SlideShare a Scribd company logo
1 of 24
Download to read offline
ประเภทของทรัพยากรธรรมชาติ

อาชีพอุตสาหกรรม มีความสัมพันธ์ กับทรัพยากร
ประเภทใดนันขึนอยู่กับประเภทของ อุตสาหกรรม
้ ้
เช่ น อุตสาหกรรมผลิตปลากระปองมีความสัมพันธ์
๋
กับการใช้ ทรั พยากรนํา ทรัพยากรสัตว์ นํา ทรัพยากร
้
้
พืช ทรั พยากรดิน ทรั พยากรนํามัน ทรัพยากรแร่
้
ดังนี ้
นํา
้

•

มีความสําคัญในทุกขันตอนของการผลิต ตังแต่ ขันตอนการ
้
้
้
ล้ างทําความสะอาดปลา การชําแหละ การต้ ม การนึ่ง รวมทัง
้
เป็ นวัตถุดบในการผลิตด้ วย พบว่ านําทิงที่เกิดจากกระบวนการ
ิ
้ ้
เหล่ านี ้ มักมีพวกสารอินทรี ย์และเศษชินส่ วนต่ าง ๆ ของปลา
้
เป็ นองค์ ประกอบ ซึ่งถ้ าหากปล่ อยนําทิงเหล่ านี ้ ลงสู่แหล่ งนํา
้ ้
้
ธรรมชาติ โดยไม่ มีการบําบัดจะทําให้ เกิดนําเน่ าเสียได้ สัตว์ นํา
้
้
ได้ แก่ ปลาชนิดต่ าง ๆ ซึ่งได้ มาจากทรั พยากรนําจืดและนําเค็ม
้
้
ซึ่งพบว่ าในปั จจุบัน ปลาที่จับได้ จากธรรมชาติค่อนข้ างมีปริมาณ
น้ อย จึงต้ องใช้ วธีการเพาะเลียงปลา เพื่อปอนโรงงาน
ิ
้
้
อุตสาหกรรมทดแทน เพื่อให้ มีปริ มาณเพียงพอกับความ
ต้ องการในการผลิต พืช ที่ใช้ เป็ นวัตถุดบในการผลิต ได้ แก่
ิ
มะเขือเทศ พริ กและพวกเครื่ องเทศต่ าง ๆ ซึ่งส่ วนใหญ่ ได้ มา

้
จากการทําเกษตรกรรมอีกทอดหนึ่ง ดังนันโรงงาน

อุตสาหกรรมจึงต้ องหาแหล่ งที่จะผลิตวัตถุดบ
ิ
และปอนให้ กับโรงงานให้ เพียงพอกับความ
้
ต้ องการ ซึ่งเกษตรกรก็ต้องเพิ่มผลผลิตทาง
การเกษตร โดยใช้ สารเคมีเข้ าช่ วยซึ่งอาจ
ส่ งผลกระทบต่ อทรั พยากรดินและนําได้
้
เป็ นแหล่ งที่สาคัญต่ อการผลิตพืชผล
ํ
ทางการเกษตร ดังที่ทราบกันมาแล้ ว
เกษตรกรใช้ ประโยชน์ จากดินโดยการใช้
สารเคมีเข้ าช่ วยในกระบวนการเพาะปลูก
เพื่อให้ มีผลผลิตเพียงพอเพื่อปอน สู่ตลาด
้
และโรงงานอุตสาหกรรม เพราะฉะนันอาจ
้
ส่ งผลกระทบต่ อทรั พยากรดินที่เกิดการ
ปนเปื ้ อนสารเคมี นํามัน ใช้ เป็ นแหล่ ง
้
เชือเพลิงในการทําความร้ อน ฆ่ าเชือใน
้
้
กระบวนการผลิต เช่ น ใช้ ใน การต้ มปลา การ
ปรุ งรส การฆ่ าเชือ การบรรจุ ตลอดจนการ
้
ขนส่ งสินค้ าซึ่งปริมาณการใช้ ค่อนข้ างมาก แร่
ใช้ เป็ นแหล่ งของวัสดุในการบรรจุผลิตภัณฑ์
เช่ น จําพวกกระปองที่ทาจากแร่ อะลูมเนียม
๋
ํ
ิ
สังกะสี สเตนเลส เป็ นต้ น

ดิน
อากาศ

การเพิ่มขึนของแก๊ ส CO2 ใน
้
บรรยากาศ เกิดจากสาเหตุดงนีคือ
ั ้
การเผาไหม้ สารอินทรีย์และ
เชือเพลิงฟอสซิล การทําลายป่ าไม้
้
ทําให้ ปริมาณแก๊ ส CO2 สะสมอยู่
ในบรรยากาศในปริมาณมาก
รวมทังพืชซึ่งมีบทบาทสําคัญในการ
้
นํา CO2 ไปใช้ ใน การสังเคราะห์
ด้ วยแสงก็ลดลง ส่ งผลกระทบต่ อ
สิ่งมีชีวิตคือทําให้ อุณหภูมิของโลก
ร้ อนขึน ทําให้ เกิดความแห้ งแล้ ง
้
ขาดแคลนนํา
้
อันเนื่องมาจากฝนไม่ ตกตามฤดูกาล

•
• มลสารที่ทาให้ เกิดการปนเปื ้ อนในอากาศ
ํ
• แบ่ งเป็ น 2 ประเภทคือ
• 1. อนุภาคหรื อฝุ่ นละออง (particulate matter) เป็ นมลสารที่อยู่ในสภาพ
ของแข็งหรื อ ของเหลวที่อุณหภูมและความดันปกติมีขนาด 0.1-2.0
ิ
ไมโครเมตร ซึ่งได้ แก่ ฝุ่ น (dust) ควัน (smoke) ไอควัน (fume) หมอก (fog)
ละอองนํา (moist)
้
2. แก๊ สและไอระเหย เป็ นมลสารที่อยู่ในสภาพแก๊ ส ได้ แก่
คาร์ บอนมอนอกไซด์ ออกไซด์ ของกํามะถัน ออกไซด์ ของไนโตรเจน
ไฮโดรคาร์ บอน คาร์ บอนไดออกไซด์ แหล่ งที่ทาให้ เกิดมลพิษทางอากาศ
ํ
ได้ แก่ อะไรบ้ าง
แหล่งกําเนิดมลพิษทางอากาศแบ่งได้ 2 ลักษณะคือ

1. แหล่ งกําเนิดตามธรรมชาติ เช่ น ภูเขาไฟระเบิด ทําให้ เกิดแก๊ สซัลเฟอร์ ได
ออกไซด์
ไฟไหม้ ป่าทําให้ เกิดควันและแก๊ ส CO2 ฝุ่ นละอองของไฮโดรคาร์ บอน การเน่ า
เปื่ อย ของพืชทําให้ เกิดแก๊ สมีเทน นอกจากนียังมีละอองเรณูของดอกไม้
้
กัมมันตรั งสีท่ ีมีอยู่ ตามธรรมชาติ อนุภาคสารต่ าง ๆ จากดินที่ถกพัดพาขึนไป
้
ู
แขวนลอยในอากาศ ฝุ่ นละออง จากลมพายุ แก๊ สธรรมชาติ แผ่ นดินไหว
2. แหล่ งกําเนิดที่เกิดจากการกระทําของมนุษย์
2.1 แหล่ งกําเนิดที่เคลื่อนที่ได้ (mobile source) ได้ แก่ การจราจร การคมนาคม ซึ่ง
ส่ วนใหญ่ มาจากการเผาไหม้ เชือเพลิง
้
2.2 แหล่ งกําเนิดที่อยู่กับที่ ได้ แก่ โรงงานอุตสาหกรรมต่ าง ๆ ที่ใช้ เชือเพลิง เช่ น
้
นํามันต่ าง ๆ แก๊ สต่ าง ๆ รวมทังการปล่ อยแก๊ สและควันจากโรงงานด้ วย การ
้
้
ก่ อสร้ าง การระเบิดหิน การทําเหมืองแร่ แหล่ งเกษตรกรรม การทิงสิ่งปฏิกูล
้
ผลกระทบจากมลพิษทางอากาศ ตัวอย่ างของผลกระทบจาก
การเกิดมลพิษทางอากาศ เช่ น
การลดลงของโอโซน
ความสําคัญของโอโซน โอโซนส่ วนใหญ่ อยู่ในบรรยากาศชันสตราโตสเฟี ยร์
้
สูงจากพืนผิวโลกขึนไป 12-50 กิโลเมตร เมื่อรั งสีจากดวงอาทิตย์ ส่องมายังผิวโลก รั งสี
้
้
ส่ วนหนึ่งจะเป็ นรั งสีคลื่นสันหรือรังสีอัลตราไวโอเลต จะถูกโอโซนดูดกลืนไว้ และ
้
บางส่ วนจะถูกสะท้ อนกลับหรือกระจายไปในบรรยากาศ โอโซนจึง ทําหน้ าที่ปองกัน
้
ไม่ ให้ รังสีอัลตราไวโอเลตส่ องลงมาบนผิวโลก ซึ่งก่ อให้ เกิดอันตรายต่ อพืชและสัตว์ ได้
หากปราศจากโอโซนแล้ วสิ่งมีชีวตบนโลกจะไม่ สามารถเจริญเติบโตได้ โอโซน
ิ
ประกอบด้ วยออกซิเจน 3 อะตอม ซึ่งเกิดขึนโดยธรรมชาติ คือ แสงอาทิตย์ ท่ มีรังสี
้
ี
อัลตราไวโอเลตที่ช่วงคลื่น 180-240 นาโนเมตร เป็ นตัวเร่ งปฏิกริยาทําให้ โมเลกุลของ
ิ
ออกซิเจน (O2) แตกออกเป็ นอะตอมออกซิเจน (O) แล้ วไปรวมตัวกับโมเลกุลของ
ออกซิเจนได้ เป็ นโอโซน (O3) ดังสมการ บรรยากาศชันสตราโตสเฟี ยร์ ท่ มีความสูง 20้
ี
25 กิโลเมตร เป็ นช่ วงที่มีโอโซนหนาแน่ น มากที่สุด
ข้ อดีของโอโซน มนุษย์ นําโอโซนมาใช้ ประโยชน์ ดังนี้
1. ใช้ ในอุตสาหกรรมอาหารทางการเกษตร ช่ วยในการเก็บ
รั กษาพืชผล ในไข่ ไก่ สามารถใช้ โอโซนในการทําลายแบคทีเรี ย
2. ใช้ ในการทําให้ อากาศสะอาดปราศจากกลิ่นเหม็น
3. ใช้ ทาความสะอาดขวดบรรจุนําอัดลม
ํ
้
4. ใช้ ในกระบวนการผลิตไวน์ นําผลไม้ เหล้ า ฯลฯ
้
5. ใช้ ในการฆ่ าเชือโรคในนําเช่ นเดียวกับการเติมคลอรีน
้
้
6. ใช้ ในการทําลายสีในแม่ นําที่เกิดจากดินหรือพืชใต้ นําทําให้
้
้
นํามีสีตามธรรมชาติ
้
ทรัพยากรป่ าไม้

