18. 18
Tip: โดยปกติ filter ที่สร้างขึ้นมาจะจัดการกับ message ที่ส่งเข้ามาใหม่ แต่เราสามารถสั่งให้ filter จัดการกับ
message ที่อยู่ใน mail box ของเราได้โดยการเลือก Also apply filter to conversations below
การมอบหมายให้บุคคลอื่นใช้งาน Mail
ในสถานการณ์ที่เราไม่สะดวกในการจัดการ mail ของตัวเอง เราสามารถมอบหมายให้บุคคลอื่นทาหน้าที่แทนเราได้
โดยการมอบสิทธิให้บุคคลนั้น เข้ามาใช้งาน mail ของเราได้จาก account ของบุคคลนั้น และสามารถตอบจดหมายต่างๆแทน
เราได้ โดยที่ฝั่งผู้รับจะเห็นมา mail ส่งมาจาก e-mail ของเรา และเห็นผู้ส่งเป็นบุคคลที่เรามอบสิทธิให้
ขั้นตอนในการมอบสิทธิการเข้าใช้งาน mail มีดังนี้
1. เจ้าของ mail เข้าไปตั้งค่าการมอบหมายสิทธิ
กด Settings ที่บริเวณด้านบนของหน้า mail
เลือก Accounts > Add another account ภายใต้หัวข้อ Grant access to your account:
ใส่ e-mail address ของบุคคลที่เราต้องการมอบหมายสิทธิ
กด
19. 19
กด
2. ผู้รับมอบสิทธิ กด link ยอมรับการมอบหมายจาก mail
3. ผู้รับมอบสิทธิเข้าใช้งาน mail ของผู้มอบหมายได้จากหน้า mail ของตนเอง
โดยกดที่ลูกศรชี้ลงด้านข้างชื่อ account ที่บริเวณด้านบน
และกดที่ชื่อ account ของผู้มอบหมายสิทธิ เพื่อเข้าใช้งาน mail ของบุคคลนั้น
สังเกตุจากชื่อ account จะเห็นเป็นชื่อของผู้มอบหมายสิทธิ บริเวณด้านบนทางซ้าย ไม่มี link เพื่อเข้าใช้
เครื่องมืออื่นๆ และจะไม่เห็น Tasks
24. 24
8. ตั้งค่าการเตือนล่วงหน้า โดยเลือกได้ว่าจะให้เตือนเป็น E-mail, Pop-up (หรือส่งเป็น sms ในกรณีที่มีการตั้งค่า
โทรศัพท์เอาไว้) เป็นเวลาล่วงหน้าเท่าไร สามารถเพิ่มการเตือนได้โดยกดที่ Add a reminder
การตั้งค่านี้จะเป็นการเตือนเฉพาะบุคคล ไม่ใช่การเตือนไปยังผู้เข้าร่วม ทุกๆคน
9. การใส่รายชื่อผู้เข้าร่วม โดยสามารถพิมพ์ e-mail ส่วนบุคคลหรือ group ก็ได้
หากต้องการลบรายชื่อให้กด x ที่ด้านท้ายชื่อนั้น
ที่ด้านล่างจะมีการกาหนดสิทธิ์ของผู้เข้าร่วมในการแก้ไขรายละเอียด,
เชิญบุคคลอื่น หรือเห็นรายชื่อผู้เข้าร่วมทั้งหมดได้
สาหรับผู้เข้าร่วมบางคนที่ได้รับเชิญ แต่ไม่จาเป็นต้องเข้าร่วม
ให้กดที่ Make some attendees optional
กรณีที่มีการใส่รายชื่อผู้เข้าร่วมหลายคน สามารถหาช่วงเวลาที่ทุกคน
ว่างตรงกันได้ โดยกดที่ Find a time
การปรับแต่งปฏิทิน
บริเวณด้านท้ายของชื่อปฏิทิน ให้กดที่ เพื่อเปิดการตั้งค่าต่างๆ มีรายละเอียดดังนี้
Display only this Calendar: แสดงผลเฉพาะปฏิทินที่เลือก โดยจะปิดการ
แสดงผลของปฏิทินอื่นๆทั้งหมด
Calendar settings: เข้าไปตั้งค่าปฏิทินเช่น ตั้งชื่อปฏิทิน ตั้ง Time zone
Create event on this calendar: ให้ผลลัพธ์เหมือนการกด
Share this Calendar: กาหนดสิทธิ์การใช้งานให้บุคคลอื่น
Notifications: ตั้งค่าการเตือนล่วงหน้าของปฏิทิน
25. 25
การกาหนดสิทธ์การใช้งานปฏิทินให้บุคคลอื่น
บริเวณด้านท้ายของชื่อปฏิทิน ให้กดที่ เลือก Share this Calendar
หากต้องการให้ทุกคนในองค์กร สามารถเข้าใช้งานปฏิทินของคุณได้ ให้เลือก Share this calendar with everyone in the
