More Related Content
Similar to รายงาน สังคมออนไลน์
Similar to รายงาน สังคมออนไลน์ (20)
รายงาน สังคมออนไลน์
- 2. คานา
รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
จัดทาขึ้นเพื่อศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่มีการตอบสนอง
ทางสังคมได้หลายทิศทาง โดยผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต พูดง่ายๆ ก็คือเว็บไซต์ที่บุคคลบนโลกนี้
สามารถมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกันได้นั่นเองผู้จัดทาหวังว่ารายงานฉบับนี้จะให้ความรู้ และเป็น
ประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจไม่มากก็น้อย
หากมีข้อผิดพลาดใดๆ ขอ อ ภัย ไว้ ณ ที่นี้ด้วย
ผู้จัดทา
นางสาวพิมพ์พิมล ฮึ่งฮก
- 4. สังคมออนไลน์ (Social Media)
Social Media คืออะไร
สาหรับในยุคนี้ เราคงจะหลีกเลี่ยงหรือหนีคาว่า Social Media ไปไม่ได้ เพราะไม่ว่า
จะไปที่ไหน ก็จะพบเห็นมันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหลายๆ คนก็อาจจะยังสงสัยว่า “Social Media” มันคือ
อะไรกันแน่
คาว่า “Social” หมายถึง สังคม ซึ่งในที่นี้จะหมายถึงสังคมออนไลน์ ซึ่งมีขนาดใหม่
มากในปัจจุบัน
คาว่า “Media” หมายถึง สื่อ ซึ่งก็คือ เนื้อหา เรื่องราว บทความ วีดีโอ เพลง รูปภาพ
เป็นต้น
ดังนั้นคาว่า Social Media จึงหมายถึง สื่อสังคมออนไลน์ที่มีการตอบสนองทาง
สังคมได้หลายทิศทาง โดยผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต พูดง่ายๆ ก็คือเว็บไซต์ที่บุคคลบนโลกนี้
สามารถมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกันได้นั่นเอง
พื้นฐานการเกิด Social Media ก็มาจากความต้องการของมนุษย์หรือคนเราที่ต้องการติดต่อสื่อสาร
หรือมีปฏิสัมพันธ์กัน จากเดิมเรามีเว็บในยุค 1.0 ซึ่งก็คือเว็บที่แสดงเนื้อหาอย่างเดียว บุคคลแต่ละ
คนไม่สามารถติดต่อหรือโต้ตอบกันได้ แต่เมื่อเทคโนโลยีเว็บพัฒนาเข้าสู่ยุค 2.0 ก็มีการพัฒนา
เว็บไซต์ที่เรียกว่า web application ซึ่งก็คือเว็บไซต์มีแอพลิเคชั่นหรือโปรแกรมต่างๆ ที่มีการโต้ตอบ
กับผู้ใช้งานมากขึ้น ผู้ใช้งานแต่ละคนสามารถโต้ตอบกันได้ผ่านหน้าเว็บ
- 9. สังคมเว็บไซต์ออนไลน์
สังคมเว็บไซต์ออนไลน์ (อังกฤษ: Social web) คนในสังคมหรือผู้คนต่างๆ ใช้ในการโต้ตอบ
กันกับส่วนอื่น ๆ โดยทั่วไปบนเวิลด์ไวด์เว็บ ผู้คนมากมายมารวมตัวกันมีความสนใจที่มีร่วมกัน แต่
ก็ยังมีหลายวิธีที่ผู้คนในสังคมใช้กันในทุกวันนี้ ประเภทแรกของสังคมเว็บไซต์ออนไลน์ที่ทาขึ้นคือ
“คนเป็นส่วนสาคัญของเว็บไซต์” เช่น Bebo, Facebook และ MySpace เว็บไซต์ดังกล่าวจะส่งเสริม
ผู้คนเป็นจุดสาคัญของการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม การกระทาเช่นนี้ identity ออนไลน์ (และโปรไฟล์)
ถูกสร้างโดยผู้ใช้แต่ละคนในหลายรูปแบบคล้ายกับหนังสือเดินทาง
ประเภทที่สองของสังคมเว็บไซต์ออนไลน์จะเป็นตัวอย่างโดยเรียงลาดับความสาคัญของงาน
ต่างๆของเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น หากมีความสนใจในการถ่ายภาพและต้องการแบ่งปันสิ่งนี้ให้กับ
ผู้อื่นที่มีความสนใจในสิ่งเดียวกัน ก็มีเว็บไซต์การถ่ายภาพเช่น Flickr, Kodak Gallery และ