• 1. ป่ าไม้ ให้ ประโยชน์ แก่ มนุษย์
ทางตรง
• คือ มนุษย์ นําผลผลิตจากป่ าไม้ หรื อ
ผลิตภัณฑ์ ท่ มีอยู่ในป่ ามาใช้ เพื่อเป็ น
ี
ปั จจัยสี่ในการดํารงชีวต เช่ น ในด้ าน
ิ
อาหาร มนุษย์ นํา พืชและสัตว์ ท่ อาศัย
ี
อยู่ในป่ ามาเป็ นอาหาร ในด้ านที่อยู่
อาศัยมนุษย์ นําไม้ มาใช้ ในการ
ก่ อสร้ างที่อยู่อาศัย ทําเครื่ องเรือนและ
ทําเครื่ องประดับตกแต่ งบ้ านจาก
ผลิตผลของ ป่ าประเภทรากไม้ เขา
สัตว์ กระดูกสัตว์ เป็ นต้ น ในด้ าน
เครื่ องนุ่งห่ ม มนุษย์ ใช้ เส้ นใยพืช มา
ถักทอเป็ นเครื่ องนุ่งห่ ม และในด้ าน
ของยารั กษาโรคมนุษย์ ใช้ ผลิตภัณฑ์
ของป่ าทังพืช และสัตว์ มาใช้ เป็ นยา
้
รั กษาโรคและนํามาทําผลิตภัณฑ์ ของ
เครื่ องสําอางต่ าง ๆ เป็ นต้ น
ทรัพยากรป่ าไม้ (ต่ อ)
• 2. ป่ าไม้ ให้ ประโยชน์ แก่ มนุษย์ ทางอ้ อม

• คือ เป็ นแหล่ งหมุนเวียนสารในระบบนิเวศ ช่ วยปองกันลมพายุ นําท่ วม
้
้
การชะล้ างพังทลายของดิน เป็ นแหล่ งเรี ยนรู้ ตามธรรมชาติ แหล่ ง
พักผ่ อนหย่ อนใจ เป็ นต้ น
•

สถานการณ์ พนที่ป่าไม้ ในภาคต่ าง ๆ ยังมีปริมาณค่ อนข้ างน้ อย เมื่อเทียบกับพืนที่
ื้
้
ของภาค โดยพบว่ าภาคเหนือมีพนที่ป่าไม้ มากที่สุดคือประมาณร้ อยละ 55.88 ของพืนที่
ื้
้
ทังหมดของภาค ส่ วนภาคอื่น ๆ มีพนที่ป่าไม้ ไม่ ถงร้ อยละ 50 ของพืนที่ทงหมดของภาค
้
ื้
ึ
้ ั้
โดยพบว่ าภาคกลาง / ภาคตะวันออก / ตะวันตก มีพนที่ป่าไม้ รองลงมาร้ อยละ 29.63
ื้
ภาคใต้ ร้อยละ 24.74 และภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้ อยละ 15.82 เพราะเหตุใดพืนที่ป่าไม้
้
เพื่อการอนุรักษ์ ในภาคเหนือจึงมีมากกว่ าภาคอื่น ๆ
เพราะลักษณะภูมประเทศเป็ นภูเขาสูง จึงไม่ เหมาะแก่ การเพาะปลูกและเป็ นที่อยู่
ิ
อาศัย หรือแถบภูเขาสูงมีผ้ ูคนเข้ าไปอาศัยอยู่น้อย และการคมนาคมค่ อนข้ างลําบาก ส่ วน
ใหญ่ จะมีพวกชนเผ่ าน้ อยกลุ่มต่ าง ๆ ที่อาศัยอยู่เท่ านัน การลักลอบตัดไม้ ออกมาจึงทําได้
้
ค่ อนข้ างยาก ดังนันป่ าจึงยังคงสภาพอยู่ได้ และเป็ นแหล่ งของต้ นนําลําธารที่สาคัญอีก
้
้
ํ
ต่ อไป
•

ทรัพยากรสั ตว์ ป่า
สัตว์ ป่าสงวน หมายถึง สัตว์ ป่าหายากมีทงหมด 15 ชนิดคือ แรด
ั้
กระซู่ กูปรี หรือโคไพร ควายป่ า ละองหรื อละมั่ง เนือสมัน กวางผา
้
เลียงผา นกเจ้ าฟาหญิง สิรินธร นกแต้ วแร้ วท้ องดํา นกกระเรียน แมว
้
ลายหินอ่ อน สมเสร็จ เก้ งหม้ อ พะยูน หรื อหมูนํา สัตว์ ป่าทัง 15 ชนิด
้
้
นีห้ามล่ าโดยเด็ดขาดเว้ นแต่ จะทําเพื่อการศึกษา หรื อ เพื่อกิจการของ
้
สวนสัตว์ สาธารณะ โดยต้ องขออนุญาตจากกรมป่ าไม้ ซากของสัตว์
ป่ า เหล่ านีจงห้ ามมีไว้ ในครอบครอง ยกเว้ นจะได้ รับอนุญาตจากทาง
้ึ
ราชการ
ทรัพยากรสั ตว์ ป่า (ต่ อ)
สัตว์ ป่าคุ้มครอง หมายถึง สัตว์ ป่าที่มีพระราชบัญญัตไว้ แบ่ งเป็ น 2 ประเภทคือ
ิ
สัตว์ ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 สงวนไว้ เพื่อประดับความงามตามธรรมชาติ
หรื อสงวนไว้ มให้ จํานวนลดลง สัตว์ ประเภทนีห้ามล่ า เว้ นแต่ จะได้ รับอนุญาตจาก
ิ
้
กรมป่ าไม้ ก่อน สัตว์ ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 มีทังสิน 166 รายการ เช่ น ช้ าง ชะมด
้ ้
กระรอก ลิง ชะนี ค่ าง เม่ น นาก แมวป่ า เสือปลา อีเห็น หนูหริ่ง และหมาไม้
นอกนันเป็ นนกอีก 130 ชนิด เช่ น นกกวัก นกกาบบัว นกขุนทอง นกเงือก นกเขา
้
ไฟ เป็ นต้ น
สัตว์ ป่าคุ้มครองประเภทที่ 2 มีทังหมด 29 ชนิด เช่ น กระทิง กวาง กระจง วัว
้
แดง เสือโคร่ ง เสือดาว อีเก้ ง หมีคน หมีควาย และนกอื่น ๆ อีก 19 ชนิด เช่ น นก
กระสา นกแขวก นกอีโก้ ง และไก่ ป่า เป็ นต้ น สัตว์ ป่าคุ้มครองประเภทที่ 2 ก่ อนล่ า
ต้ องได้ รับ อนุญาตจากทางราชการ และต้ องปฏิบัตอย่ าง เคร่ งครั ดเกี่ยวกับวิธีการ
ิ
อาวุธที่ใช้ สถานที่และระยะเวลาที่ทาการล่ า
ํ
การใช้ ประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาและการ
จัดการ
การใช้ ประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาและการจัดการ (ต่ อ)
• ดิน การใช้ ทรัพยากรดินอย่ างยั่งยืน ควรปฏิบัตดังนี ้
ิ

