ้ อย่างหนึงอันยิ่งใหญ่ของพวกเราได้ เช่นกัน พระเวสสันดรทรงสละมหาทานแก่ชาวสีพีจน ่ สิ ้น ด้ วยความยินดีได้ ฉนใด พวกเราก็พงยอมรับความสูญเสียอันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ครังนี ้ใน ั ึ ้ คราวที่ถงที่สดที่จําต้ องสละแล้ ว สละมหาทานให้ แก่ "นํ ้า" ผู้หาเจตนามิได้ นํ ้าที่เกิดด้ วย ึ ุ อํานาจกรรม โดยปราศจากความรู้สกเศร้ าหมองได้ ฉนนัน เราก็ได้ ชื่อว่า เป็ นผู้เยี่ยมยอด ึ ั ้ คนหนึง ด้ วย "ขันติบารมี" เป็ นผู้เยียมยอดด้ วย "สติ” และด้ วย "ศรัทธาเชื่อเรื่องกรรม เรื่อง ่ ่ ผลของกรรม" และเป็ นผู้เยี่ยมยอดด้ วย "ปั ญญาบารมี" ที่จะยอมรับผลของกรรมครังนี ้ ้ อย่างไม่สะทกสะเทือนจนเกินรับ เรื่องพระเวสสันดรจึงได้ สอนธรรมะแก่ประชาชนคนไทย ด้ วยอาการอย่างนี ้ ๒๗
  • 28. ปฐมบทในปฐมกาลแห่ งพระพุทธศาสนา สงฺคีตวรภิกฺขุ ในเรื่องราวความเป็ นมาของการเผยแผ่พระ ธรรมคาสอน ทุก ๆ คนจาเป็ นต้ องรู้จกกับพระั สูตรที่ชื่อว่าธัมมจักกัปปวัตตนสูตรในวินยปิ ฎก ั เล่มที่ ๔ มหาวรรค ข้ อที่ ๑๓ ซึงเนื ้อหาสาระสาคัญของพระสูตรนี ้ก็คือการ ่ อธิบายเกี่ยวกับหนทางของการพ้ นจากทุกข์ในวัฏฏสงสาร ซึงมีการกล่าวถึงสุคติภพ ่ ในช่วงท้ ายของคาสอน ทังสวรรค์ ๖ ชัน และพรหมโลกอีกด้ วย การรู้จกกับภพภูมิต่าง ้ ้ ั ๆ เพื่อทาความเข้ าใจว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายในการที่จะหลุดพ้ นจากทุกข์ ความทุกข์ที่พระสัมมาพุทธเจ้ าตรัสบอกมันเหมือนกับศรที่ปักอกอยู่ รู้อยู่ว่าถ้ าดึง ออกก็ต้องเจ็บและอาจถึงตายได้ แต่นนก็เป็ นหนทางเดียวที่จะหายจากโรค ตรัสด้ วย ั่ ความสุขอย่างล้ นพ้ นด้ วยความหวังว่าจะต้ องมีใครสักคนที่กล้ าดึงออก ที่เรารู้ ๆ แต่คน ทัวไปส่วนใหญ่ไม่กล้ า แล้ วจึงตายไปตรงนัน ทุกข์เพราะการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เจอสิ่งที่ ่ ้ ไม่ชอบ พลัดพรากจากของรัก ไม่ได้ ดงหวัง คือ ทุกข์เพราะการใช้ ชีวิตซึงในชีวิตของเรา ั ่ มีของที่พ่อและแม่ให้ มาอยู่ ๕ อย่างคือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ๕ อย่างนี ้คือสิ่งที่เราทังหลายยึดไว้ ด้วยความอยาก ้ ที่มาที่ไปของความทุกข์นน พระพุทธเจ้ าตรัสถึงตัณหาที่เป็ นส่วนกากับของชีวิตที่ทก ั้ ุ คนจะต้ องรู้ว่าที่เราทังหลายยังมีความทุกข์อยู่ เป็ นเพราะเราทังหลายยังมีส่วนกากับของ ้ ้ ชีวิต เป็ นทังความเพลิดเพลิน ความมัวเมา มีความโง่เป็ นเหตุ ทาให้ เกิดเรื่องราวที่ไม่ได้ ้ ตังใจมากมาย ซึงสรุปไว้ ในชื่อ ๓ ชื่อ คือ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา ้ ่ ๒๘
  • 29. การถึงที่สดแห่งกองทุกข์ พระพุทธเจ้ าตรัสถึงความดับทุกข์ว่าเป็ นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สด ุ ุ ในชีวิตที่สิ่งต่าง ๆ ต้ องเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน เราจึงต้ องจับมันเพื่อบังคับทิศทางของการ เปลี่ยนแปลงให้ เป็ นไปในทางที่ดี ที่ถกต้ อง จนเชื่อมันในหนทาง และดาเนินชีวิตไปได้ ู ่ อย่างสบาย พูดถึงทางสายกลางที่มาในพระสูตรนี ้มี สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูก, สัมมาสังกัปปะ ความคิดถูก, สัมมาวาจา การพูดถูก, สัมมากัมมันตะ การทาถูก, สัมมาอาชีวะ การเลี ้ยงชีพถูก, สัมมาวายามะ การพยายามถูก, สัมมาสติ สติที่ถก, สัมมาสมาธิ ู ความมันคงที่ถก ่ ู ในพระสูตรนี ้ตรัสไปจนกระทังได้ คาตอบที่ว่าไม่มีใครเลยหรือที่ร้ ู จนกระทังความรู้ ่ ่ เกิดขึ ้นในบุคคลคนหนึ่งที่ชื่อว่า โกญฑัญญะ “ย กิญฺจิ สมุทยธมฺม สพฺพ ต นิโรธธมฺม” “สิ่งใดสิ่งหนึงมีความเกิดขึ ้นเป็ นธรรมดาสิ่งนันทังปวงล้ วนมีความดับไปเป็ นธรรมดา” ่ ้ ้ การรู้ รู้แล้ ว การละ ละแล้ ว การทาให้ แจ้ ง ทาให้ แจ้ งแล้ ว การทาตาม ทาตาม แล้ ว มันจะมีความเข้ าใจอยู่ไม่กี่อย่างในชีวิตที่ต้องอาศัยเวลา การค้ นพบนี ้เป็ นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก เป็ นที่มาของการเกิดพระรัตนตรัยครังแรกในโลก ้ ทาให้ ความดีเป็ นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และคนทัวไปควรทาและทาได้ ตราบนานเท่านาน ่ นี ้เป็ นพระธรรมสูตรแรกในพระพุทธศาสนา ๒๙