SlideShare a Scribd company logo
1 of 22
Download to read offline
Physics Online V                http://www.pec9.com       บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2)
                   ฟ สิ ก ส บทที่ 17 ไฟฟ า และแม เ หล็ ก (2)
    ตอนที่ 1 กระแสเหนียวนํา
                      ่
           หากเราเคลอนลวดตวนา หรือ ขดลวดตวนา
                      ่ื        ั ํ                 ั ํ
 ตัดสนามแมเหล็ก หรือเคลื่อนฟลักซแมเหล็กตัด
 ขดลวดตัวนําจะทําใหเกิดกระแสไฟฟาไหลในตัว
 นํานัน เรียกปรากฏการณนี้วาเปน การเหนียวนํา
       ้                                          ่
 ทางไฟฟา (electromagnetic induction)
           กระแสไฟฟาที่เกิดเรียก กระแสเหนียวนํา่
 (induced current)
           แรงเคลื่อนไฟฟาที่เกิด เรียก แรงเคลื่อนไฟฟา
 เหนยวนา (induced electromotive force)
     ่ี ํ
 กรณลวดเสนตรง เราหาแรงเคลื่อนไฟฟาไดจาก
         ี      
                     E = BLv
           เมือ L = ความยาวเสนลวด (m)
              ่
                v = ความเร็วในการเคลือนที่ (m/s)
                                          ่
   กรณีใชขดลวดหมุนตัดสนามแมเหล็กกระแสไฟ
 ฟาที่ไหลออกมาจะมีทิศกลับไปมากลับมา เรียกวา
  กระแสไฟฟาสลับ

     *
1. B เปนสนามแมเหล็ก มีทิศพุงตั้งฉากลงใน
   กระดาษมีขนาด 1.0 เทสลา PQ เปนตวนาวาง
                                    ั ํ
   อยูบนรางโลหะ TS และ UR โดย PQ เคลือน
                                          ่
   ที่ไปทางซายดวยความเร็ว 8 เมตร/วินาที ระ
   หวาง S และ R มีความตานทานตออยู 5 โอหม
          
   แรงเคลอนไฟฟาเหนยวนาในตวนา PQ มีคา
            ่ื     ่ี ํ ั ํ
   เทาใดในหนวยของโวลต
                                       (3.2)
วิธทา
   ี ํ
                                                 97
Physics Online V           http://www.pec9.com             บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2)
       หากเราเคลอนฟลกซแมเ หลกตดขดลวด กจะทาใหเ กดกระแสไหลเวยนในขดลวดนน
                  ่ื      ั         ็ ั            ็ ํ     ิ           ี         ้ั
 เชนกน เราสามารถหาทศการไหลวนของกระแสไฟฟาทเ่ี กดไดโดยใชกฏมอซาย ดงน้ี
    ั                     ิ                              ิ          ื  ั
       1) ใชมอซายกาขดลวดตวนา โดยใหนวหวแมมอชตามทศของสนามแมเ หลก
             ื  ํ                ั ํ         ้ิ ั  ื ้ี   ิ                ็
       2) หากฟลกซแมเ หลกทไหลผานพนทขดลวดมปรมาณเพมขน กระแสเหนยวนาจะมทศ
                 ั           ็ ่ี        ้ื ่ี        ี ิ     ่ิ ้ึ        ่ี ํ ี ิ
             วนตามนวทง 4 ทเ่ี หลอ แตหากฟลักซมีปริมาณลดลง กระแสเหนยวนาจะมทศ
                       ้ิ ้ั           ื                                   ่ี ํ ี ิ
             วนในทศตรงกนขามกบนวทง 4
                     ิ         ั  ั ้ิ ้ั




2(มช 31) แทงแมเ หลกเคลอนทเ่ี ขาหาเรอออกจากขดลวดตวนา ทาใหมกระแสเหนยวนาเกดขน
                  ็ ่ื             ื           ั ํ ํ  ี        ่ี ํ ิ ้ึ
   ในขดลวด อยากทราบวารปใดถกตอง
                         ู      ู                                    (ขอ ง)
                                                                         
         ก.                                      ข.

          ค.                                       ง.

วธทา
 ิี ํ




                                         98
Physics Online V             http://www.pec9.com                บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2)
3(มช 43) เมอมการเปลยนแปลงสนามแมเ หลก β B จะทาใหเ กดกระแสเหนยวนาในขดลวด
            ่ื ี         ่ี          ็          ํ   ิ            ่ี ํ
   ถา β B ชทศเดยวกบ B แสดงวาสนามแมเ หลกเพมขน และถา β B ชทศตรงขามกบ B
              ้ี ิ ี ั                 ็ ่ิ ้ึ             ้ี ิ       ั
   แสดงวาสนามแมเ หลกลดลง จงเลอกขอทถก
                      ็      ื  ่ี ู                                 (ขอ 1)
                                                                          
       1.                                 2.


        3.                                          4.


วธทา
 ิี ํ
   แรงเคลื่อนไฟฟาดันกลับ
        ในกรณของมอเตอรกระแสตรงนน เราจะปลอยกระแสไฟฟาไหลเขาไปในขดลวด
                  ี                                ้ั
   ทอยในสนามแมเ หลกจะทาใหมอเตอรเ กดการหมน
     ่ี ู                  ็            ํ              ิ     ุ
   ในขณะเดยวกน การหมนนกทาใหเ กดกระแสไฟฟา
                 ี ั                  ุ ้ี ็ ํ         ิ         
   เหนยวนาและแรงเคลอนไฟฟาเหนยวนา ซึ่งจะมีทิศ
         ่ี ํ                 ่ื                 ่ี ํ
   ตรงกนขามกบแรงเคลอนไฟฟาทเ่ี ราใส (E) จงเรยก
            ั  ั                ่ื                       ึ ี
   แรงเคลอนไฟฟาดนกลบ (e)
              ่ื      ั ั
        ดงนน แรงเคลอนไฟฟาลพธ = E – e
           ั ้ั         ่ื                 ั
        และกระแสไฟฟาทไหลเขามอเตอร จะหาคาไดจาก
                            ่ี                             
                      I = EΙ r         R
                                           Κ e


      เมอ I = กระแสทไหลเขามอเตอร
        ่ื                        ่ี      
              E = แรงเคลอนไฟฟาทใสเ ขาไป (โวลต )
                               ่ื         ่ี 
              e = แรงเคลอนไฟฟาดนกลบ (โวลต )
                            ่ื           ั ั
              r = ความตานทานภายในของแหลงกาเนดไฟฟา (โอหม)
                                                      ํ ิ             
              R = ความตานทานภายนอกแหลงกาเนดไฟฟา ( ความตานทานของมอเตอร )
                                                  ํ ิ                    
      จากสมการน้ี จะเหนวา ถามอเตอรฝด หรอ ไฟฟาตก จะทาใหมอเตอรหมนชาลงทาให
                       ็                      ื                 ํ           ุ  ํ
   แรงเคลอนไฟฟาดนกลบ(e) จะมคานอยลง ดงนน แรงเคลอนไฟฟาลพธ (E – e) จะมคา
           ่ื     ั ั                    ี       ั ้ั        ่ื          ั           ี
   มาก ทําใหกระแสไฟฟา (I) ทไหลเขามอเตอรมคามากกวาทควรอาจทาใหมอเตอรไหมได
                                     ่ี              ี      ่ี             ํ      
                                             99
Physics Online V            http://www.pec9.com              บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2)
4(มช 28) แบตเตอรี่ขนาด 6 V มความตานทานภายใน 1 υ ตอเขากับมอเตอรกระแสตรง
                             ี     
   ซึ่งมีความตานทานของขดลวดของมอเตอรเทากับ 1υ ในขณะทมอเตอรหมนสามารถวด
                                                        ่ี     ุ         ั
   กระแสไฟฟา 0.5 A แรงเคลื่อนไฟฟาดันกลับมอเตอรมีคา
       ก. 7.5 V           ข. 5.5 V             ค. 5.0 V      ง. 4.5 V (ขอ ค)
วิธทา
   ี ํ




5. มอเตอรเ ครองหนงใชกบแรงเคลอนไฟฟา 12 โวลต ขณะมอเตอรกาลงทางานจะเกดแรง
              ่ื     ่ึ  ั  ่ื                      ํ ั ํ       ิ
   เคลอนไฟฟาตานกลบ 10 โวลต และมกระแสผานมอเตอร 8 แอมแปร ขดลวดของมอเตอร
       ่ื              ั        ี      
   มความตานทานเทาใด
     ี                                                             (0.25)
วิธทา
   ี ํ




6(มช 38) ในขณะทมอเตอรหมนดวยอตราเรวคงท่ี ขดลวดทอยภายในมอเตอรจะมี
                     ่ี          ุ  ั     ็           ่ี ู        
      1. โมเมนตของแรงคควบเปนศนยคงท่ี
                            ู       ู 
      2. ฟลกซแมเ หลกเปนศนยคงท่ี
            ั            ็  ู 
      3. กระแสไฟฟามากกวากระแสไฟฟาทผานมอเตอรในขณะเรมหมน
                                          ่ี             ่ิ ุ
      4. แรงเคลอนไฟฟาเหนยวนาเกดขนในทศตรงขามกบแรงเคลอนไฟฟาเดม
                ่ื           ่ี ํ ิ ้ึ           ิ  ั         ่ื  ิ             (ขอ 4)
7(มช 30) ถามอเตอรติดขัดจนทําใหมอเตอรหยุดหมุนเปนเวลานานจะทําใหมอเตอรไหมเพราะ
      ก. มความเสยดทานเกดขนตามจดหมนเปน
             ี       ี        ิ ้ึ   ุ ุ 
      ข. เกดแรงเคลอนไฟฟาเหนยวนาซงมทศตรงกนขามกบแรงเคลอนไฟฟาเดม
               ิ       ่ื       ่ี ํ ่ึ ี ิ        ั  ั      ่ื         ิ
      ค. ไมมแรงเคลอนไฟฟาดนกลบเกดขน
                  ี      ่ื     ั ั ิ ้ึ
      ง. ทาใหฟลกซแมเ หลกทผานขดลวดมการเปลยนแปลง เกดกระแสเหนยวนาขนเปน
            ํ  ั           ็ ่ี         ี     ่ี        ิ           ่ี ํ ้ึ 
         จานวนมาก
          ํ                                                                     (ขอ ค)

                                          100
Physics Online V          http://www.pec9.com            บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2)
   วงจรกรองกระแส
      วงจรกรองกระแสเปนวงจรทใชเ ปลยนกระแสไฟฟาตรงโดยการนาไดโอดไปตออนกรม
                               ่ี    ่ี                      ํ             ุ
  กับแหลงกําเนิดไฟฟาสลับ ไฟฟาทผานไดโอดออกมาจะเปนไฟฟากระแสตรงทมคาไมสมา
                                ่ี                                 ่ี ี   ํ่
  เสมอวงจรกรองกระแสนี้ อาจดดเปนประเภทครงคลนหรอเตมคลนได
                              ั             ่ึ ่ื ื ็ ่ื
         ไดโอดเปนอุปกรณทางไฟฟา ซึ่งยอมใหกระแสไฟฟาผานไดในทิศทางเดียว




      และเนองจากกระแสทไดจากเบองตนยงมคาไมสมาเสมอ ในวงจรกรองกระแสจงตอง
           ่ื          ่ี   ้ื  ั ี   ํ่                    ึ 
 เพมตวเกบประจเุ ขาไปอกตวหนงดงรป เพอทาใหกระแสไฟฟาตรงทไดออกมามคาสมาเสมอ
   ่ิ ั ็         ี ั ่ ึ ั ู ่ื ํ               ่ี     ี  ํ่




                   ⌫⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌦


                                        101
Physics Online V                    http://www.pec9.com                        บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2)
ตอนที่ 2 หมอแปลงไฟฟา
                  
หมอแปลงไฟฟา คอ เครองมอทใชเ ปลยนความตางศกย (หรอ แรงเคลอนไฟฟา) ใหมีคาสูงขึ้น
                      ื      ่ื ื ่ี    ่ี      ั   ื      ่ื     
                        หรอตาลงตามตองการ หมอแปลงไฟฟามี 2 แบบใหญ ๆ คอ
                            ื ํ่                                  ื
     1. หมอแปลงขน (Set up Tramformer)
                        ้ึ
         ใชเ ปลยนความตางศกยจากตาเปนสง
                   ่ี            ั  ํ่  ู
     2. หมอแปลงลง (Step down Tranformer)
        ใชเ ปลยนความตางศกยจากสงเปนตา
                ่ี              ั  ู  ํ่