1. การนําพืนที่ดนมาใช้ ประโยชน์ ให้ ถูกวิธี เช่ น พืนที่ดนที่มีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะ
้ ิ
้ ิ
แก่ การเกษตรก็ควรจะใช้ เพื่อการเพาะปลูกหรื อเลียงสัตว์ พืนที่ดนที่เป็ นแหล่ งของต้ นนํา
้
้ ิ
้
ลําธารก็ควรใช้ เพื่อ การปลูกป่ าไม้ พืนที่ดนที่เหมาะแก่ การอยู่อาศัยก็ควรใช้ เพื่อการเป็ นที่
้ ิ
อยู่อาศัย เป็ นต้ น
2. ปรั บปรุ งดินที่ขาดคุณภาพ เช่ น ดินเปรี ยว ดินเค็ม ดินขาดความชุ่มชืน ให้ สามารถ
้
้
นํากลับ มาใช้ ประโยชน์ สูงสุดทางด้ านการเกษตรกรรม
3. ปองกันการทําเกษตรกรรมที่ผิดวิธี เช่ น การทําเกษตรกรรมตามไหล่ เขา ซึ่งอาจ
้
เป็ นสาเหตุทาให้ เกิดการพังทลายของดินได้ โดยให้ นักวิชาการเกษตรแนะนําเกษตรกรให้
ํ
ดําเนินการ เพาะปลูกให้ ถูกวิธี เพื่อเป็ นการรั กษาความสมบูรณ์ ของดินไว้
4. ควรปลูกพืชหลากหลายชนิดในพืนที่เดียวกัน หรื อปลูกพืชหมุนเวียนในพืนที่
้
้
เพื่อให้ ดนมีความสมบูรณ์ ของแร่ ธาตุในดินเพิ่มขึน
ิ
้
5. ควรใช้ ปุยพืชสด เช่ น การปลูกพืชตระกูลถั่วเมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ วก็ไถกลบพืช
๋
ใน แปลง หรื อใช้ ปุยคอกในการเพิ่มธาตุอาหารในดิน ฯลฯ
๋
การใช้ ประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาและการจัดการ
(ต่ อ)

• นํา
้

มนุษย์ ใช้ ประโยชน์ จากแหล่ งนําประเภทใด
้
มากที่สุด และใช้ อย่ างไร มนุษย์ ใช้ ประโยชน์ จาก
แหล่ งนําผิวดินมากที่สุด ได้ แก่ แม่ นํา ลําคลอง
้
้
หนอง บึง นําตก ทะเลสาบ มนุษย์ นํานําจากแหล่ ง
้
้
นําเหล่ านีมาใช้ ในการอุปโภคบริโภค การเกษตร
้
้
อุตสาหกรรม เหมืองแร่ การประมง การคมนาคม
เป็ นต้ น
การใช้ ประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาและการ
จัดการ (ต่ อ)
• โอโซน อากาศ
1. ใช้ ในอุตสาหกรรมอาหารทางการเกษตร ช่ วยในการเก็บ
รักษาพืชผล ในไข่ ไก่ สามารถใช้ โอโซนในการทําลายแบคทีเรี ย
2. ใช้ ในการทําให้ อากาศสะอาดปราศจากกลิ่นเหม็น
3. ใช้ ทาความสะอาดขวดบรรจุนําอัดลม
ํ
้
4. ใช้ ในกระบวนการผลิตไวน์ นําผลไม้ เหล้ า ฯลฯ
้
5. ใช้ ในการฆ่ าเชือโรคในนําเช่ นเดียวกับการเติมคลอรีน
้
้
6. ใช้ ในการทําลายสีในแม่ นําที่เกิดจากดินหรือพืชใต้ นําทํา
้
้
ให้ นํามีสีตามธรรมชาติ
้
การใช้ ประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาและการจัดการ
(ต่ อ)

• ป่ าไม้

1. ป่ าไม้ ให้ ประโยชน์ แก่ มนุษย์ ทางตรง คือ มนุษย์ นําผลผลิตจากป่ าไม้ หรื อ
ผลิตภัณฑ์ ท่ มีอยู่ในป่ ามาใช้ เพื่อเป็ นปั จจัยสี่ในการดํารงชีวต เช่ น ในด้ านอาหาร
ี
ิ
มนุษย์ นํา พืชและสัตว์ ท่ ีอาศัยอยู่ในป่ ามาเป็ นอาหาร ในด้ านที่อยู่อาศัยมนุษย์ นํา
ไม้ มาใช้ ในการ ก่ อสร้ างที่อยู่อาศัย ทําเครื่ องเรื อนและทําเครื่ องประดับตกแต่ ง
บ้ านจากผลิตผลของ ป่ าประเภทรากไม้ เขาสัตว์ กระดูกสัตว์ เป็ นต้ น ในด้ าน
เครื่ องนุ่งห่ ม มนุษย์ ใช้ เส้ นใยพืช มาถักทอเป็ นเครื่ องนุ่งห่ ม และในด้ านของยา
รั กษาโรคมนุษย์ ใช้ ผลิตภัณฑ์ ของป่ าทังพืช และสัตว์ มาใช้ เป็ นยารั กษาโรคและ
้
นํามาทําผลิตภัณฑ์ ของเครื่ องสําอางต่ าง ๆ เป็ นต้ น
2. ป่ าไม้ ให้ ประโยชน์ แก่ มนุษย์ ทางอ้ อม คือ เป็ นแหล่ งหมุนเวียนสารใน
ระบบนิเวศ ช่ วยปองกันลมพายุ นําท่ วม การชะล้ างพังทลายของดิน เป็ นแหล่ ง
้
้
เรี ยนรู้ ตามธรรมชาติ แหล่ งพักผ่ อนหย่ อนใจ เป็ นต้ น
การใช้ ประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาและการจัดการ
(ต่ อ)

• สัตว์ ป่า

1. การปองกัน ออกกฎหมายคุ้มครองสัตว์ ป่า ปองกันและปราบปราม
้
้
ผู้กระทําผิด พระราชบัญญัตสงวนและคุ้มครองสัตว์ ป่า ส่ งเสริมสนับสนุนการ
ิ
จัดตังสมาคมเกี่ยวกับ สัตว์ ป่า เช่ น นิยมไพรสมาคม ฯลฯ
้
2. การอนุรักษ์ แหล่ งที่อยู่อาศัย แหล่ งนําและอาหารของสัตว์ ป่า ปองกัน
้
้
ไฟ ปลูกป่ า ทดแทน เพิ่มปริมาณเกลือในที่ชืนแฉะ เพื่อทําโป่ งเทียมให้ สัตว์ ป่า
้
มากิน
3. การค้ นคว้ าวิจัยทางวิชาการ เพื่อเพิ่มจํานวนสัตว์ ป่าในปริมาณที่
พอเหมาะกับ ปริมาณอาหาร และที่อยู่อาศัย
4. การใช้ ประโยชน์ จากสัตว์ ป่า อนุญาตให้ ล่าได้ เมื่อมีปริมาณมากพอ แต่
ห้ ามล่ า ตัวอ่ อนหรื อตัวเมีย
หลักการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ

่
่
ปั ญหาสิงแวดล้อมทัวโลกมีสาเหตุดงนี้
ั
่
1. การเพิมจํานวนประชากร
2. การขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ
3. ความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี
4. ประชากรขาดความรูและมีความเชื่อที่ผด
้
ิ
5. ขาดการประชาสัมพันธ์
6. สงคราม
่
่
7. การสร้างสิงก่อสร้างต่าง ๆ เพิมขึ้น
สาเหตุททาให้ เกิดปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ
ี่ ํ
ได้ แก่

1. จํานวนประชากรเพิ่มขึนต้ องการใช้ ทรั พยากรมากขึน
้
้
2. การขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึน
้
3. ความก้ าวหน้ าทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
4. ประชาชนขาดความรู้ หรื อรู้ เท่ าไม่ ถงการณ์ ใช้
ึ
ทรั พยากรธรรมชาติไม่ ถูกวิธี
5. นโยบายของรั ฐไม่ เข้ มงวด เจ้ าหน้ าที่ของรั ฐไม่ รับผิด
ชอบเท่ าที่ควร
การอนุรักษ์ ทรั พยากรธรรมชาติ เพื่อการใช้ ประโยชน์
อย่ างยั่งยืน เช่ น
1. การกักเก็บ ทรั พยากรธรรมชาติท่ มีแนวโน้ มจะ
ี
ขาดแคลนไว้ ใช้ ในอนาคต
2. การรั กษา ซ่ อมแซม ทรั พยากรที่ถูกทําลายให้ เป็ นปกติ
3. การฟื ้ นฟู ทรั พยากรที่เสื่อมโทรมให้ สามารถกลับมาใช้ อีกได้
4. การปองกันทรั พยากรที่ถูกทําลายหรื อมีแนวโน้ มจะถูกทําลายให้ ปกติ
้
ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นส่ งผลกระทบต่ อระบบนิเวศ
ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นเข้ ามาสู่
ประเทศไทยในกรณีใดบ้ าง
??
1. นําเข้ าเป็ นอาหาร
ของมนุษย์ และสัตว์
2. ติดมากับสินค้ า
วัตถุดบอุตสาหกรรม อาหาร
ิ
สัตว์ และพาหะอื่น ๆ จาก
ต่ างแดน
•

ชนิดพันธุ์ต่างถินส่ งผลกระทบต่ อระบบนิเวศ (ต่ อ)
่
1. หอยเชอรี่ เป็ นสัตว์ พนเมืองของทวีปอเมริกาใต้ มีการนําเข้ ามาเพื่อเลียงเป็ นอาหาร
ื้
้
บางทีเรียก เปาฮือนําจืด
๋ ้ ้
2. ผักตบชวา มาจากเมืองชวาประเทศอินโดนีเซีย ปลูกเป็ นไม้ ดอก
3. หญ้ าขจรจบ (หรือหญ้ าคอมมิวนิสต์ ) มาจากอินเดีย ใช้ เป็ นพืชอาหารสัตว์
4. ปลานิล มาจากญี่ปุ่นเป็ นอาหารของคน
5. ปลาหมอเทศ มาจากอิสราเอล เป็ นอาหารของคน
6. ไมยราบยักษ์ มาจากทวีปอเมริกาใต้ ใช้ ทารัว
ํ ้
7. หญ้ ามาเลเซีย มาจากประเทศมาเลเซีย ปลูกสนามหญ้ า
8. หญ้ าญี่ปุ่น มาจากประเทศญี่ปุ่น ปลูกสนามหญ้ า
ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นนอกจากที่กล่ าวมาแล้ ว ยังมีชนิดใดที่ไม่ ใช่ พนธุ์พนเมืองเดิม
ั ื้
พวกไม้ ดอก เช่ น เบญจมาศ คัทลียา
พวกไม้ ผล เช่ น มะม่ วงหิมพานต์ องุ่น โกโก้ กาแฟ
ชนิดพันธุ์ต่างถินส่ งผลกระทบต่ อระบบนิเวศ (ต่ อ)
่
•

