แบ่งปันประสบการณ์เรียนต่อเมืองนอก 1
- 1. แบ่งปันประสบการณ์เรียนต่อเมืองนอก: แก้ปัญหาด้วยการปฎิบตธรรม?!?!?
ั ิ
โดย...เมื่อลมแรง...ใบไม้กรวง
็่
acm.writing@gmail.com
www.facebook.com/writingwithjoe
23 ม.ค. 2555
"เวลามีปัญหาชีวิต ให้นั่งสมาธิปฎิบัติธรรมดูสิ"
เหมือนหลายๆ คน ผมก็เคยงงและสงสัยว่า "เห้ย มันเกี่ยวกันยังไงวะ ปัญหาชีวิตกับการนั่งปฎิบัติ
ธรรมเนี่ย มันต้องไปคิดๆ แก้ปัญหาไม่ใช่เหรอ" เช่น เวลาจะโดนไล่ออกจากงาน ให้มานั่งปฎิบัติ
แล้วมันจะมีอะไรดีขน จะไม่โดนไล่ออกหรือยังไง ...
ึ้
ผมเคยเจอปัญหาครั้งหนึ่งในชีวิต เมื่อหลาย 2 ปีกอน ตอนนั้นเรียนปริญญาโทอยู่ เป็นช่วงที่งาน
่
หนักมาก เพราะว่าทั้งต้องสอนนักเรียน 50 คน, ต้องเรียน 3 วิชา, ต้องเตรียมตัวสอบเพื่อเรียนต่อ
เอก, ต้องติดต่ออ. เรื่องใบสมัคร, ต้องเขียนรายงานส่งก่อนหมดเทอม ปัญหามันมากมาย บวกกับ
วิชาที่เรียนไม่ใช่วิชาที่ชอบและถนัดเลย เลยทาให้ช่วงนั้นพาลไม่อยากเรียน ไม่อยากเขียนรายงาน
หัวก็คิดไม่ออกว่าจะเขียนอะไร เลยอีเมลล์ไปหาอาจารย์แล้วบอกว่า "งานที่จะให้ส่งพรุ่งนี้อาจจะส่ง
ไม่ทัน เพราะว่ามีงานนักเรียนต้องตรวจ และตอนเช้ามีสอบอีก ขอไปส่งวันอื่นได้ไหมครับ"
ไม่ถึงชั่วโมง อาจารย์ตอบอีเมลล์กลับมาว่า "คุณเป็นนักเรียนปริญญาโทไม่ใช่นักเรียนปริญญาตรี
คุณมีหน้าที่ที่จะจัดเวลาของตัวเอง การที่คุณทางานไม่ทันไม่ใช่ปัญหาของผม หวังว่าคุณคงรู้ว่า
ต้องทายังไง" (อาจารย์ไม่ได้ตอบด้วยคาพูดพวกนี้ แต่ประมาณนี้นะครับ)
หลังจากอ่านอีเมลล์นนจบ มันสะอึก มันพูดไม่ออก มันอึ้ง ในหัวมีแต่คาว่า "ทายังไงดี จะทางาน
ั้
เสร็จได้ยังไง" แต่ในใจนั้นนึกอยู่อย่างเดียวว่า "เราไม่เอาไหนเลย แล้วเราจะเอาหน้าไปหาอาจารย์ได้
ยังไงพรุ่งนี้ เรามันไม่ได้เรืองเลยจริงๆ แล้วอาจารย์จะเขียน letter of recommendation ของเรา
่
ออกมายังไง"
แค่นั้นน้าตามันก็ไหลออกมา ... ด้วยความไม่เอาไหนของตัวเอง มันท้อแท้ไปหมด
- 2. คิดไม่ออก คิดไม่ตก ไม่รจะทายังไง สี่ทุ่มแล้วยังเขียนอะไรไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน พรุ่งนี้มีสอบ 8 โมง
ู้
เช้า คิดๆๆ กลุมมาก ให้นอนก็นอนไม่หลับ ... จริงๆ แล้วช่วงนั้นเป็นช่วงผมนอนไม่หลับเลย ต้อง
้
ผวาตื่นมาอย่างน้อย 2 รอบในแต่ละคืน ด้วยความตะหนกว่า "งานยังไม่เสร็จ" "ใบสมัครยังไม่ได้
ส่ง" "ยังไม่ได้เตรียมตัวสอน" เป็นอย่างนั้น 2 อาทิตย์ "ทุกคืน"
สุดท้ายไม่รู้อะไรดลใจให้คดว่า "ก่อนหน้านี้เราเคยฝึกวิปัสสนา ฝึกสมาธิมาหนิ ทาไมไม่เอามาใช้"
ิ
โอ้ยตอนนั้นนึกออกแต่มันก็ไม่มีกะจิตกะใจให้นั่งสมาธิ เพราะว่ามันคิดแต่ว่า สมาธิวิปัสสนาจะช่วย
อะไรเราได้ เราต้องคิด เราต้องทา เราต้องคิด เราต้องคิด ...