   สวนประกอบของหมอแปลงไฟฟา
      1. แกนเหล็กออน ทาดวยเหลกออนแผนบาง ๆ หลาย ๆ แผนวางซอนกน นยมตดเปน
                             ํ    ็                            ั ิ ั 
         สเ่ี หลยมจตรสกลางกลวงหรอตดเปนรปตว E ทาหนาทรวมเสนแมเ หลกจากขดลวด
                ่ี ั ุ ั             ื ั  ู ั        ํ  ่ี          ็
      2. ขดลวดปฐมภมิ (Pimarycoil) เปนขดลวดทปลอยใหกระแสเขา พนอยทขาขางหนง
                           ู                    ่ี           ั ู ่ี    ่ึ
         ของแกนเหลก      ็
      3. ขดลวดทตยภมิ (Secondary) เปนขดลวดทสงกระแสไฟฟาออก จะพนอยทปลายอก
                     ุ ิ ู                    ่ี                  ั ู ่ี    ี
         ขางหนงของแกนเหลก
                 ่ึ             ็
   หลักการทํางานของหมอแปลงไฟฟา
       เมอใหแรงเคลอนไฟฟา (E1) ผานไปยงขดลวด
         ่ื                    ่ื                                  ั
   ปฐมภมิ จะเกดสนามแมเ หลกวนรอบ ๆ ขดลวด
             ู           ิ                       ็
   ปฐมภมขน และฟลักซแมเหล็กที่เกิดขึ้น จะเหนยว
               ู ิ ้ึ                                                         ่ี
   นาใหเ กดแรงเคลอนไฟฟา(E 2) ทขดลวดทตยภมิ
     ํ           ิ           ่ื                            ่ี            ุ ิ ู
       ความสัมพันธ ของแรงเคลอนไฟฟาทงสองคอ         ่ื             ้ั            ื
                      E1           N1                 V1
                      E2 = N2 = V2
       เมอ E1 , E2 = แรงเคลอนไฟฟาของขดลวดปฐมภมิ และทุติยภูมิ ตามลาดบ
          ่ื                                  ่ื                                    ู            ํ ั
                N1 , N2 = จานวนขดลวดปฐมภมิ และทุติยภูมิ ตามลาดบ
                                   ํ                                    ู                 ํ ั
                V1 , V2 = ความตางศกยของขดลวดปฐมภมิ และ ทตยภมิ ตามลาดบ
                                              ั                                  ู   ุ ิ ู  ํ ั
   ขอควรรู 1. หมอแปลงลง จะมคา E1 > E2 และ V1 > V2 และ N1 > N2
                                                       ี
                        หมอแปลงขน จะมคา E1 < E2 และ V1 < V2 และ N1 < N2
                                         ้ึ            ี
                                                      102
Physics Online V              http://www.pec9.com              บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2)
               2. ถาหมอแปลง มประสทธภาพเตม 100% เราจะไดวา
                               ี     ิ ิ     ็                
                     กําลังไฟฟาที่ขดลวดปฐมภูมิ = กําลังไฟฟาที่ขดลวดทุติยภูมิ
                                              P1 = P 2
                                           I1 V1 = I2 V2
8(มช 27) กระแสไฟฟาสลบในขดทตยภมของหมอแปลงไฟฟาเกดขนไดเ นองจาก
                     ั      ุ ิ ู ิ               ิ ้ึ ่ื
      ก. การเปลี่ยนแปลงสนามไฟฟา       ข. การเปลยนแปลงสนามแมเ หลก
                                                ่ี               ็
      ค. แกนเหลกของหมอแปลงไฟฟา
                  ็                  ง. กระแสไฟฟาในขดปฐมภมิ
                                                            ู     (ขอ ข)
9(En 44/1) หมอแปลงไฟฟาซึ่งใชไฟฟา 110 โวลต มขดลวดปฐมภมิ 80 รอบ ถาตองการให
                                                ี           ู           
   หมอแปลงนสามารถจายไฟฟาได 2200 โวลต ขดลวดทตยภมตองมจานวนรอบเทาไร
               ้ี                                 ุิ ู ิ ีํ            
        1. 8000 รอบ      2. 1600 รอบ        3. 2400 รอบ         4. 3200 รอบ (ขอ 2)
วิธทา
   ี ํ




10(En 42/1) หมอแปลงไฟลงจาก 20000 โวลต เปน 220 โวลต เกดกาลงในขดลวดทตยภมิ
                                                       ิ ํ ั        ุ ิ ู
    5.4 กิโลวัตต หมอแปลงมประสทธภาพรอยละ 90 กระแสไฟฟาทผานขดลวดปฐมภมมคาเทาใด
                         ี   ิ ิ                   ่ี         ู ิ ี 
         1. 0.24 A         2. 0.27 A              3. 0.30 A        4. 0.54 A        (ขอ 3)
วิธทา
   ี ํ




11. เตารีดไฟฟาเครื่องหนึ่งมีความตานทาน 20 โอหม ใชกบความตางศกย 110 โวลต แตไฟฟาที่
                                                ั        ั
   ใชกนตามบานมความตางศกย 220 โวลต จึงตองใชหมอแปลงไฟฟาชวยเมื่อใชเตารีดเครื่องนี้
      ั        ี         ั
   ถาหมอแปลงไฟฟามีประสิทธิภาพ 75% จงหาคากระแสไฟฟาที่ไหลผานขดลวดปฐมภูมิ
       ก. 2.06 A           ข. 3.7 A            ค. 2.75 A      ง. 11 A
                                            103
Physics Online V         http://www.pec9.com          บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2)
วิธทา
   ี ํ




12(En 41/2) หมอแปลงเครองหนง มจานวนรอบของขดลวดปฐมภมตอจานวนรอบของขดลวด
                         ่ื ่ึ ี ํ                   ู ิ ํ
   ทตยภมเิ ปน 1 : 4 ถามกระแสและความตางศกยในขดลวดทตยภมเิ ทากบ 10 แอมแปร
    ุิ ู              ี            ั           ุ ิ ู  ั
   และ 200 โวลต ตามลาดบ จงหากระแสและความตางศกยในขดลวดปฐมภมิ
                        ํ ั                   ั             ู
      1. 40 A และ 50 V                 2. 50 A และ 40 V
      3. 40 A และ 40 V                 4. 50 A และ 50 V            (ขอ 1)
วิธทา
   ี ํ




13(En 38) หมอแปลงอดมคตตวหนงมจานวน
                     ุ      ิ ั ่ึ ี ํ
   รอบของขดลวดปฐมภมเิ ปน 2000 รอบ
                        ู 
   และ จานวนรอบของขดลวดทตยภมเิ ปน
           ํ                     ุิ ู 
   1000 รอบ เมอนามาใชในวงจรดงรป ขนาด
                 ่ื ํ            ั ู
   ของฟวสทใชตองมคาอยางนอยทสดเทาไร
           ่ี   ี    ่ี ุ 
      1. 2                 2. 3 A            3. 5 A       4. 11 A           (ขอ 2)
วิธทา
   ี ํ




                                       104
Physics Online V            http://www.pec9.com             บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2)
  ตอนที่ 3 ลกษณะของไฟฟากระแสสลบ
            ั                ั
      เครองกาเนดไฟฟากระแสสลบซงหมนขดลวดตดสนามแมเ หลกดวยอตราเรวเชงมม
         ่ื ํ ิ            ั ่ึ ุ         ั          ็  ั       ็ ิ ุ
 ขนาดหนง จะทาใหเ กดความตางศกย (แรงเคลอนไฟฟา) และกระแสไฟฟาเปลี่ยนแปลงตาม
           ่ึ   ํ     ิ    ั          ่ื      
 เวลาดวยอตราเรวเชงมมเดยวกบอตราเรวเชงมมการหมนขดลวด
        ั     ็ ิ ุ ี ั ั       ็ ิ ุ       ุ




    เราสามารถหาคากระแสสลบ ณ. จดเวลาใด ๆ ไดจากสมการ
                               ั    ุ
                   it = im sin•t       และ      Vt = Vm sin•t
       เมอ it , Vt = กระแสไฟฟา , ความตางศักยไฟฟา ณ.เวลา t ใด ๆ
         ่ื
            im , Vm = กระแสไฟฟา , ความตางศักยไฟฟาสูงสุด
                 • = อตราเรวเชงมมการหมนขดลวด
                          ั    ็ ิ ุ       ุ
                         • = 2° f
                 f = ความถี่ของไฟฟากระแสสลับ
14. เครองกาเนดไฟฟากระแสสลบเครองหนงผลตกระแสไฟฟาไดสงสด 20 แอมแปร ความ–
       ่ื ํ ิ                 ั ่ื      ่ึ ิ          ู ุ
   ตางศักยสูงสุด 300 โวลต ความถี่กระแสไฟฟา 50 Hz จงหากระแสไฟฟา และความ
                       1 ิ
   ตางศักย ณ เวลา 600 วนาที หลงจากเปดเครอง
                                    ั       ่ื                (10 A , 150 V)
วิธทา
   ี ํ




                                          105
Physics Online V                http://www.pec9.com                บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2)
    คารากที่สองของกําลังสองเฉลี่ยของกระแสไฟฟาสลับ (Root Mean Square)




คา rms อาจหาไดจากการทดลอง และคา rms ทีไดจากการทดลองอาจเรียกวา คายังผล
                                             ่
     อาจหาไดจากการใชมเิ ตอรวด และคา rms ทีไดจากการใชมเิ ตอรวดอาจเรียกวา คามิเตอร
                               ั               ่                   ั
          โดยทัวไปมิเตอรทใชวดกระแสจะออกแบบมาเพือใชวดคา rms โดยตรง
                ่           ่ี ั                      ่ ั
             ดังนันคาทีไดจากการใชมเิ ตอรวด มกเปนคา rms
                  ้     ่                    ั ั  
    ความสัมพันธ ระหวางคา rms และคาสูงสุด
               Irms = im  2        และ       Vrms = Vm
                                                     2
          เมือ irms
             ่          =    กระแสไฟฟารากทีสองของกําลังสองเฉลีย
                                              ่                  ่
                   im   =   กระแสไฟฟาสงสดของกระแสสลบ
                                        ู ุ               ั
               Vrms     =    ความตางศักยรากทีสองของกําลังสองเฉลีย
                                                ่                  ่
                  vm    =    ความตางศักยสงสุดของกระแสสลับ
                                           ู
15(มช 40) ถากลาววาไฟฟาในบานมความตางศกย 220 โวลต หมายความวาความตางศกยสง
                    ี        ั                              ั  ู
   สดมคากโวลต
    ุ ี  ่ี                                                        (ขอ 4.)
      1. 110         2. 220        3. 0.707 x 220        4. 220 2
วิธทา
   ี ํ



16. แอมมเิ ตอรกระแสไฟฟาสลบตออนกรมกบหลอดไฟอานคาได 0.25 แอมแปร และโวลต
                      ั  ุ     ั          
   มเิ ตอรไฟสลบตอครอมหลอดไฟอานความตางศกย 110 โวลต จงหากระแสสูงสุด (i0)
               ั                   ั
   ทไหลผานหลอดไฟและความตางศกยมากสด (v0) ครอมหลอดไฟ (0.354 A, 155.56 V)
      ่ี                   ั     ุ
วิธทา
   ี ํ




                                               106
Physics Online V            http://www.pec9.com            บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2)
  ตอนที่ 4 ตัวตานทาน ตัวเก็บประจุ และขดลวดเหนยวนาในวงจรกระแสสลบ
                                              ่ี ํ             ั
   ตัวตานทานในวงจรไฟฟากระแสสลับ
        เมือมีกระแสไฟฟาสลับไหลผานตัวตานทาน
           ่
 จะเกดความตางศกยครอมตวตานทานนน
      ิ            ั           ั        ้ั
 เราสามารถหาคาความตางศกยทเ่ี กดไดจาก
                              ั  ิ 
                 V = i.R
        เมือ V คอ ความตางศกยครอมตวตานทาน
             ่        ื          ั   ั 
                 i คอ กระแสไฟฟาทีไหลผานตัวตานทาน
                        ื            ่
                 R คอ คาความตานทาน (υ)
                          ื      
                Vm = im⌡R
               Vrms = irms R
   และคากระแส ณ เวลาใดๆ หาคาไดจาก      
                 iR = im sin • t
   และ vR = vm sin • t
    เมือ iR ,VR = กระแสทไหล และความตางศักยของตัวตานทาน ณ เวลา t ใด ๆ
       ่                 ่ี
         im , Vm = กระแสทไหล และความตางศกยสงสดของตวตานทาน
                         ่ี            ั  ู ุ        ั 

17(En 41/2) ในวงจรไฟฟากระแสสลบดงรูป ถา
                                ั ั
   โวลตมเิ ตอร V อานคาความตางศกยได 200
                           ั 
                                                                            R = 100 υ
   โวลต จงหากระแสสูงสุดทีผานความตานทาน R
                          ่                          V

      1. 0.70 A              2. 1.41 A
      3. 2.0 A               4. 4.8 A                              (ไมมีคําตอบที่ถูกตอง)
วิธทา
   ี ํ