แนวทางที่อาจช่ วยลดปั ญหาการ
แพร่ กระจายของชนิดพันธุ์ต่างถิ่นคือ การ
พิจารณาถึงการ นําไปใช้ ประโยชน์ เช่ น
วัชพืชบางชนิดนํามาเป็ นผักสด หรื อ
ประกอบอาหารรั บประทาน เช่ น ใบอ่ อน
ของผักตบชวา หญ้ าขจรจบนํามาทํา
กระดาษ ผักตบชวานํามาทําของใช้ ใน
บ้ าน เช่ น ตะกร้ า ภาชนะต่ าง ๆ หรื อใช้
ทําอาหารสัตว์ เป็ นต้ น

More Related Content

What's hot

อนุกรมวิธาน+อาณาจักรสัตว์
อนุกรมวิธาน+อาณาจักรสัตว์อนุกรมวิธาน+อาณาจักรสัตว์
อนุกรมวิธาน+อาณาจักรสัตว์feeonameray
 
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตบทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตฟลุ๊ค ลำพูน
 
อาณาจักรฟังไจ
อาณาจักรฟังไจอาณาจักรฟังไจ
อาณาจักรฟังไจPinutchaya Nakchumroon
 
อาณาจักรโพรทิสตา
อาณาจักรโพรทิสตาอาณาจักรโพรทิสตา
อาณาจักรโพรทิสตาพัน พัน
 
การสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต
การสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตการสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต
การสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตNatthinee Khamchalee
 
อาณาจักรของสิ่งมีชีวิต
อาณาจักรของสิ่งมีชีวิตอาณาจักรของสิ่งมีชีวิต
อาณาจักรของสิ่งมีชีวิตSumalee Khvamsuk
 
อาณาจักรมอเนอรา
อาณาจักรมอเนอราอาณาจักรมอเนอรา
อาณาจักรมอเนอราPinutchaya Nakchumroon
 
อาณาจักรฟังไจ
อาณาจักรฟังไจอาณาจักรฟังไจ
อาณาจักรฟังไจพัน พัน
 
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
โครงสร้างและหน้าที่ของใบโครงสร้างและหน้าที่ของใบ
โครงสร้างและหน้าที่ของใบThanyamon Chat.
 
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต02
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต02ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต02
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต02oranuch_u
 
สารชีวโมเลกุล2
สารชีวโมเลกุล2สารชีวโมเลกุล2
สารชีวโมเลกุล2Thanyamon Chat.
 
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ (PISA)
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ (PISA)ข้อสอบวิทยาศาสตร์ (PISA)
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ (PISA)Napadon Yingyongsakul
 
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1Sumarin Sanguanwong
 

What's hot (20)

Kingdom plantae
Kingdom plantaeKingdom plantae
Kingdom plantae
 
Kingdom fungi
Kingdom fungiKingdom fungi
Kingdom fungi
 
อนุกรมวิธาน+อาณาจักรสัตว์
อนุกรมวิธาน+อาณาจักรสัตว์อนุกรมวิธาน+อาณาจักรสัตว์
อนุกรมวิธาน+อาณาจักรสัตว์
 
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตบทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
 
อาณาจักรฟังไจ
อาณาจักรฟังไจอาณาจักรฟังไจ
อาณาจักรฟังไจ
 
อาณาจักรโพรทิสตา
อาณาจักรโพรทิสตาอาณาจักรโพรทิสตา
อาณาจักรโพรทิสตา
 
Kingdom Animalia
Kingdom AnimaliaKingdom Animalia
Kingdom Animalia
 
การสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต
การสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตการสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต
การสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต
 
อาณาจักรของสิ่งมีชีวิต
อาณาจักรของสิ่งมีชีวิตอาณาจักรของสิ่งมีชีวิต
อาณาจักรของสิ่งมีชีวิต
 
อาณาจักรมอเนอรา
อาณาจักรมอเนอราอาณาจักรมอเนอรา
อาณาจักรมอเนอรา
 
อาณาจักรฟังไจ
อาณาจักรฟังไจอาณาจักรฟังไจ
อาณาจักรฟังไจ
 
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
โครงสร้างและหน้าที่ของใบโครงสร้างและหน้าที่ของใบ
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
 
Kingdom animal
Kingdom animalKingdom animal
Kingdom animal
 
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต02
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต02ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต02
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต02
 
ม.6 นิเวศ
ม.6 นิเวศม.6 นิเวศ
ม.6 นิเวศ
 
Taxonomy 2
Taxonomy 2Taxonomy 2
Taxonomy 2
 
ระบบหายใจ (Respiratory System)
ระบบหายใจ (Respiratory System)ระบบหายใจ (Respiratory System)
ระบบหายใจ (Respiratory System)
 
สารชีวโมเลกุล2
สารชีวโมเลกุล2สารชีวโมเลกุล2
สารชีวโมเลกุล2
 
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ (PISA)
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ (PISA)ข้อสอบวิทยาศาสตร์ (PISA)
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ (PISA)
 
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
 

Viewers also liked

บทที่ 23 มนุษย์กับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
บทที่ 23 มนุษย์กับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมบทที่ 23 มนุษย์กับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
บทที่ 23 มนุษย์กับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมฟลุ๊ค ลำพูน
 
ประชากร Population
ประชากร Populationประชากร Population
ประชากร PopulationPat Sn
 
พันธุศาสตร์ประชากร
พันธุศาสตร์ประชากรพันธุศาสตร์ประชากร
พันธุศาสตร์ประชากรWan Ngamwongwan
 

Viewers also liked (6)

บทที่ 23 มนุษย์กับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
บทที่ 23 มนุษย์กับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมบทที่ 23 มนุษย์กับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
บทที่ 23 มนุษย์กับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
 
Doc23
Doc23Doc23
Doc23
 
บทที่ 22 ประชากร
บทที่ 22 ประชากรบทที่ 22 ประชากร
บทที่ 22 ประชากร
 
ประชากร1
ประชากร1ประชากร1
ประชากร1
 
ประชากร Population
ประชากร Populationประชากร Population
ประชากร Population
 
พันธุศาสตร์ประชากร
พันธุศาสตร์ประชากรพันธุศาสตร์ประชากร
พันธุศาสตร์ประชากร
 

Similar to บทที่ 23 มนุษย์กับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม

สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติป๊อก เบาะ
 
สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติป๊อก เบาะ
 
Powerpoint ทรัพยากรน้ำ
Powerpoint ทรัพยากรน้ำPowerpoint ทรัพยากรน้ำ
Powerpoint ทรัพยากรน้ำsedwong Pam
 
Powerpoint ทรัพยากรน้ำ
Powerpoint ทรัพยากรน้ำPowerpoint ทรัพยากรน้ำ
Powerpoint ทรัพยากรน้ำsedwong Pam
 
Powerpoint ทรัพยากรน้ำ
Powerpoint ทรัพยากรน้ำPowerpoint ทรัพยากรน้ำ
Powerpoint ทรัพยากรน้ำsedwong Pam
 
บทที่ 2เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2เอกสารที่เกี่ยวข้องThidaporn Kaewta
 
มลพิษและสิ่งแวดล้อม
มลพิษและสิ่งแวดล้อมมลพิษและสิ่งแวดล้อม
มลพิษและสิ่งแวดล้อมkoradalerttayakun
 
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศหน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศmaleela
 
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศหน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศcrunui
 
หน่วยที่5การป้องกันกำจัดศัตรูพืช
หน่วยที่5การป้องกันกำจัดศัตรูพืชหน่วยที่5การป้องกันกำจัดศัตรูพืช
หน่วยที่5การป้องกันกำจัดศัตรูพืชvarut
 
ผลที่ได้จากการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
ผลที่ได้จากการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชผลที่ได้จากการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
ผลที่ได้จากการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชdnavaroj
 
บทที่ 2 ขยะท้วมโลก
บทที่ 2 ขยะท้วมโลกบทที่ 2 ขยะท้วมโลก
บทที่ 2 ขยะท้วมโลกThidaporn Kaewta
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศJira Boonjira
 
ทรัพยากรธรรมชาติ (Natural resource)
ทรัพยากรธรรมชาติ (Natural resource)ทรัพยากรธรรมชาติ (Natural resource)
ทรัพยากรธรรมชาติ (Natural resource)Araya Toonton
 
เล่ม 1 ตอนที่ 3 ตัวอย่างโครงงานวิทยาศาสตร์
เล่ม 1 ตอนที่ 3 ตัวอย่างโครงงานวิทยาศาสตร์เล่ม 1 ตอนที่ 3 ตัวอย่างโครงงานวิทยาศาสตร์
เล่ม 1 ตอนที่ 3 ตัวอย่างโครงงานวิทยาศาสตร์Ausa Suradech
 

Similar to บทที่ 23 มนุษย์กับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม (20)

สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
 
สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
 
Powerpoint ทรัพยากรน้ำ
Powerpoint ทรัพยากรน้ำPowerpoint ทรัพยากรน้ำ
Powerpoint ทรัพยากรน้ำ
 
Powerpoint ทรัพยากรน้ำ
Powerpoint ทรัพยากรน้ำPowerpoint ทรัพยากรน้ำ
Powerpoint ทรัพยากรน้ำ
 
Powerpoint ทรัพยากรน้ำ
Powerpoint ทรัพยากรน้ำPowerpoint ทรัพยากรน้ำ
Powerpoint ทรัพยากรน้ำ
 
Pest control
Pest controlPest control
Pest control
 
บทที่ 2เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
มลพิษและสิ่งแวดล้อม
มลพิษและสิ่งแวดล้อมมลพิษและสิ่งแวดล้อม
มลพิษและสิ่งแวดล้อม
 
น้ำ (Water) m2
น้ำ (Water) m2น้ำ (Water) m2
น้ำ (Water) m2
 
Bio physics period1
Bio physics period1Bio physics period1
Bio physics period1
 
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศหน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
 
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศหน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
หน่วยที่ 2 ระบบนิเวศ
 
หน่วยที่5การป้องกันกำจัดศัตรูพืช
หน่วยที่5การป้องกันกำจัดศัตรูพืชหน่วยที่5การป้องกันกำจัดศัตรูพืช
หน่วยที่5การป้องกันกำจัดศัตรูพืช
 
ผลที่ได้จากการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
ผลที่ได้จากการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชผลที่ได้จากการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
ผลที่ได้จากการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
 
Flora improvement
Flora improvementFlora improvement
Flora improvement
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
 
บทที่ 2 ขยะท้วมโลก
บทที่ 2 ขยะท้วมโลกบทที่ 2 ขยะท้วมโลก
บทที่ 2 ขยะท้วมโลก
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศ
 
ทรัพยากรธรรมชาติ (Natural resource)
ทรัพยากรธรรมชาติ (Natural resource)ทรัพยากรธรรมชาติ (Natural resource)
ทรัพยากรธรรมชาติ (Natural resource)
 
เล่ม 1 ตอนที่ 3 ตัวอย่างโครงงานวิทยาศาสตร์
เล่ม 1 ตอนที่ 3 ตัวอย่างโครงงานวิทยาศาสตร์เล่ม 1 ตอนที่ 3 ตัวอย่างโครงงานวิทยาศาสตร์
เล่ม 1 ตอนที่ 3 ตัวอย่างโครงงานวิทยาศาสตร์
 

More from ฟลุ๊ค ลำพูน

บทที่20 ความหลากหลายทางชีวภาพ
บทที่20 ความหลากหลายทางชีวภาพบทที่20 ความหลากหลายทางชีวภาพ
บทที่20 ความหลากหลายทางชีวภาพฟลุ๊ค ลำพูน
 
บทที่ 19 วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 19 วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตบทที่ 19 วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 19 วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตฟลุ๊ค ลำพูน
 
บทที่ 18 พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพ
บทที่ 18 พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพบทที่ 18 พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพ
บทที่ 18 พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพฟลุ๊ค ลำพูน
 
บทที่ 17 ยีนและโครโมโซม
บทที่ 17 ยีนและโครโมโซมบทที่ 17 ยีนและโครโมโซม
บทที่ 17 ยีนและโครโมโซมฟลุ๊ค ลำพูน
 
บทที่ 16 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
บทที่ 16 การถ่ายทอดทางพันธุกรรมบทที่ 16 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
บทที่ 16 การถ่ายทอดทางพันธุกรรมฟลุ๊ค ลำพูน
 
บทที่ 15 การตอบสนองของพืช
บทที่ 15 การตอบสนองของพืชบทที่ 15 การตอบสนองของพืช
บทที่ 15 การตอบสนองของพืชฟลุ๊ค ลำพูน
 
บทที่ 14 การสืบพันธ์ของพืชดอก
บทที่ 14  การสืบพันธ์ของพืชดอกบทที่ 14  การสืบพันธ์ของพืชดอก
บทที่ 14 การสืบพันธ์ของพืชดอกฟลุ๊ค ลำพูน
 
บทที่ 13 การสังเคราะห์ด้วยแสง
บทที่ 13 การสังเคราะห์ด้วยแสงบทที่ 13 การสังเคราะห์ด้วยแสง
บทที่ 13 การสังเคราะห์ด้วยแสงฟลุ๊ค ลำพูน
 
บทที่ 12 โครงสร้างหน้าที่ของพืชดอก
บทที่ 12 โครงสร้างหน้าที่ของพืชดอกบทที่ 12 โครงสร้างหน้าที่ของพืชดอก
บทที่ 12 โครงสร้างหน้าที่ของพืชดอกฟลุ๊ค ลำพูน
 
บทที่ 16 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
บทที่ 16 การถ่ายทอดทางพันธุกรรมบทที่ 16 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
บทที่ 16 การถ่ายทอดทางพันธุกรรมฟลุ๊ค ลำพูน
 
บทที่ 11 การสืบพันธ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 11 การสืบพันธ์และการเจริญเติบโตบทที่ 11 การสืบพันธ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 11 การสืบพันธ์และการเจริญเติบโตฟลุ๊ค ลำพูน
 

More from ฟลุ๊ค ลำพูน (20)

Biology
BiologyBiology
Biology
 
ช วะ ม
ช วะ มช วะ ม
ช วะ ม
 
ช วะ ม
ช วะ มช วะ ม
ช วะ ม
 
ช วะ ม
ช วะ มช วะ ม
ช วะ ม
 
4
44
4
 
บทที่ 3
บทที่ 3บทที่ 3
บทที่ 3
 
แบบทดสอบ บทที่ 1
แบบทดสอบ บทที่ 1แบบทดสอบ บทที่ 1
แบบทดสอบ บทที่ 1
 
บทที่ 21 ระบบนิเวศ
บทที่ 21 ระบบนิเวศบทที่ 21 ระบบนิเวศ
บทที่ 21 ระบบนิเวศ
 
บทที่20 ความหลากหลายทางชีวภาพ
บทที่20 ความหลากหลายทางชีวภาพบทที่20 ความหลากหลายทางชีวภาพ
บทที่20 ความหลากหลายทางชีวภาพ
 
บทที่ 19 วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 19 วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตบทที่ 19 วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 19 วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
 
บทที่ 18 พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพ
บทที่ 18 พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพบทที่ 18 พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพ
บทที่ 18 พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพ
 
บทที่ 17 ยีนและโครโมโซม
บทที่ 17 ยีนและโครโมโซมบทที่ 17 ยีนและโครโมโซม
บทที่ 17 ยีนและโครโมโซม
 
บทที่ 16 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
บทที่ 16 การถ่ายทอดทางพันธุกรรมบทที่ 16 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
บทที่ 16 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
 
บทที่ 15 การตอบสนองของพืช
บทที่ 15 การตอบสนองของพืชบทที่ 15 การตอบสนองของพืช
บทที่ 15 การตอบสนองของพืช
 
บทที่ 14 การสืบพันธ์ของพืชดอก
บทที่ 14  การสืบพันธ์ของพืชดอกบทที่ 14  การสืบพันธ์ของพืชดอก
บทที่ 14 การสืบพันธ์ของพืชดอก
 
บทที่ 13 การสังเคราะห์ด้วยแสง
บทที่ 13 การสังเคราะห์ด้วยแสงบทที่ 13 การสังเคราะห์ด้วยแสง
บทที่ 13 การสังเคราะห์ด้วยแสง
 
บทที่ 12 โครงสร้างหน้าที่ของพืชดอก
บทที่ 12 โครงสร้างหน้าที่ของพืชดอกบทที่ 12 โครงสร้างหน้าที่ของพืชดอก
บทที่ 12 โครงสร้างหน้าที่ของพืชดอก
 
บทที่ 16 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
บทที่ 16 การถ่ายทอดทางพันธุกรรมบทที่ 16 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
บทที่ 16 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
 
บทที่ 11 การสืบพันธ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 11 การสืบพันธ์และการเจริญเติบโตบทที่ 11 การสืบพันธ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 11 การสืบพันธ์และการเจริญเติบโต
 
