More Related Content Similar to งานส่ง อ ลัดดาวัลย์ นางสาวสุกัญญา ทฤษฎีวัฒนธรรมองค์กร Similar to งานส่ง อ ลัดดาวัลย์ นางสาวสุกัญญา ทฤษฎีวัฒนธรรมองค์กร (20) งานส่ง อ ลัดดาวัลย์ นางสาวสุกัญญา ทฤษฎีวัฒนธรรมองค์กร2. ๑. ความหมายระหว่างวัฒนธรรม (Culture)
และ องค์การ (Organization)
วัฒนธรรม หมายถึง วิถีการดาเนินชีวิต (The way of life) ของคนในสังคม นับตั้งแต่
วิธีกิน วิธีอยู่ วิธี แต่งกาย วิธีทางาน วิธีพักผ่อน วิธีแสดงอารมณ์ วิธีสื่อความ วิธี
จราจรและขนส่ง วิธีอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะ วิธี แสดงความสุขทางใจ และหลักเกณฑ์
การดาเนินชีวิต โดยแนวทางการแสดงออกถึงวิถีชีวิตนั้นอาจเริ่มมาจาก เอกชนหรือ
คณะบุคคลทาเป็นตัวแบบ แล้วต่อมาคนส่วนใหญ่ก็ปฏิบัติสืบต่อกันมา วัฒนธรรม
ย่อมเปลี่ยนแปลง ไปตามเงื่อนไขและกาลเวลาเมื่อมีการประดิษฐ์หรือค้นพบสิ่งใหม่
วิธีใหม่ที่ใช้แก้ปัญหาและตอบสนองความ ต้องการของสังคมได้ดีกว่า ซึ่งอาจทาให้
สมาชิกของสังคมเกิดความนิยม และในที่สุดอาจเลิกใช้วัฒนธรรมเดิม ดังนั้นการ
รักษาหรือธารงไว้ซึ่งวัฒนธรรมเดิมจึงต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนา
วัฒนธรรมให้ เหมาะสมมีประสิทธิภาพตามยุคสมัย
3. ๑. ความหมายระหว่างวัฒนธรรม (Culture)
และ องค์การ (Organization)
องค์การ หรือ องค์กร (อังกฤษ: organization) หมายถึง บุคคลกลุ่มหนึ่งที่มา
รวมตัวกัน โดยมีวัตถุประสงค์หรือเป้ าหมายอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างร่วมกัน
และดาเนินกิจกรรมบางอย่างร่วมกันอย่างมีขั้นตอนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์
นั้น โดยมีทั้ง องค์การที่แสวงหาผลกาไร คือองค์การที่ดาเนินกิจกรรมเพื่อการ
แข่งขันทางเศรษฐกิจ เช่น บริษัท ห้างหุ้นส่วน ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าต่างๆ และ
องค์การที่ไม่แสวงหาผลกาไร คือองค์การที่ดาเนินกิจกรรมเพื่อ
สาธารณประโยชน์เป็นหลัก เช่น สมาคม สถาบัน มูลนิธิ เป็นต้น
4. ๒. ความหมายวัฒนธรรมองค์การ (Organizational Culture)
มีผู้ให้ความหมายของวัฒนธรรมองค์การไว้แตกต่างกัน ดังนี้
- วิเชียร วิทยอุดม (2551 : 398)
- พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต (2552 : 222)
- นิวสตรอม และเดวิส (Newstrom and Davis, 2002 : 91)
- รอบบินส์ (Robbins, 2003 : 525)
- ไชน์ (Schein, 2004 : 17)
วัฒนธรรมองค์การ หมายถึง กรอบแนวทางของระเบียบและแบบแผน
การประพฤติปฏิบัติอันเกิดจากค่านิยมความเชื่อที่เห็นได้จากพฤติกรรมของสมาชิก
ในองค์การว่าจะทาอะไร ทาอย่างไรที่ทาให้แต่ละองค์การมีลักษณะที่แตกต่างกันไป
ซึ่งองค์การมีความคาดหวัง และสนับสนุนการให้สมาชิกรับรู้ เข้าใจถึงกิจวัตรของ