                                          107
Physics Online V              http://www.pec9.com          บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2)
    ตัวเก็บประจุในวงจรไฟฟากระแสสลับ
   เมือมีกระแสไฟฟาสลับไหลผานตัวเก็บประจุ
      ่
 จะเกดความตางศกยครอมตวเกบประจนน
        ิ     ั       ั ็       ุ ้ั
 เราสามารถหาคาความตางศกยทเ่ี กดไดจาก
                      ั  ิ 
            V = i . XC       และ       XC = •1 C         = 2°1 fC
         เมือ V คือ ความตางศักยครอมตัวเก็บประจุ
            ่
               i คือ กระแสไฟฟาทีไหลผานตัวเก็บประจุ
                                  ่
              Xc คือ คาความตานทานเชงความจุ (υ)
                                    ิ
              C คือ คาความจุประจุ (ฟารัด)
               f คือ ความถกระแสไฟฟา (Hz)
                          ่ี            
           Vm = im⌡Xc
          Vrms = irms⌡Xc
    และคากระแส ณ เวลาใด ๆ หาคาไดจาก
                               
            ic = im sin • t   และ Vc = Vm sin (• t – 90o)
    เมือ ic ,Vc = กระแสทไหล และความตางศกยของตวเกบประจุ ณ เวลา t ใด ๆ
       ่                     ่ี       ั       ั ็
         im , Vm = กระแสทไหล และความตางศกยสงสดของตวเกบประจุ
                             ่ี        ั  ู ุ     ั ็
      (• t – 90o) เปนมุมเฟส
18. เมือตอตัวเก็บประจุอนมีคาความตานทานเชิงความจุ 1000 υ เขากับวงจรไฟฟากระแส
       ่                ั 
   สลับ ปรากฏวาเกิดความตางศักยครอมตัวเก็บประจุ 3 โวลต จงหาปรมาณกระแสไฟฟา
                                                                  ิ              
   ทีไหลผานตัวเก็บประจุนน
     ่                    ้ั                                          (3 มิลลิแอมป)
วิธทา
   ี ํ




                                            108
Physics Online V              http://www.pec9.com                 บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2)
19. ความตางศักยครอมตัวเก็บประจุมคาเทาใด จงจะทาใหเ กดกระแสไฟฟา 3.14 mA ในวงจร
                                   ี        ึ ํ        ิ        
   ตว เก็บประจุทมความจุ 0.5 ↑F เมือความถีของกระแสไฟฟาเปน 1 kHz
     ั           ่ี ี                 ่       ่                           (1 โวลต)
วิธทา
   ี ํ




20. ทีความถีเ่ ทาไรตัวเก็บประจุทมคาความจุ 5 มิลลิฟารัด จงจะมคาความตานทานตวเกบ
      ่                          ่ี ี                   ึ ี             ั ็
          7
   ประจุ 22 υ                                                           (100 Hz)
วิธทา
   ี ํ




    ขดลวดเหนี่ยวนําในวงจรไฟฟากระแสสลับ
    เมอมกระแสไฟฟาสลบไหลผานขดลวดเหนยว
      ่ื ี                    ั                      ่ี
 นํา จะเกดความตางศกยครอมขดลวดเหนยวนานน
           ิ               ั                    ่ี ํ ้ั
    เราสามารถหาคาความตางศกยทเ่ี กดไดจาก
                                    ั  ิ 
              V = i . XL                   และ      XL= •L = 2°fL
      เมือ V คอ ความตางศกยครอมขดลวดเหนยวนา
         ่        ื               ั                    ่ี ํ
               i คอ กระแสไฟฟาทไหลผานขดลวดเหนยวนา
                     ื                   ่ี                  ่ี ํ
              XL คอ คาความตานทานเชงหนยวนา (υ)
                    ื                        ิ ่ี ํ
              L คอ คาความเหนยวนาของขดลวด (เฮนรี)
                         ื              ่ี ํ
               f คอ ความถีกระแสไฟฟา (Hz)
                       ื          ่
             Vm = im⌡XL
           Vrms = irms⌡XL
                                              109
Physics Online V           http://www.pec9.com            บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2)
    และคากระแส ณ เวลาใด ๆ หาคาไดจาก
                                 
               iL = im sin • t  และ VL = Vm sin (• t + 90o)
    เมือ iL ,VL = กระแสทไหล และความตางศกยของขดลวดเหนยวนา ณ เวลา t ใด ๆ
       ่                    ่ี        ั               ่ี ํ
         im , Vm = กระแสทไหล และความตางศักยสงสุดของขดลวดเหนียวนํา
                             ่ี               ู               ่
      (• t + 90o) เปนมมเฟส
                       ุ
21. ตัวเหนียวนํา 0.07 เฮนรี ตอเปนวงจรกับแหลงกําเนิดไฟฟาสลับ ความตางศกย 220 V
           ่                                                          ั
   50 Hz จะเกดกระแสไหลในวงจรเทาไร
                ิ                                                           (10 A)
วิธทา
   ี ํ




22(มช 42) วงจรไฟฟากระแสสลบความถ่ี 50 เฮิรตซ ประกอบดวยตัวตานทาน 20 โอหม
                            ั
        ั ่ี ํ 20 ิ
   และตวเหนยวนา ° มลลิเฮนรี มีกระแสผาน 0.2 แอมแปร ความตางศกยระหวางปลาย
                                                            ั      
   ของตัวเหนียวนําจะมีคากีโวลต
             ่          ่                                             (0.4)
วิธทา
   ี ํ




23(มช 37) วงจรกระแสสลับความถี่ 50 เฮรตซ ทีมตวตานทานตออนุกรมกับตัวเหนียวนํา
                                     ิ     ่ ีั                         ่
   วัดกระแสไฟฟาในวงจรได 0.1 แอมแปร ความตางศกยครอมตวเหนยวนา 22 โวลต
                                               ั          ั ่ี ํ
   คาความเหนยวนาจะเปน
               ่ี ํ                                                     (ขอ 2.)
       1. 14.4 ไมโครเฮนรี   2. 0.7 เฮนรี       3. 200 เฮนรี      4. 2.2 เฮนรี
วิธทา
   ี ํ




                                         110
Physics Online V            http://www.pec9.com              บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2)
24(มช 41) วงจรกระแสไฟฟาสลบดงรูป มกระแส i เปน i = 5 sin 1000 t แอมแปร
                         ั ั        ี        
   วดความตางศกยระหวางปลายของตวเหนยวนาได 70.7 โวลต จงหาคาความเหนยวนา
    ั        ั                 ั ่ี ํ                             ่ี ํ
   ของตวเหนยวนาในหนวยเฮนรี
        ั ่ี ํ                                                         (ขอ 2.)
      1. 12 x 10–3       2. 20 x 10–3    3. 28 x 10–3     4. 40 x 10–3
วิธทา
   ี ํ




25(En 41) สวนประกอบของวงจรไฟฟากระแสสลับตามรูป (ก) มีกระแสที่ผาน และความตาง
   ศกยระหวางปลายทงสองสมพนธกนตามรป (ข)
    ั               ้ั ั ั ั       ู
   จงวเิ คราะหวาสวนประกอบของวงจรไฟฟานคอ
                                   ้ี ื
   อะไร
      1. ตัวเก็บประจุ
      2. ขดลวดเหนียวนํา
                    ่
      3. ตัวตานทาน
      4. เปนวงจรผสมของขดลวดเหนียวนําและตัวตานทาน
                                ่                                      (ขอ 1.)
วิธทา
   ี ํ
26(มช 44) ตัวเหนียวนํา L = 50 มลลิเฮนร่ี มีกระแสสลับเปน i เมือ i = 3 sin 60 t แอมแปร
                 ่              ิ                             ่
   จงหาความตางศกยระหวางปลายของตวเหนยวนาน้ี เมอเวลา t ใด ๆ
               ั                 ั ่ี ํ          ่ื
     1. VL = sin 60 t                        2. VL = 150 sin 60 t
     3. VL = 150 cos (60t – ° )
                             2               4. VL = 9 sin (60t + ° )
                                                                  2             (ขอ 4.)
วิธทา
   ี ํ




                                          111
Physics Online V           http://www.pec9.com              บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2)

   ตอนที่ 5 วงจร RCL และ กําลังไฟฟากระแสสลับ
    การตอตัวตานทาน (R) ขดลวดเหนียวนํา (L) และตัวเก็บประจุ (C) แบบอนุกรม
                                     ่
    สิงทีควรทราบ
      ่ ่
         1) iR = iC = iL = iรวม
         2) Z = R 2 Ι (X L Κ X C ) 2
         3) Vรวม = VR Ι (VL Κ VC ) 2
                         2
         4) Vรวม = iรวม Z
    เมือ Z คือ ความตานทานเชงซอน (ความตานทานรวมของวงจร)
       ่                     ิ 

27(En 41/2) ในวงจรไฟฟากระแสสลับความถี่ 50 เฮรตซ
                                                ิ                    A
                                                                                XC = 40 υ
    ดังรูป ถาโวลตมิเตอร V อานคาความตางศกยได
                                       ั 
                                                        V                      R = 30 υ
    200 โวลต แอมมิเตอร A จะอานคากระแสไดกแอมแปร
                                             ่ี
วิธทา
   ี ํ                                          (4 A)




28(En 42/2) ถาวงจรประกอบดวยตัวตานทานขนาด 20 โอหม ขดลวดเหนียวนําทีมคาความ
                                                              ่       ่ ี
   ตานทานเชิงเหนียวนํา 30 โอหม และตัวเก็บประจุทมคาความตานทานเชิงประจุ 15 โอหม
                  ่                             ่ี ี                            
   ตอกนอยางอนกรมและตอเขากบแหลงกาเนดไฟฟากระแสสลบ 220 โวลต ความถ่ี 50 เฮรตซ
      ั  ุ               ั       ํ ิ                ั                    ิ
   จงหากระแสในวงจร                                                          (ขอ 4.)
       1. 2.2 A            2. 4.4 A           3. 6.6 A           4. 8.8 A
วิธทา
   ี ํ




                                         112
Physics Online V           http://www.pec9.com            บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2)
29(En 38) ขดลวดเหนียวนํา 0.2 เฮนรี่ และ ตัวเก็บประจุ 10 ไมโครฟารัด ตออนกรมกับ
                     ่                                                ุ
   แหลงกาเนดไฟฟากระแสสลบทใหความตางศกยสงสด 100 โวลต และความเร็วเชิงมุม
        ํ ิ              ั ่ี         ั  ู ุ
   • = 1,000 เรเดยนตอวนาที จงหากระแสทอานไดจากแอมมเิ ตอร
                   ี  ิ                    ่ี                           (ขอ 4.)
      1. 1 A             2. 1 A                 3. 2 A              4. 1 A
                             3
                                                                         2
วิธทา
   ี ํ




30(มช 43) จากวงจรไฟฟากระแสสลับดังรูป คาความตาง       R=30υ C=2↑F

   ศักย VR ครอมตัวตานทานมีคาเปน VR = 0.15 sin500t
                                                       VR          VC
   จงหาคาความตางศักยสูงสุดครอมตัวเก็บประจุ                              (5 โวลต)
วิธทา
   ี ํ




                                         113
Physics Online V               http://www.pec9.com               บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2)
31. จากวงจรไฟฟากระแสสลับดังรูป แหลงกําเนิดไฟ
   ฟากระแสสลับมีความถี่ 50 เฮิรตซ ใหคายังผล
   ของแรงเคลอนไฟฟา (Vrms) 100 โวลต เมอนา
               ่ื                           ่ื ํ            VR          VL
   โวลตมเิ ตอรวดคายงผลของความตางศกยระหวาง
                 ั  ั           ั         
                                                                    
   ปลายของความตานทาน (VR) และ ระหวางปลาย
   ของตวเหนยวนา (VL) ไดคาเทากัน โวลตมเิ ตอรจะอานไดกโวลต
           ั ่ี ํ                                         ่ี                (ขอ 3)
      1. 50                2. 100           3. 50 2             4. 100 2
วิธทา
   ี ํ




   ความถีเ่ รโซแนนซ
    พิจารณาสมการ        Z =       R 2 Ι (X L Κ X C ) 2
    จะเหนวา เมือ XL = XC คาความตานทานเชิงซอนจะมีคาต่าสุด ทําใหกระแสไฟฟามีคาสูงสุด
        ็  ่                                        ํ                        
            จาก        XL =    XC
                     2°fL =        1
                                2° fC
                   (2°f)2 =      1
                                LC
                       2°f = LC   1
                          f =        1
                                2° LC
         ความถี่ที่ทําใหกระแสไฟฟาในวงจรมีคามากที่สุดนี้เรียก ความถเ่ี รโซแนนซ
                                              114
Physics Online V                 http://www.pec9.com           บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2)

    การตอตัวตานทาน (R) ขดลวดเหนียวนํา (L) และตัวเก็บประจุ (C) แบบขนาน
                                         ่
    สิงทีควรทราบ
      ่ ่
          1) VR = VC = VL = Vรวม
          2) iรวม = i 2 Ι (i L Κ i C ) 2
                         R
          3) Z =1         ( R ) 2 Ι ( X1 Κ X1 ) 2
                            1
                                        L C
          4) Vรวม = iรวม Z
    เมอ Z คือ ความตานทานเชงซอน (ความตานทานรวมของวงจร)
       ่ื                         ิ 
32. ตวเกบประจความตานทาน 100 โอหม ตวเหนยวนาความตานทาน
     ั ็       ุ                        ั ่ี ํ           
    200 โอหม และตวตานทานขนาด 50 โอหม ตอกนอยางขนานกน
                     ั                        ั                ั
   แลวตอกับแหลงกําเนิดไฟสลับ 200 โวลต , 50 เฮิรตซ จะเกดกระ
                                                             ิ
   แสไหลในวงจรเทาไร
      1. 4 A        2. 17 A       3. 5 A       4. 7 A       (ขอ 2.)
วิธทา
   ี ํ