Photobucket
นอกจากนี้ยังมีวิธีที่สองของคนในสังคมเว็บไซต์ออนไลน์ ชนิดทั่วไปที่ใช้มากที่สุดและบ่อย
ที่สุดในทุกเวลาระยะทางและเฉพาะในเวิลด์ไวด์เว็บ ในสังคมเว็บไซต์ออนไลน์นั้นไม่มีการ
ติดต่อสื่อสารกันแบบตัวต่อตัวส่วนบุคคล ส่วนมากในสังคมเว็บไซต์ออนไลน์ใน Flickr คือการ
แบ่งปันภาพถ่ายและการแสดงความคิดเห็นในรูปของผู้อื่น อย่างไรก็ตามแต่สมาชิก Flickr มาจาก
พื้นที่ทั่วไปในท้องถิ่น
สังคมเว็บไซต์ออนไลน์อาจใช้เรียกแตกต่างกันสองแนวความคิด แนวคิดแรกคือเป็น
คาอธิบายของเว็บ 2.0 เทคโนโลยีที่เน้นการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและชุมชนก่อนสิ่งอื่นใด แนวคิดที่
สองเป็นข้อเสนอสาหรับเครือข่ายในอนาคตคล้ายกับเวิลด์ไวด์เว็บ
คาอธิบายของสังคมเว็บไซต์ออนไลน์
สังคมเว็บไซต์ออนไลน์สามารถอธิบายเป็นคนเชื่อมโยงกันและการโต้ตอบกับเนื้อหาการมี
ส่วนร่วมในลักษณะการสนทนาและมีส่วนร่วมทางอินเทอร์เน็ต การใช้งานสังคมเว็บไซต์ออนไลน์
สร้างขึ้นเพื่อส่งเสริมการสื่อสารระหว่างผู้คน
ตัวอย่างการใช้งานสังคมเว็บไซต์ออนไลน์ Twitter, Facebook, และ Jaikuสังคมเว็บไซต์
ออนไลน์เป็นเครือข่ายแห่งอนาคต
สังคมเว็บไซต์ออนไลน์จะเชื่อมโยงผู้คน องค์กร และความคิด การกล่าวถึงวิธีการใช้คาใน
บริบทนี้ถูกแนะนาในกรกฎาคม 2004 เรียกว่า “สังคมเว็บไซต์ออนไลน์ : สร้างเครือข่ายสังคมกับ
XDI” ในกระดาษได้อธิบายวิธีการแนะนาโพรโทคอลใหม่เพื่อใช้สาหรับกระจายการแบ่งปันข้อมูล
- 10. และประสานสื่อให้ตรงกัน, XDI, สามารถเปิดใช้งานใหม่ของชั้นข้อมูลที่เชื่อถือได้แลกเปลี่ยนการ
ใช้งาน มีการสร้างกุญแจซึ่งให้ในการบล็อกเลเยอร์นี้คือ I-names และ I-numbers (ขึ้นอยู่กับ
ข้อกาหนด OASIS XRI), หน้า Dataweb และ link contracts
การสร้างเครือข่ายสังคมเว็บไซต์ออนไลน์โดยใช้ FOAF ถูกใช้ตั้งแต่ปี 2000
การเปรียบเทียบเว็บไซต์สังคมออนไลน์ที่ดีที่สุดคือระบบธนาคารทั่วโลกและระบบบัตร
เครดิต โครงสร้างพื้นฐานนี้ได้พัฒนาขึ้นเพื่ออานวยความสะดวกแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงิน
โดยทั่วไปหมายถึงการสร้างการแลกเปลี่ยนระหว่างผู้ให้บริการโดยบุคคลที่สามที่มีความน่าเชื่อถือ
คือธนาคาร
สังคมเว็บไซต์ออนไลน์ใช้วิธีเดียวกันสาหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนตัวที่สาคัญ
โดยทั่วไปหมายถึงการสร้างการแลกเปลี่ยนระหว่างผู้ให้บริการ โดยบุคคลที่สามที่มีความน่าเชื่อถือ
โซเชียลเน็ตเวิร์ค (Social Network) มีกี่ประเภท อะไรบ้าง
การจัดประเภทของโซเชียลเน็ตเวิร์ค (Social Network) นั้นสามารถแยกได้ตามรูปแบบ และ
วัตถุประสงค์ในการใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์ค (Social Network) ตามรูปแบบ แบ่งได้เป็น
1. Blog หรือ บล็อก คือเว็บไซต์รูปแบบหนึ่ง มาจากคาว่า Weblog (Website + Log) ซึ่งคาว่า
Log ในที่นี้หมายถึง “ปูม” ดังนั้น Blog จึงมีลักษณะเป็นเว็บไซต์ที่จัดเก็บข้อมูลด้วยวิธีเดียวกับ
ปูม มีการเรียงลาดับตามวันที่บันทึก ข้อมูลใหม่ที่ Post จะอยู่บนสุด ส่วนข้อมูลเก่าจะอยู่
ล่างสุด โดยบล็อกสมัยนี้ไม่ได้อยู่ลาพังเดี่ยวๆ แต่มีลักษณะเป็น Community ที่รวบรวม Blog