องค์การและร่วมกันยึดถือปฏิบัติ
6. ๓. การสร้างวัฒนธรรมองค์การ
นอกจากนี้ เซอร์จิโอแวนนิ (Sergiovanni, 1988 : 106 - 108) ได้กล่าวว่า
วัฒนธรรมองค์การได้ก่อตัวขึ้นมาจากสิ่งต่อไปนี้
1. ประวัติของสถานศึกษา (School 's history)
2. ความเชื่อ (Beliefs)
3. ค่านิยม (Values)
4. ปทัสถานและมาตรฐาน (Norms and Standard)
5. รูปแบบของพฤติกรรม (Patterns of Behavior)
7. ๔. ประเภทของวัฒนธรรมองค์การ (Type of OrganizationalCulture)
วัฒนธรรม ัง ององค์การ (Four Corporate Cultures)
ความยืดหยน
ภาว วดลอม
ภาย น
วัฒนธรรม เครือ าติ
(Clan Culture)
มีค่านิยมเน้น : - ความร่วมมือ
- ความเอื้ออาทร
- รักษาข้อตกลง
- ความเป็นธรรม
- ความเสมอภาค
ทางสังคม
วัฒนธรรม รั ตัว
(Adaptability Culture)
มีค่านิยมเน้น : - ความริเริ่ม
- การทดลอง
- ความกล้าเสี่ยง
- ความอิสระ
- ความสามารถ
ตอบสนอง
ภาว วดลอม
ภายนอกวัฒนธรรม ราชการ
(Bureaucratic Culture)
มีค่านิยมเน้น : - ความประหยัด
- ความเป็นทางการ
- ความสมเหตุผล
- ความเป็นระเบียบ
- ความเคารพ
เชื่อ ัง
วัฒนธรรม มงผล าเรจ
(Achievement Culture)
มีค่านิยมเน้น : - มุ่งการแข่งขัน
- ความสมบูรณ์
แบบ
- ปฏิบัติเชิงรุก
- ความเ ลียว ลาด
- ความริเริ่มส่วน
บุคคล
ความมันคง
มา : Daft, R.L. (2002). The leadership experience
8. การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์การ (Changing Of Organizational Culture)
1. เมื่อองค์การเกิดวิกฤตการณ์หรือเจอปัญหาใหญ่
2. เมื่อมีการเปลี่ยนตัวผู้นาระดับสูง
3. เมื่อมีการควบรวมกิจการเกิดขึ้น
4. ในกรณีที่องค์การมีขนาดเล็กและก่อตั้งมาไม่ยาวนาน
5. เมื่อองค์การมีวัฒนธรรมที่อ่อนแอ
9. การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์การ (Changing Of Organizational Culture)
Robbins และ Coulter (2002)เสนอแนวทางเพื่อการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์การ ไว้ดังนี้
1. วิเคราะห์สภาพวัฒนธรรมองค์การ
2. ทาความเข้าใจกับพนักงาน
3. แต่งตั้งผู้นาที่มีวิสัยทัศน์ใหม่
4. ทาการปรับโครงสร้างและปรับองค์การให้เหมาะสม
5. สร้างเรื่องเล่าและพิธีกรรมใหม่
6. ปรับเปลี่ยนกระบวนการคัดเลือกและกระบวนการเรียนรู้ทาง
สังคม ประเมินผล ระบบรางวัลแรงจูงใจ
10. แรงผลักดันต่อการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์การ
สาหรับศตวรรษที่ 21 มีด้วยกัน 8 ประการ ดังนี้
1. โลกาภิวัฒน์และเศรษฐกิจโลก
2. เทคโนโลยี
3. การปฏิรูปและการปรับเปลี่ยนในโลกแห่งการทางาน
4. อิทธิพลของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
5. ความรู้และการเรียนรู้ได้กลายเป็นสินทรัพย์ที่สาคัญต่อองค์การ
6. ความคาดหวังและบทบาทที่กาลังเปลี่ยนไปของคนทางาน