    การหากําลังไฟฟากระแสสลับ
             P = i V cos 
         เมือ P =
            ่           กําลังไฟฟาของวงจร (วตต)
                                             ั 
                  i =   กระแสรวมในวงจร (แอมแปร)   
                  V =   ความตางศักยรวมในวงจร (โวลต)
              cos  =   R ( เรียก ตัวประกอบกําลัง )
                        Z
                                                115
Physics Online V              http://www.pec9.com                บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2)
33(En 44/2) ถาเฟสของกระแสยังผลและความตางศักยยังผลของวงจรไฟ
   ฟากระแสสลับเปนดังรูป กําลังไฟฟาเฉลี่ยที่สูญเสียในวงจรนี้มีคาเทาใด
         1. 1.8 kW                  2. 2.4 kW
         3. 3.0 kW                  4. 3.5 kW                  (ขอ 4.)
วิธทา
   ี ํ



34. แรงดันไฟฟา e = 100sin± โวลต และ กระแสไฟฟา i = 10sin (±–60o) แอมแปร
   กําลังไฟฟา P เทากับผลคูณของ e และ i กําลังไฟฟาสูงสุดจะมีคาเทาใด         (ขอ 3)
       1. 750 วัตต         2. 1000 วัตต       3. 500 วัตต           4. 250 วัตต
วิธทา
   ี ํ




35. จากรปวงจรตอไปน้ี กําหนดให V = 2 sin 500t
         ู       
   จงหาความตางเฟสระหวางกระแสไฟฟารวม I กับ                          R  I
   ความตางศักยไฟฟารวม V                                            2υ             C1,000 ↑F
                                                         V
      1. 30o                  2. 45o
      3. 60o                  4. 90o                                                   (ขอ 2)
วิธทา
   ี ํ




 พิจารณา P = i V R
                 Z
         P = iiZ R Z                   เนื่องจาก V = i Z
         P = i2R                       เนื่องจาก i = VZ
                 2
         P = ΦV Γ R
               Z
                                            116
Physics Online V           http://www.pec9.com             บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2)
36. ขดลวดเหนยวนา 0.03 เฮนรี และตัวตานทาน 40 โอหม ตออนกรมกบแหลงกาเนดไฟฟา
            ่ี ํ                                     ุ    ั    ํ ิ    
    กระแสสลับ กระแสไฟฟาของวงจร( i ) มีคาดังสมการ i = 5 sin ( 1000t ) แอมแปร จงหา
    กําลังเฉลี่ยของวงจร                                                    (500 W)
วิธทา
   ี ํ




37. ตัวเหนี่ยวนําและตัวตานทานตออนุกรมกันและตอกับแหลงกําเนิดไฟฟากระแสสลับที่มีกระ
   แสไฟฟาที่เวลา t (วินาที) ใดๆ i = 4 sin 100 °t ถาวงจรมความตานทานเชงเหนยวนา
                                                            ี          ิ ่ี ํ
   20 โอหม และมความตานทานเชงซอนของวงจร 25 โอหม กาลงเฉลยของวงจรเปนกวตต
                   ี             ิ                        ํ ั ่ี            ่ี ั
       1. 120             2. 160           3. 200               4. 240        (ขอ 1)
วิธทา
   ี ํ




                                         117
Physics Online V            http://www.pec9.com              บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2)
38. ขดลวดเหนยวนา 0.03 เฮนรี และตัวตานทาน 40 โอหม ตออนกรมกบแหลงกาเนดไฟฟา
                ่ี ํ                                     ุ        ั      ํ ิ       
   กระแสสลับ ความตางศักยของวงจร( i ) มีคาดังสมการ V = 100 sin (1000t ) โวลต จงหา
   กําลังสูงสุดของวงจร                                                      (160 วัตต)
วิธทา
   ี ํ




39(En 39) ขดลวดเหนยวนา 0.03 เฮนรี และตัวตานทาน 40 โอหม ตออนกรมกบแหลงกาเนด
                     ่ี ํ                                     ุ        ั      ํ ิ
   ไฟฟากระแสสลับ กระแสไฟฟาของวงจร ( i ) เปลี่ยนแปลงตามเวลา ( t ) ดังสมการ
   i = 5 sin (1000 t) แอมแปร จงหากําลังเฉลี่ยของวงจรและความตางศักยสูงสุดของวงจร
   เปนดงขอใด
      ั 
      1. 500 W , 250 V                     2. 875 W , 350 V
      3. 1000 W , 220 V                    4. 1250 W , 250 V                     (ขอ 1)
วิธทา
   ี ํ




                    ⌫⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌦


                                          118

More Related Content

What's hot

หน่วยย่อยที่ 3 แรงพยุง
หน่วยย่อยที่ 3  แรงพยุงหน่วยย่อยที่ 3  แรงพยุง
หน่วยย่อยที่ 3 แรงพยุงkrupornpana55
 
ใบความรู้เรื่องการแพร่และออสโมซิสDocx
ใบความรู้เรื่องการแพร่และออสโมซิสDocxใบความรู้เรื่องการแพร่และออสโมซิสDocx
ใบความรู้เรื่องการแพร่และออสโมซิสDocxSumarin Sanguanwong
 
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ๋ทางการเรียน หน่วย งานและพลังงาน
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ๋ทางการเรียน    หน่วย งานและพลังงานแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ๋ทางการเรียน    หน่วย งานและพลังงาน
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ๋ทางการเรียน หน่วย งานและพลังงานdnavaroj
 
แบบทดสอบ วิทยาศาสตร์ 2 ชั้น ม.1 ชุดที่ 1
แบบทดสอบ วิทยาศาสตร์ 2 ชั้น ม.1 ชุดที่ 1แบบทดสอบ วิทยาศาสตร์ 2 ชั้น ม.1 ชุดที่ 1
แบบทดสอบ วิทยาศาสตร์ 2 ชั้น ม.1 ชุดที่ 1dnavaroj
 
สมบัติของคลื่น
สมบัติของคลื่นสมบัติของคลื่น
สมบัติของคลื่นbenjamars nutprasat
 
04แบบฝึกการประยุกต์กฎการอนุรักษ์พลังงานกล
04แบบฝึกการประยุกต์กฎการอนุรักษ์พลังงานกล04แบบฝึกการประยุกต์กฎการอนุรักษ์พลังงานกล
04แบบฝึกการประยุกต์กฎการอนุรักษ์พลังงานกลPhanuwat Somvongs
 
เฉลยแนวสอบIjsoชีววิทยาม.ต้น
เฉลยแนวสอบIjsoชีววิทยาม.ต้นเฉลยแนวสอบIjsoชีววิทยาม.ต้น
เฉลยแนวสอบIjsoชีววิทยาม.ต้นWichai Likitponrak
 
เคาะสัญญาณ
เคาะสัญญาณเคาะสัญญาณ
เคาะสัญญาณAui Ounjai
 
ชุดฝึกทักษะเรื่องไฟฟ้าสถิต ชุดที่ 2
ชุดฝึกทักษะเรื่องไฟฟ้าสถิต ชุดที่ 2ชุดฝึกทักษะเรื่องไฟฟ้าสถิต ชุดที่ 2
ชุดฝึกทักษะเรื่องไฟฟ้าสถิต ชุดที่ 2พนภาค ผิวเกลี้ยง
 
เรื่องที่ 6 การลำดับชั้นหิน
เรื่องที่ 6 การลำดับชั้นหินเรื่องที่ 6 การลำดับชั้นหิน
เรื่องที่ 6 การลำดับชั้นหินKobwit Piriyawat
 
แบบทดสอบดาราศาสตร์ ม.3
แบบทดสอบดาราศาสตร์ ม.3แบบทดสอบดาราศาสตร์ ม.3
แบบทดสอบดาราศาสตร์ ม.3Jariya Jaiyot
 
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ (PISA)
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ (PISA)ข้อสอบวิทยาศาสตร์ (PISA)
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ (PISA)Napadon Yingyongsakul
 
แบบทดสอบ เรื่องส่วนประกอบของพืช ป.4
แบบทดสอบ เรื่องส่วนประกอบของพืช ป.4แบบทดสอบ เรื่องส่วนประกอบของพืช ป.4
แบบทดสอบ เรื่องส่วนประกอบของพืช ป.4Ngamsiri Prasertkul
 
แรงลัพธ์
แรงลัพธ์แรงลัพธ์
แรงลัพธ์Kan Pan
 
ระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่ายระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่ายkrubua
 
8แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของกรด เบสในร่างกาย
8แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของกรด   เบสในร่างกาย8แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของกรด   เบสในร่างกาย
8แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของกรด เบสในร่างกายสำเร็จ นางสีคุณ
 
สอบปลายภาคชีวะ51 2
สอบปลายภาคชีวะ51 2สอบปลายภาคชีวะ51 2
สอบปลายภาคชีวะ51 2Wichai Likitponrak
 
ข้อสอบอัจฉริยะ
ข้อสอบอัจฉริยะข้อสอบอัจฉริยะ
ข้อสอบอัจฉริยะKodchaporn Siriket
 

What's hot (20)

หน่วยย่อยที่ 3 แรงพยุง
หน่วยย่อยที่ 3  แรงพยุงหน่วยย่อยที่ 3  แรงพยุง
หน่วยย่อยที่ 3 แรงพยุง
 
เฉลยสอวนBio60
เฉลยสอวนBio60เฉลยสอวนBio60
เฉลยสอวนBio60
 
ใบความรู้เรื่องการแพร่และออสโมซิสDocx
ใบความรู้เรื่องการแพร่และออสโมซิสDocxใบความรู้เรื่องการแพร่และออสโมซิสDocx
ใบความรู้เรื่องการแพร่และออสโมซิสDocx
 
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ๋ทางการเรียน หน่วย งานและพลังงาน
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ๋ทางการเรียน    หน่วย งานและพลังงานแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ๋ทางการเรียน    หน่วย งานและพลังงาน
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ๋ทางการเรียน หน่วย งานและพลังงาน
 
แบบทดสอบ วิทยาศาสตร์ 2 ชั้น ม.1 ชุดที่ 1
แบบทดสอบ วิทยาศาสตร์ 2 ชั้น ม.1 ชุดที่ 1แบบทดสอบ วิทยาศาสตร์ 2 ชั้น ม.1 ชุดที่ 1
แบบทดสอบ วิทยาศาสตร์ 2 ชั้น ม.1 ชุดที่ 1
 
สมบัติของคลื่น
สมบัติของคลื่นสมบัติของคลื่น
สมบัติของคลื่น
 
04แบบฝึกการประยุกต์กฎการอนุรักษ์พลังงานกล
04แบบฝึกการประยุกต์กฎการอนุรักษ์พลังงานกล04แบบฝึกการประยุกต์กฎการอนุรักษ์พลังงานกล
04แบบฝึกการประยุกต์กฎการอนุรักษ์พลังงานกล
 
เฉลยแนวสอบIjsoชีววิทยาม.ต้น
เฉลยแนวสอบIjsoชีววิทยาม.ต้นเฉลยแนวสอบIjsoชีววิทยาม.ต้น
เฉลยแนวสอบIjsoชีววิทยาม.ต้น
 
เคาะสัญญาณ
เคาะสัญญาณเคาะสัญญาณ
เคาะสัญญาณ
 
คลื่นกล
คลื่นกลคลื่นกล
คลื่นกล
 
ชุดฝึกทักษะเรื่องไฟฟ้าสถิต ชุดที่ 2
ชุดฝึกทักษะเรื่องไฟฟ้าสถิต ชุดที่ 2ชุดฝึกทักษะเรื่องไฟฟ้าสถิต ชุดที่ 2
ชุดฝึกทักษะเรื่องไฟฟ้าสถิต ชุดที่ 2
 
เรื่องที่ 6 การลำดับชั้นหิน
เรื่องที่ 6 การลำดับชั้นหินเรื่องที่ 6 การลำดับชั้นหิน
เรื่องที่ 6 การลำดับชั้นหิน
 
แบบทดสอบดาราศาสตร์ ม.3
แบบทดสอบดาราศาสตร์ ม.3แบบทดสอบดาราศาสตร์ ม.3
แบบทดสอบดาราศาสตร์ ม.3
 
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ (PISA)
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ (PISA)ข้อสอบวิทยาศาสตร์ (PISA)
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ (PISA)
 
แบบทดสอบ เรื่องส่วนประกอบของพืช ป.4
แบบทดสอบ เรื่องส่วนประกอบของพืช ป.4แบบทดสอบ เรื่องส่วนประกอบของพืช ป.4
แบบทดสอบ เรื่องส่วนประกอบของพืช ป.4
 
แรงลัพธ์
แรงลัพธ์แรงลัพธ์
แรงลัพธ์
 
ระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่ายระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่าย
 
8แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของกรด เบสในร่างกาย
8แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของกรด   เบสในร่างกาย8แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของกรด   เบสในร่างกาย
8แบบทดสอบการรักษาดุลยภาพของกรด เบสในร่างกาย
 
สอบปลายภาคชีวะ51 2
สอบปลายภาคชีวะ51 2สอบปลายภาคชีวะ51 2
สอบปลายภาคชีวะ51 2
 
ข้อสอบอัจฉริยะ
ข้อสอบอัจฉริยะข้อสอบอัจฉริยะ
ข้อสอบอัจฉริยะ
 

Viewers also liked

การเคลื่อนที่แบบหมุน
การเคลื่อนที่แบบหมุนการเคลื่อนที่แบบหมุน
การเคลื่อนที่แบบหมุนChakkrawut Mueangkhon
 
