Successfully reported this slideshow.
Your SlideShare is downloading. ×

ตั้งแต่การสร้างโลกจนถึงอีสเตอร์ - สมุดระบายสี .pdf

Ad
Ad
Ad
Ad
Ad
Ad
Ad
Ad
Ad
Ad
Ad
ตั้งแต่การสร้างโลกจนถึงอีสเตอร์
สมุดระบายสี
เมื่อพระเจ้าได้ทรงสร้างโลก ทุกสิ่งอย่างสมบูรณ์ยิ่งและปราศจากบาป อดัมและเอวาได้รักซึ่ง
กันและกันและพวกเขาก็รักพระเจ้าด้วย ท...
ซาตานได้พูดผ่านงูในสวนนั้นเพื่อที่จะล่อลวงเอวาให้หลง แล้วเธอกับอาดัมได้ตกลงไปใน
การบาปนั้น เขาได้ทาบาปดังนั้นทุกคนในโลกนี้...
Advertisement
Advertisement
Advertisement
Advertisement

Check these out next

1 of 21 Ad

ตั้งแต่การสร้างโลกจนถึงอีสเตอร์ - สมุดระบายสี .pdf

Download to read offline

นิทาน หนังสือ อีบุ๊ก ชั้นเรียน วิดีโอ และหน้าระบายสีสำหรับเด็กฟรี - www.freekidstories.org

เด็ก ๆ, อีสเตอร์, เรื่องราวในพระคัมภีร์, เรื่องราวในพันธสัญญาเดิม, เรื่องราวในพระคัมภีร์ใหม่, หน้าสี, สมุดระบายสี, อีสเตอร์ครั้งแรก, โรงเรียนวันอาทิตย์

นิทาน หนังสือ อีบุ๊ก ชั้นเรียน วิดีโอ และหน้าระบายสีสำหรับเด็กฟรี - www.freekidstories.org

เด็ก ๆ, อีสเตอร์, เรื่องราวในพระคัมภีร์, เรื่องราวในพันธสัญญาเดิม, เรื่องราวในพระคัมภีร์ใหม่, หน้าสี, สมุดระบายสี, อีสเตอร์ครั้งแรก, โรงเรียนวันอาทิตย์

Advertisement
Advertisement

More Related Content

More from FreeChildrenStories (20)

