ขอบคุณ คุณเจเจมากน่ะคะ ที่ให้โอกาสพลอยพลอย ได้มาพูดคุยเกี่ยวกับบริษัท apple ของเราก่อนอื่นเลยน่ะคะ เรามาทำความรู้จักกับ apple กันก่อนดีกว่า ว่าความเป็นมาของ apple เป็นมาอย่างไรเราดำเนินธุรกิจของเราด้วยวิธีใดและอะไรคือสิ่งที่เราให้ความสำคัญ จนทำให้เราก้าวมาถึงจุดๆนี้ได้
บริษัทApple ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1976. โดย Steve jobs และ Steve Wozniak โดยมีเครื่อง computer PC รุ่น Apple I เป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกในปีต่อมาจึงมีการพัฒนาเครื่องPC รุ่นใหม่ออกมาเรียกว่า Apple II ซึ่งก็ทำให้แนวความคิดเรื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเริ่มเป็นที่นิยมขึ้นมา จน Apple กลายเป็นผู้ผลิตรายสำคัญในวงการอุตสาหกรรมเครื่อง PC ในขณะนั้นกันเลยทีเดียวในปีค.ศ. 1984 เราได้เห็นการเปิดตัวเครื่องแมคอินทอช เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นแรกที่มีส่วนประสานงานผู้ใช้แบบกราฟิกส์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ทำให้แอปเปิลเลิกพัฒนาเครื่องApple II แล้วหันมาส่งเสริมสายการผลิตเครื่องแมคอินทอช ซึ่งยังคงยืนหยัดมากระทั่งทุกวันนี้ในปี 1985Steve jobs ผู้ก่อตั้งบริษัทได้ลาออกจาก apple ไป ซึ่งในขณะนั้น Apple ก็ยังคงผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาไม่ว่าจะเป็น Powerbook (Laptop) และ Apple Newton (PDA-personal digital assistant) ซึ่งก็ทำให้ผลกำไรของแอปเปิ้ลสูงขึ้นในระดับหนึ่ง แต่กลับตกลงไปอีกในช่วง 2 ปีต่อมาในปี 1997 Steve Jobs ได้กลับเข้ามาร่วมงานกับ Apple อีกครั้ง และได้ทำการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ด้วย slogan Think different สินค้าที่จะผลิตออกมานั้นจะต้องมีความแตกต่าง และล้ำสมัยกว่าแบรนด์อื่นๆอยู่เสมอ และยังต้องตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ ก่อนที่ลูกค้าจะรู้ตัวว่าเค้าต้องการมัน นอกจากนั้นการออบแบบของ Steve Jobs ยังเน้นเพียงความเรียบง่าย หรือที่เรียกกันว่า Keep it simple สินค้าตัวแรกที่ออกวางจำหน่ายคือImacแต่ก็ยังถือว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะไม่ได้ทำให้ยอดขายกระเตื้องขึ้นมากนักต่อมาในปี 2001 จึงมีการเปิดตัวสินค้าใหม่นั้นก็คือ iPod เป็นสินค้าประเภท Media player ซึ่งตอบโจทย์ในกลุ่มลูกค้าที่รักความบันเทิงได้เป็นอย่างดี เนื่องจากพกพาสะดวก ทดแทน CDplayerที่ใหญ่เทอะทะ และยังใช้งานง่ายอีกด้วยหลังจากนั้นในปี2007 Apple เปิดตัวสินค้าตัวใหม่ในกลุ่ม Smart phone ที่เรียกว่า iPhone ที่มาพร้อมกับ Multi touch screen แบรนด์แรก ซึ่งก็ทำให้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากโดยมียอดขายพุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว แต่แอปเปิ้ลก็ยังไม่หยุดอยู่กับที่ ในปี 2010 ได้เปิดตัวสินค้าใหม่ ที่เรียกว่าiPad เป็น tablet PC ที่ออกมาพร้อมกับ Multi-touch เช่นเดียวกัน