มวลแรงกฎการเคลื่อนที่
มวลแรงกฎการเคลื่อนที่มวลแรงกฎการเคลื่อนที่
มวลแรงกฎการเคลื่อนที่Chakkrawut Mueangkhon
 
อิเล็กทรอนิกส์
อิเล็กทรอนิกส์อิเล็กทรอนิกส์
อิเล็กทรอนิกส์Chakkrawut Mueangkhon
 
การเคลื่อนที่แบบต่างๆ
การเคลื่อนที่แบบต่างๆการเคลื่อนที่แบบต่างๆ
การเคลื่อนที่แบบต่างๆChakkrawut Mueangkhon
 
สมดุลและสภาพยืดหยุ่น
สมดุลและสภาพยืดหยุ่นสมดุลและสภาพยืดหยุ่น
สมดุลและสภาพยืดหยุ่นChakkrawut Mueangkhon
 
การเคลื่อนที่
การเคลื่อนที่การเคลื่อนที่
การเคลื่อนที่Chakkrawut Mueangkhon
 
ฟิสิกส์อะตอม
ฟิสิกส์อะตอมฟิสิกส์อะตอม
ฟิสิกส์อะตอมChakkrawut Mueangkhon
 
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าChakkrawut Mueangkhon
 
การเคลื่อนที่แบบหมุน
การเคลื่อนที่แบบหมุนการเคลื่อนที่แบบหมุน
การเคลื่อนที่แบบหมุนChakkrawut Mueangkhon
 
แสงและทัศน์ปกรณ์
แสงและทัศน์ปกรณ์แสงและทัศน์ปกรณ์
แสงและทัศน์ปกรณ์Chakkrawut Mueangkhon
 
แสงเชิงฟิสิกส์
แสงเชิงฟิสิกส์แสงเชิงฟิสิกส์
แสงเชิงฟิสิกส์Chakkrawut Mueangkhon
 
ฟิสิกส์นิวเคลียร์
ฟิสิกส์นิวเคลียร์ฟิสิกส์นิวเคลียร์
ฟิสิกส์นิวเคลียร์Chakkrawut Mueangkhon
 
ไฟฟ้าแม่เหล็ก1
ไฟฟ้าแม่เหล็ก1ไฟฟ้าแม่เหล็ก1
ไฟฟ้าแม่เหล็ก1Chakkrawut Mueangkhon
 

Viewers also liked (20)

ของไหล
ของไหลของไหล
ของไหล
 
ของไหล
ของไหลของไหล
ของไหล
 
การเคลื่อนที่แบบหมุน
การเคลื่อนที่แบบหมุนการเคลื่อนที่แบบหมุน
การเคลื่อนที่แบบหมุน
 
มวลแรงกฎการเคลื่อนที่
มวลแรงกฎการเคลื่อนที่มวลแรงกฎการเคลื่อนที่
มวลแรงกฎการเคลื่อนที่
 
อิเล็กทรอนิกส์
อิเล็กทรอนิกส์อิเล็กทรอนิกส์
อิเล็กทรอนิกส์
 
การเคลื่อนที่แบบต่างๆ
การเคลื่อนที่แบบต่างๆการเคลื่อนที่แบบต่างๆ
การเคลื่อนที่แบบต่างๆ
 
บทนำ
บทนำบทนำ
บทนำ
 
โมเมนตัม
โมเมนตัมโมเมนตัม
โมเมนตัม
 
สมดุลและสภาพยืดหยุ่น
สมดุลและสภาพยืดหยุ่นสมดุลและสภาพยืดหยุ่น
สมดุลและสภาพยืดหยุ่น
 
การเคลื่อนที่
การเคลื่อนที่การเคลื่อนที่
การเคลื่อนที่
 
ฟิสิกส์อะตอม
ฟิสิกส์อะตอมฟิสิกส์อะตอม
ฟิสิกส์อะตอม
 
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
 
การเคลื่อนที่แบบหมุน
การเคลื่อนที่แบบหมุนการเคลื่อนที่แบบหมุน
การเคลื่อนที่แบบหมุน
 
แสงและทัศน์ปกรณ์
แสงและทัศน์ปกรณ์แสงและทัศน์ปกรณ์
แสงและทัศน์ปกรณ์
 
งานพลังงาน
งานพลังงานงานพลังงาน
งานพลังงาน
 
ไฟฟ้าสถิต
ไฟฟ้าสถิตไฟฟ้าสถิต
ไฟฟ้าสถิต
 
แสงเชิงฟิสิกส์
แสงเชิงฟิสิกส์แสงเชิงฟิสิกส์
แสงเชิงฟิสิกส์
 
ฟิสิกส์นิวเคลียร์
ฟิสิกส์นิวเคลียร์ฟิสิกส์นิวเคลียร์
ฟิสิกส์นิวเคลียร์
 
ไฟฟ้าแม่เหล็ก1
ไฟฟ้าแม่เหล็ก1ไฟฟ้าแม่เหล็ก1
ไฟฟ้าแม่เหล็ก1
 
เสียง
เสียงเสียง
เสียง
 

Similar to ไฟฟ้าแม่เหล็ก2

เรื่องที่ 16 แม่เหล็กไฟฟ้า 1
เรื่องที่ 16  แม่เหล็กไฟฟ้า 1เรื่องที่ 16  แม่เหล็กไฟฟ้า 1
เรื่องที่ 16 แม่เหล็กไฟฟ้า 1thanakit553
 
เรื่องที่ 18 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
เรื่องที่ 18  คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเรื่องที่ 18  คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
เรื่องที่ 18 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าthanakit553
 
เรื่องที่ 19 ฟิสิกส์อะตอม
เรื่องที่ 19  ฟิสิกส์อะตอมเรื่องที่ 19  ฟิสิกส์อะตอม
เรื่องที่ 19 ฟิสิกส์อะตอมthanakit553
 
เรื่องท่ี16ไฟฟ้าและแม่เหล็ก
เรื่องท่ี16ไฟฟ้าและแม่เหล็กเรื่องท่ี16ไฟฟ้าและแม่เหล็ก
เรื่องท่ี16ไฟฟ้าและแม่เหล็กApinya Phuadsing
 
บทที่ 3 มวล แรงและกฏการเคลื่อนที่
บทที่ 3 มวล แรงและกฏการเคลื่อนที่บทที่ 3 มวล แรงและกฏการเคลื่อนที่
บทที่ 3 มวล แรงและกฏการเคลื่อนที่thanakit553
 
ฟิสิกส์ 5 ไฟฟ้าสถิตย์ ตอนที่ 1
ฟิสิกส์ 5 ไฟฟ้าสถิตย์ ตอนที่ 1ฟิสิกส์ 5 ไฟฟ้าสถิตย์ ตอนที่ 1
ฟิสิกส์ 5 ไฟฟ้าสถิตย์ ตอนที่ 1Wijitta DevilTeacher
 
ไฟฟ้าสถิตย์ ตอนที่ 1
ไฟฟ้าสถิตย์ ตอนที่ 1ไฟฟ้าสถิตย์ ตอนที่ 1
ไฟฟ้าสถิตย์ ตอนที่ 1Wijitta DevilTeacher
 
เรื่องที่17ไฟฟ้าและแม่เหล็ก2
เรื่องที่17ไฟฟ้าและแม่เหล็ก2เรื่องที่17ไฟฟ้าและแม่เหล็ก2
เรื่องที่17ไฟฟ้าและแม่เหล็ก2Apinya Phuadsing
 
พลังงานไฟฟ้า
พลังงานไฟฟ้าพลังงานไฟฟ้า
พลังงานไฟฟ้าwongteamjan
 
แบบฝึกหัดทบทวนก่อนสอบปลายภาคชุด2 หน่วยที่ 3 พลังงานไฟฟ้า 15 กย55
แบบฝึกหัดทบทวนก่อนสอบปลายภาคชุด2 หน่วยที่ 3 พลังงานไฟฟ้า 15 กย55แบบฝึกหัดทบทวนก่อนสอบปลายภาคชุด2 หน่วยที่ 3 พลังงานไฟฟ้า 15 กย55
แบบฝึกหัดทบทวนก่อนสอบปลายภาคชุด2 หน่วยที่ 3 พลังงานไฟฟ้า 15 กย55krupornpana55
 
11.คลื่นกล
11.คลื่นกล11.คลื่นกล
11.คลื่นกลKruanek007
 
11.คลื่นกล
11.คลื่นกล11.คลื่นกล
11.คลื่นกลKruanek007
 
เรื่องที่ 11 คลื่นกล
เรื่องที่ 11  คลื่นกลเรื่องที่ 11  คลื่นกล
เรื่องที่ 11 คลื่นกลthanakit553
 

Similar to ไฟฟ้าแม่เหล็ก2 (20)

P16
P16P16
P16
 
เรื่องที่ 16 แม่เหล็กไฟฟ้า 1
เรื่องที่ 16  แม่เหล็กไฟฟ้า 1เรื่องที่ 16  แม่เหล็กไฟฟ้า 1
เรื่องที่ 16 แม่เหล็กไฟฟ้า 1
 
P18
P18P18
P18
 
เรื่องที่ 18 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
เรื่องที่ 18  คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเรื่องที่ 18  คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
เรื่องที่ 18 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
 
P19
P19P19
P19
 
เรื่องที่ 19 ฟิสิกส์อะตอม
เรื่องที่ 19  ฟิสิกส์อะตอมเรื่องที่ 19  ฟิสิกส์อะตอม
เรื่องที่ 19 ฟิสิกส์อะตอม
 
เรื่องท่ี16ไฟฟ้าและแม่เหล็ก
เรื่องท่ี16ไฟฟ้าและแม่เหล็กเรื่องท่ี16ไฟฟ้าและแม่เหล็ก
เรื่องท่ี16ไฟฟ้าและแม่เหล็ก
 
บทที่ 3 มวล แรงและกฏการเคลื่อนที่
บทที่ 3 มวล แรงและกฏการเคลื่อนที่บทที่ 3 มวล แรงและกฏการเคลื่อนที่
บทที่ 3 มวล แรงและกฏการเคลื่อนที่
 
P03
P03P03
P03
 
ฟิสิกส์ 5 ไฟฟ้าสถิตย์ ตอนที่ 1
ฟิสิกส์ 5 ไฟฟ้าสถิตย์ ตอนที่ 1ฟิสิกส์ 5 ไฟฟ้าสถิตย์ ตอนที่ 1
ฟิสิกส์ 5 ไฟฟ้าสถิตย์ ตอนที่ 1
 
ไฟฟ้าสถิตย์ ตอนที่ 1
ไฟฟ้าสถิตย์ ตอนที่ 1ไฟฟ้าสถิตย์ ตอนที่ 1
ไฟฟ้าสถิตย์ ตอนที่ 1
 
เรื่องที่17ไฟฟ้าและแม่เหล็ก2
เรื่องที่17ไฟฟ้าและแม่เหล็ก2เรื่องที่17ไฟฟ้าและแม่เหล็ก2
เรื่องที่17ไฟฟ้าและแม่เหล็ก2
 
พลังงานไฟฟ้า
พลังงานไฟฟ้าพลังงานไฟฟ้า
พลังงานไฟฟ้า
 
แบบฝึกหัดทบทวนก่อนสอบปลายภาคชุด2 หน่วยที่ 3 พลังงานไฟฟ้า 15 กย55
แบบฝึกหัดทบทวนก่อนสอบปลายภาคชุด2 หน่วยที่ 3 พลังงานไฟฟ้า 15 กย55แบบฝึกหัดทบทวนก่อนสอบปลายภาคชุด2 หน่วยที่ 3 พลังงานไฟฟ้า 15 กย55
แบบฝึกหัดทบทวนก่อนสอบปลายภาคชุด2 หน่วยที่ 3 พลังงานไฟฟ้า 15 กย55
 
คลื่นกล
คลื่นกลคลื่นกล
คลื่นกล
 
P11
P11P11
P11
 
11.คลื่นกล
11.คลื่นกล11.คลื่นกล
11.คลื่นกล
 
11.คลื่นกล
11.คลื่นกล11.คลื่นกล
11.คลื่นกล
 
เรื่องที่ 11 คลื่นกล
เรื่องที่ 11  คลื่นกลเรื่องที่ 11  คลื่นกล
เรื่องที่ 11 คลื่นกล
 
07สมดุลกล
07สมดุลกล07สมดุลกล
07สมดุลกล
 

More from Chakkrawut Mueangkhon

More from Chakkrawut Mueangkhon (8)

กฎของคูลอมป์
กฎของคูลอมป์กฎของคูลอมป์
กฎของคูลอมป์
 
ตัวเก็บประจุและประจุไฟฟ้า
ตัวเก็บประจุและประจุไฟฟ้าตัวเก็บประจุและประจุไฟฟ้า
ตัวเก็บประจุและประจุไฟฟ้า
 