Advertisement

ตั้งแต่การสร้างโลกจนถึงอีสเตอร์ - สมุดระบายสี .pdf

  1. 1. ตั้งแต่การสร้างโลกจนถึงอีสเตอร์ สมุดระบายสี
  2. 2. เมื่อพระเจ้าได้ทรงสร้างโลก ทุกสิ่งอย่างสมบูรณ์ยิ่งและปราศจากบาป อดัมและเอวาได้รักซึ่ง กันและกันและพวกเขาก็รักพระเจ้าด้วย ที่นั้นไม่มีความเจ็บป่วยหรือความตาย และนี่คือ แนวทางที่พระเจ้าได้ปรารถนาให้โลกควรจะเป็น
  3. 3. ซาตานได้พูดผ่านงูในสวนนั้นเพื่อที่จะล่อลวงเอวาให้หลง แล้วเธอกับอาดัมได้ตกลงไปใน การบาปนั้น เขาได้ทาบาปดังนั้นทุกคนในโลกนี้ต่างเจ็บป่วยและต้องตายในที่สุด มีอะไรบางอย่างทีเลวร้ายได้เกิดขึ้นในโลกนี้เนื่องจากบาปของอดัมและเอวา ทาให้ ความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้าและมนุษย์ได้ขาดไปเพราะบาปนั้น แต่พระเจ้าได้มีแผนการที่ จะฟื้นฟูความสัมพันธ์นั้น
  4. 4. หลายร้อยปีผ่านไป พระเจ้าตรัสกับชายคนหนึ่งชื่อ อับราฮัม พระเจ้าตรัสกับเขาว่าจงออก จากเมืองของเจ้า และครอบครัวไปยังดินแดนที่เราจะสาแดงให้เจ้า.เราจะอวยพรเจ้า และจะ ทาให้เจ้าเป็นชนชาติใหญ่ คนทั้งโลกจะได้รับพรเพราะเจ้า. แล้วอับราฮัมก็เชื่อฟังพระเจ้า เขาพาภรรยาของเขาชื่อ ซาราห์กับคนใช้ของเขาไปด้วย . และ ทุกสิ่งที่เป็นของเขา ออกเดินทางไปยังดินแดนที่พระเจ้าสาแดงให้เขา เรียกว่า ดินแดน คานา อัน.
  5. 5. หลายปีผ่านไป แต่ อับราฮัม และซาราห์ ก็ยังไม่มีบุตร. พระเจ้าตรัสกับอับราฮัมและทรงปฎิ ญาณว่าเจ้าจะทรงมีบุตรชายแอละลูกหลานมากมายเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า. อับราฮัม เชื่อคาสัญญาของพระเจ้า เมื่ออับราฮัมอายุได้ 100 ปีและซาราห์อายุได้90 ปี นางได้คลอดลูกชายคนหนึ่งให้กับอับรา ฮัม และได้ตั้งชื่อเขาว่า อิสอัค อิสอัคเป็นบิดาของยาโคบผู้เป็นบิดาของชนชาติอิสราเอล พระเจ้าได้บอกกับอับราฮัมว่า"คนทุกชนชาติในแผ่นดินโลกจะได้รับพรผ่านเจ้า"พระเยซูทรง เป็นเชื้อสายของอับราฮัมคนทุกชนชาติได้รับพรผ่านพระองค์เพราะทุกคนที่เชื่อที่เชื่อในพระ เยซูจะได้รอดพ้นจากบาปและกลายมาเป็นเชื้อสายฝ่ายวิญญาณของอับราฮัม และถ้าท่านเป็นของพระคริสต์แล้ว ท่านก็เป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากอับราฮัม คือเป็นผู้รับมรดก ตามพระสัญญา (กาลาเทีย 3:29)
