บทพระนิพนธ์ในองค์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ครับทุกท่าน
เรื่อง "จิตตนคร" จึงได้ถูกผูกขึ้นตามโครงอุปมาดังกล่าว บรรจุธรรมทั้งปวงลงโดยบุคลาธิษฐาน และแสดงออกมาตามจังหวะของเรื่องตั้งแต่ต้นจนอวสาน มีความประสงค์เพื่อจะชักจูงใจผู้ประสงค์ธรรมในรูปและรสที่แปลกมาฟังมาอ่าน แล้วไขความธรรมน้อมเข้ามาสู่ตน เพราะเรื่องจิตตนครทั้งหมดก็เป็นเรื่องกายและจิตนี้เอง และทุกคนจะต้องพบภูเขาแห่งชราและมรณะที่กลิ้งมาบดชีวิต
ความคิดผูกเรื่องนี้ขึ้น ได้เกิดจากพระพุทธภาษิตในธรรมบทข้อหนึ่งว่า “พึงกั้นจิตอันมีอุปมาด้วยนคร” อันที่จริง ความหมายแห่งพระธรรมข้อนี้ น่าจะมีเพียงว่า "พึงกั้น" คือทำเครื่องป้องกันและทำการป้องกันนครจากข้าศึกฉันใด ก็พึงกั้นจิตจากข้าศึก คือ "กิเลสมาร" ฉันนั้น
พระพุทธสาส์น ได้บอกวิธีปฏิบัติเพื่อขึ้นอยู่เหนือไว้แล้ว เมื่อเพ่งพินิจเรื่อง "จิตตนคร" จนถึงอวสาน จะพบวิธีปฏิบัติอยู่ เหนือสมุทัย กับพรรคพวก ตลอดถึงภูเขาแห่งชราและมัจจุดังกล่าวทุกอย่าง
เรื่องจิตตนคร จึงอาจเป็นประโยชน์แก่ผู้จำนง และค้นหาประโยชน์ได้ตามสมควร และบางประการอาจจะรู้สึกว่าเป็น บุคลาธิษฐาน จัดไปบ้าง เช่น เรื่องขององค์พระบรมครูยังประทับอยู่และเสด็จมาโปรดนครสามีใน จิตตนคร ในขณะมรรคจิต ผลจิต แต่ก็ผูกขึ้นให้เห็นจริงตามพระพุทธดำรัสว่า “ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา” ซึ่งตรัสเป็นทำนองบุคลาธิษฐาน จึงผูกเป็นบุคคลขึ้นให้เห็นได้ คิดว่าเหมือนอย่างการสร้างพระพุทธรูปขึ้นไว้บูชาก็แล้วกัน เพราะว่าคนทั่วไปอยากเห็นเหมือนอย่างเห็นด้วยตา เมื่อทำให้เห็นดังนั้นได้ ก็จะซาบซึ้งเข้าไปถึงใจ ได้ดี