แต่มันก็คิดไม่ออก ...
ผมเลยตัดสินใจโทรไปหาพี่คนหนึ่งทีนับถือกัน เล่าเรื่องให้เขาฟังไปร้องไห้ไป พี่เขาเลยบอกว่า ให้
่
ทาวิปัสสนา...
เอาว่ะ ไม่มทางเลือกแล้ว สี่ทุ่มกว่าๆ คืนนั้นตัดสินใจทาวิปัสสนาอย่างที่พี่คนนั้นเคยสอน ...
ี
ทาไปได้ไม่ถึง 5 นาที น้าตาไหล ความกังวล ความคิดที่มีเมื่อก่อนหน้านี้มนหายไปหมด ...
ั
เหมือนโลกมันสว่าง เหมือนภูเขาที่มันกาลังถล่มเราหายไปในพริบตา ทันใดนั้นเสียงในใจก็พูดกับ
ตัวเองว่า
"โธ่ มันมีแค่นี้เอง กังวลอะไร"
หัวผมโล่ง สบาย เบา ขึนมาทันที จากที่เมื่อกีคิดไม่ออกว่าจะเขียนอะไร มันกลับเขียนออกมาได้
้ ้
คืนนั้นเป็นคืนแรกที่ผมหลับและตื่นเช้าด้วยเสียงนาฬิกา ไม่ใช่ตื่นด้วยความผวา...
พอวันรุ่งขึ้นก็ไปสอบ สอบเสร็จเดินไปที่คณะ จ๊ะเอ๋กับอาจารย์เลย อาจารย์เดินเข้ามาถามว่า "สอบ
เป็นยังไงบ้าง แล้วงานเสร็จไหม ถ้ามีปัญหาอะไรให้อาจารย์ช่วย ไปหาได้นะที่ office แล้วเรื่อง
letter of recommendation เขียนให้เสร็จแล้วนะ ถ้าจะเอาก็ไปเอาได้เลย แล้วเจอกันในห้องเรียนนะ"
ผมยืนคุยกับอาจารย์อยู่ 30 นาทีตรงทางเดินที่มีคนเดินผ่านไปผ่านมาอย่างสบายใจมาก
- 3. ...สิ่งที่เราคิดไว้ในหัว กับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงมันคนละเรื่อง...
จากเหตุการณ์นี้ ผมเลยหมดความสงสัยไประดับหนึ่งว่า "เวลามีปัญหาชีวิต ให้นั่งสมาธิปฎิบัติ
ธรรมแล้วมันช่วยอะไรได้"
ปัญหามันไม่หมดไป แต่เราพร้อมที่จะลุยกับปัญหามากขึ้นด้วยใจที่มีสติ
ความพร้อมและสติของเราหนิแหล่ะ ที่ทาให้ทุกอย่างมันดูเล็กไปหมด... :)
%%%%%%