More Related Content
Similar to สื่อ Powerpoint รสวรรณคดีใหม่.ppt1
Similar to สื่อ Powerpoint รสวรรณคดีใหม่.ppt1 (20)
สื่อ Powerpoint รสวรรณคดีใหม่.ppt1
- 2. รสวรรณคดี หมายถึง อารมณ์ ความรู้ สึกทีผู้อ่าน บท
่
ประพันธ์ ได้ รับจากการอ่ าน โดยสั มผัสด้ วยใจ เช่ น อารมณ์ รัก
โศก ทุกข์ แค้ น ขบขัน ตืนเต้ น ชื่นชมความงามต่ างๆ ฯลฯ
่
- 3. รสวรรณคดีไทย มี ๔ รส ดังนี้
๑. เสาวรจนี ได้ แก่ บทชมความงาม เช่ นชมความงามของ
ตัวละคร ความงามของธรรมชาติ บ้ านเมืองปราสาท ราช
วัง สถานที่ สิ่ งของ ซึ่งกวีนิยมเล่ นอักษร เล่ นคํา เพือเน้ น
่
ความไพเราะ
- 4. ตัวอย่ าง เสาวรจนี
ถึงโคกฆ้องหนองสะพานบ้านกะเหรี่ ยง เห็นโรงเรี ยงไร่ ฝ้ายทั้งซ้ายขวา
พริ กมะเขือเหลืองงามอร่ ามตา สาลิกาแก้วกินแล้วบินฮือ
เห็นไก่เตี้ยเขี่ยคุยที่ขยไผ่
้ ุ กระโชกไล่ลดเลี้ยวมันเปรี ยวปรื๋ อ
พบนกยูงฝูงใหญ่ไล่กระพือ มันบินหวือโห่ ร้องคะนองใจ.
(จากเรื่ องขุนช้างขุนแผน ตอนพลายงามพบพ่อ)
- 5. ๒. นารีปราโมทย์ ได้ แก่ บทเกียวโอ้ โลม
้
เป็ นบททีฝ่ายชายเกียวฝ่ ายหญิงแสดงความพึงพอใจ
่ ้
ในสิ่ งทีพบเห็น
่
- 6. ตัวอย่ าง นารีปราโมทย์
แต่ความรักหนักเท่าพระเมรุ มาศ ทั้งดินฟ้ าอากาศสักแสนส่ วน
จงปลงจิตเถิดหนาแม่อย่าแปรปรวน จะประมวลเสน่ห์ไว้ที่ในห้อง
(จากเรื่ อง กากี)
ถึงม้วยดินสิ้ นฟ้ ามหาสมุทร ไม่สิ้นสุ ดความรักสมัครสมาน
่
แม้นอยูในใต้หล้าสุ ธาธาร ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา
(บทประพันธ์ของสุ นทรภู่)
- 7. ๓. พิโรธวาทัง เป็ นบทโกรธ แค้ น ตัดพ้อ ประชด
เสี ยดสี เปรียบเปรย และบริภาษ (ติเตียน ,ด่ าว่ า) ซึ่ง
เกิดขึนเมือตัวละครประสบกับความไม่ สมหวัง
้ ่
ไม่ ยนดี และไม่ พอใจ
ิ
- 8. ตัวอย่ าง พิโรธวาทัง
ไอ้ เจ้ าชู้ ลอมปอมกระหม่ อมบาง ลอยชายลากหางเทียวเกียวหมา
่ ้
ชิชะแปงจันทร์ นํามันทา
้ ้ หย่ งหน้ าสองแคมเหมือนหางเปี ย