organization โดยสามารถกาหนดสิทธิได้ว่าระหว่าง See all event details หรือ See only free/busy
สาหรับการกาหนดสิทธิ์เป็นรายบุคคล ให้ใส่ e-mail ของบุคคลนั้นลงไปที่ช่อง Person โดยสามารถกาหนดสิทธิ์ได้ 4 ระดับ คือ
See only free/busy (hide details): อนุญาตให้เห็นเวลาว่าง
See all event details: อนุญาตให้เห็นรายละเอียดของตารางนัดหมาย
Make changes to events: อนุญาตให้แก้ไขรายละเอียดของตารางนัดหมาย
Make changes AND manage sharing: อนุญาตให้แก้ไขการตั้งค่าต่างๆรวมถึงการกาหนดสิทธิ์ของปฏิทิน
36. 36
การเลือกประเภทไฟล์ที่ download จะขึ้นอยู่กับประเภทของเอกสาร ซึ่งมีรายละเอียดดังตาราง
Google Docs format ประเภทไฟล์ที่สามารถเลือก download ได้
HTML, Open Document, PDF, Rich Text (RTF), Plain Text, Microsoft Word
PDF, PowerPoint, Plain Text
Microsoft Excel, Open Office Spreadsheet, PDF
Microsoft Excel, Open Office Spreadsheet, PDF
PDF, JPEG, PNG, SVG
Original file types
การสร้างและจัดรูปแบบเอกสาร
การสร้างและตั้งชื่อเอกสาร
1. ที่หน้า Google Docs กด > เลือกประเภทเอกสารที่ต้องการสร้าง
2. การตั้งชื่อ (หรือเปลี่ยนชื่อ) เอกสารสามารถทาได้สองทางคือ
a. กดที่ชื่อเอกสารบริเวณด้านซ้ายบนของหน้าเอกสาร
b. กดที่ File > Rename…
38. 38
1. รายละเอียดของเอกสาร ซึ่งประกอบด้วย
a. สัญลักษณ์รูปดาว สาหรับช่วยให้เข้าใช้งานเอกสารได้ง่ายขึ้น เอกสารที่ขึ้นสัญลักษณ์รูปจะปรากฏอยู่ใน
แถบ ที่หน้า Google Docs (สามารถกดที่รูปดาวได้)
b. ชื่อเอกสาร กดที่ชื่อเอกสารเพื่อเปลี่ยนหรือตั้งชื่อเอกสาร
c. ระดับการ share ของเอกสาร ซึ่งมีทั้งหมด 5 ระดับ แต่ละระดับจะจากัดสิทธิ์การเข้าถึงดังนี้
i. Public on the web – เข้าถึงได้
ii. Anyone with the link – ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ผ่าน link
iii. This organization – user ทุกคนในองค์กร
iv. People at this organization with the link – user ในองค์กรที่มี link ของเอกสาร
v. Private – เฉพาะ owner และผู้ที่ได้รับสิทธิ์จาก owner เท่านั้น
2. คาสั่งการใช้งานของเอกสาร และแผงควบคุมการจัดรูปแบบเอกสาร
คาสั่งในส่วนนี้จะมีรายละเอียดแตกต่างกันตามประเภทของเอกสาร (Document, Spreadsheet, Presentation หรือ
Drawing)
3. ปุ่มสาหรับบันทึกเอกสารและตั้งค่าการ share ของเอกสาร
โดยปกติ Google Docs จะบันทึกเอกสารให้โดยอัตโนมัติ แต่หากต้องการบันทึกเอกสาร สามารถกดที่ปุ่ม
กดที่ลูกศรด้านข้างปุ่ม จะปรากฏรายการคาสั่งดังนี้
39. 39
Share… สาหรับตั้งค่าการ Share ของเอกสาร
Email collaborators… ส่ง email หาผู้อื่นพร้อม link ของเอกสารนี้
Email as attachment…ส่ง email โดยแนบเอกสารนี้เข้าไปใน email
Publish to the Web… เผยแพร่ข้อมูลในเอกสาร
4. ส่วนเนื้อหาของเอกสาร ซึ่งจะขึ้นอยู่กับประเภทของเอกสารนั้นๆ เช่นกัน
หน้าต่างเอกสารประเภท Document หน้าต่างเอกสารประเภท Spreadsheet
หน้าต่างเอกสารประเภท Presentation หน้าต่างเอกสารประเภท Drawing
หน้าต่างเอกสารประเภท Form
42. 42
การใช้งาน Site