7.ความหลากหลายในที่ทางานและการเคลื่อนย้ายของแรงงาน
8. ความสับสนยุ่งเหยิงและการเปลี่ยนแปลงที่ทวีขึ้นอย่างรวดเร็ว
11. ๗. ปัจจัยที่สามารถทาให้องค์การบรรลุประสิทธิ์ผล
จากการศึกษาของ Daniel R. Denison (1990) ในปัจจัยด้านวัฒนธรรม
องค์การและประสิทธิผลขององค์การ พบว่าวัฒนธรรมองค์การจะส่งผลต่อ
ประสิทธิผล (Effectiveness) ขององค์การเป็นอย่างมาก เมื่อวัฒนธรรมนั้น
ก่อให้เกิด
๑. การผูกพัน (Involvement)
๒. การปรับตัว (Adaptability)
๓. การประพฤติปฏิบัติได้สม่าเสมอ (Consistency)
๔. มีภารกิจ (และวิสัยทัศน์) ขององค์การที่เหมาะสม
13. เดนิ ัน (Denison, ๑๙๙๐) พบว่าวัฒนธรรมองค์การที่ส่งผลต่อ
ประสิทธิผลขององค์การตามที่ต้องการได้ เมื่อวัฒนธรรมนั้นก่อให้เกิดลักษณะ
ทั้ง ๔ ส่วน คือ
๘. แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับปัจจัยด้านวัฒนธรรมองค์การ
๑. การผูกพันและการมีส่วนร่วมในการทางาน
๒. การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทั้งภายนอก
และภายในองค์การ
๓. การประพฤติปฏิบัติที่สม่าเสมอ
๔. มีพันธกิจที่ชัดเจน
14. มคกิลไคร ต์ ล คณ (MacGilchrist and others, ๑๙๙๕)ได้สรุปว่า
วัฒนธรรมโรงเรียนจะถูกส่งผ่านมิติทั้ง ๓ ระดับที่สัมพันธ์กัน คือ
๘. แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับปัจจัยด้านวัฒนธรรมองค์การ
๑. ความสัมพันธ์ทางวิชาชีพ
๒. การเตรียมการองค์การ
๓. โอกาสเพื่อการเรียนรู้
กรูเอนเนอร์ ล วาเลนไ น์ (Gruenert and Valentine, 1998 cited in
Matthew Ohlson, 2009) ได้สรุปว่าวัฒนธรรมโรงเรียน ประกอบด้วย
4 องค์ประกอบสาคัญ คือ
๔. การมีเป้าประสงค์ที่ชัดเจน
๑. การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม
๒. การให้ความร่วมมือของครู
๓. การพัฒนาวิชาชีพ
15. ทฤษฎีของการเรียนรู้วัฒนธรรมองค์การ
องค์กรทฤษฎี Z และวัฒนธรรม
1. การจ้างงานระยะความผูกพันต่อองค์การ
2. การตัดสินใจมีส่วนร่วมกับการทาความร่วมมือ
และการทางานเป็นทีม
3. ความรับผิดชอบส่วนบุคคลสาหรับการตัดสินใจ
กลุ่มความน่าเชื่อถือและความจงรักภักดีของกลุ่ม
4. การวางแนวแบบองค์รวมยึดหลักความเสมอ
ภาคของมนุษย์ทุกคนในความรู้สึกของพนักงาน
รักษาความปลอดภัยและความมุ่งมั่นต่อองค์กร;
ผู้เข้าร่วมเป็นลงทุนในองค์กร
William G. Ouchi
(วิลเลี่ยม โออุชิ)
16. ๙. ทฤษฎีของการเรียนรู้วัฒนธรรมองค์การ
ทฤษฎี A เป็นแนวความคิดการจัดการของสหรัฐอเมริกาซึ่งองค์การเน้น
การจ้างงานระยะสั้น พนักงานมีส่วนร่วมและความรับผิดชอบต่อองค์การน้อย
ทฤษฎี J เป็นแนวความคิดการจัดการของญี่ปุ่นซึ่งองค์การเป็นการจ้างงาน
ตลอดชีพ พนักงานมีส่วนร่วมและความรับผิดชอบต่อองค์การสูง
ทฤษฎี Z เป็นแนวความคิดการจัดการประสมประสาน ระหว่างญี่ปุ่นและ