หลายๆ Blog เข้าไว้ด้วยกัน สามารถเชื่อมโยงผู้เขียน (Blogger) ได้เป็นสังคมขนาดใหญ่ ใน
ขณะเดียวกันก็เชื่อมโยงผู้อ่านไว้กับผู้เขียนได้ โดยสามารถคอมเม้นต์บทความ ติดตาม หรือกด
โหวตได้ เช่น Blogger เป็นต้น
2. ไมโครบล็อก (Microblog) เป็นเว็บไซต์ขนาดเล็ก ใช้สาหรับส่งข้อความสั้นๆ ไม่กี่ประโยค
เพื่อบอกถึงสถานการณ์ และความเป็นไป ไมโครบล็อกที่มีผู้นิยมใช้บริการ เช่น Twitter
3. โซเชียลเน็ตเวิร์คเว็บไซต์ ( Social Network Website) คือเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสังคม
ออนไลน์โดยเฉพาะ เช่น Facebook, Linkedin, Myspace, Hi5 เป็นต้น เว็บพวกนี้มีจุดเด่นที่การแชร์
คอนเท้นต์ ทั้งข้อความ รูปภาพ และวีดีโอ บางเว็บรวมไปถึงบทความ เพลง และลิ้งค์ นอกจากนั้น
ยังมีฟังก์ชั่นในการแสดงความรู้สึก หรือมีส่วนร่วม เช่น การกดไลค์ ( Like) การโหวต การอภิปราย
(Discuss) และการแสดงความคิดเห็น เป็นต้น
4. เว็บโซเชียลบุ๊คมาร์ค (Bookmark Social Site) เป็นเว็บที่ให้เราเก็บหน้าเว็บ หรือเว็บไซต์ที่เรา
ชื่นชอบ เพื่อเอาไว้เข้าชมทีหลัง แต่พอมาเป็นโซเชียลไซต์ เราจะสามารถแชร์ URL ของหน้าเว็บ
- 11. เหล่านั้น รวมถึงดูว่าคนอื่นเก็บหน้าเว็บอะไรไว้บ้าง เข้าชม และแสดงความคิดเห็นต่อหน้าเว็บต่างๆ
ได้
โซเชียลเน็ตเวิร์ค (Social Network) ตามวัตถุประสงค์ในการใช้งาน แบ่งได้เป็น
1. เผยแพร่ตัวตน ( Identity Network) เป็นเว็บไซต์โซเชียลที่มุ่งเน้นการนาเสนอตัวตนของผู้ใช้งาน
เรื่องราวของตัวเอง ภาพถ่ายของตัวเอง สิ่งที่ตัวเองชอบ หรือว่าสนใจ ความคิดเห็น ความรู้สึกที่มีต่อ
สิ่งต่างๆ เว็บที่มีลักษณะดังกล่าว ได้แก่ Facebook, Myspace เป็นต้น
2. เผยแพร่ผลงาน (Creative Network) เป็นเว็บไซต์ที่เน้นไปที่ผลงานของเจ้าของเว็บ มากกว่าตัวตน
ของเจ้าของผลงาน ส่วนมากเว็บโซเชียลเน็ตเวิร์คประเภทนี้ มักรวมผู้ที่ทางานประเภทเดียวกันไว้
ด้วยกัน เช่น เว็บรวมนักเขียนนิยาย เว็บรวมคนรักการถ่ายภาพ เว็บรวมนักออกแบบกราฟิก
ฯลฯ ซึ่งการสร้างเครือข่ายลักษณะนี้มักใช้ในการหาลูกค้า หรือเพื่อนร่วมอาชีพเป็นสาคัญ เช่น
Coroflot, flickr, Multiply, DevianART เป็นต้น
3. ความสนใจตรงกัน ( Interested Network) เว็บไซต์ประเภทนี้คล้ายๆ กับเว็บเผยแพร่ผลงาน คือ
รวบรวมผู้ที่สนใจในเรื่องเดียวกันมาไว้ด้วยกัน แต่ต่างกันที่ Interested Network เจ้าของเว็บไม่ต้อง
เป็นเจ้าของผลงาน แค่แชร์ลิ้งค์ หรือเว็บที่ตัวเองสนใจ เช่น Pinterest, del.licio.us, Digg, Zickr เป็น
ต้น
4. โลกเสมือน (Virtual life / Game online) เป็นลักษณะการจาลองตัวของผู้ใช้งานเป็นตัวละครตัว
หนึ่งในเกม หรือสถานการณ์สมมุติ โดยมีเรื่องราว หรือภาระกิจให้ปฏิบัติ โดยอาจจะปฏิบัติโดย
ลาพังแข่งกับผู้เล่นคนอื่น หรือร่วมกันเป็นทีมก็ได้ โดยในระหว่างเล่นสามารถพูดคุย หรือสื่อสาร
กับผู้เล่นอื่นๆ ได้ ทาให้มีลักษณะเป็น Social Network แบบหนึ่ง เช่น Second Life, The SIM เป็น
ต้น
พฤติกรรมการใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์ค (Social Network) ของคนไทย
พฤติกรรมของผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต ปรับเปลี่ยนจากการรับข่าวสารจาก Portral Site มาเป็นโซเชียล