  6. 6. พระเจ้าให้สัญญาแก่ชนชาติอิสราเอ นั้นพระเจ้าทรงเขียนพระบัญญัติ สิบ ประการบนแผ่น ศิลา สอง แผ่น และมอบแผ่นศิลานั้น แก่โมเสสพระเจ้ามอบกฎอื่นๆอีกมากมายและปฏิบัติ ตาม ถ้าพวกเขาเชื่อฟังกฎเหล่านั้น พระเจ้าสัญญาจะอวยพรพวกเขาและปกป้องพวกเขา แต่ ถ้าพวกเขาไม่ปฏิบัติตาม พระเจ้าจะลงโทษพวกเขา ใครก็ตามที่ทาผิดกฎของพระเจ้า นาสัตว์วางบนแท่นข้างหน้าเต้นท์นัดพบเพื่อเป็นเครื่องบูชา ที่พระเจ้าปุโรหิตคนหนึ่ง ฆ่าสัตว์เสร็จแล้วเผ่าบนแท่นบูชาแล้วนาเลือดของสัตว์นั้น ก็เป็น เครื่องบูชาครอบครุมบาปของคนนั้น และทาให้คนนั้น บริสุทธ์ในสายพระเนตรของผู้นั้น
  7. 7. ตลอดประวัติศาสตร์ของชนชาติอิสราเอล พระเจ้าสั่งผู้เผยพระวจนะ. ผู้เผยพระวจนะได้ยิน ข่าวสารจากพระเจ้า และได้บอกข่าวสารจากพระเจ้าแก่ชนชาติ. ผ่านผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์พระเจ้าได้สัญญาว่าพระองค์จะให้พันธสัญญาใหม่ที่ไม่ เหมือนกับพันธสัญญาที่พระองค์ได้ให้ไว้กับชนชาติอิสราเอลที่ภูเขาซีนาย พันธสัญญาใหม่นี้ พระเจ้าได้เขียนกฎหมายของพระองค์ไว้ในใจของคนที่เป็นของพระเจ้า คนเหล่านี้จะรู้จักพระ เจ้าเป็นการส่วนตัว พวกเขาจะเป็นประชากรของพระองค์และพระเจ้าจะอภัยบาปผิด ทั้งหมดของเขาทั้งหลาย และพระเมสสิยาห์จะเป็นผู้เริ่มต้นพันธสัญญาใหม่นั้น
  8. 8. อิสยาห์ผู้เผยพระวจนะได้กล่าวถึงพระเมสสิยาห์จะอาศัยอยู่ในเมืองกาลิลี พระองค์จะปลอบ ประโลมบรรดาทุคคนที่มีใจแตกสลาย และประกาศอิสรภาพให้กับผู้ที่ตกเป็นทาสของความ บาป เขาได้กล่าวว่าพระองค์จะรักษาคนป่วยให้หาย คนหูหนวกให้ได้ยิน คนใบ้ให้พูดได้คนตา บอดได้มองเห็น และคนง่อยให้เดินได้ อิสยาห์ผู้เผยพระวจนะได้เผยว่าผู้คนจะปฏิเสธและเกลียดชังพระเมสสิยาห์อย่างไม่มีเหตุผล ผู้ เผยพระวจนะคนอื่นๆได้กล่าวล่วงหน้าว่าคนเหล่านั้นจะฆ่าพระองค์และจะทอดลูกเต๋าจับ ฉลากเอาฉลองพระองค์และสหายคนหนึ่งของพระองค์จะหักหลังพระองค์เสีย เศคาริยาห์ผู้เผย พระวจนะได้ทานายว่าสหายของพระองค์คนหนึ่งจะขายพระองค์ด้วยเงินเพียง 30 เหรียญ ผู้เผยะพระวจนะอื่นๆได้พูดถึงพระเมสสิยาห์ว่าพระองค์จะตาย อิสยาห์ผู้เผยพระวจนะได้ กล่าวว่าคนจะถ่มน้าลาย ทุบตีและเยาะเย้ยพระองค์เสีย พวกเขาจะแทงเข้าที่สีข้างของ พระองค์และพระองค์จะตายอย่างเจ็บปวดและทรมานอย่างถึงที่สุดถึงแม้พระองค์จะไม่ได้ กระทาผิดก็ตาม
  9. 9. หลายร้อยปีผ่านไป มีทูตสวรรค์มาพร้อมข่าวสารจากพระเจ้าถึงปุโรหิตอาวุโสชื่อ เศคาริยาห์ และภรรยาของเขา เอลิซาเบธ. เอลิซาเบธเป็นคนชอบธรรมแต่เป็นหมันไม่สามารถมีลูกได้. ทูตสวรรค์กล่าวแก่เศคาริยาห์ว่า ภรรยาของท่านจะมีบุตรชายคนหนึ่งให้ท่านตั้งชื่อว่า ยอนห์. เขาจะเต็มไปด้วยพระวิณญาณบริสุทธิ์และจงเตรียมประชากรสาหรับพระเมสสิยาห์
