SlideShare a Scribd company logo
1 of 4
Download to read offline
ใบงานที่ 2 เรื่ อง ความหมายและความสาคัญของโครงงาน
        ความหมาย
        โครงงานคอมพิวเตอร์เป็ นกิจกรรมการเรี ยนที่นกเรี ยนมีอิสระในการเลือกศึกษาปัญหาที่ตนสนใจ
                                                   ั
โดยนักเรี ยนจะต้องวางแผนการดาเนินงาน ศึกษา พัฒนาโปรแกรม หรื ออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ความรู้
กระบวนการทางวิศวกรรมซอฟต์แวร์ เครื่ องคอมพิวเตอร์และวัสดุอุปกรณ์ตลอดจนทักษะพื้นฐานในการ
พัฒนาโครงงาน เรื่ องที่นกเรี ยนสนใจและคิดจะทาโครงงาน ซึ่งอาจมีผศึกษามาก่อน หรื อเป็ นเรื่ องที่
                        ั                                      ู้
นักพัฒนาโปรแกรมได้เคยค้นคว้าและพัฒนาแล้ว นักเรี ยนสามารถทาโครงงานเรื่ องดังกล่าวได้ แต่ตองคิด
                                                                                        ้
ดัดแปลงแนวทางในการศึกษา การวิเคราะห์ขอมูล การพัฒนาโปรแกรม หรื อศึกษาเพิ่มเติมจากผลงานเดิมที่
                                     ้
มีผรายงานไว้ จุดมุ่งหมายสาคัญของการทาโครงงานเป็ นการเปิ ดโอกาสให้นกเรี ยนได้รับประสบการณ์ตรง
   ู้                                                             ั
ในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์แก้ปัญหา ประดิษฐ์คิดค้นหรื อค้นคว้าหาความรู้ต่างๆ ใช้คอมพิวเตอร์ในการ
พัฒนาสื่อการเรี ยนรู้เพื่อการศึกษา ประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรื ออุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ พัฒนาโปรแกรม
ประยุกต์ต่างๆ ตลอดจนการพัฒนาเกมคอมพิวเตอร์ เพื่อฝึ กให้นกเรี ยนเป็ นบุคคลที่ใฝ่ เรี ยนใฝ่ รู้ การพัฒนา
                                                        ั
ความคิดใหม่ๆ ความมีคุณธรรมจริ ยธรรม เอื้อเฟื้ อเผือแผ่ ให้กบเพื่อนมนุษย์ และอยูในสังคมอย่างมีความสุข
                                                  ่        ั                   ่

          โครงงานคอมพิวเตอร์เป็ นการใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่นๆ ในการศึกษา ทดลอง แก้ปัญหา
ต่างๆ เพื่อนาผลงานที่ได้มาประยุกต์ใช้งานจริ ง หรื อเพื่อใช้ช่วยสร้างสื่อเสริ มการเรี ยนการสอนให้
มี ประสิทธิภาพยิงขึ้น โครงงานคอมพิวเตอร์จึงเป็ นกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ท่ีช่วยให้ผเู้ รี ยนได้เรี ยนรู้และ
                 ่
ฝึ กทักษะการใช้เครื่ องคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ พร้อมทั้งเครื่ องมือต่างๆในการแก้ปัญหา รวมทั้งการ
พัฒนาเจตคติในการสร้างผลงาน