เน็ตเวิร์ค (Social Network) เว็บไซต์ เริ่มเด่นชัดตั้งแต่ช่วงปี 2007 หรือ พ.ศ. 2550 เป็นต้นมา และมี
แนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีผลการศึกษาพบว่าประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์ค ( Social
Network) ใช้เพื่ออัพเดตข้อมูลข่าวสาร และอีก 1 ใน 3 เพื่อคุยกับเพื่อนและคนรู้จัก นั่นสะท้อนให้
เห็นเป็นอย่างดีว่าผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต ติดตามข่าวสารจากโซเชียลเน็ตเวิร์ค ( Social Network) มาก
ขึ้น
- 12. ข้อดี ข้อเสีย
ข้อดีของSocial networks เครือข่ายสังคมออนไลน์
1. สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ในสิ่งที่สนใจร่วมกันได้
2. เป็นคลังข้อมูลความรู้ขนาดย่อมเพราะเราสามารถเสนอและแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความรู้
หรือตั้งคาถามในเรื่องต่างๆ เพื่อให้บุคคลอื่นที่สนใจหรือมีคาตอบได้ช่วยกันตอบ
3. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสารกับคนอื่น สะดวกและรวดเร็ว
4. เป็นสื่อในการนาเสนอผลงานของตัวเอง เช่น งานเขียน รูปภาพ วีดิโอต่างๆ เพื่อให้ผู้อื่นได้เข้ามา
รับชมและแสดงความคิดเห็น
5. ใช้เป็นสื่อในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือบริการลูกค้าสาหรับบริษัทและองค์กรต่างๆ ช่วย
สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า
6.ช่วยสร้างผลงานและรายได้ให้แก่ผู้ใช้งาน เกิดการจ้างงานแบบใหม่ๆ ขึ้น
7. คลายเครียดได้สาหรับผู้ใช้ที่ต้องการหาเพื่อนคุยเล่นสนุกๆ
8.สร้างความสัมพันธ์ที่ดีจากเพื่อนสู่เพื่อนได้
ข้อเสียของSocial networks เครือข่ายสังคมออนไลน์
1. เว็บไซต์ให้บริการบางแห่งอาจจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป หากผู้ใช้บริการไม่ระมัดระวัง
ในการกรอกข้อมูล อาจถูกผู้ไม่หวังดีนามาใช้ในทางเสียหาย หรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้
2. Social Network เป็นสังคมออนไลน์ที่กว้าง หากผู้ใช้รู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือขาดวิจารณญาณ อาจ
โดนหลอกลวงผ่านอินเทอร์เน็ต หรือการนัดเจอกันเพื่อจุดประสงค์ร้าย ตามที่เป็นข่าวตามหน้า
หนังสือพิมพ์
3. เป็นช่องทางในการถูกละเมิดลิขสิทธิ์ ขโมยผลงาน หรือถูกแอบอ้าง เพราะ Social Network
Service เป็นสื่อในการเผยแพร่ผลงาน รูปภาพต่างๆ ของเราให้บุคคลอื่นได้ดูและแสดงความคิดเห็น
4. ข้อมูลที่ต้องกรอกเพื่อสมัครสมาชิกและแสดงบนเว็บไซต์ในรูปแบบ Social Networkยากแก่การ
ตรวจสอบว่าจริงหรือไม่ ดังนั้นอาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่กาหนดอายุการสมัครสมาชิก หรือ
การถูกหลอกโดยบุคคลที่ไม่มีตัวตนได้
5. ผู้ใช้ที่เล่น socialnetwork และอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานอาจสายตาเสียได้หรือบาง
คนอาจตาบอดได้
6. ถ้าผู้ใช้หมกหมุ่นอยู่กับ socialnetwork มากเกินไปอาจทาให้เสียการเรียนหรือผลการเรียนตกต่าลง
ได้
7. จะทาให้เสียเวลาถ้าผู้ใช้ใช้อย่างไร้ประโยชน์
- 13. การนาเข้ามาใช้ในประเทศไทย หรือการใช้งานในปัจจุบัน
ลักษณะการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์
การใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ในปัจจุบนมี ลักษณะการแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือแลกเปลี่ยน
ั
ความรู้ใน รูปแบบต่างๆ เพิ่มมากขึ้น โดยส่วนใหญ่เน้นที่ปริมาณ ของความรู้แต่ไม่มีคุณภาพ (Chiu
et al., 2006) และ ข้อมูลที่มีการแลกเปลี่ยนกันส่วนมากจะเป็นข้อมูล ส่วนบุคคล การแลกเปลี่ยน
รูปภาพ วิดีโอ การส่งข้อความ และการพูดคุยกัน (Nosko et al., 2010) นอกจากนั้น Ross, et al.
(2009) กล่าวว่า Facebook ถือเป็นเครื่องมือ ทางสังคมที่สาคัญและเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้
คนในสังคมมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน เนื่องจากในยุคปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทกับ
การดาเนินชีวิต ประจาวันของคนในสังคม เช่น การทางาน การศึกษา การใช้บริการต่างๆ ล้วนต้อง
อาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศ ดังนั้น การใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ในปัจจุบันจึงไม่ใช่ เรื่องแปลก
ใหม่อีกต่อไป แต่กลายเป็นสิ่งจาเป็นที่ช่วย อานวยความสะดวกในการติดต่อ สื่อสาร การ
แลกเปลี่ยน ข้อมูล การแลกเปลี่ยนความรู้ของคนในสังคมยุคปัจจุบัน
ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมการใช้เครือข่าย สังคมออนไลน์
พฤติกรรมการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ของ คนในปัจจุบนนิยมเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว
ั
จากการศึกษา ของ Nosko, et al. (2010) พบว่าอายุและสถานภาพมีผล ต่อการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว
บนสังคมเครือข่ายออนไลน์ เป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้ใช้ที่มีอายุมากก็มักจะไม่เปิด เผยข้อมูล
ส่วนตัว ซึ่งตรงข้ามกับบุคคลที่มีอายุน้อยก็ จะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากกว่า และเพศไม่ได้มีผลต่อ
การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวแต่อย่างใด ปัจจัย ต่างๆ ที่ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมการใช้เครือข่ายสังคม
ออนไลน์ของคนในปัจจุบัน ได้ดังนี้
1. ลักษณะทางสังคมและบรรทัดฐานของกลุ่ม ผู้ใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ เป็นปัจจัยสาคัญที่
มี ผลต่อพฤติกรรมการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ในการ สื่อสารและการติดต่อกับเพื่อน ซึ่ง
ลักษณะสังคมใน ปัจจุบันส่งเสริมและสนับสนุนให้นักเรียนมีการรวมกลุ่ม กัน ทางานร่วมกันมาก
ขึ้นทาให้เกิดการใช้ประโยชน์จากFacebook
เนื่องจากสามารถโพสต์ขอความหรือแลกเปลี่ยน ข้อมูลให้เพื่อน ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
้
นอกจากนั้น ยังสามารถพูดคุยกันได้แบบ Real Time กับเพื่อนที่อยู่ใน สถานะออนไลน์ได้
เช่นเดียวกับ MSN ลักษณะทางสังคม สามารถสร้างความรู้สึกการเป็นเจ้าของเมื่อใช้เครือข่าย สังคม
ออนไลน์และเป็นสมาชิกของชุมชนออนไลน์นั้นๆ(Cheung, et al., 2010) นอกจากนั้น ยังช่วย