Google Site เป็นโปรแกรมสาหรับสร้างหน้าเวบไซต์อย่างง่าย ทาให้การเผยแพร่ข้อมูลต่างสะดวกมากยิ่งขึ้น
เนื่องจากการใช้งาน Google Site นั้น ไม่จาเป็นต้องมีความรู้ในการเขียนโค้ด และเวบไซต์ที่สร้างขึ้น สามารถแสดงผลข้อมูล
จาก Google Calendar, Google Docs, Youtube, Picasa และบริการอื่นๆอีกมากมาย
เราสามารถกาหนดสิทธิ์การเข้าใช้งาน Google Site ได้ทั้งระดับ user account, ระดับองค์กร หรือเผยแพร่เวบไซต์
ออกสู่สาธารณะ
ที่หน้า Google Site จะแสดง link ของ site ที่เราสร้างไว้และ site ที่เราลบทิ้ง สาหรับ site ที่เราลบนั้นสามารถกู้
คืนกลับมาได้ภายใน 30 วันนับจากวันที่ลบ site นั้น
43. 43
การสร้าง Site
1. ที่หน้า Google Site กดที่ จะปรากฏหน้า Create new site ดังรูป
2. กดที่ Browse the gallery for more เพื่อใช้งาน template รูปแบบต่างๆของ Google Site (หากไม่ต้องการใช้
งาน template สามารถเลือก Blank template ได้)
44. 44
3. ที่ช่อง Name your site ให้ใส่ชื่อ site ที่เราต้องการ
ที่ช่อง Your site will be located at this URL: จะปรากฏชื่อ link ตามชื่อ site ที่เราตั้ง เราสามารถแก้ไข URL นี้
ได้ตามต้องการ
4. กดที่ Choose theme เพื่อเลือก theme ให้กับ site
5. กดที่ More option เพื่อตั้งค่ารายละเอียดต่างๆดังนี้
45. 45
Site categories: รายละเอียดหมวดหมู่ของ site เป็นการใส่ tag ให้กับ site นั้น (สามารถใส่ได้หลาย tag)
Site description: ใส่คาอธิบายของ site
Collaborate with: ระบุสิทธิ์การเข้าใช้งาน site
6. กดที่ เพื่อสร้าง site ตามรายละเอียดที่เลือกไว้
การเปลี่ยน theme, ภาพพื้นหลัง, สี และ logo
Site ที่เรามีสิทธิ์ในการแก้ไข สามารถเปลี่ยนการแสดงผลส่วนประกอบต่างๆได้ ดังนี้
1. ที่หน้า site ให้กดที่ More actions > Manage site
2. ที่หน้า manage site บริเวณแถบด้านซ้ายจะมีหัวข้อ Site appearance ให้เลือก
46. 46
3. กดที่ Themes เพื่อเปลี่ยน theme (สามารถกดที่ build your own custom theme เพื่อสร้าง theme ส่วนตัวได้)
กดที่ Colors and Fonts เพื่อปรับเปลี่ยนการแสดงผล Font ในส่วนต่างๆของ site (สามารถเลือกใส่ภาพพื้นหลัง
ในแต่ละส่วนของ site ได้)
47. 47
4. กดที่ Site layout เพื่อปรับแต่งการจัดวางหน้า site
สามารถเลือกเปลี่ยน logo ของ site ได้โดยกดที่ change logo
48. 48
การเพิ่ม Sidebar item
Sidebar นอกจากจะใช้แสดง page ต่างๆใน site นั้นๆแล้ว เรายังสามารถเพิ่ม item อื่นๆเข้ามาใน sidebar ได้
เพิ่มเติม เช่น Countdown สาหรับใช้นับวันถอยหลังจนกว่าจะถึงวันที่กาหนด หรือนับจานวนวันหลังจากเริ่มต้นโครงการ หรือ
Text box สาหรับใส่ข้อมูลต่างๆที่ต้องการให้ปรากฏบน sidebar ดังตัวอย่างด้านล่าง
ที่หน้า manage site > Site layout ให้กดที่ Add a sidebar item
กด Add ที่ item ที่เราต้องการ item นั้นจะปรากฏอยู่ที่ layout ของ Sidebar:
49. 49
กดที่ปุ่ม edit ใน item นั้นๆ เพื่อตั้งค่าการแสดงผลของ item (รายละเอียดการตั้งค่าจะขึ้นอยู่กับ item ด้วย)
สามารถสลับลาดับการแสดงผลของ item ได้โดยการใช้เมาส์ลาก item ไปวางตามลาดับที่ต้องการ
การลบ site