            โครงงานคอมพิวเตอร์เป็ นกิจกรรมหนึ่งที่ผเู้ รี ยนสามารถศึกษาปัญหาที่ตนสนใจ ซึ่งอาจเป็ นปัญหา
ที่ตองใช้ความรู้ที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มาผสมผสานกัน ซึ่งบางโครงงานอาจต้องใช้ความรู้อื่นๆ มาร่ วมด้วย
    ้
โดยผูเ้ รี ยนจะต้องวางแผนการดาเนินงาน ศึกษา พัฒนาโปรแกรมหรื ออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนทักษะ
พื้นฐานในการพัฒนาโครงงาน โครงงานบางเรื่ องอาจต้องการวัสดุอุปกรณ์นอกเหนือจากที่มีอยู่ ซึ่งผูเ้ รี ยน
จะต้องพัฒนาขึ้น หรื อดัดแปลงเพื่อให้ใช้งานได้ตรงกับความต้องการ โดย
ในการพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์จะอยูภายใต้การดูแลและให้คาปรึ กษา
                                         ่
ของผูสอน และผูทรงคุณวุฒิดานต่างๆ
       ้           ้           ้
โครงงานเป็ นกิจกรรมที่เน้นกระบวนการ (Process) โดยให้อิสระกับนักเรี ยนเป็ นผูคิดค้นขึ้นมาเอง
                                                                                         ้
ว่าจะทาโครงงานอะไร มีการวางแผน และลงมือปฏิบติตามแผนงานที่วางเอาไว้ โดยอาศัยเครื่ องมือ เครื่ อง
                                                       ั
จัก วัสดุอุปกรณ์ที่มีอยู่ หรื อเท่าที่จะหาได้ภายใต้การแนะนา กระตุนความคิดและกระตุนการทางานจากครู
                                                                 ้                  ้
หรื อผูเ้ ชี่ยวชาญ

      ดังนั้น การเขียนโครงงาน หรื อวิชาโครงงานจึงเป็ นิวชาที่มุ่งให้นกเรี ยนได้เลือกทากิจกรรมตาม
                                                                     ั
ความสนใจและความถนัด
ของตนเองอย่างแท้จริ ง ความสาคัญของโครงงานจึงอยูที่การเป็ นกิจกรรมการเรี ยนการสอนที่
                                                ่
    1) เปิ ดโอกาสให้นกเรี ยนได้คิดค้นเอง
                       ั
    2) นักเรี ยนได้วางแผนการทางานเอง
    3) นักเรี ยนได้ลงมือปฏิบติโครงงานด้วยตนเอง
                            ั
    4) ได้นาเสนอโครงงาน
    5) ได้ร่วมกาหนดแนวทางวัดผลด้วยตนเอง

           เป็ นรู ปแบบการเรี ยนที่มุ่งส่งเสริ ม ให้ผเู้ รี ยนได้คนหาความสามารถ ความถนัด และความสนใจของ
                                                                  ้
ตนเองในด้านต่าง ๆ มาจาก แนวคิดพื้นฐานของการเรี ยน รู้โดยยึดผูเ้ รี ยนเป็ นศูนย์กลาง (Child Center) และ
การเรี ยนรู้ตามสภาพจริ ง โดยมีการศึกษาหลักการ และวิธีเกี่ยวกับ โครงงานที่เลือกศึกษา วิเคราะห์ วาง
แผนการทางาน ลงมือทางาน และปรับปรุ ง เพื่อให้งานบรรลุตามวัตถุประสงค์ ในกระบวนการเรี ยนการ
สอน ได้ใช้ทกษะกระบวนการ สอดแทรกคุณธรรม ทางานเป็ นกลุ่ม ฝึ กปฏิบติจริ ง เน้นผูเ้ รี ยนมีส่วนร่ วม มี
                 ั                                                                ั
ครู เป็ นผูช้ ีแนะ ให้คาปรึ กษาตลอดเวลา เน้นฝึ กคนให้แสวงหาความรู้ดวยตนเอง
           ้                                                                ้
     โครงงาน เป็ นการจัดการเรี ยน รู้รูปแบบหนึ่งที่ ทาให้ผเู้ รี ยนได้เรี ยนรู้ดวยตนเอง จากการลงมือปฏิบติจริ ง
                                                                                ้                      ั
ในลักษณะของการศึกษา สารวจ ค้นคว้า ทดลอง ประดิษฐ์คิดค้น โดยมีครู เป็ นผูคอยกระตุนแนะนาให้
                                                                                    ้        ้
คาปรึ กษา
ความสาคัญของโครงงานคอมพิวเตอร์