Doc11
Doc11Doc11
Doc11
 

บทที่ 23 มนุษย์กับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม

  • 1.
  • 2. ประเภทของทรัพยากรธรรมชาติ อาชีพอุตสาหกรรม มีความสัมพันธ์ กับทรัพยากร ประเภทใดนันขึนอยู่กับประเภทของ อุตสาหกรรม ้ ้ เช่ น อุตสาหกรรมผลิตปลากระปองมีความสัมพันธ์ ๋ กับการใช้ ทรั พยากรนํา ทรัพยากรสัตว์ นํา ทรัพยากร ้ ้ พืช ทรั พยากรดิน ทรั พยากรนํามัน ทรัพยากรแร่ ้ ดังนี ้
  • 3. นํา ้ • มีความสําคัญในทุกขันตอนของการผลิต ตังแต่ ขันตอนการ ้ ้ ้ ล้ างทําความสะอาดปลา การชําแหละ การต้ ม การนึ่ง รวมทัง ้ เป็ นวัตถุดบในการผลิตด้ วย พบว่ านําทิงที่เกิดจากกระบวนการ ิ ้ ้ เหล่ านี ้ มักมีพวกสารอินทรี ย์และเศษชินส่ วนต่ าง ๆ ของปลา ้ เป็ นองค์ ประกอบ ซึ่งถ้ าหากปล่ อยนําทิงเหล่ านี ้ ลงสู่แหล่ งนํา ้ ้ ้ ธรรมชาติ โดยไม่ มีการบําบัดจะทําให้ เกิดนําเน่ าเสียได้ สัตว์ นํา ้ ้ ได้ แก่ ปลาชนิดต่ าง ๆ ซึ่งได้ มาจากทรั พยากรนําจืดและนําเค็ม ้ ้ ซึ่งพบว่ าในปั จจุบัน ปลาที่จับได้ จากธรรมชาติค่อนข้ างมีปริมาณ น้ อย จึงต้ องใช้ วธีการเพาะเลียงปลา เพื่อปอนโรงงาน ิ ้ ้ อุตสาหกรรมทดแทน เพื่อให้ มีปริ มาณเพียงพอกับความ ต้ องการในการผลิต พืช ที่ใช้ เป็ นวัตถุดบในการผลิต ได้ แก่ ิ มะเขือเทศ พริ กและพวกเครื่ องเทศต่ าง ๆ ซึ่งส่ วนใหญ่ ได้ มา ้ จากการทําเกษตรกรรมอีกทอดหนึ่ง ดังนันโรงงาน อุตสาหกรรมจึงต้ องหาแหล่ งที่จะผลิตวัตถุดบ ิ และปอนให้ กับโรงงานให้ เพียงพอกับความ ้ ต้ องการ ซึ่งเกษตรกรก็ต้องเพิ่มผลผลิตทาง การเกษตร โดยใช้ สารเคมีเข้ าช่ วยซึ่งอาจ ส่ งผลกระทบต่ อทรั พยากรดินและนําได้ ้
  • 4. เป็ นแหล่ งที่สาคัญต่ อการผลิตพืชผล ํ ทางการเกษตร ดังที่ทราบกันมาแล้ ว เกษตรกรใช้ ประโยชน์ จากดินโดยการใช้ สารเคมีเข้ าช่ วยในกระบวนการเพาะปลูก เพื่อให้ มีผลผลิตเพียงพอเพื่อปอน สู่ตลาด ้ และโรงงานอุตสาหกรรม เพราะฉะนันอาจ ้ ส่ งผลกระทบต่ อทรั พยากรดินที่เกิดการ ปนเปื ้ อนสารเคมี นํามัน ใช้ เป็ นแหล่ ง ้ เชือเพลิงในการทําความร้ อน ฆ่ าเชือใน ้ ้ กระบวนการผลิต เช่ น ใช้ ใน การต้ มปลา การ ปรุ งรส การฆ่ าเชือ การบรรจุ ตลอดจนการ ้ ขนส่ งสินค้ าซึ่งปริมาณการใช้ ค่อนข้ างมาก แร่ ใช้ เป็ นแหล่ งของวัสดุในการบรรจุผลิตภัณฑ์ เช่ น จําพวกกระปองที่ทาจากแร่ อะลูมเนียม ๋ ํ ิ สังกะสี สเตนเลส เป็ นต้ น ดิน
  • 5. อากาศ การเพิ่มขึนของแก๊ ส CO2 ใน ้ บรรยากาศ เกิดจากสาเหตุดงนีคือ ั ้ การเผาไหม้ สารอินทรีย์และ เชือเพลิงฟอสซิล การทําลายป่ าไม้ ้ ทําให้ ปริมาณแก๊ ส CO2 สะสมอยู่ ในบรรยากาศในปริมาณมาก รวมทังพืชซึ่งมีบทบาทสําคัญในการ ้ นํา CO2 ไปใช้ ใน การสังเคราะห์ ด้ วยแสงก็ลดลง ส่ งผลกระทบต่ อ สิ่งมีชีวิตคือทําให้ อุณหภูมิของโลก ร้ อนขึน ทําให้ เกิดความแห้ งแล้ ง ้ ขาดแคลนนํา ้ อันเนื่องมาจากฝนไม่ ตกตามฤดูกาล •
  • 6. • มลสารที่ทาให้ เกิดการปนเปื ้ อนในอากาศ ํ • แบ่ งเป็ น 2 ประเภทคือ • 1. อนุภาคหรื อฝุ่ นละออง (particulate matter) เป็ นมลสารที่อยู่ในสภาพ ของแข็งหรื อ ของเหลวที่อุณหภูมและความดันปกติมีขนาด 0.1-2.0 ิ ไมโครเมตร ซึ่งได้ แก่ ฝุ่ น (dust) ควัน (smoke) ไอควัน (fume) หมอก (fog) ละอองนํา (moist) ้ 2. แก๊ สและไอระเหย เป็ นมลสารที่อยู่ในสภาพแก๊ ส ได้ แก่ คาร์ บอนมอนอกไซด์ ออกไซด์ ของกํามะถัน ออกไซด์ ของไนโตรเจน ไฮโดรคาร์ บอน คาร์ บอนไดออกไซด์ แหล่ งที่ทาให้ เกิดมลพิษทางอากาศ ํ ได้ แก่ อะไรบ้ าง
  • 7. แหล่งกําเนิดมลพิษทางอากาศแบ่งได้ 2 ลักษณะคือ 1. แหล่ งกําเนิดตามธรรมชาติ เช่ น ภูเขาไฟระเบิด ทําให้ เกิดแก๊ สซัลเฟอร์ ได ออกไซด์ ไฟไหม้ ป่าทําให้ เกิดควันและแก๊ ส CO2 ฝุ่ นละอองของไฮโดรคาร์ บอน การเน่ า เปื่ อย ของพืชทําให้ เกิดแก๊ สมีเทน นอกจากนียังมีละอองเรณูของดอกไม้ ้ กัมมันตรั งสีท่ ีมีอยู่ ตามธรรมชาติ อนุภาคสารต่ าง ๆ จากดินที่ถกพัดพาขึนไป ้ ู แขวนลอยในอากาศ ฝุ่ นละออง จากลมพายุ แก๊ สธรรมชาติ แผ่ นดินไหว 2. แหล่ งกําเนิดที่เกิดจากการกระทําของมนุษย์ 2.1 แหล่ งกําเนิดที่เคลื่อนที่ได้ (mobile source) ได้ แก่ การจราจร การคมนาคม ซึ่ง ส่ วนใหญ่ มาจากการเผาไหม้ เชือเพลิง ้ 2.2 แหล่ งกําเนิดที่อยู่กับที่ ได้ แก่ โรงงานอุตสาหกรรมต่ าง ๆ ที่ใช้ เชือเพลิง เช่ น ้ นํามันต่ าง ๆ แก๊ สต่ าง ๆ รวมทังการปล่ อยแก๊ สและควันจากโรงงานด้ วย การ ้ ้ ก่ อสร้ าง การระเบิดหิน การทําเหมืองแร่ แหล่ งเกษตรกรรม การทิงสิ่งปฏิกูล ้
  • 8. ผลกระทบจากมลพิษทางอากาศ ตัวอย่ างของผลกระทบจาก การเกิดมลพิษทางอากาศ เช่ น การลดลงของโอโซน ความสําคัญของโอโซน โอโซนส่ วนใหญ่ อยู่ในบรรยากาศชันสตราโตสเฟี ยร์ ้ สูงจากพืนผิวโลกขึนไป 12-50 กิโลเมตร เมื่อรั งสีจากดวงอาทิตย์ ส่องมายังผิวโลก รั งสี ้ ้ ส่ วนหนึ่งจะเป็ นรั งสีคลื่นสันหรือรังสีอัลตราไวโอเลต จะถูกโอโซนดูดกลืนไว้ และ ้ บางส่ วนจะถูกสะท้ อนกลับหรือกระจายไปในบรรยากาศ โอโซนจึง ทําหน้ าที่ปองกัน ้ ไม่ ให้ รังสีอัลตราไวโอเลตส่ องลงมาบนผิวโลก ซึ่งก่ อให้ เกิดอันตรายต่ อพืชและสัตว์ ได้ หากปราศจากโอโซนแล้ วสิ่งมีชีวตบนโลกจะไม่ สามารถเจริญเติบโตได้ โอโซน ิ ประกอบด้ วยออกซิเจน 3 อะตอม ซึ่งเกิดขึนโดยธรรมชาติ คือ แสงอาทิตย์ ท่ มีรังสี ้ ี อัลตราไวโอเลตที่ช่วงคลื่น 180-240 นาโนเมตร เป็ นตัวเร่ งปฏิกริยาทําให้ โมเลกุลของ ิ ออกซิเจน (O2) แตกออกเป็ นอะตอมออกซิเจน (O) แล้ วไปรวมตัวกับโมเลกุลของ ออกซิเจนได้ เป็ นโอโซน (O3) ดังสมการ บรรยากาศชันสตราโตสเฟี ยร์ ท่ มีความสูง 20้ ี 25 กิโลเมตร เป็ นช่ วงที่มีโอโซนหนาแน่ น มากที่สุด