อธิบาย พฤติกรรมการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ การสร้าง ตัวตนทางสังคม ทาให้มีจานวนของ
ผู้ใช้งานเครือข่าย ในปัจจุบันเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เกิดบรรทัดฐานทางสังคม ที่คนนิยมแลกเปลี่ยน
ความรู้ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ กันอย่างกว้างขวาง (Cheung, & Lee, 2010; Chow, & Chan,
2008; Lin, & Lu, 2011) ผลการศึกษาของ Chiu, et al. (2006) พบว่าบรรทัดฐานของกลุ่มผู้ใช้งาน
- 14. เครือ ข่ายสังคมออนไลน์ยังเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความไว้ใจ (Trust) ซึ่งถือเป็นสิ่งสาคัญสาหรับ
ความสัมพันธ์ในสังคม ของการแลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกัน
2. ลักษณะส่วนบุคคล แรงจูงใจและความ สามารถของบุคคล เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อพฤติกรรม
การใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ Amichai-Hamburger & Vinitzky (2010) ศึกษาพบว่า ลักษณะส่วน
บุคคลมีความ สาคัญอย่างมากต่อการเลือกใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ ซึ่งผลการวิจัยนี้สามารถ
นาไปใช้ประโยชน์ในด้านการ ตลาดเพื่อที่จะช่วยหาแนวทางใหม่ๆ สาหรับการเรียนรู้ การเข้าใจ
คุณลักษณะและความแตกต่างของลูกค้าแต่ละ กลุ่มได้ ซึ่งตรงกันข้ามกับผลการวิจัยของ Ross, et al.
(2009) ที่ศึกษาพบว่า ปัจจัยของลักษณะส่วนบุคคลไม่มี อิทธิพลต่อการใช้ Facebook เนื่องจาก
เหตุผลของการ ใช้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ไม่ได้เกิดจากลักษณะ ส่วนบุคคล แต่เกิดจากการ
ได้รับแรงจูงใจจากบุคคลอื่นๆหรือจากเพื่อนในการสื่อสารผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์
นอกจากนั้นความสามารถของแต่ละบุคคลก็มีผลต่อพฤติกรรมการแลกเปลี่ยนความรู้
(Hsu,etal.,2007) เนื่องจากในการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ผู้ใช้ จาเป็นต้องมีความรู้ความสามารถ
ในการใช้เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์และสามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้ จึงจะสามารถ ใช้บริการเครือข่าย
สังคมออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ทัศนคติเกี่ยวกับความไว้ใจ ความปลอดภัย ของระบบและความเป็นส่วนตัวก็ส่งผลต่อความตั้งใจ
ในการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์และการแลกเปลี่ยน ความรู้ Shin (2010) ศึกษาพบว่า ทัศนคติด้าน
ความไว้ใจ มีความสัมพันธ์กับการยอมรับความรู้สึกปลอดภัยในการ ใช้งาน ซึ่งความไว้ใจถือเป็น
ปัจจัยที่สาคัญที่ส่งผลต่อการ แลกเปลี่ยนความรู้และเปิดเผยข้อมูลผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์
(Mital, et al. ,2010 ; Shin, 2010) และทัศนคติ ความเป็นส่วนตัวก็ส่งผลต่อพฤติกรรมการเปิดเผย
ข้อมูล เช่นกัน (Stutzman, et al. , 2011) จากผลการศึกษานี้ สามารถอธิบายได้ว่า เมื่อผู้ใช้บริการมี
ทัศนคติทางบวก ในเรื่องต่างๆ ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น จะช่วยส่งเสริมให้ เกิดการแลกเปลี่ยน
ความรู้และเปิดเผยข้อมูล แต่ถ้าหาก ผู้ใช้บริการมีทัศนคติทางลบ การแลกเปลี่ยนความรู้ผ่าน