สหรัฐอเมริกาโดยเน้นการจ้างงานระยะยาวมีการตัดสินใจและความรับผิดชอบ
ร่วมกัน
17. ทฤษฎีของการเรียนรู้วัฒนธรรมองค์การ
Robert H.Waterman JR–
1. มุ่งเน้นการปฏิบัติ (a bias for action)
2. มีความใกล้ชิดกับลูกค้า(close to the customer)
3. มีความอิสระในการทางานและความรู้สึกเป็นเจ้าของกิจการ
(autonomy and entrepreneur-ship)
4. เพิ่มผลผลิตโดยอาศัยพนักงาน (productivity through people)
5. สัมผัสกับงานอย่างใกล้ชิดและความเชื่อมั่นในคุณค่าเป็น
แรงผลักดัน
(hands-onand value driven)
6. ทาแต่ธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญและเกี่ยวเนื่อง (stick to the knitting)
7. รูปแบบเรียบง่ายธรรมดา พนักงานอานวยการหรือส่วนกลางมีจากัด
(simple form and lean staff)
8. เข้มงวดและผ่อนปรนในเวลาเดียวกัน (simultaneous loose-tight
properties)Thomas J. Peters
หนังสือ In Search of Excellence
18. ทฤษฎีของการเรียนรู้วัฒนธรรมองค์การ
Luther Gulick
แนวคิด ภาระหน้าที่ที่สาคัญของนักบริหาร POSDCoRB ใน
บทความ Paper on the Science of Administration: Notes on the
Theory of Organization”
POSDCoRB เป็นเครื่องมือสาคัญสาหรับผู้บริหาร
POSDCoRB คือ หลักในการบริหารจัดการองค์กรที่ใช้กันทั้ง
ในภาครัฐ และ เอกชน ที่ผู้มีอานาจบริหารมีหน้าที่ และ
บทบาทการบริหารอยู่ 7 ประการ คือ
1. P = Planning การวางแผน
2. O = Organizing การจัดการองค์กร
3. S = Staffing การจัดการด้านบุคคลากร
4. D = Directing การควบคุมสั่งการ
5. Co = Coordinating การประสานงาน
6. R = Report การรายงาน
7. B = Budgeting การจัดการงบประมาณ
19. กรณศึกษา
วัดโ ธรวรมหาวิหาร ชหลัก POSDCoRB โดยนาไ รั ชกั ความ ัด ยง เกิด ึน นวัด นชวงเ ลยน
ผานเจาอาวา รู หมเ ามารั ตา หนง ซึงมความ ตกตาง น นว าง ริหาร ล วิ ัย ัศน์
มการนาหลัก POSDCoRB มา รั ช นการวางหลักการ ริหารเพืออนาคต ดังน
1. คลากร นวัด มพร งค์ มความ ตกตาง นถิน มา ล ร ดั การศึกษาจึง าการ งเ ริม
คคลากรดวยการ งเ ริมดานการศึกษาดวยการจัดตังโรงเรยนพร ริยัติธรรมวัดโ ธรวราราม จ เหน
ไดวา มการ ชหลัก ฤษฏ างดานการวาง ผน (Planning)ดาน คลากร (Staffing) ล ดาน
ง ร มาณ (Budgeting)
2. นชวงเ ลยนผานตา หนงเจาอาวา มาเ นรู ัจจ ัน มความเหน ตกตาง นองค์กร างก
นั นน างกไมเหนดวย จึง า หอานาจการ ังการ องเจาอาวา รู ัจจ ันยังไมมนาหนักเ า ควร จึง
นาหลักการ คว คม ังการ (Directing) นามา ช รั รง
3. เมือมการไม ฏิ ัติตามนโย าย องเจาอาวา รู หม กม ลงโ ษ เพือเ นการคว คมดู ล ห
คลากร วน ห มความเ า จ นหนา อง ตล รู
4. ม ผนงาน นการ นั นน หวัดไดมนโย าย นการจัด าพิพิธภัณฑ์เพือการศึกษาพร ธรรม
งงานหนา รั ผิดชอ น ตล วน า หมการ หความรวมมือกันมาก ึน
ใครได้ทำทฤษฎีของ Luther Gulick ไปใช้