หมามันจะเกิดชิงหมาเกิด มึงไปตายเสี ยเถิดอ้ ายห้ าเบีย
้
หน้ าตาเช่ นนีจะมีเมีย
้ อ้ ายมะม่ วงหมาเลียไม่ เจียมใจ
(จากเรื่องขุนช้ างขุนแผน)
- 9. ๔. สัลลาปังคพิสย เป็ นบทพรรณนาความเศร้าโศก
ั
การครํ่าครวญ รําพันความทุกข์ยากที่ได้รับซึ่ งมักเป็ นการ
สูญเสี ยของรักหรื อต้องพลัดพรากจากผูที่รัก
้
- 10. ตัวอย่ าง สั ลลาปังคพิสัย
ลูกก็แลดูแม่ แม่ ดูลูก ต่ างพันผูกเพียงว่ าเลือดตาไหล
สะอืนรํ่าอําลาด้ วยอาลัย
้ แล้ วแข็งใจจากนางตามทางมา
เหลียวหลังยังเห็นแม่ แลเขม้ น แม่ กเ็ ห็นลูกน้ อยละห้ อยหา
แต่ เหลียวเหลียวเลียวลับวับวิญญาณ์
้ โอ้ เปล่ าตาต่ างสะอืนยืนตะลึง
้
(จากเรื่อง ขุนช้ างขุนแผน)
- 11. แบบทดสอบ
อ่ านข้ อความต่ อไปนีแล้ วพิจารณาว่ าเป็ นรสวรรณคดีชนิดใด
้
๑. สิ นสมุทรสุ ดแสนสงสารแม่ ด้ วยรู้ แน่ ว่าบิดาจะพาหนี
ให้ ห่วงหลังกังวลด้ วยชนนี เจ้ าโศกีกราบก้มบังคมคัล
ก. เสาวรจนี ข. นารีปราโมทย์
ค. พิโรธวาทัง ง. สั ลลาปังคพิสัย
- 12. ๒. ด้ วยหน่ อนาถชาติเชื้อผีเสื้อสมุทร ดําไม่ ผดเลยทั้งวันก็กลั้นได้
ุ
ยิงถูกนํากําลังยิงเกรียงไกร
่ ้ ่ เที่ยวเลียวไล่ ขี่ปลาในสาชล
้
ก. เสาวรจนี ข. นารีปราโมทย์
ค. พิโรธวาทัง ง. สั ลลาปังคพิสัย
- 13. ๓. นางผีเสื้ อเหลือโกรธโลดทะลึ่ง โตดังหนึ่งยุคนธร์ขนไศล ุ
ลุยทะเลโครมครามออกตามไป สมุทรไทยแทบจะล่มถล่มทลาย
เหล่าละเมาะเกาะขวางหนทางยักษ์ ภูเขาหักหิ นหลุดฉุดฉลาย
เสี ยงครึ กครื้ นคลื่นคลุมขึ้นกลุมกาย ผีเสื้ อร้ายรี บรุ ดไม่หยุดยืน ฯ
้ ้
ก. เสาวรจนี ข. นารีปราโมทย์
ค. พิโรธวาทัง ง. สั ลลาปังคพิสัย
- 14. ๔. เสี ยงเจ้ าสิ เพราะกว่ า ดุริยางคะดีตใน
ฟากฟาสุ ราลัย
้ สุ รศัพทะเริงรมย์
ยามเดินบเขินขัด กละนัจจะน่ าชม
กรายกรก็เร้ ารม ยะประหนึ่งระบําสวย
ยามนั่งก็นั่งเรียบ และระเบียบ บ เขินขวย
แขนอ่ อน ฤ เปรียบด้ วย ธนุก่งกระชับไว้
พิศโฉมและฟังเสี ยง ละก็เพียงจะขาดใจ ...
(พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้ าเจ้ าอยู่หัว)
ก. เสาวรจนี ข. นารีปราโมทย์
ค. พิโรธวาทัง ง. สั ลลาปังคพิสัย
- 15. ๕. บทกษัตริ ยทศนานางเงือกน้อย ดูแช่มช้อยโฉมเฉลาทั้งเผ้าผม
์ ั
ประไพพักตร์ลกษณ์ล้ าล้วนขําคม ทั้งเนื้อนมนวลเปลงอกเต่งทรวง
ั ํ
ขนงเนตรเกศกรอ่อนสะอาด ดังสุ รางค์นางนาฏในวังหลวง
พระเพลินพิศคิดหมายเสี ยดายดวง แล้วหนักหน่วงนึกที่จะหนีไป
(พระสุ นทรโวหาร(ภู่)
ก. เสาวรจนี ข. นารีปราโมทย์
ค. พิโรธวาทัง ง. สั ลลาปังคพิสัย
- 16. ๖. เหลือบเห็นกวางขําดําขลับ งามสรรพสะพรั่งดังเลขา
งามเขาเห็นเป็ นกิ่งกาญจนา งามตานิลรัตน์รูจี
คอก่งเป็ นวงราววาด รู ปสะอาดราวนางสําอางศรี
เหลียวหน้ามาดูภมี ู งามดังนารี ชาเลืองอาย
ํ
ก. เสาวรจนี ข. นารีปราโมทย์
ค. พิโรธวาทัง ง. สั ลลาปังคพิสัย
- 17. ๗. แม้นเนื้อเย็นเป็ นห้วงมหรรณพ พี่ขอพบศรี สวัสดิ์เป็ นมัจฉา
แม้นเป็ นบัวตัวพี่เป็ นภุมรา เชยผกาโกสุ มปทุมทอง
แม้เป็ นถํ้าอําไพใคร่ เป็ นหงส์ จะร่ อนลงสิ งสู่ เป็ นคู่สอง
ขอติดตามทรามสงวนนวลละออง เป็ นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป
(พระสุ นทรโวหาร(ภู่)
ก. เสาวรจนี ข. นารีปราโมทย์
ค. พิโรธวาทัง ง. สั ลลาปังคพิสัย
- 19. ๙. ครั้งนี้เสี ยรักก็ได้รู้ ็
ถึงเสี ยรู้กได้เชาวน์ที่เฉาฉงน
เป็ นชายหมิ่นชายต้องอายคน จําจนจําจากอาลัยลาน
(เจ้ าพระยาพระคลัง(หน))
ก. เสาวรจนี ข. นารีปราโมทย์
ค. พิโรธวาทัง ง. สั ลลาปังคพิสัย
- 20. ็
๑๐. เมื่อรักกันไม่ได้กไม่รัก ไม่เห็นจักเกรงการสถานไหน
ไม่รักเราเราจักไม่รักใคร เอ๊ะนํ้าตาเราไหลทําไมฤา
(สุ จิตต์ วงษ์เทศ)
ก. เสาวรจนี ข. นารีปราโมทย์
ค. พิโรธวาทัง ง. สั ลลาปังคพิสัย
- 21. ๑๑. ลําดวนเอยจะด่วนไปก่อนแล้ว ทั้งเกดแก้วพิกลยีสุ่นสี
ุ ่
จะโรยร้างห่างกลิ่นมาลี จําปี เอ๋ ยกี่ปีจะมาพบ
(พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย)
ก. เสาวรจนี ข. นารีปราโมทย์
ค. พิโรธวาทัง ง. สั ลลาปังคพิสัย
- 22. ๑๒. เคยหมอบใกล้ ได้ กลินสุ คนธ์ ตรลบ ละอองอบรสรื่นชื่นนาสา
่
สิ้นแผ่ นดินสิ้นรสสุ คนธา วาสนาเราก็สิ้นเหมือนกลินสุ คนธ์
่
(พระสุ นทรโวหาร(ภู่)
ก. เสาวรจนี ข. นารีปราโมทย์
ค. พิโรธวาทัง ง. สั ลลาปังคพิสัย
- 23. ๑๓. ร่ มรื่นพืนพรรณบุปผา
้ สะอาดตาช่ อชู ดูไสว
ขุนแผนชักม้ าคลาไคล บัดใจถึงเขาธรรมเธียร
ทีเ่ ชิงเขาเหล่ าพรรณมิงไม้
่ ลมพัดกวัดไกวอยู่หันเหียน
รกฟาขานางยางตะเคียน
้ กันเกราตระเบาตระเบียนแลชิงชัน
(ขุนช้ างขุนแผน)
ก. เสาวรจนี ข. นารีปราโมทย์
ค. พิโรธวาทัง ง. สั ลลาปังคพิสัย
- 25. ่
๑๕. มืดสิ้ นแสงเทียนประทีปส่ อง ก็ผองแสงจันทร์กระจ่างสว่างส่ ง
บุปผชาติสาดเกสรขจรลง บุษบงเบิกแบ่งระบัดบาน
เรณูนวลหวนหอมมารวยริ น พระพายพัดประทิ่นกลิ่นหวาน
เฉื่ อยฉิ วปลิวรสสุ มามาลย์ ประสานสอดกอดหลับระงับไป
(ขุนช้างขุนแผน)
ก. เสาวรจนี ข. นารีปราโมทย์
ค. พิโรธวาทัง ง. สั ลลาปังคพิสัย