       โครงงานคอมพิวเตอร์เป็ นกิจกรรมการเรี ยนรู้ที่ทาให้ผเู้ รี ยนเกิดความสามารถในด้านต่าง ๆ ที่สาคัญ
5 ประการ ดังนี้

         1.ความสามารถในการสื่อสาร เป็ นความสามารถที่เกิดจากการที่นกเรี ยนเป็ นผูทาโครงงานต้อง
                                                                  ั             ้
นาเสนอผลงานให้ ครู และเพื่อนนักเรี ยนให้เข้าใจโครงงานคอมพิวเตอร์ได้อย่างชัดเจน ดังนั้น ผูทาโครงงาน
                                                                                         ้
ต้องสื่อสารความคิดในการสร้างสรรค์โครงงานด้วยการเขียน หรื อด้วยปากเปล่า รวมทั้งเลือกใช้รูปแบบของ
สื่ออย่างมีประสิทธิภาพเพื่อนาเสนอแนวคิดในการจัด โครงงานให้ผอื่นได้เข้าใจ
                                                             ู้

          2.ความสามารถในการคิด ซึ่งผูเ้ รี ยนจะมีการคิดในลักษณะต่าง ๆ ดังนี้
1.)การคิดวิเคราะห์ เกิดจากการที่ผเู้ รี ยนต้องวิเคราะห์ปัญหาและแยกแยะสาเหตุว่าเกิดเนื่องจากอะไร
2.)การคิดสังเคราะห์ เกิดจากการที่ผเู้ รี ยนต้องนาความรู้ต่าง ๆ ที่เรี ยนมา รวมทั้งความรู้จากการค้นหาข้อมูล
เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาหรื อการสร้างสรรค์โครงงาน
3.)การคิดอย่างสร้างสรรค์ เกิดจากการที่ผเู้ รี ยนนาความรู้มาสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ
4.)การคิดอย่างมีวิจารณญาณ เกิดจากการที่ผเู้ รี ยนได้มีการคิดไตร่ ตรองว่าควรทาโครงงานใดและไม่ควรทา
โครง งานใด เนื่องจากโครงงานที่สร้างขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อสังคมโดยรวม เช่น โครงงานระบบคานวณ
เลขหวย สาหรับหาเลขที่คาดว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลจะออกในแต่ละงวด อาจส่งผลกระทบต่อสังคม ทาให้
คนในสังคมเกิดความหมกมุ่นในกับการใช้เงินเล่นหวยมากขึ้น
5.)การคิดอย่างเป็ นระบบ เกิดจากการที่ผเู้ รี ยนคิดแก้ปัญหาอย่างเป็ นขั้นตอน โดยใช้ข้นตอนในการพัฒนา
                                                                                       ั
โครงงาน คือ ผูเ้ รี ยนเป็ นผูวางแผนในการศึกษา ค้นคว้า เก็บรวบรวมข้อมูล พัฒนา หรื อประดิษฐ์คิดค้น
                             ้
ผลงาน รวมทั้งการสรุ ปผลและการนาเสนอผลการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง โดยมีผสอนและผูทรงคุณวุฒิ
                                                                                    ู้        ้
เป็ นผูให้คาปรึ กษา
       ้

       3.ความสามารถในการแก้ปัญหา เกิดจากการที่ผเู้ รี ยนวิเคราะห์ปัญหา เข้าใจ และอธิบายปัญหา
ทางด้านคอมพิวเตอร์ รวมทั้งประยุกต์ความรู้ ทักษะ และการใช้เครื่ องมือที่เหมาะสมกับการแก้ไขปัญหา

         4.ความสามารถในการใช้ทกษะชีวิต เกิดจากการที่ผเู้ รี ยนได้นาความรู้และกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้
                                   ั
ในการพัฒนาโครงงาน และนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่างเหมาะสม รวมถึงการพัฒนาโครงงาน
ก่อให้เกิดการเรี ยนรู้ดวยตนเอง อันนาไปสู่การเรี ยนรู้ตลอดชีวิต
                       ้