  10. 10. ยอห์นลูกของเศคาริยาห์กับเอลีซาเบธ. เติบโตขึ้นก็เป็นผู้เผยพระวจนะเขาอาศัยอยู่ในถิ่น ทุรกันดาร. กินน้าผึ้งป่าและตักแตนเป็นอาหารและสวมเสื้อผ้าที่ทากับขนอูฐ. คนมากมายออกมาจากถิ่นทุรกันดารไปหายอห์น. เขาสั่งสอนพวกเขาบอกว่า "จงกลับใจ เพราะว่าแผ่นดินของพระเจ้าใกล้มาแล้ว. คนยิวบางคนถามยอห์นว่าท่านเป็นพระเมสิยาห์ยอห์นตอบว่าเราไม่ใช่เป็นพระเมสิยาห์แต่ จะมีผู้หนึ่งจะมาภายหลังเรา ผู้ซึ่งเป็นผู้ยิ่งใหญ่ เราไม่คู่ควรแม้จะแก้สายรองเท้าของท่าน.
  11. 11. วันรุ่งขึ้นพระเยซูทรงรับบัพติศมากับยอห์นเมื่อยอห์นเห็นพระองค์ก็พูดว่าจงดูพระเมษโปดก ของพระเจ้าผู้ซึ่งจะยกเอาบาปของโลกไปเสีย. ยอห์นพูดกับพระเยซูว่าข้าพเจ้าไม่สมควรที่ให้บัพติศมาแก่ท่าน. ท่านต่างหากควรจะให้บัพติศ มาแก่ข้าพเจ้าแทน แต่พระเยซูตรัสว่าท่านควรให้บัพติศมาแก่เรา เพราะเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ท่าน จะต้องทา แล้วยอห์นก็ให้บัพติศมาแก่พระเยซู. แม้ว่าพระองค์ไม่เคยทาบาปก็ตาม. เมื่อพระเยซูเสด็จขึ้นจากน้าหลังจากรับ บัพติศมาแล้วพระวิญญาณของพระเจ้าปรากฎเหมือน นกพิราบลงมาบนพระองค์. ในเวลาเดียวกันนั้นพระสุรเสียงพระเจ้าตรัสว่า ท่านเป็นบุตรที่รัก ของเราเราพอใจท่านมาก.
  12. 12. จากนั้นพระเยซูได้ไปทั่วแถบกาลิลี มีฝูงคนจานวนมากมาหาพระองค์พวกเขาได้พาคนที่ เจ็บป่วยหรือพิการ รวมไปถึงคนที่ตามองไม่เห็น คนเดินไม่ได้คนที่หูหนวก คนเป็นใบ้พูดไม่ได้ และพระเยซูทรงรักษาพวกเขา พระเยซูรู้สึกสงสารพวกเขา สาหรับพระเยซูคนเหล่านี้เป็นเหมือนแกะที่ไม่มีผู้เลี้ยง พระองค์ ไม่ได้แนะนาให้ประกอบพิธีสลับซับซ้อน หรือรักษากฎที่ยากเย็น พระองค์เพียงสอนเรื่องความ รัก พระเยซูกล่าวว่าบัญญัติข้อแรกที่สาคัญที่สุด คือการมีความรัก“รักองค์พระผู้เป็นเจ้าสุดจิต สุดใจและสุดความคิดของเจ้า” ข้อที่สองก็ “เช่นกัน” เกือบเท่าเทียมกัน และเกือบเหมือนกัน คือ “รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” (มัทธิว 22:37-39)
  13. 13. ชาวยิวฉลองพิธีปัสกาทุกๆปี นี้เป็นพิธีการฉลองที่พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา. ใด้พ้น จากการเป็นทาสในอียิปต์หลายศตวรรษก่อน. หลังจากพระเยซูเริ่มเทศนาและสอนประมาณ 3 ปี. พระองค์บอกสาวกของพระองค์ว่าเราต้องการจะฉลองปัสกานี้กับพวกเขาในเยรูซาเล็ม และพระองค์ต้องถูกฆ่าต่ายที่นั้น.