ซึ่งก็กำลังเป็นที่นิยมกันอยู่ในขณะนี้โดยรวมแล้วเราจะเห็นได้ว่า สินค้าที่สามารถเพิ่มผลกำไรให้กับ Apple ได้มากที่สุดนั้นก็คือ iPhone ซึ่งเป็นสัดส่วนถึง 39% จากผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ Apple เลยทีเดียวในช่วงแรกนั้น แอปเปิ้ลต้องอาศัยบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่เพื่อการวางจำหน่ายสินค้าที่ผลิตออกมา โดยบริษัทเหล่านั้นคำนึงถึงแต่ยอดขายอย่างเดียวโดยไม่สนใจว่าสินค้านั้นยี่ห้ออะไร การอบรมพนักงานในเรื่องสินค้าของแอปเปิ้ลจึงน้อยมาก หรือไม่มีเลย ทำให้ไม่สามารถแนะนำลูกค้าได้ว่าสินค้าของแอปเปิ้ลนั้นมีข้อดีกว่าคู่แข่งอย่างไรSteve Jobs มองเห็นถึงจุดอ่อนของส่วนนี้ เค้าจึงหันมาสนใจและผลักดันให้แอปเปิ้ลเข้าสู่ตลาดค้าปลีกอย่างเต็มตัว เพื่อป้องกันไม่ให้แอปเปิ้ลสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดไป ดังนั้นเค้าจึงทำการเปิดร้านค้าปลีกของบริษัทแอปเปิ้ลขึ้น โดยใช้ชื่อว่า Apple store
รูปแบบ ของ Apple store นั้นจะต้องคำนึงถึงสถานที่ตั้ง ที่ต้องอยู่ในทำเลที่เข้าถึงได้ง่าย สะดวกต่อการเดินทางของลูกค้า และโดดเด่น เช่น Apple store ที่เปิดกลาง 5th Avenue ศูนย์กลางแห่ง fashion ของ New York City ที่สำคัญ ตัวตึกเป็นกระจกใสทั้งตึก แต่ตัวร้านจริงๆ จะอยู่ใต้ดิน ซึ่งให้ความรู้สึกเรียบง่าย แต่ก็โดดเด่นอยู่ในทีนอกจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว เราก็ยังใส่ใจทุกรายละเอียดภายในร้านเช่นเดียวกัน (เริ่มRolePlay) พนักงาน(พี่อ๋อง) เดินมาจัดๆ สินค้าในร้าน พลอยเดินไปพูดไปการตกแต่งร้านของเรา จะเน้นที่ความเรียบง่าย หรือที่เค้าเรียกกันว่า Keep it simple ค่ะ ไม่ใช้วัสดุในการตกแต่งที่ดูรกรุ่งรัง ภายในร้านจะต้องเปิดโล่ง มีแสงสว่างที่เพียงพอ และมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก มีการจัดวางสินค้าไว้อย่างเป็นสัดเป็นส่วน ลูกค้าเข้าถึงได้ง่าย น่าเดิน น่าเข้าไปสัมผัสสินค้าซึ่งจากการตกแต่งร้านของเราก็เป็นตอกย้ำให้เห็นว่าApple เน้นถึงความเรียบง่ายเป็นหลัก และก็เช่นเดียวกับการออกแบบสินค้าของเรา ตัวอย่างเช่น
หลังจากที่เราได้ทราบเกี่ยวกับควมเป็นมาและเนวคิดของ Apple แล้วเรามาดูกันดีกว่าว่าอะไรที่ทำให้ Apple ค่อนข้างประสบผลสำเร็จในด้าน Customer engagement สิ่งแรกที่เป็นรากฐานของcustomer engagement นั้นก็คือ ความมั่นใจ Confidence
Role play
นอกเหนือจากการที่ลูกค้ามั่นใจในตัวบริษัทApple ที่มีประวัติอันยาวนาน และคุณภาพของสินค้าแล้วSteve Jobs CEO ของAppleและ ทีมงานapple ยังเพิ่มความมั่นใจให้แก่ลูกค้า โดยการออกมา Present สินค้าใหม่ๆด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นแสดงการใช้งานในฟังก์ชันต่างๆ ที่ใช้งานง่าย สามารถใช้ได้ทุกเพศทุกวัย หรือจะเป็นการให้วิศวกรออกมาอธิบายถึงระบบปฏิบัติการ ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์รุ่นนั้นๆ ซึ่งระบบปฏิบัติการก็สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆของ Apple ได้บนพื้นฐาน OS เดียวกันสิ่งเหล่านี้ล้วนแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการออกแบบ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความมั่นใจในสินค้าทุกๆรุ่นที่ผลิตออกมาให้กับลูกค้าอีกด้วย