        5.ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เกิดจากการที่ผเู้ รี ยนสามารถเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศใน
การแก้ปัญหาได้ อย่างถูกต้องเหมาะสม และมีคุณธรรม
ที่มาของข้อมูล

- http://krudarin.wordpress.com/2012/05/25/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0
    %B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B
    8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9
    7%E0%B8%B3%E0%B9%82%E0%B8%B6%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87/
- http://kroosuveera.blogspot.com/2011/09/blog-post_13.html
- http://kruarisara.wordpress.com/2010/03/30/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0
    %B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B
    8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84
    %E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80/

More Related Content

More from Umaporn Maneesatjang

ใบงานที่ 9 เรื่อง ปัญหาและความจำเป็นในการทำโครงงาน
ใบงานที่ 9 เรื่อง ปัญหาและความจำเป็นในการทำโครงงานใบงานที่ 9 เรื่อง ปัญหาและความจำเป็นในการทำโครงงาน
ใบงานที่ 9 เรื่อง ปัญหาและความจำเป็นในการทำโครงงาน
Umaporn Maneesatjang
 
ใบงานที่ 8 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์
ใบงานที่ 8 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ใบงานที่ 8 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์
ใบงานที่ 8 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์
Umaporn Maneesatjang
 
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภทการทดลองทฤษฏี
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภทการทดลองทฤษฏีใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภทการทดลองทฤษฏี
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภทการทดลองทฤษฏี
Umaporn Maneesatjang
 
ใบงานที่ 5 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาเครื่องมือ
ใบงานที่ 5 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาเครื่องมือใบงานที่ 5 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาเครื่องมือ
ใบงานที่ 5 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาเครื่องมือ
Umaporn Maneesatjang
 
ใบงานที่ 3 ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
ใบงานที่ 3 ขอบข่ายและประเภทของโครงงานใบงานที่ 3 ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
ใบงานที่ 3 ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
Umaporn Maneesatjang
 
ประวัติส่วนตัว
ประวัติส่วนตัวประวัติส่วนตัว
ประวัติส่วนตัว
Umaporn Maneesatjang
 

More from Umaporn Maneesatjang (6)

ใบงานที่ 9 เรื่อง ปัญหาและความจำเป็นในการทำโครงงาน
ใบงานที่ 9 เรื่อง ปัญหาและความจำเป็นในการทำโครงงานใบงานที่ 9 เรื่อง ปัญหาและความจำเป็นในการทำโครงงาน
ใบงานที่ 9 เรื่อง ปัญหาและความจำเป็นในการทำโครงงาน
 
ใบงานที่ 8 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์
ใบงานที่ 8 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ใบงานที่ 8 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์
ใบงานที่ 8 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์
 
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภทการทดลองทฤษฏี
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภทการทดลองทฤษฏีใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภทการทดลองทฤษฏี
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภทการทดลองทฤษฏี
 
ใบงานที่ 5 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาเครื่องมือ
ใบงานที่ 5 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาเครื่องมือใบงานที่ 5 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาเครื่องมือ
ใบงานที่ 5 เรื่อง โครงงานประเภทการพัฒนาเครื่องมือ
 
ใบงานที่ 3 ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
ใบงานที่ 3 ขอบข่ายและประเภทของโครงงานใบงานที่ 3 ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
ใบงานที่ 3 ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน
 