Akaranee
AkaraneeAkaranee
Akaranee
 
568
568568
568
 
ความร้อน
ความร้อนความร้อน
ความร้อน
 
heat
heatheat
heat
 
fluid
fluidfluid
fluid
 
แบบทดสอบเรื่องคลื่น
แบบทดสอบเรื่องคลื่นแบบทดสอบเรื่องคลื่น
แบบทดสอบเรื่องคลื่น
 

ไฟฟ้าแม่เหล็ก2

  • 1. Physics Online V http://www.pec9.com บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2) ฟ สิ ก ส บทที่ 17 ไฟฟ า และแม เ หล็ ก (2) ตอนที่ 1 กระแสเหนียวนํา ่ หากเราเคลอนลวดตวนา หรือ ขดลวดตวนา ่ื ั ํ ั ํ ตัดสนามแมเหล็ก หรือเคลื่อนฟลักซแมเหล็กตัด ขดลวดตัวนําจะทําใหเกิดกระแสไฟฟาไหลในตัว นํานัน เรียกปรากฏการณนี้วาเปน การเหนียวนํา ้ ่ ทางไฟฟา (electromagnetic induction) กระแสไฟฟาที่เกิดเรียก กระแสเหนียวนํา่ (induced current) แรงเคลื่อนไฟฟาที่เกิด เรียก แรงเคลื่อนไฟฟา เหนยวนา (induced electromotive force) ่ี ํ กรณลวดเสนตรง เราหาแรงเคลื่อนไฟฟาไดจาก ี  E = BLv เมือ L = ความยาวเสนลวด (m) ่ v = ความเร็วในการเคลือนที่ (m/s) ่ กรณีใชขดลวดหมุนตัดสนามแมเหล็กกระแสไฟ ฟาที่ไหลออกมาจะมีทิศกลับไปมากลับมา เรียกวา กระแสไฟฟาสลับ * 1. B เปนสนามแมเหล็ก มีทิศพุงตั้งฉากลงใน กระดาษมีขนาด 1.0 เทสลา PQ เปนตวนาวาง  ั ํ อยูบนรางโลหะ TS และ UR โดย PQ เคลือน  ่ ที่ไปทางซายดวยความเร็ว 8 เมตร/วินาที ระ หวาง S และ R มีความตานทานตออยู 5 โอหม  แรงเคลอนไฟฟาเหนยวนาในตวนา PQ มีคา ่ื  ่ี ํ ั ํ เทาใดในหนวยของโวลต   (3.2) วิธทา ี ํ 97
  • 2. Physics Online V http://www.pec9.com บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2) หากเราเคลอนฟลกซแมเ หลกตดขดลวด กจะทาใหเ กดกระแสไหลเวยนในขดลวดนน ่ื ั  ็ ั ็ ํ ิ ี ้ั เชนกน เราสามารถหาทศการไหลวนของกระแสไฟฟาทเ่ี กดไดโดยใชกฏมอซาย ดงน้ี  ั ิ  ิ   ื  ั 1) ใชมอซายกาขดลวดตวนา โดยใหนวหวแมมอชตามทศของสนามแมเ หลก  ื  ํ ั ํ  ้ิ ั  ื ้ี ิ ็ 2) หากฟลกซแมเ หลกทไหลผานพนทขดลวดมปรมาณเพมขน กระแสเหนยวนาจะมทศ ั  ็ ่ี  ้ื ่ี ี ิ ่ิ ้ึ ่ี ํ ี ิ วนตามนวทง 4 ทเ่ี หลอ แตหากฟลักซมีปริมาณลดลง กระแสเหนยวนาจะมทศ ้ิ ้ั ื ่ี ํ ี ิ วนในทศตรงกนขามกบนวทง 4 ิ ั  ั ้ิ ้ั 2(มช 31) แทงแมเ หลกเคลอนทเ่ี ขาหาเรอออกจากขดลวดตวนา ทาใหมกระแสเหนยวนาเกดขน  ็ ่ื  ื ั ํ ํ  ี ่ี ํ ิ ้ึ ในขดลวด อยากทราบวารปใดถกตอง  ู ู  (ขอ ง)  ก. ข. ค. ง. วธทา ิี ํ 98
  • 3. Physics Online V http://www.pec9.com บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2) 3(มช 43) เมอมการเปลยนแปลงสนามแมเ หลก β B จะทาใหเ กดกระแสเหนยวนาในขดลวด ่ื ี ่ี ็ ํ ิ ่ี ํ ถา β B ชทศเดยวกบ B แสดงวาสนามแมเ หลกเพมขน และถา β B ชทศตรงขามกบ B ้ี ิ ี ั  ็ ่ิ ้ึ ้ี ิ  ั แสดงวาสนามแมเ หลกลดลง จงเลอกขอทถก  ็ ื  ่ี ู (ขอ 1)  1. 2. 3. 4. วธทา ิี ํ แรงเคลื่อนไฟฟาดันกลับ ในกรณของมอเตอรกระแสตรงนน เราจะปลอยกระแสไฟฟาไหลเขาไปในขดลวด ี  ้ั ทอยในสนามแมเ หลกจะทาใหมอเตอรเ กดการหมน ่ี ู ็ ํ  ิ ุ ในขณะเดยวกน การหมนนกทาใหเ กดกระแสไฟฟา ี ั ุ ้ี ็ ํ ิ  เหนยวนาและแรงเคลอนไฟฟาเหนยวนา ซึ่งจะมีทิศ ่ี ํ ่ื  ่ี ํ ตรงกนขามกบแรงเคลอนไฟฟาทเ่ี ราใส (E) จงเรยก ั  ั ่ื  ึ ี แรงเคลอนไฟฟาดนกลบ (e) ่ื  ั ั ดงนน แรงเคลอนไฟฟาลพธ = E – e ั ้ั ่ื  ั และกระแสไฟฟาทไหลเขามอเตอร จะหาคาไดจาก  ่ี    I = EΙ r R Κ e เมอ I = กระแสทไหลเขามอเตอร ่ื ่ี  E = แรงเคลอนไฟฟาทใสเ ขาไป (โวลต ) ่ื  ่ี  e = แรงเคลอนไฟฟาดนกลบ (โวลต ) ่ื  ั ั r = ความตานทานภายในของแหลงกาเนดไฟฟา (โอหม)   ํ ิ   R = ความตานทานภายนอกแหลงกาเนดไฟฟา ( ความตานทานของมอเตอร )   ํ ิ   จากสมการน้ี จะเหนวา ถามอเตอรฝด หรอ ไฟฟาตก จะทาใหมอเตอรหมนชาลงทาให ็    ื  ํ   ุ  ํ แรงเคลอนไฟฟาดนกลบ(e) จะมคานอยลง ดงนน แรงเคลอนไฟฟาลพธ (E – e) จะมคา ่ื  ั ั ี  ั ้ั ่ื  ั ี มาก ทําใหกระแสไฟฟา (I) ทไหลเขามอเตอรมคามากกวาทควรอาจทาใหมอเตอรไหมได ่ี   ี  ่ี ํ    99
  • 4. Physics Online V http://www.pec9.com บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2) 4(มช 28) แบตเตอรี่ขนาด 6 V มความตานทานภายใน 1 υ ตอเขากับมอเตอรกระแสตรง ี  ซึ่งมีความตานทานของขดลวดของมอเตอรเทากับ 1υ ในขณะทมอเตอรหมนสามารถวด ่ี  ุ ั กระแสไฟฟา 0.5 A แรงเคลื่อนไฟฟาดันกลับมอเตอรมีคา ก. 7.5 V ข. 5.5 V ค. 5.0 V ง. 4.5 V (ขอ ค) วิธทา ี ํ 5. มอเตอรเ ครองหนงใชกบแรงเคลอนไฟฟา 12 โวลต ขณะมอเตอรกาลงทางานจะเกดแรง ่ื ่ึ  ั ่ื  ํ ั ํ ิ เคลอนไฟฟาตานกลบ 10 โวลต และมกระแสผานมอเตอร 8 แอมแปร ขดลวดของมอเตอร ่ื   ั ี  มความตานทานเทาใด ี   (0.25) วิธทา ี ํ 6(มช 38) ในขณะทมอเตอรหมนดวยอตราเรวคงท่ี ขดลวดทอยภายในมอเตอรจะมี ่ี  ุ  ั ็ ่ี ู  1. โมเมนตของแรงคควบเปนศนยคงท่ี  ู  ู  2. ฟลกซแมเ หลกเปนศนยคงท่ี ั  ็  ู  3. กระแสไฟฟามากกวากระแสไฟฟาทผานมอเตอรในขณะเรมหมน    ่ี   ่ิ ุ 4. แรงเคลอนไฟฟาเหนยวนาเกดขนในทศตรงขามกบแรงเคลอนไฟฟาเดม ่ื  ่ี ํ ิ ้ึ ิ  ั ่ื  ิ (ขอ 4) 7(มช 30) ถามอเตอรติดขัดจนทําใหมอเตอรหยุดหมุนเปนเวลานานจะทําใหมอเตอรไหมเพราะ ก. มความเสยดทานเกดขนตามจดหมนเปน ี ี ิ ้ึ ุ ุ  ข. เกดแรงเคลอนไฟฟาเหนยวนาซงมทศตรงกนขามกบแรงเคลอนไฟฟาเดม ิ ่ื  ่ี ํ ่ึ ี ิ ั  ั ่ื  ิ ค. ไมมแรงเคลอนไฟฟาดนกลบเกดขน  ี ่ื  ั ั ิ ้ึ ง. ทาใหฟลกซแมเ หลกทผานขดลวดมการเปลยนแปลง เกดกระแสเหนยวนาขนเปน ํ  ั  ็ ่ี  ี ่ี ิ ่ี ํ ้ึ  จานวนมาก ํ (ขอ ค) 100
  • 5. Physics Online V http://www.pec9.com บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2) วงจรกรองกระแส วงจรกรองกระแสเปนวงจรทใชเ ปลยนกระแสไฟฟาตรงโดยการนาไดโอดไปตออนกรม  ่ี ่ี  ํ  ุ กับแหลงกําเนิดไฟฟาสลับ ไฟฟาทผานไดโอดออกมาจะเปนไฟฟากระแสตรงทมคาไมสมา  ่ี    ่ี ี   ํ่ เสมอวงจรกรองกระแสนี้ อาจดดเปนประเภทครงคลนหรอเตมคลนได ั  ่ึ ่ื ื ็ ่ื ไดโอดเปนอุปกรณทางไฟฟา ซึ่งยอมใหกระแสไฟฟาผานไดในทิศทางเดียว และเนองจากกระแสทไดจากเบองตนยงมคาไมสมาเสมอ ในวงจรกรองกระแสจงตอง ่ื ่ี  ้ื  ั ี   ํ่ ึ  เพมตวเกบประจเุ ขาไปอกตวหนงดงรป เพอทาใหกระแสไฟฟาตรงทไดออกมามคาสมาเสมอ ่ิ ั ็  ี ั ่ ึ ั ู ่ื ํ   ่ี  ี  ํ่ ⌫⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌦ 101
  • 6. Physics Online V http://www.pec9.com บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2) ตอนที่ 2 หมอแปลงไฟฟา   หมอแปลงไฟฟา คอ เครองมอทใชเ ปลยนความตางศกย (หรอ แรงเคลอนไฟฟา) ใหมีคาสูงขึ้น ื ่ื ื ่ี ่ี  ั ื ่ื  หรอตาลงตามตองการ หมอแปลงไฟฟามี 2 แบบใหญ ๆ คอ ื ํ่    ื 1. หมอแปลงขน (Set up Tramformer)  ้ึ ใชเ ปลยนความตางศกยจากตาเปนสง ่ี  ั  ํ่  ู 2. หมอแปลงลง (Step down Tranformer) ใชเ ปลยนความตางศกยจากสงเปนตา ่ี  ั  ู  ํ่ สวนประกอบของหมอแปลงไฟฟา 1. แกนเหล็กออน ทาดวยเหลกออนแผนบาง ๆ หลาย ๆ แผนวางซอนกน นยมตดเปน ํ  ็     ั ิ ั  สเ่ี หลยมจตรสกลางกลวงหรอตดเปนรปตว E ทาหนาทรวมเสนแมเ หลกจากขดลวด ่ี ั ุ ั ื ั  ู ั ํ  ่ี  ็ 2. ขดลวดปฐมภมิ (Pimarycoil) เปนขดลวดทปลอยใหกระแสเขา พนอยทขาขางหนง ู  ่ี    ั ู ่ี  ่ึ ของแกนเหลก ็ 3. ขดลวดทตยภมิ (Secondary) เปนขดลวดทสงกระแสไฟฟาออก จะพนอยทปลายอก ุ ิ ู  ่ี   ั ู ่ี ี ขางหนงของแกนเหลก  ่ึ ็ หลักการทํางานของหมอแปลงไฟฟา เมอใหแรงเคลอนไฟฟา (E1) ผานไปยงขดลวด ่ื  ่ื   ั ปฐมภมิ จะเกดสนามแมเ หลกวนรอบ ๆ ขดลวด ู ิ ็ ปฐมภมขน และฟลักซแมเหล็กที่เกิดขึ้น จะเหนยว ู ิ ้ึ ่ี นาใหเ กดแรงเคลอนไฟฟา(E 2) ทขดลวดทตยภมิ ํ ิ ่ื  ่ี ุ ิ ู ความสัมพันธ ของแรงเคลอนไฟฟาทงสองคอ ่ื  ้ั ื E1 N1 V1 E2 = N2 = V2 เมอ E1 , E2 = แรงเคลอนไฟฟาของขดลวดปฐมภมิ และทุติยภูมิ ตามลาดบ ่ื ่ื  ู ํ ั N1 , N2 = จานวนขดลวดปฐมภมิ และทุติยภูมิ ตามลาดบ ํ ู ํ ั V1 , V2 = ความตางศกยของขดลวดปฐมภมิ และ ทตยภมิ ตามลาดบ  ั  ู ุ ิ ู ํ ั ขอควรรู 1. หมอแปลงลง จะมคา E1 > E2 และ V1 > V2 และ N1 > N2 ี หมอแปลงขน จะมคา E1 < E2 และ V1 < V2 และ N1 < N2  ้ึ ี 102