Site ที่เราลบจะอยู่ที่ส่วน Deleted sites เป็นเวลา 30 วัน เราสามารถกู้คืน site ที่ยังอยู่ใน Deleted sites ได้โดยการ
เข้าไปกดที่ จากหน้า Deleted sites
ส่วนการลบ site ที่ไม่ต้องการใช้งาน จะอยู่ในหน้า manage site (ที่หน้า site กด More actions > Manage site)
ที่แถบ General บริเวณด้านล่างจะมี link ให้กด delete this site
54. 54
2. จะขึ้นหน้าต่างยืนยัน ให้กด
การกู้คืนข้อมูล page และ item
หากเราลบ item หรือ page เราสามารถกู้คืนข้อมูลเหล่านั้นได้ ดังนี้
1. ที่หน้า site กดที่ More actions > Manage site
2. ที่หน้า Manage site บริเวณแถบด้านข้างให้กดที่ Deleted items
55. 55
3. จะปรากฏรายการ item และรายละเอียดของ item ที่โดนลบทิ้งดังรูป
4. กดที่เครื่องหมาย หน้า item ที่ต้องการกู้ข้อมูล และกดที่ เพื่อกู้ข้อมูลนั้นคืน
การใส่ Apps อื่นเข้ามาใน page
Google Sites สามารถดึงข้อมูลจาก Apps อื่นๆมาแสดงผลได้มากมาย เช่น แสดงผลข้อมูลจาก Google Calendar,
Google Docs, YouTube, Picasa ฯลฯ มีขั้นตอนดังนี้
1. ที่หน้า page ให้เข้าสู่โหมดการแก้ไข โดยกดที่
2. เมื่อเข้าสู่โหมดการแก้ไข จะปรากฏแถบเครื่องมือสาหรับใช้แก้ไขการแสดงผลของ page ขึ้นมา ให้กดที่ Insert
เครื่องมือของ Google Sites
แสดงข้อมูลจาก Apps อื่นๆของ Google
(สามารถใส่ video จาก YouTube และ
Google Docs Video ได้)
Gadgets อื่นๆ อีกมากมาย
(กดที่ More gadgets เพื่อเพิ่ม gadget อื่นๆ)
56. 56
กาหนดสิทธิ์การเข้าใช้งาน site
Google Sites สามารถใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารภายในทีม แผนก องค์กร หรือ เผยแพร่เนื้อหาสู่สาธารณะได้ โดยการ
กาหนดสิทธิ์การเข้าใช้งาน site นั้น การตั้งค่าการกาหนดสิทธิ์สามารถทาได้โดย
1. ที่หน้า site ให้กดที่ More actions > Sharing and Permissions
จะปรากฏหน้าต่างสาหรับตั้งค่าการกาหนดสิทธิ์
57. 57
กดที่ Change… เพื่อตั้งระดับของ Visibility options (หลักการเดียวกับการกาหนดสิทธิ์ของ Google Docs)
ที่ช่อง Add people: สามารถใส่ account ของบุคคลหรือกลุ่ม ที่ต้องการ share site นี้แบบเฉพาะเจาะจงได้
เช่นเดียวกับ การ share Google Docs
บทส่งท้าย
Google Apps for Business เป็นบริการเครื่องมือสื่อสารและทางานร่วมกัน ทั้งภายในและระหว่างองค์กร ผู้เขียน
หวังว่า คู่มือชุดนี้จะช่วยให้ผู้ศึกษาเข้าใจหลักการใช้งานในขั้นพื้นฐาน และสามารถนาไปประยุกต์การใช้งานให้เหมาะสมกับ
การทางานของตนและองค์กรเพื่อให้เกิดเป็นประโยชน์สูงสุด
เนื่องจาก Google Apps for Business เป็นบริการที่มีการพัฒนาคุณภาพ และมีความสามารถใหม่ๆเพิ่มขึ้นอยู่
ตลอดเวลา รายละเอียดบางส่วนของคู่มือชุดนี้เช่น หน้าตาการใช้งาน หรือตาแหน่งของส่วนประกอบต่างๆ อาจจะแตกต่างไป
บ้าง ทั้งนี้การเขียนคู่มือชุดนี้จะอธิบายเป็นส่วนๆ ซึ่งหากผู้ศึกษาทาความเข้าใจได้แล้ว ก็สามารถที่จะเรียนรู้ความสามารถ
ใหม่ๆได้เองต่อไป
หากคู่มือชุดนี้มีความผิดพลาดประการใด ผู้เขียนขออภัยมา ณ ที่นี้และหากผู้ศึกษาต้องการสอบถามการใช้งาน
เพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ email address: google.support@tangerine.co.th