ประวัติส่วนตัว
ประวัติส่วนตัวประวัติส่วนตัว
ประวัติส่วนตัว
 

ความหมายและความสำค ญของโครงงาน

  • 1. ใบงานที่ 2 เรื่ อง ความหมายและความสาคัญของโครงงาน ความหมาย โครงงานคอมพิวเตอร์เป็ นกิจกรรมการเรี ยนที่นกเรี ยนมีอิสระในการเลือกศึกษาปัญหาที่ตนสนใจ ั โดยนักเรี ยนจะต้องวางแผนการดาเนินงาน ศึกษา พัฒนาโปรแกรม หรื ออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ความรู้ กระบวนการทางวิศวกรรมซอฟต์แวร์ เครื่ องคอมพิวเตอร์และวัสดุอุปกรณ์ตลอดจนทักษะพื้นฐานในการ พัฒนาโครงงาน เรื่ องที่นกเรี ยนสนใจและคิดจะทาโครงงาน ซึ่งอาจมีผศึกษามาก่อน หรื อเป็ นเรื่ องที่ ั ู้ นักพัฒนาโปรแกรมได้เคยค้นคว้าและพัฒนาแล้ว นักเรี ยนสามารถทาโครงงานเรื่ องดังกล่าวได้ แต่ตองคิด ้ ดัดแปลงแนวทางในการศึกษา การวิเคราะห์ขอมูล การพัฒนาโปรแกรม หรื อศึกษาเพิ่มเติมจากผลงานเดิมที่ ้ มีผรายงานไว้ จุดมุ่งหมายสาคัญของการทาโครงงานเป็ นการเปิ ดโอกาสให้นกเรี ยนได้รับประสบการณ์ตรง ู้ ั ในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์แก้ปัญหา ประดิษฐ์คิดค้นหรื อค้นคว้าหาความรู้ต่างๆ ใช้คอมพิวเตอร์ในการ พัฒนาสื่อการเรี ยนรู้เพื่อการศึกษา ประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรื ออุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ พัฒนาโปรแกรม ประยุกต์ต่างๆ ตลอดจนการพัฒนาเกมคอมพิวเตอร์ เพื่อฝึ กให้นกเรี ยนเป็ นบุคคลที่ใฝ่ เรี ยนใฝ่ รู้ การพัฒนา ั ความคิดใหม่ๆ ความมีคุณธรรมจริ ยธรรม เอื้อเฟื้ อเผือแผ่ ให้กบเพื่อนมนุษย์ และอยูในสังคมอย่างมีความสุข ่ ั ่ โครงงานคอมพิวเตอร์เป็ นการใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่นๆ ในการศึกษา ทดลอง แก้ปัญหา ต่างๆ เพื่อนาผลงานที่ได้มาประยุกต์ใช้งานจริ ง หรื อเพื่อใช้ช่วยสร้างสื่อเสริ มการเรี ยนการสอนให้ มี ประสิทธิภาพยิงขึ้น โครงงานคอมพิวเตอร์จึงเป็ นกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ท่ีช่วยให้ผเู้ รี ยนได้เรี ยนรู้และ ่ ฝึ กทักษะการใช้เครื่ องคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ พร้อมทั้งเครื่ องมือต่างๆในการแก้ปัญหา รวมทั้งการ พัฒนาเจตคติในการสร้างผลงาน โครงงานคอมพิวเตอร์เป็ นกิจกรรมหนึ่งที่ผเู้ รี ยนสามารถศึกษาปัญหาที่ตนสนใจ ซึ่งอาจเป็ นปัญหา ที่ตองใช้ความรู้ที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มาผสมผสานกัน ซึ่งบางโครงงานอาจต้องใช้ความรู้อื่นๆ มาร่ วมด้วย ้ โดยผูเ้ รี ยนจะต้องวางแผนการดาเนินงาน ศึกษา พัฒนาโปรแกรมหรื ออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนทักษะ พื้นฐานในการพัฒนาโครงงาน โครงงานบางเรื่ องอาจต้องการวัสดุอุปกรณ์นอกเหนือจากที่มีอยู่ ซึ่งผูเ้ รี ยน จะต้องพัฒนาขึ้น หรื อดัดแปลงเพื่อให้ใช้งานได้ตรงกับความต้องการ โดย ในการพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์จะอยูภายใต้การดูแลและให้คาปรึ กษา ่ ของผูสอน และผูทรงคุณวุฒิดานต่างๆ ้ ้ ้