  • 7. Physics Online V http://www.pec9.com บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2) 2. ถาหมอแปลง มประสทธภาพเตม 100% เราจะไดวา   ี ิ ิ ็  กําลังไฟฟาที่ขดลวดปฐมภูมิ = กําลังไฟฟาที่ขดลวดทุติยภูมิ P1 = P 2 I1 V1 = I2 V2 8(มช 27) กระแสไฟฟาสลบในขดทตยภมของหมอแปลงไฟฟาเกดขนไดเ นองจาก  ั ุ ิ ู ิ   ิ ้ึ ่ื ก. การเปลี่ยนแปลงสนามไฟฟา ข. การเปลยนแปลงสนามแมเ หลก ่ี ็ ค. แกนเหลกของหมอแปลงไฟฟา ็   ง. กระแสไฟฟาในขดปฐมภมิ  ู (ขอ ข) 9(En 44/1) หมอแปลงไฟฟาซึ่งใชไฟฟา 110 โวลต มขดลวดปฐมภมิ 80 รอบ ถาตองการให ี ู   หมอแปลงนสามารถจายไฟฟาได 2200 โวลต ขดลวดทตยภมตองมจานวนรอบเทาไร  ้ี   ุิ ู ิ ีํ  1. 8000 รอบ 2. 1600 รอบ 3. 2400 รอบ 4. 3200 รอบ (ขอ 2) วิธทา ี ํ 10(En 42/1) หมอแปลงไฟลงจาก 20000 โวลต เปน 220 โวลต เกดกาลงในขดลวดทตยภมิ  ิ ํ ั ุ ิ ู 5.4 กิโลวัตต หมอแปลงมประสทธภาพรอยละ 90 กระแสไฟฟาทผานขดลวดปฐมภมมคาเทาใด  ี ิ ิ   ่ี  ู ิ ี  1. 0.24 A 2. 0.27 A 3. 0.30 A 4. 0.54 A (ขอ 3) วิธทา ี ํ 11. เตารีดไฟฟาเครื่องหนึ่งมีความตานทาน 20 โอหม ใชกบความตางศกย 110 โวลต แตไฟฟาที่  ั  ั ใชกนตามบานมความตางศกย 220 โวลต จึงตองใชหมอแปลงไฟฟาชวยเมื่อใชเตารีดเครื่องนี้ ั  ี  ั ถาหมอแปลงไฟฟามีประสิทธิภาพ 75% จงหาคากระแสไฟฟาที่ไหลผานขดลวดปฐมภูมิ ก. 2.06 A ข. 3.7 A ค. 2.75 A ง. 11 A 103
  • 8. Physics Online V http://www.pec9.com บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2) วิธทา ี ํ 12(En 41/2) หมอแปลงเครองหนง มจานวนรอบของขดลวดปฐมภมตอจานวนรอบของขดลวด  ่ื ่ึ ี ํ ู ิ ํ ทตยภมเิ ปน 1 : 4 ถามกระแสและความตางศกยในขดลวดทตยภมเิ ทากบ 10 แอมแปร ุิ ู   ี  ั  ุ ิ ู  ั และ 200 โวลต ตามลาดบ จงหากระแสและความตางศกยในขดลวดปฐมภมิ ํ ั  ั  ู 1. 40 A และ 50 V 2. 50 A และ 40 V 3. 40 A และ 40 V 4. 50 A และ 50 V (ขอ 1) วิธทา ี ํ 13(En 38) หมอแปลงอดมคตตวหนงมจานวน  ุ ิ ั ่ึ ี ํ รอบของขดลวดปฐมภมเิ ปน 2000 รอบ ู  และ จานวนรอบของขดลวดทตยภมเิ ปน ํ ุิ ู  1000 รอบ เมอนามาใชในวงจรดงรป ขนาด ่ื ํ  ั ู ของฟวสทใชตองมคาอยางนอยทสดเทาไร   ่ี   ี    ่ี ุ  1. 2 2. 3 A 3. 5 A 4. 11 A (ขอ 2) วิธทา ี ํ 104
  • 9. Physics Online V http://www.pec9.com บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2) ตอนที่ 3 ลกษณะของไฟฟากระแสสลบ ั  ั เครองกาเนดไฟฟากระแสสลบซงหมนขดลวดตดสนามแมเ หลกดวยอตราเรวเชงมม ่ื ํ ิ  ั ่ึ ุ ั ็  ั ็ ิ ุ ขนาดหนง จะทาใหเ กดความตางศกย (แรงเคลอนไฟฟา) และกระแสไฟฟาเปลี่ยนแปลงตาม ่ึ ํ ิ  ั ่ื  เวลาดวยอตราเรวเชงมมเดยวกบอตราเรวเชงมมการหมนขดลวด  ั ็ ิ ุ ี ั ั ็ ิ ุ ุ เราสามารถหาคากระแสสลบ ณ. จดเวลาใด ๆ ไดจากสมการ  ั ุ it = im sin•t และ Vt = Vm sin•t เมอ it , Vt = กระแสไฟฟา , ความตางศักยไฟฟา ณ.เวลา t ใด ๆ ่ื im , Vm = กระแสไฟฟา , ความตางศักยไฟฟาสูงสุด • = อตราเรวเชงมมการหมนขดลวด ั ็ ิ ุ ุ • = 2° f f = ความถี่ของไฟฟากระแสสลับ 14. เครองกาเนดไฟฟากระแสสลบเครองหนงผลตกระแสไฟฟาไดสงสด 20 แอมแปร ความ– ่ื ํ ิ  ั ่ื ่ึ ิ   ู ุ ตางศักยสูงสุด 300 โวลต ความถี่กระแสไฟฟา 50 Hz จงหากระแสไฟฟา และความ 1 ิ ตางศักย ณ เวลา 600 วนาที หลงจากเปดเครอง ั  ่ื (10 A , 150 V) วิธทา ี ํ 105
  • 10. Physics Online V http://www.pec9.com บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2) คารากที่สองของกําลังสองเฉลี่ยของกระแสไฟฟาสลับ (Root Mean Square) คา rms อาจหาไดจากการทดลอง และคา rms ทีไดจากการทดลองอาจเรียกวา คายังผล ่ อาจหาไดจากการใชมเิ ตอรวด และคา rms ทีไดจากการใชมเิ ตอรวดอาจเรียกวา คามิเตอร ั ่ ั โดยทัวไปมิเตอรทใชวดกระแสจะออกแบบมาเพือใชวดคา rms โดยตรง ่ ่ี ั ่ ั ดังนันคาทีไดจากการใชมเิ ตอรวด มกเปนคา rms ้ ่ ั ั   ความสัมพันธ ระหวางคา rms และคาสูงสุด Irms = im 2 และ Vrms = Vm 2 เมือ irms ่ = กระแสไฟฟารากทีสองของกําลังสองเฉลีย ่ ่ im = กระแสไฟฟาสงสดของกระแสสลบ  ู ุ ั Vrms = ความตางศักยรากทีสองของกําลังสองเฉลีย ่ ่ vm = ความตางศักยสงสุดของกระแสสลับ ู 15(มช 40) ถากลาววาไฟฟาในบานมความตางศกย 220 โวลต หมายความวาความตางศกยสง      ี  ั   ั  ู สดมคากโวลต ุ ี  ่ี (ขอ 4.) 1. 110 2. 220 3. 0.707 x 220 4. 220 2 วิธทา ี ํ 16. แอมมเิ ตอรกระแสไฟฟาสลบตออนกรมกบหลอดไฟอานคาได 0.25 แอมแปร และโวลต   ั  ุ ั   มเิ ตอรไฟสลบตอครอมหลอดไฟอานความตางศกย 110 โวลต จงหากระแสสูงสุด (i0)  ั     ั ทไหลผานหลอดไฟและความตางศกยมากสด (v0) ครอมหลอดไฟ (0.354 A, 155.56 V) ่ี   ั  ุ วิธทา ี ํ 106
  • 11. Physics Online V http://www.pec9.com บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2) ตอนที่ 4 ตัวตานทาน ตัวเก็บประจุ และขดลวดเหนยวนาในวงจรกระแสสลบ ่ี ํ ั ตัวตานทานในวงจรไฟฟากระแสสลับ เมือมีกระแสไฟฟาสลับไหลผานตัวตานทาน ่ จะเกดความตางศกยครอมตวตานทานนน ิ  ั  ั  ้ั เราสามารถหาคาความตางศกยทเ่ี กดไดจาก   ั  ิ  V = i.R เมือ V คอ ความตางศกยครอมตวตานทาน ่ ื  ั   ั  i คอ กระแสไฟฟาทีไหลผานตัวตานทาน ื ่ R คอ คาความตานทาน (υ) ื   Vm = im⌡R Vrms = irms R และคากระแส ณ เวลาใดๆ หาคาไดจาก   iR = im sin • t และ vR = vm sin • t เมือ iR ,VR = กระแสทไหล และความตางศักยของตัวตานทาน ณ เวลา t ใด ๆ ่ ่ี im , Vm = กระแสทไหล และความตางศกยสงสดของตวตานทาน ่ี  ั  ู ุ ั  17(En 41/2) ในวงจรไฟฟากระแสสลบดงรูป ถา  ั ั โวลตมเิ ตอร V อานคาความตางศกยได 200     ั   R = 100 υ โวลต จงหากระแสสูงสุดทีผานความตานทาน R ่ V 1. 0.70 A 2. 1.41 A 3. 2.0 A 4. 4.8 A (ไมมีคําตอบที่ถูกตอง) วิธทา ี ํ 107
  • 12. Physics Online V http://www.pec9.com บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2) ตัวเก็บประจุในวงจรไฟฟากระแสสลับ เมือมีกระแสไฟฟาสลับไหลผานตัวเก็บประจุ ่ จะเกดความตางศกยครอมตวเกบประจนน ิ  ั  ั ็ ุ ้ั เราสามารถหาคาความตางศกยทเ่ี กดไดจาก   ั  ิ  V = i . XC และ XC = •1 C = 2°1 fC เมือ V คือ ความตางศักยครอมตัวเก็บประจุ ่ i คือ กระแสไฟฟาทีไหลผานตัวเก็บประจุ ่ Xc คือ คาความตานทานเชงความจุ (υ)   ิ C คือ คาความจุประจุ (ฟารัด) f คือ ความถกระแสไฟฟา (Hz) ่ี  Vm = im⌡Xc Vrms = irms⌡Xc และคากระแส ณ เวลาใด ๆ หาคาไดจาก   ic = im sin • t และ Vc = Vm sin (• t – 90o) เมือ ic ,Vc = กระแสทไหล และความตางศกยของตวเกบประจุ ณ เวลา t ใด ๆ ่ ่ี  ั  ั ็ im , Vm = กระแสทไหล และความตางศกยสงสดของตวเกบประจุ ่ี  ั  ู ุ ั ็ (• t – 90o) เปนมุมเฟส 18. เมือตอตัวเก็บประจุอนมีคาความตานทานเชิงความจุ 1000 υ เขากับวงจรไฟฟากระแส ่ ั  สลับ ปรากฏวาเกิดความตางศักยครอมตัวเก็บประจุ 3 โวลต จงหาปรมาณกระแสไฟฟา ิ  ทีไหลผานตัวเก็บประจุนน ่ ้ั (3 มิลลิแอมป) วิธทา ี ํ 108
  • 13. Physics Online V http://www.pec9.com บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2) 19. ความตางศักยครอมตัวเก็บประจุมคาเทาใด จงจะทาใหเ กดกระแสไฟฟา 3.14 mA ในวงจร ี ึ ํ ิ  ตว เก็บประจุทมความจุ 0.5 ↑F เมือความถีของกระแสไฟฟาเปน 1 kHz ั ่ี ี ่ ่ (1 โวลต) วิธทา ี ํ 20. ทีความถีเ่ ทาไรตัวเก็บประจุทมคาความจุ 5 มิลลิฟารัด จงจะมคาความตานทานตวเกบ ่ ่ี ี  ึ ี  ั ็ 7 ประจุ 22 υ (100 Hz) วิธทา ี ํ ขดลวดเหนี่ยวนําในวงจรไฟฟากระแสสลับ เมอมกระแสไฟฟาสลบไหลผานขดลวดเหนยว ่ื ี  ั  ่ี นํา จะเกดความตางศกยครอมขดลวดเหนยวนานน ิ  ั  ่ี ํ ้ั เราสามารถหาคาความตางศกยทเ่ี กดไดจาก   ั  ิ  V = i . XL และ XL= •L = 2°fL เมือ V คอ ความตางศกยครอมขดลวดเหนยวนา ่ ื  ั   ่ี ํ i คอ กระแสไฟฟาทไหลผานขดลวดเหนยวนา ื  ่ี  ่ี ํ XL คอ คาความตานทานเชงหนยวนา (υ) ื   ิ ่ี ํ L คอ คาความเหนยวนาของขดลวด (เฮนรี) ื  ่ี ํ f คอ ความถีกระแสไฟฟา (Hz) ื ่ Vm = im⌡XL Vrms = irms⌡XL 109