เครือข่ายสังคมออนไลน์ก็จะไม่ประสบผลสาเร็จ
4. คุณค่าทางด้านความบันเทิง หมายถึง เมื่อ ผู้ใช้บริการมีความรู้สึกเพลิดเพลินและสนุกในการใช้
เทคโนโลยีสาหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความรู้ผ่าน เครือข่ายสังคมออนไลน์ ก็จะทาให้
ผู้ใช้บริการเกิดความ พึงพอใจ มีความตั้งใจในการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่าง กันมากขึ้น และเป็น
ปัจจัยสาคัญที่ทาให้มีการใช้บริการ เครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง (Chiu, et al., 2011;
Cheung, et al., 2010; Lin, & Lu, 2011)
- 15. 5. การได้รับประโยชน์จากการใช้เครือข่าย สังคมออนไลน์ เป็นปัจจัยที่ช่วยทาให้คนนิยมใช้บริการ
มากขึ้น เนื่องจาก ผู้ใช้บริการเครือข่ายสามารถติดต่อกับ เพื่อน คนรู้จัก ตลอดจนได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ
ได้แลกเปลี่ยน ข้อมูล ความรู้กับบุคคลอื่น อีกทั้งยังมีความเชื่อว่าระบบ จะมีการพัฒนาและปรับปรุง
การให้บริการที่มีประสิทธิภาพ มากขึ้น ซึ่งช่วยให้คนใช้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ อย่าง
ต่อเนื่อง (Lin, & Lu, 2011)
ผลกระทบจากการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์
การใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ในปัจจุบัน ส่งผลกระทบในด้านต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. ด้านทัศนคติ ผู้ที่ใช้บริการเครือข่าย สังคมออนไลน์สาหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความรู้ จะมี
ทัศนคติในด้านต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปและมีมุมมอง ที่หลากหลายเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการได้รับ
ข้อมูล สารสนเทศที่ทันสมัยอยู่เสมอ ซึ่งตรงกันข้ามกับบุคคลที่ ไม่ได้ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์
มักจะปฏิเสธข้อมูลใหม่ๆ หรือปฏิเสธมุมมองที่มีความแตกต่างไปจากเดิม (Levitan, & Visser,
2008) จากผลการศึกษาที่พบดังกล่าว สามารถ อธิบายได้ว่า การใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์เป็น
ประโยชน์ ต่อผู้ใช้บริการในด้านการปรับเปลี่ยนทัศนคติ ถึงแม้จะไม่ได้ส่งผลโดยตรงกับผู้ใช้
ในทันที แต่จะเป็นเครื่องมือที่ จะช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและทัศนคติในด้านต่างๆ ของผู้ใช้ใน
อนาคตได้
2. ด้านความเป็นส่วนตัว ในการใช้เครือข่าย สังคมออนไลน์ปัจจุบันมีความสะดวกรวดเร็ว ผู้ใช้
สามารถใช้บริการผ่านโทรศัพท์มือถือเพื่อส่งข้อความ รูปภาพ หรือแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันได้
ข้อมูลที่ ส่งนั้นจะเป็นข้อมูลสาธารณะที่ทุกคนสามารถเข้าไปดู หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้ ไม่
มีระยะเวลาที่กาหนด ดังนั้นความเป็นส่วนตัวอาจจะถูกคุกคามได้ ขึ้นอยู่กับ มารยาทของผู้ใช้บริการ
เครือข่ายสังคมออนไลน์ หรืออาจ มีการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นด้านลบของผู้อื่น ยกตัวอย่าง เช่น
พนักงานที่ลาออกจากบริษัทมีการเผยแพร่ข้อมูล ด้านลบของผู้จัดการหรือหัวหน้าให้คนอื่นๆ รับรู้