  14. 14. สาวกคนหนึ่งชื่อยูดาส ยูดาสเป็นผู้ที่รับผิดชอบถุงเงินของเหล่าสาวก. แต่เขารักเงินและขโมย เงินออกจากถุงบ่อยๆ. หลังจากที่เหล่าพระเยซูและเหล่าสาวกมาถึงในเมืองเยรูซาเล็ม. ยูดาส ไปหาผู้นาชาวยิวและเสนอที่จะทรยศผู้นาชาวยิวและเสนอที่จะทรยศพระเยซูและพวกเขา แลกเปรียนเงินกัน. เขารู้ว่าผู้นาชาวยิวไม่ยอมรับว่าพระเยซูเป็น พระเมสสิยาห์และพวกเขาก็ วางแผนที่จะฆ่าพระองค์. ผู้นาชาวยิวนาโดยปุโรฮิด จ้างยูดาสเป็นเงิน 30 เหรียญที่จะทรยศพระองค์. เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นตามที่ผู้เผยพระวจนะพยากรณ์ไว้ยูดาสตกลงรับเงิน และเดินจากไป.เขาเริ่มมองหา โอกาสที่จะช่วยพวกเขาจับกุม พระเยซู.
  15. 15. พระเยซูฉลองพิธีปัสกากับสาวกของพระองค์ในกรุงเยรูซาเล็ม ระหว่างร่วมพิธีปัสกากับ พระ เยซู. พระเยซูเอาขนมปังชิ้นหนึ่งให้พระองค์ตรัสว่า เอาไปกินเถอะ นี่เป็นกายของเรา ซึ่งเรา ให้ท่าน ทาอย่างนี้เพื่อเป็นการระลึกถึงเรา. ในพิธีนี้พระเยซูตรัสว่ากายของเรายอมสละเพื่อ พระเยซู. นี่เป็นพันธสัญญาใหม่ในโลหิดของเรานี้เราออกมาเพื่ออภัยบาปของท่านทุกครั้งที่ท่านดื่ม ถ้วยนี้เป็นการระลึกถึงเรา.
  16. 16. แล้วพระเยซูเสด็จไปกับสาวกของพระองค์ไปยังสถานที่แห่งหนึ่งเรียกว่า เกทเสมณี. พระเยซู อธิษฐาน " พระบิดาถ้าเป็นไปได้โปรดอย่าให้ข้าพระองค์ดื่มถ้วยแห่งความทุกข์ทรมานนี้เถิด. แต่ถ้าไม่มีทางอื่นสาหรับการอภัยบาปของปวงชน. ถ้าเป็นความ ปราถนาของพระบิดาข้า พระองค์จะทา" ยูดาสมาพร้อมกับผู้นาชาวยิว ทหารและฝูงชนพวกเขานาเอา ดาบและตะบอง. พอยูดาส มาถึงตัวพระเยซูและพูดว่า "สวัสดีครับอาจารย์" และก็จูบพระองค์นี้เป็นสัญลักษ์สาหรับผู้นา ชาวยิวจะได้รู้ว่าผู้ที่จะจับกุมคือใครแล้วพระเยซูตรัสว่า หลังจากพระเยซู ถูกจับกุมสาวก ทั้งหมดก็หนีไปหมด.
  17. 17. เช้ามืดในวันรุ่งขึ้น บรรดาผู้นาชาวยิวได้นาพระเยซูไปหาปิลาตเทศมนตรีเมืองโรมันอยู่นั้น พวกเขาได้หวังว่าปิลาตจะเอาผิดกับพระเยซูและตัดสินพระองค์ถึงแก่ความตาย หลังจากที่พูดกับพระเยซูอยู่นั้น ปิลาตได้เดินออกไปหาฝูงชนและกล่าวว่า"ข้าพเจ้าหา ความผิดในตัวชายผู้นี้ได้ไม่" แต่บรรดาผู้นาชาวยิวและฝูงชนต่างตะโกนขึ้นว่า"ตรึงเขาเสีย"ปิ ลาตได้ตอบกลับ"เขาไม่มีความผิดอะไร"แต่พวกเขาทั้งหลายได้ตะโกนดังขึ้นอีก ปิลาตได้เกรง กลัวบรรดาฝูงชนนั้นว่าเขาจะก่อการจลาจลดังนั้นเขาได้เห็นด้วยกับทหารทั้งหลายที่จะตรึง พระองค์เสีย