  • 2. โครงงานเป็ นกิจกรรมที่เน้นกระบวนการ (Process) โดยให้อิสระกับนักเรี ยนเป็ นผูคิดค้นขึ้นมาเอง ้ ว่าจะทาโครงงานอะไร มีการวางแผน และลงมือปฏิบติตามแผนงานที่วางเอาไว้ โดยอาศัยเครื่ องมือ เครื่ อง ั จัก วัสดุอุปกรณ์ที่มีอยู่ หรื อเท่าที่จะหาได้ภายใต้การแนะนา กระตุนความคิดและกระตุนการทางานจากครู ้ ้ หรื อผูเ้ ชี่ยวชาญ ดังนั้น การเขียนโครงงาน หรื อวิชาโครงงานจึงเป็ นิวชาที่มุ่งให้นกเรี ยนได้เลือกทากิจกรรมตาม ั ความสนใจและความถนัด ของตนเองอย่างแท้จริ ง ความสาคัญของโครงงานจึงอยูที่การเป็ นกิจกรรมการเรี ยนการสอนที่ ่ 1) เปิ ดโอกาสให้นกเรี ยนได้คิดค้นเอง ั 2) นักเรี ยนได้วางแผนการทางานเอง 3) นักเรี ยนได้ลงมือปฏิบติโครงงานด้วยตนเอง ั 4) ได้นาเสนอโครงงาน 5) ได้ร่วมกาหนดแนวทางวัดผลด้วยตนเอง เป็ นรู ปแบบการเรี ยนที่มุ่งส่งเสริ ม ให้ผเู้ รี ยนได้คนหาความสามารถ ความถนัด และความสนใจของ ้ ตนเองในด้านต่าง ๆ มาจาก แนวคิดพื้นฐานของการเรี ยน รู้โดยยึดผูเ้ รี ยนเป็ นศูนย์กลาง (Child Center) และ การเรี ยนรู้ตามสภาพจริ ง โดยมีการศึกษาหลักการ และวิธีเกี่ยวกับ โครงงานที่เลือกศึกษา วิเคราะห์ วาง แผนการทางาน ลงมือทางาน และปรับปรุ ง เพื่อให้งานบรรลุตามวัตถุประสงค์ ในกระบวนการเรี ยนการ สอน ได้ใช้ทกษะกระบวนการ สอดแทรกคุณธรรม ทางานเป็ นกลุ่ม ฝึ กปฏิบติจริ ง เน้นผูเ้ รี ยนมีส่วนร่ วม มี ั ั ครู เป็ นผูช้ ีแนะ ให้คาปรึ กษาตลอดเวลา เน้นฝึ กคนให้แสวงหาความรู้ดวยตนเอง ้ ้ โครงงาน เป็ นการจัดการเรี ยน รู้รูปแบบหนึ่งที่ ทาให้ผเู้ รี ยนได้เรี ยนรู้ดวยตนเอง จากการลงมือปฏิบติจริ ง ้ ั ในลักษณะของการศึกษา สารวจ ค้นคว้า ทดลอง ประดิษฐ์คิดค้น โดยมีครู เป็ นผูคอยกระตุนแนะนาให้ ้ ้ คาปรึ กษา
  • 3. ความสาคัญของโครงงานคอมพิวเตอร์ โครงงานคอมพิวเตอร์เป็ นกิจกรรมการเรี ยนรู้ที่ทาให้ผเู้ รี ยนเกิดความสามารถในด้านต่าง ๆ ที่สาคัญ 5 ประการ ดังนี้ 1.ความสามารถในการสื่อสาร เป็ นความสามารถที่เกิดจากการที่นกเรี ยนเป็ นผูทาโครงงานต้อง ั ้ นาเสนอผลงานให้ ครู และเพื่อนนักเรี ยนให้เข้าใจโครงงานคอมพิวเตอร์ได้อย่างชัดเจน ดังนั้น ผูทาโครงงาน ้ ต้องสื่อสารความคิดในการสร้างสรรค์โครงงานด้วยการเขียน หรื อด้วยปากเปล่า รวมทั้งเลือกใช้รูปแบบของ สื่ออย่างมีประสิทธิภาพเพื่อนาเสนอแนวคิดในการจัด โครงงานให้ผอื่นได้เข้าใจ ู้ 2.ความสามารถในการคิด ซึ่งผูเ้ รี ยนจะมีการคิดในลักษณะต่าง ๆ ดังนี้ 1.)การคิดวิเคราะห์ เกิดจากการที่ผเู้ รี ยนต้องวิเคราะห์ปัญหาและแยกแยะสาเหตุว่าเกิดเนื่องจากอะไร 2.)