  • 14. Physics Online V http://www.pec9.com บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2) และคากระแส ณ เวลาใด ๆ หาคาไดจาก   iL = im sin • t และ VL = Vm sin (• t + 90o) เมือ iL ,VL = กระแสทไหล และความตางศกยของขดลวดเหนยวนา ณ เวลา t ใด ๆ ่ ่ี  ั  ่ี ํ im , Vm = กระแสทไหล และความตางศักยสงสุดของขดลวดเหนียวนํา ่ี ู ่ (• t + 90o) เปนมมเฟส  ุ 21. ตัวเหนียวนํา 0.07 เฮนรี ตอเปนวงจรกับแหลงกําเนิดไฟฟาสลับ ความตางศกย 220 V ่  ั 50 Hz จะเกดกระแสไหลในวงจรเทาไร ิ  (10 A) วิธทา ี ํ 22(มช 42) วงจรไฟฟากระแสสลบความถ่ี 50 เฮิรตซ ประกอบดวยตัวตานทาน 20 โอหม  ั ั ่ี ํ 20 ิ และตวเหนยวนา ° มลลิเฮนรี มีกระแสผาน 0.2 แอมแปร ความตางศกยระหวางปลาย  ั   ของตัวเหนียวนําจะมีคากีโวลต ่  ่ (0.4) วิธทา ี ํ 23(มช 37) วงจรกระแสสลับความถี่ 50 เฮรตซ ทีมตวตานทานตออนุกรมกับตัวเหนียวนํา ิ ่ ีั ่ วัดกระแสไฟฟาในวงจรได 0.1 แอมแปร ความตางศกยครอมตวเหนยวนา 22 โวลต  ั  ั ่ี ํ คาความเหนยวนาจะเปน  ่ี ํ  (ขอ 2.) 1. 14.4 ไมโครเฮนรี 2. 0.7 เฮนรี 3. 200 เฮนรี 4. 2.2 เฮนรี วิธทา ี ํ 110
  • 15. Physics Online V http://www.pec9.com บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2) 24(มช 41) วงจรกระแสไฟฟาสลบดงรูป มกระแส i เปน i = 5 sin 1000 t แอมแปร  ั ั ี  วดความตางศกยระหวางปลายของตวเหนยวนาได 70.7 โวลต จงหาคาความเหนยวนา ั  ั   ั ่ี ํ  ่ี ํ ของตวเหนยวนาในหนวยเฮนรี ั ่ี ํ  (ขอ 2.) 1. 12 x 10–3 2. 20 x 10–3 3. 28 x 10–3 4. 40 x 10–3 วิธทา ี ํ 25(En 41) สวนประกอบของวงจรไฟฟากระแสสลับตามรูป (ก) มีกระแสที่ผาน และความตาง ศกยระหวางปลายทงสองสมพนธกนตามรป (ข) ั   ้ั ั ั ั ู จงวเิ คราะหวาสวนประกอบของวงจรไฟฟานคอ    ้ี ื อะไร 1. ตัวเก็บประจุ 2. ขดลวดเหนียวนํา ่ 3. ตัวตานทาน 4. เปนวงจรผสมของขดลวดเหนียวนําและตัวตานทาน ่ (ขอ 1.) วิธทา ี ํ 26(มช 44) ตัวเหนียวนํา L = 50 มลลิเฮนร่ี มีกระแสสลับเปน i เมือ i = 3 sin 60 t แอมแปร ่ ิ ่ จงหาความตางศกยระหวางปลายของตวเหนยวนาน้ี เมอเวลา t ใด ๆ  ั   ั ่ี ํ ่ื 1. VL = sin 60 t 2. VL = 150 sin 60 t 3. VL = 150 cos (60t – ° ) 2 4. VL = 9 sin (60t + ° ) 2 (ขอ 4.) วิธทา ี ํ 111
  • 16. Physics Online V http://www.pec9.com บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2) ตอนที่ 5 วงจร RCL และ กําลังไฟฟากระแสสลับ การตอตัวตานทาน (R) ขดลวดเหนียวนํา (L) และตัวเก็บประจุ (C) แบบอนุกรม ่ สิงทีควรทราบ ่ ่ 1) iR = iC = iL = iรวม 2) Z = R 2 Ι (X L Κ X C ) 2 3) Vรวม = VR Ι (VL Κ VC ) 2 2 4) Vรวม = iรวม Z เมือ Z คือ ความตานทานเชงซอน (ความตานทานรวมของวงจร) ่  ิ  27(En 41/2) ในวงจรไฟฟากระแสสลับความถี่ 50 เฮรตซ ิ A XC = 40 υ ดังรูป ถาโวลตมิเตอร V อานคาความตางศกยได    ั  V  R = 30 υ 200 โวลต แอมมิเตอร A จะอานคากระแสไดกแอมแปร ่ี วิธทา ี ํ (4 A) 28(En 42/2) ถาวงจรประกอบดวยตัวตานทานขนาด 20 โอหม ขดลวดเหนียวนําทีมคาความ  ่ ่ ี ตานทานเชิงเหนียวนํา 30 โอหม และตัวเก็บประจุทมคาความตานทานเชิงประจุ 15 โอหม ่  ่ี ี   ตอกนอยางอนกรมและตอเขากบแหลงกาเนดไฟฟากระแสสลบ 220 โวลต ความถ่ี 50 เฮรตซ  ั  ุ   ั  ํ ิ  ั ิ จงหากระแสในวงจร (ขอ 4.) 1. 2.2 A 2. 4.4 A 3. 6.6 A 4. 8.8 A วิธทา ี ํ 112
  • 17. Physics Online V http://www.pec9.com บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2) 29(En 38) ขดลวดเหนียวนํา 0.2 เฮนรี่ และ ตัวเก็บประจุ 10 ไมโครฟารัด ตออนกรมกับ ่  ุ แหลงกาเนดไฟฟากระแสสลบทใหความตางศกยสงสด 100 โวลต และความเร็วเชิงมุม  ํ ิ  ั ่ี   ั  ู ุ • = 1,000 เรเดยนตอวนาที จงหากระแสทอานไดจากแอมมเิ ตอร ี  ิ ่ี   (ขอ 4.) 1. 1 A 2. 1 A 3. 2 A 4. 1 A 3 2 วิธทา ี ํ 30(มช 43) จากวงจรไฟฟากระแสสลับดังรูป คาความตาง R=30υ C=2↑F ศักย VR ครอมตัวตานทานมีคาเปน VR = 0.15 sin500t  VR VC จงหาคาความตางศักยสูงสุดครอมตัวเก็บประจุ (5 โวลต) วิธทา ี ํ 113
  • 18. Physics Online V http://www.pec9.com บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2) 31. จากวงจรไฟฟากระแสสลับดังรูป แหลงกําเนิดไฟ ฟากระแสสลับมีความถี่ 50 เฮิรตซ ใหคายังผล ของแรงเคลอนไฟฟา (Vrms) 100 โวลต เมอนา ่ื  ่ื ํ VR VL โวลตมเิ ตอรวดคายงผลของความตางศกยระหวาง  ั  ั  ั    ปลายของความตานทาน (VR) และ ระหวางปลาย ของตวเหนยวนา (VL) ไดคาเทากัน โวลตมเิ ตอรจะอานไดกโวลต ั ่ี ํ ่ี (ขอ 3) 1. 50 2. 100 3. 50 2 4. 100 2 วิธทา ี ํ ความถีเ่ รโซแนนซ พิจารณาสมการ Z = R 2 Ι (X L Κ X C ) 2 จะเหนวา เมือ XL = XC คาความตานทานเชิงซอนจะมีคาต่าสุด ทําใหกระแสไฟฟามีคาสูงสุด ็  ่  ํ  จาก XL = XC 2°fL = 1 2° fC (2°f)2 = 1 LC 2°f = LC 1 f = 1 2° LC ความถี่ที่ทําใหกระแสไฟฟาในวงจรมีคามากที่สุดนี้เรียก ความถเ่ี รโซแนนซ 114
  • 19. Physics Online V http://www.pec9.com บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2) การตอตัวตานทาน (R) ขดลวดเหนียวนํา (L) และตัวเก็บประจุ (C) แบบขนาน ่ สิงทีควรทราบ ่ ่ 1) VR = VC = VL = Vรวม 2) iรวม = i 2 Ι (i L Κ i C ) 2 R 3) Z =1 ( R ) 2 Ι ( X1 Κ X1 ) 2 1 L C 4) Vรวม = iรวม Z เมอ Z คือ ความตานทานเชงซอน (ความตานทานรวมของวงจร) ่ื  ิ  32. ตวเกบประจความตานทาน 100 โอหม ตวเหนยวนาความตานทาน ั ็ ุ  ั ่ี ํ  200 โอหม และตวตานทานขนาด 50 โอหม ตอกนอยางขนานกน ั   ั  ั แลวตอกับแหลงกําเนิดไฟสลับ 200 โวลต , 50 เฮิรตซ จะเกดกระ ิ แสไหลในวงจรเทาไร 1. 4 A 2. 17 A 3. 5 A 4. 7 A (ขอ 2.) วิธทา ี ํ การหากําลังไฟฟากระแสสลับ P = i V cos  เมือ P = ่ กําลังไฟฟาของวงจร (วตต) ั  i = กระแสรวมในวงจร (แอมแปร)  V = ความตางศักยรวมในวงจร (โวลต) cos  = R ( เรียก ตัวประกอบกําลัง ) Z 115
  • 20. Physics Online V http://www.pec9.com บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2) 33(En 44/2) ถาเฟสของกระแสยังผลและความตางศักยยังผลของวงจรไฟ ฟากระแสสลับเปนดังรูป กําลังไฟฟาเฉลี่ยที่สูญเสียในวงจรนี้มีคาเทาใด 1. 1.8 kW 2. 2.4 kW 3. 3.0 kW 4. 3.5 kW (ขอ 4.) วิธทา ี ํ 34. แรงดันไฟฟา e = 100sin± โวลต และ กระแสไฟฟา i = 10sin (±–60o) แอมแปร กําลังไฟฟา P เทากับผลคูณของ e และ i กําลังไฟฟาสูงสุดจะมีคาเทาใด (ขอ 3) 1. 750 วัตต 2. 1000 วัตต 3. 500 วัตต 4. 250 วัตต วิธทา ี ํ 35. จากรปวงจรตอไปน้ี กําหนดให V = 2 sin 500t ู  จงหาความตางเฟสระหวางกระแสไฟฟารวม I กับ R I ความตางศักยไฟฟารวม V 2υ C1,000 ↑F V 1. 30o 2. 45o 3. 60o 4. 90o (ขอ 2) วิธทา ี ํ พิจารณา P = i V R Z P = iiZ R Z เนื่องจาก V = i Z P = i2R เนื่องจาก i = VZ 2 P = ΦV Γ R Z 116
  • 21. Physics Online V http://www.pec9.com บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2) 36. ขดลวดเหนยวนา 0.03 เฮนรี และตัวตานทาน 40 โอหม ตออนกรมกบแหลงกาเนดไฟฟา ่ี ํ  ุ ั  ํ ิ  กระแสสลับ กระแสไฟฟาของวงจร( i ) มีคาดังสมการ i = 5 sin ( 1000t ) แอมแปร จงหา กําลังเฉลี่ยของวงจร (500 W) วิธทา ี ํ 37. ตัวเหนี่ยวนําและตัวตานทานตออนุกรมกันและตอกับแหลงกําเนิดไฟฟากระแสสลับที่มีกระ แสไฟฟาที่เวลา t (วินาที) ใดๆ i = 4 sin 100 °t ถาวงจรมความตานทานเชงเหนยวนา  ี  ิ ่ี ํ 20 โอหม และมความตานทานเชงซอนของวงจร 25 โอหม กาลงเฉลยของวงจรเปนกวตต ี  ิ  ํ ั ่ี  ่ี ั 1. 120 2. 160 3. 200 4. 240 (ขอ 1) วิธทา ี ํ 117
  • 22. Physics Online V http://www.pec9.com บทที่ 17 ไฟฟาและแมเหล็ก (2) 38. ขดลวดเหนยวนา 0.03 เฮนรี และตัวตานทาน 40 โอหม ตออนกรมกบแหลงกาเนดไฟฟา ่ี ํ  ุ ั  ํ ิ  กระแสสลับ ความตางศักยของวงจร( i ) มีคาดังสมการ V = 100 sin (1000t ) โวลต จงหา กําลังสูงสุดของวงจร (160 วัตต) วิธทา ี ํ 39(En 39) ขดลวดเหนยวนา 0.03 เฮนรี และตัวตานทาน 40 โอหม ตออนกรมกบแหลงกาเนด ่ี ํ  ุ ั  ํ ิ ไฟฟากระแสสลับ กระแสไฟฟาของวงจร ( i ) เปลี่ยนแปลงตามเวลา ( t ) ดังสมการ i = 5 sin (1000 t) แอมแปร จงหากําลังเฉลี่ยของวงจรและความตางศักยสูงสุดของวงจร เปนดงขอใด  ั  1. 500 W , 250 V 2. 875 W , 350 V 3. 1000 W , 220 V 4. 1250 W , 250 V (ขอ 1) วิธทา ี ํ ⌫⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌫⌦⌦ 118