  18. 18. ก่อนหน้าที่พระองค์จะถูกจับกุม บุรุษผู้นี้คือพระเยซูคริสต์กล่าวว่า "เขาไม่อาจแตะต้องเราด้วยซ้า หาก ไม่ได้รับอนุญาตจากพระบิดา !" ทว่าพระองค์เลือกสละชีวิตแทน เพื่อช่วยคุณและผมให้รอด ไม่มีใคร คร่าชีวิตไปจากพระองค์ พระองค์ยอมสละให้ พระองค์เลือกที่จะสละชีวิต เพราะพระองค์ทราบว่านั่น เป็นทางเดียวที่จะให้เป็นไปตามแผนการเรื่องความรอดของพระเจ้า เราทุกคนต่างก็เคยทาผิด เราขาดความรักและความกรุณาต่อผู้อื่น พระคัมภีร์กล่าวว่า "ทุกคนทาบาป และเสื่อมจากสง่าราศีของพระเจ้า" (โรม 3:23) สิ่งเลวร้ายที่สุดเกี่ยวกับบาปของเราก็คือทาให้เราถูกตัด ขาดจากพระเจ้า ผู้ซึ่งปราศจากบาป และดีพร้อมทุกประการ ดังนั้นการที่จะนาเรามาสู่พระเจ้าได้ พระ เยซูพระบุตรของพระเจ้าผู้ซึ่งปราศจากบาป จึงรับบาปของมนุษยชาติทั้งปวงไว้เอง พระองค์รับโทษ แทนบาปที่เราก่อ จากการถูกตรึงบนไม้กางเขน พระองค์จึงตายเยี่ยงคนบาป เพื่อเราจะได้รับการให้ อภัย และเป็นอิสระจากบาป ผ่านการเสียสละของพระองค์
  19. 19. ทว่าถึงแม้พระองค์จะสิ้นใจแล้ว ศัตรูผู้อิจฉาริษยาก็ยังไม่พอใจ เขาต้องการให้แน่ใจว่า ผู้ติดตามของพระองค์จะไม่มาขโมยร่าง และเอ่ยอ้างว่าพระองค์ฟื้นคืนชีพ เขาจึงเอาหินก้อน ใหญ่มาปิดหลุมศพไว้และให้ทหารโรมันเฝ้า อย่างไรก็ตาม แผนการนี้พิสูจน์ว่าไร้ผล เพราะ ยามชุดเดียวกันนี้กลายเป็นประจักษ์พยานถึงมหัศจรรย์ยิ่งใหญ่ที่สุด สามวันหลังจากร่างที่ไร้ ชีวิตนอนอยู่ในหลุมศพ พระเยซูฟื้นขึ้นมาจากความตาย มีชัยชนะเหนือความตายและนรก ตลอดไป!
  20. 20. ถึงแม้ว่ามีบรมจารย์หลายคนที่บอกกล่าวและสอนถึงความรักและพระเจ้า ทว่าพระเยซูคือ ความรัก พระองค์คือพระเจ้า! พระเยซูคือผู้เดียวที่ตายเพื่อบาปของชาวโลก และฟื้นคืนชีพ พระองค์คือพระผู้ช่วยให้รอดองค์เดียว ถ้าคุณยังไม่เคยพบพระเยซู หรือรับการให้อภัย และรับของกานัล คือชีวิตนิรันดร์คุณรับไว้ได้ เดี๋ยวนี้ โดยกล่าวคาอธิษฐานว่า: ขอบคุณพระเยซูที่ชดใช้ความผิดพลาดของฉัน ฉันจึงได้รับการให้อภัย โปรดเข้ามาในใจฉัน และมอบของกานัล คือชีวิตนิรันดร์ให้แก่ฉัน อาเมน
  21. 21. www.freekidstories.org • Foreground images by www.freechristianillustrations.com.Used under Creative Commons Attribution Non-commercial 4.0 International license. Background images courtesy of Pixabay. Text adapted from www.openbiblestories.org (used under Creative Commons Attribution-ShareAlike 4.0 International License)

×