  • 9. ข้ อดีของโอโซน มนุษย์ นําโอโซนมาใช้ ประโยชน์ ดังนี้ 1. ใช้ ในอุตสาหกรรมอาหารทางการเกษตร ช่ วยในการเก็บ รั กษาพืชผล ในไข่ ไก่ สามารถใช้ โอโซนในการทําลายแบคทีเรี ย 2. ใช้ ในการทําให้ อากาศสะอาดปราศจากกลิ่นเหม็น 3. ใช้ ทาความสะอาดขวดบรรจุนําอัดลม ํ ้ 4. ใช้ ในกระบวนการผลิตไวน์ นําผลไม้ เหล้ า ฯลฯ ้ 5. ใช้ ในการฆ่ าเชือโรคในนําเช่ นเดียวกับการเติมคลอรีน ้ ้ 6. ใช้ ในการทําลายสีในแม่ นําที่เกิดจากดินหรือพืชใต้ นําทําให้ ้ ้ นํามีสีตามธรรมชาติ ้
  • 10. ทรัพยากรป่ าไม้ • 1. ป่ าไม้ ให้ ประโยชน์ แก่ มนุษย์ ทางตรง • คือ มนุษย์ นําผลผลิตจากป่ าไม้ หรื อ ผลิตภัณฑ์ ท่ มีอยู่ในป่ ามาใช้ เพื่อเป็ น ี ปั จจัยสี่ในการดํารงชีวต เช่ น ในด้ าน ิ อาหาร มนุษย์ นํา พืชและสัตว์ ท่ อาศัย ี อยู่ในป่ ามาเป็ นอาหาร ในด้ านที่อยู่ อาศัยมนุษย์ นําไม้ มาใช้ ในการ ก่ อสร้ างที่อยู่อาศัย ทําเครื่ องเรือนและ ทําเครื่ องประดับตกแต่ งบ้ านจาก ผลิตผลของ ป่ าประเภทรากไม้ เขา สัตว์ กระดูกสัตว์ เป็ นต้ น ในด้ าน เครื่ องนุ่งห่ ม มนุษย์ ใช้ เส้ นใยพืช มา ถักทอเป็ นเครื่ องนุ่งห่ ม และในด้ าน ของยารั กษาโรคมนุษย์ ใช้ ผลิตภัณฑ์ ของป่ าทังพืช และสัตว์ มาใช้ เป็ นยา ้ รั กษาโรคและนํามาทําผลิตภัณฑ์ ของ เครื่ องสําอางต่ าง ๆ เป็ นต้ น
  • 11. ทรัพยากรป่ าไม้ (ต่ อ) • 2. ป่ าไม้ ให้ ประโยชน์ แก่ มนุษย์ ทางอ้ อม • คือ เป็ นแหล่ งหมุนเวียนสารในระบบนิเวศ ช่ วยปองกันลมพายุ นําท่ วม ้ ้ การชะล้ างพังทลายของดิน เป็ นแหล่ งเรี ยนรู้ ตามธรรมชาติ แหล่ ง พักผ่ อนหย่ อนใจ เป็ นต้ น • สถานการณ์ พนที่ป่าไม้ ในภาคต่ าง ๆ ยังมีปริมาณค่ อนข้ างน้ อย เมื่อเทียบกับพืนที่ ื้ ้ ของภาค โดยพบว่ าภาคเหนือมีพนที่ป่าไม้ มากที่สุดคือประมาณร้ อยละ 55.88 ของพืนที่ ื้ ้ ทังหมดของภาค ส่ วนภาคอื่น ๆ มีพนที่ป่าไม้ ไม่ ถงร้ อยละ 50 ของพืนที่ทงหมดของภาค ้ ื้ ึ ้ ั้ โดยพบว่ าภาคกลาง / ภาคตะวันออก / ตะวันตก มีพนที่ป่าไม้ รองลงมาร้ อยละ 29.63 ื้ ภาคใต้ ร้อยละ 24.74 และภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้ อยละ 15.82 เพราะเหตุใดพืนที่ป่าไม้ ้ เพื่อการอนุรักษ์ ในภาคเหนือจึงมีมากกว่ าภาคอื่น ๆ เพราะลักษณะภูมประเทศเป็ นภูเขาสูง จึงไม่ เหมาะแก่ การเพาะปลูกและเป็ นที่อยู่ ิ อาศัย หรือแถบภูเขาสูงมีผ้ ูคนเข้ าไปอาศัยอยู่น้อย และการคมนาคมค่ อนข้ างลําบาก ส่ วน ใหญ่ จะมีพวกชนเผ่ าน้ อยกลุ่มต่ าง ๆ ที่อาศัยอยู่เท่ านัน การลักลอบตัดไม้ ออกมาจึงทําได้ ้ ค่ อนข้ างยาก ดังนันป่ าจึงยังคงสภาพอยู่ได้ และเป็ นแหล่ งของต้ นนําลําธารที่สาคัญอีก ้ ้ ํ ต่ อไป
  • 12. • ทรัพยากรสั ตว์ ป่า สัตว์ ป่าสงวน หมายถึง สัตว์ ป่าหายากมีทงหมด 15 ชนิดคือ แรด ั้ กระซู่ กูปรี หรือโคไพร ควายป่ า ละองหรื อละมั่ง เนือสมัน กวางผา ้ เลียงผา นกเจ้ าฟาหญิง สิรินธร นกแต้ วแร้ วท้ องดํา นกกระเรียน แมว ้ ลายหินอ่ อน สมเสร็จ เก้ งหม้ อ พะยูน หรื อหมูนํา สัตว์ ป่าทัง 15 ชนิด ้ ้ นีห้ามล่ าโดยเด็ดขาดเว้ นแต่ จะทําเพื่อการศึกษา หรื อ เพื่อกิจการของ ้ สวนสัตว์ สาธารณะ โดยต้ องขออนุญาตจากกรมป่ าไม้ ซากของสัตว์ ป่ า เหล่ านีจงห้ ามมีไว้ ในครอบครอง ยกเว้ นจะได้ รับอนุญาตจากทาง ้ึ ราชการ
  • 13. ทรัพยากรสั ตว์ ป่า (ต่ อ) สัตว์ ป่าคุ้มครอง หมายถึง สัตว์ ป่าที่มีพระราชบัญญัตไว้ แบ่ งเป็ น 2 ประเภทคือ ิ สัตว์ ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 สงวนไว้ เพื่อประดับความงามตามธรรมชาติ หรื อสงวนไว้ มให้ จํานวนลดลง สัตว์ ประเภทนีห้ามล่ า เว้ นแต่ จะได้ รับอนุญาตจาก ิ ้ กรมป่ าไม้ ก่อน สัตว์ ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 มีทังสิน 166 รายการ เช่ น ช้ าง ชะมด ้ ้ กระรอก ลิง ชะนี ค่ าง เม่ น นาก แมวป่ า เสือปลา อีเห็น หนูหริ่ง และหมาไม้ นอกนันเป็ นนกอีก 130 ชนิด เช่ น นกกวัก นกกาบบัว นกขุนทอง นกเงือก นกเขา ้ ไฟ เป็ นต้ น สัตว์ ป่าคุ้มครองประเภทที่ 2 มีทังหมด 29 ชนิด เช่ น กระทิง กวาง กระจง วัว ้ แดง เสือโคร่ ง เสือดาว อีเก้ ง หมีคน หมีควาย และนกอื่น ๆ อีก 19 ชนิด เช่ น นก กระสา นกแขวก นกอีโก้ ง และไก่ ป่า เป็ นต้ น สัตว์ ป่าคุ้มครองประเภทที่ 2 ก่ อนล่ า ต้ องได้ รับ อนุญาตจากทางราชการ และต้ องปฏิบัตอย่ าง เคร่ งครั ดเกี่ยวกับวิธีการ ิ อาวุธที่ใช้ สถานที่และระยะเวลาที่ทาการล่ า ํ
  • 15. การใช้ ประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาและการจัดการ (ต่ อ) • ดิน การใช้ ทรัพยากรดินอย่ างยั่งยืน ควรปฏิบัตดังนี ้ ิ 1. การนําพืนที่ดนมาใช้ ประโยชน์ ให้ ถูกวิธี เช่ น พืนที่ดนที่มีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะ ้ ิ ้ ิ แก่ การเกษตรก็ควรจะใช้ เพื่อการเพาะปลูกหรื อเลียงสัตว์ พืนที่ดนที่เป็ นแหล่ งของต้ นนํา ้ ้ ิ ้ ลําธารก็ควรใช้ เพื่อ การปลูกป่ าไม้ พืนที่ดนที่เหมาะแก่ การอยู่อาศัยก็ควรใช้ เพื่อการเป็ นที่ ้ ิ อยู่อาศัย เป็ นต้ น 2. ปรั บปรุ งดินที่ขาดคุณภาพ เช่ น ดินเปรี ยว ดินเค็ม ดินขาดความชุ่มชืน ให้ สามารถ ้ ้ นํากลับ มาใช้ ประโยชน์ สูงสุดทางด้ านการเกษตรกรรม 3. ปองกันการทําเกษตรกรรมที่ผิดวิธี เช่ น การทําเกษตรกรรมตามไหล่ เขา ซึ่งอาจ ้ เป็ นสาเหตุทาให้ เกิดการพังทลายของดินได้ โดยให้ นักวิชาการเกษตรแนะนําเกษตรกรให้ ํ ดําเนินการ เพาะปลูกให้ ถูกวิธี เพื่อเป็ นการรั กษาความสมบูรณ์ ของดินไว้ 4. ควรปลูกพืชหลากหลายชนิดในพืนที่เดียวกัน หรื อปลูกพืชหมุนเวียนในพืนที่ ้ ้ เพื่อให้ ดนมีความสมบูรณ์ ของแร่ ธาตุในดินเพิ่มขึน ิ ้ 5. ควรใช้ ปุยพืชสด เช่ น การปลูกพืชตระกูลถั่วเมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ วก็ไถกลบพืช ๋ ใน แปลง หรื อใช้ ปุยคอกในการเพิ่มธาตุอาหารในดิน ฯลฯ ๋
  • 16. การใช้ ประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาและการจัดการ (ต่ อ) • นํา ้ มนุษย์ ใช้ ประโยชน์ จากแหล่ งนําประเภทใด ้ มากที่สุด และใช้ อย่ างไร มนุษย์ ใช้ ประโยชน์ จาก แหล่ งนําผิวดินมากที่สุด ได้ แก่ แม่ นํา ลําคลอง ้ ้ หนอง บึง นําตก ทะเลสาบ มนุษย์ นํานําจากแหล่ ง ้ ้ นําเหล่ านีมาใช้ ในการอุปโภคบริโภค การเกษตร ้ ้ อุตสาหกรรม เหมืองแร่ การประมง การคมนาคม เป็ นต้ น