การคิดสังเคราะห์ เกิดจากการที่ผเู้ รี ยนต้องนาความรู้ต่าง ๆ ที่เรี ยนมา รวมทั้งความรู้จากการค้นหาข้อมูล เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาหรื อการสร้างสรรค์โครงงาน 3.)การคิดอย่างสร้างสรรค์ เกิดจากการที่ผเู้ รี ยนนาความรู้มาสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ 4.)การคิดอย่างมีวิจารณญาณ เกิดจากการที่ผเู้ รี ยนได้มีการคิดไตร่ ตรองว่าควรทาโครงงานใดและไม่ควรทา โครง งานใด เนื่องจากโครงงานที่สร้างขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อสังคมโดยรวม เช่น โครงงานระบบคานวณ เลขหวย สาหรับหาเลขที่คาดว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลจะออกในแต่ละงวด อาจส่งผลกระทบต่อสังคม ทาให้ คนในสังคมเกิดความหมกมุ่นในกับการใช้เงินเล่นหวยมากขึ้น 5.)การคิดอย่างเป็ นระบบ เกิดจากการที่ผเู้ รี ยนคิดแก้ปัญหาอย่างเป็ นขั้นตอน โดยใช้ข้นตอนในการพัฒนา ั โครงงาน คือ ผูเ้ รี ยนเป็ นผูวางแผนในการศึกษา ค้นคว้า เก็บรวบรวมข้อมูล พัฒนา หรื อประดิษฐ์คิดค้น ้ ผลงาน รวมทั้งการสรุ ปผลและการนาเสนอผลการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง โดยมีผสอนและผูทรงคุณวุฒิ ู้ ้ เป็ นผูให้คาปรึ กษา ้ 3.ความสามารถในการแก้ปัญหา เกิดจากการที่ผเู้ รี ยนวิเคราะห์ปัญหา เข้าใจ และอธิบายปัญหา ทางด้านคอมพิวเตอร์ รวมทั้งประยุกต์ความรู้ ทักษะ และการใช้เครื่ องมือที่เหมาะสมกับการแก้ไขปัญหา 4.ความสามารถในการใช้ทกษะชีวิต เกิดจากการที่ผเู้ รี ยนได้นาความรู้และกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ ั ในการพัฒนาโครงงาน และนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่างเหมาะสม รวมถึงการพัฒนาโครงงาน ก่อให้เกิดการเรี ยนรู้ดวยตนเอง อันนาไปสู่การเรี ยนรู้ตลอดชีวิต ้ 5.ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เกิดจากการที่ผเู้ รี ยนสามารถเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศใน การแก้ปัญหาได้ อย่างถูกต้องเหมาะสม และมีคุณธรรม
  • 4. ที่มาของข้อมูล - http://krudarin.wordpress.com/2012/05/25/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0 %B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B 8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9 7%E0%B8%B3%E0%B9%82%E0%B8%B6%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87/ - http://kroosuveera.blogspot.com/2011/09/blog-post_13.html - http://kruarisara.wordpress.com/2010/03/30/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0 %B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B 8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84 %E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80/