ผ่าน เครือข่ายสังคมออนไลน์ (Van Eecke, & Truyens, 2010) ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
ดังนั้น ผู้ใช้บริการ เครือข่ายสังคมออนไลน์อาจจะไม่ได้รับความเป็นส่วนตัว มากนัก เพราะข้อมูลที่
โพสต์เข้าไปใน Profile จะมีลักษณะ เป็นข้อมูลสาธารณะที่เพื่อนในกลุ่มทั้งหมดสามารถดู และ
แสดงความคิดเห็นได้ หรือบางครั้งสมาชิกคนอื่น ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มก็สามารถเข้ามาดูได้ยกเว้นมี
การตั้งค่า สิทธิการเข้าใช้งานระบบ หรือใช้การพูดคุยกันแบบ Real Time เหมือน MSN เป็นต้น
3. ด้านความปลอดภัยของข้อมูล จาก ผลการศึกษาของ Shin (2010) ที่ศึกษาพบว่าปัจจัยที่มี ผลทา
ให้คนใช้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์เนื่องจาก มีความเชื่อใจในระบบการรักษาความปลอดภัย
ของ ข้อมูล แต่ในความเป็นจริงการใช้งานผ่านระบบเครือข่าย คอมพิวเตอร์ทั้งหมดมีโอกาสที่จะถูก
ขโมยข้อมูลหรือ ทาลายข้อมูลได้ถึงแม้ระบบที่ใช้งานจะอนุญาตให้เรา ตั้งค่าความปลอดภัยของ
- 16. ข้อมูลได้ ดังนั้น จึงขึ้นอยู่ กับระบบที่ใช้บริการจะมีความสามารถในการสร้าง ความปลอดภัยให้กับ
ข้อมูลมากน้อยเพียงใด และตัวผู้ใช้งาน เครือข่ายสังคมออนไลน์เอง ก็จะต้องตระหนักว่าข้อมูล ที่
นาไปไว้ใน Profile ของตน หรือข้อความต่างๆ ที่โพสต์ ในเครือข่ายสังคมออนไลน์จะต้องเป็น
ข้อมูลที่สามารถ เปิดเผยได้ หรือไม่สร้างความเสียหายให้กับผู้อื่น และที่สาคัญ ไม่ควรนาข้อมูลหรือ
สารสนเทศที่ไม่ถูกต้องไปเผยแพร่ในเครือข่ายสังคมออนไลน์เพื่อสร้างความเสื่อมเสียให้กับ บุคคล
อื่นหรือสร้างความแตกแยกในสังคม
การนา Social Network เข้ามาใช้ในประเทศไทย หรือการใช้งานในปัจจุบัน
ปัจจุบันเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจาวันของคนไทยเป็นอย่างมาก ไม่ว่า
จะเป็นการรับข้อมูลข่าวสาร ต่างๆ การทางานหรือการส่งงานผ่านระบบอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้
อินเทอร์เน็ตยังมีบทบาทสาคัญต่อการทาธุรกิจอีกด้วย เพราะอินเทอร์เน็ต เป็นสื่อที่สามารถเข้าถึง
กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ได้ง่าย รวดเร็ว และประหยัดค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ได้เป็นอย่างมาก ซึ่ง
เหมาะต่อผู้ ประกอบการตั้งแต่รายย่อยขึ้นไป โดยรูปแบบที่กาลังเป็นที่นิยมในปัจจุบันคือ สังคม
ออนไลน์ (Social Network) ซึ่งหมายถึง กลุ่มคนที่ รวมกันเป็นสังคมและมีการทากิจกรรมร่วมกัน
บนอินเทอร์เน็ต ในรูปแบบของเว็บไซต์ที่มีการแผ่ขยายออกไปเรื่อยๆ หรือรูปแบบของการ สื่อสาร
ข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งทาให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์หรืออินเทอร์เน็ตกลายเป็นสังคม โดย
สามารถทากิจกรรมต่างๆ ทั้งเพื่อการ ศึกษา ธุรกิจ และความบันเทิง ดังนั้นบทความนี้จะนาเสนอถึง
รูปแบบการประยุกต์ใช้งานสังคมออนไลน์ร่วมกับการทาธุรกิจในประเทศไทย โดยจะกล่าวถึง
กระแสการทาการตลาดผ่านสังคมออนไลน์ การนาเสนอแนวทางการใช้งานสังคมออนไลน์กับการ
ทาธุรกิจและข้อมูลทาง สถิติที่ใช้ในการตัดสินใจ