  • 17. การใช้ ประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาและการ จัดการ (ต่ อ) • โอโซน อากาศ 1. ใช้ ในอุตสาหกรรมอาหารทางการเกษตร ช่ วยในการเก็บ รักษาพืชผล ในไข่ ไก่ สามารถใช้ โอโซนในการทําลายแบคทีเรี ย 2. ใช้ ในการทําให้ อากาศสะอาดปราศจากกลิ่นเหม็น 3. ใช้ ทาความสะอาดขวดบรรจุนําอัดลม ํ ้ 4. ใช้ ในกระบวนการผลิตไวน์ นําผลไม้ เหล้ า ฯลฯ ้ 5. ใช้ ในการฆ่ าเชือโรคในนําเช่ นเดียวกับการเติมคลอรีน ้ ้ 6. ใช้ ในการทําลายสีในแม่ นําที่เกิดจากดินหรือพืชใต้ นําทํา ้ ้ ให้ นํามีสีตามธรรมชาติ ้
  • 18. การใช้ ประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาและการจัดการ (ต่ อ) • ป่ าไม้ 1. ป่ าไม้ ให้ ประโยชน์ แก่ มนุษย์ ทางตรง คือ มนุษย์ นําผลผลิตจากป่ าไม้ หรื อ ผลิตภัณฑ์ ท่ มีอยู่ในป่ ามาใช้ เพื่อเป็ นปั จจัยสี่ในการดํารงชีวต เช่ น ในด้ านอาหาร ี ิ มนุษย์ นํา พืชและสัตว์ ท่ ีอาศัยอยู่ในป่ ามาเป็ นอาหาร ในด้ านที่อยู่อาศัยมนุษย์ นํา ไม้ มาใช้ ในการ ก่ อสร้ างที่อยู่อาศัย ทําเครื่ องเรื อนและทําเครื่ องประดับตกแต่ ง บ้ านจากผลิตผลของ ป่ าประเภทรากไม้ เขาสัตว์ กระดูกสัตว์ เป็ นต้ น ในด้ าน เครื่ องนุ่งห่ ม มนุษย์ ใช้ เส้ นใยพืช มาถักทอเป็ นเครื่ องนุ่งห่ ม และในด้ านของยา รั กษาโรคมนุษย์ ใช้ ผลิตภัณฑ์ ของป่ าทังพืช และสัตว์ มาใช้ เป็ นยารั กษาโรคและ ้ นํามาทําผลิตภัณฑ์ ของเครื่ องสําอางต่ าง ๆ เป็ นต้ น 2. ป่ าไม้ ให้ ประโยชน์ แก่ มนุษย์ ทางอ้ อม คือ เป็ นแหล่ งหมุนเวียนสารใน ระบบนิเวศ ช่ วยปองกันลมพายุ นําท่ วม การชะล้ างพังทลายของดิน เป็ นแหล่ ง ้ ้ เรี ยนรู้ ตามธรรมชาติ แหล่ งพักผ่ อนหย่ อนใจ เป็ นต้ น
  • 19. การใช้ ประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาและการจัดการ (ต่ อ) • สัตว์ ป่า 1. การปองกัน ออกกฎหมายคุ้มครองสัตว์ ป่า ปองกันและปราบปราม ้ ้ ผู้กระทําผิด พระราชบัญญัตสงวนและคุ้มครองสัตว์ ป่า ส่ งเสริมสนับสนุนการ ิ จัดตังสมาคมเกี่ยวกับ สัตว์ ป่า เช่ น นิยมไพรสมาคม ฯลฯ ้ 2. การอนุรักษ์ แหล่ งที่อยู่อาศัย แหล่ งนําและอาหารของสัตว์ ป่า ปองกัน ้ ้ ไฟ ปลูกป่ า ทดแทน เพิ่มปริมาณเกลือในที่ชืนแฉะ เพื่อทําโป่ งเทียมให้ สัตว์ ป่า ้ มากิน 3. การค้ นคว้ าวิจัยทางวิชาการ เพื่อเพิ่มจํานวนสัตว์ ป่าในปริมาณที่ พอเหมาะกับ ปริมาณอาหาร และที่อยู่อาศัย 4. การใช้ ประโยชน์ จากสัตว์ ป่า อนุญาตให้ ล่าได้ เมื่อมีปริมาณมากพอ แต่ ห้ ามล่ า ตัวอ่ อนหรื อตัวเมีย
  • 20. หลักการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ ่ ่ ปั ญหาสิงแวดล้อมทัวโลกมีสาเหตุดงนี้ ั ่ 1. การเพิมจํานวนประชากร 2. การขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ 3. ความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี 4. ประชากรขาดความรูและมีความเชื่อที่ผด ้ ิ 5. ขาดการประชาสัมพันธ์ 6. สงคราม ่ ่ 7. การสร้างสิงก่อสร้างต่าง ๆ เพิมขึ้น
  • 21. สาเหตุททาให้ เกิดปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ ี่ ํ ได้ แก่ 1. จํานวนประชากรเพิ่มขึนต้ องการใช้ ทรั พยากรมากขึน ้ ้ 2. การขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึน ้ 3. ความก้ าวหน้ าทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี 4. ประชาชนขาดความรู้ หรื อรู้ เท่ าไม่ ถงการณ์ ใช้ ึ ทรั พยากรธรรมชาติไม่ ถูกวิธี 5. นโยบายของรั ฐไม่ เข้ มงวด เจ้ าหน้ าที่ของรั ฐไม่ รับผิด ชอบเท่ าที่ควร การอนุรักษ์ ทรั พยากรธรรมชาติ เพื่อการใช้ ประโยชน์ อย่ างยั่งยืน เช่ น 1. การกักเก็บ ทรั พยากรธรรมชาติท่ มีแนวโน้ มจะ ี ขาดแคลนไว้ ใช้ ในอนาคต 2. การรั กษา ซ่ อมแซม ทรั พยากรที่ถูกทําลายให้ เป็ นปกติ 3. การฟื ้ นฟู ทรั พยากรที่เสื่อมโทรมให้ สามารถกลับมาใช้ อีกได้ 4. การปองกันทรั พยากรที่ถูกทําลายหรื อมีแนวโน้ มจะถูกทําลายให้ ปกติ ้
  • 22. ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นส่ งผลกระทบต่ อระบบนิเวศ ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นเข้ ามาสู่ ประเทศไทยในกรณีใดบ้ าง ?? 1. นําเข้ าเป็ นอาหาร ของมนุษย์ และสัตว์ 2. ติดมากับสินค้ า วัตถุดบอุตสาหกรรม อาหาร ิ สัตว์ และพาหะอื่น ๆ จาก ต่ างแดน
  • 23. • ชนิดพันธุ์ต่างถินส่ งผลกระทบต่ อระบบนิเวศ (ต่ อ) ่ 1. หอยเชอรี่ เป็ นสัตว์ พนเมืองของทวีปอเมริกาใต้ มีการนําเข้ ามาเพื่อเลียงเป็ นอาหาร ื้ ้ บางทีเรียก เปาฮือนําจืด ๋ ้ ้ 2. ผักตบชวา มาจากเมืองชวาประเทศอินโดนีเซีย ปลูกเป็ นไม้ ดอก 3. หญ้ าขจรจบ (หรือหญ้ าคอมมิวนิสต์ ) มาจากอินเดีย ใช้ เป็ นพืชอาหารสัตว์ 4. ปลานิล มาจากญี่ปุ่นเป็ นอาหารของคน 5. ปลาหมอเทศ มาจากอิสราเอล เป็ นอาหารของคน 6. ไมยราบยักษ์ มาจากทวีปอเมริกาใต้ ใช้ ทารัว ํ ้ 7. หญ้ ามาเลเซีย มาจากประเทศมาเลเซีย ปลูกสนามหญ้ า 8. หญ้ าญี่ปุ่น มาจากประเทศญี่ปุ่น ปลูกสนามหญ้ า ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นนอกจากที่กล่ าวมาแล้ ว ยังมีชนิดใดที่ไม่ ใช่ พนธุ์พนเมืองเดิม ั ื้ พวกไม้ ดอก เช่ น เบญจมาศ คัทลียา พวกไม้ ผล เช่ น มะม่ วงหิมพานต์ องุ่น โกโก้ กาแฟ
  • 24. ชนิดพันธุ์ต่างถินส่ งผลกระทบต่ อระบบนิเวศ (ต่ อ) ่ • แนวทางที่อาจช่ วยลดปั ญหาการ แพร่ กระจายของชนิดพันธุ์ต่างถิ่นคือ การ พิจารณาถึงการ นําไปใช้ ประโยชน์ เช่ น วัชพืชบางชนิดนํามาเป็ นผักสด หรื อ ประกอบอาหารรั บประทาน เช่ น ใบอ่ อน ของผักตบชวา หญ้ าขจรจบนํามาทํา กระดาษ ผักตบชวานํามาทําของใช้ ใน บ้ าน เช่ น ตะกร้ า ภาชนะต่ าง ๆ หรื อใช้ ทําอาหารสัตว์ เป็ นต้ น