ลำดับต่อมาที่เราจะพูดถึงนั้นก็คือIntegrity สิ่งที่แสดงถึง Integrity ของบริษัทเรานั้นก็คือ เมื่อลูกค้าประสบปัญหา ท่านสามารถเชื่อใจได้ว่า Apple สามารถหาวิธีแก้ปัญหาที่ยุติธรรมและเป็นที่พอใจได้เสมอ อีกทั้งเรายังมีความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบในคำพูดและการกระทำ [Role play] ลูกค้าจอมโวย ส่งต่อ Apple staff ส่งต่อ Genius barหากว่าพนักงานที่ Genius bar ไม่รู้คำตอบ เค้าก็จะโทรศัพท์สายตรงไปที่สำนักงานใหญ่ใน คูเปอร์ทิโน่ รัฐแคลิฟอเนีย ที่มีทีมงานที่รู้คำตอบในทุกๆเรื่องประจำอยู่ ทำให้เราสามารถแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็วหรือหากว่าลูกค้าไม่อยากจะออกจากบ้านไปที่Apple store ก็จะสามารถเข้าไปหาข้อมูลได้จาก website ของ apple เอง โดยจะมีส่วนของ Support ที่แสดงรายละเอียด ของผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตของ Apple ในการสนับสนุนและซ่อมบำรุงตามภูมิภาคต่างๆนอกจากนั้นเรายังจัดทำ Apple support communities ซึ่งเปิดให้ลูกค้าเข้ามาแสดงและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในสิ่งที่ลูกค้าสงสัยในผลิตภัณฑ์ของApple และหากไม่สามารถหาคำตอบได้ เราจะมีพนักที่เข้ามาตอบคำถามให้เช่นเดียวกัน
อีกตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อปัญหาที่เกิดขึ้น นั้นก็คือ การออกมาจัดงานแถลงถึงปัญหาการสัญญาณขาดหายในiPhone4 ของ Steve Jobs ที่เป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก โดยในงาน Steve ได้แสดงถึงสาเหตุของการลดทอนของสัญญาณมือถืออย่างชัดเจน พร้อมทั้งออกมาขอโทษ และยอมรับผิดว่าวิศวกรของเราออกแบบได้ยังไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร ดังนั้น Apple ได้ลงทุนกว่า $100 ล้านเหรียญ ในการออกแบบอาคารและเสาอากาศสูงของห้องปฏิบัติการทดสอบ โดยให้วิศวกรเข้าไปใช้งานและออกแบบตัวเครื่อง iPhone รุ่นต่างๆก่อนที่จะผลิตออกสู่ตลาด การเผยแพร่ข้อมูลออกมาเช่นนี้ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจ และเห็นถึงความใส่ใจในการออกแบบอย่างจริงจังของ Appleและเพื่อเป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบต่อปัญหาดังกล่าว ทาง Apple ได้แจกยางกันกระแทก bumper สำหรับผู้ที่ซื้อ iPhone 4 เพื่อช่วยลดปัญหาการลดทอนสัญญาณโทรศัพท์ และยินดีคืนเครื่องภายใน 30 วันถ้าหากยังไม่พอใจ ส่วนปัญหาของสัญญาณหายนี้สตีฟ จ็อบส์กล่าวว่าจะแก้ไขมันให้หมดไปอย่างแน่นอน
[Role Play]ใน Stage ของ Pride หรือความภาคภูมิใจที่ได้ใช้สินค้านั้นๆ เราจะพบว่ามีผู้ที่รักและชื่นชอบใน brand Apple อยู่มากมาย ดังจะเห็นได้ว่าคนเหล่านี้จะมีความภาคภูมิใจที่ได้ใช้สินค้าของ Apple บางรายไม่เพียงแต่ชื่นชอบ ยังมีการบอกต่อถึงประสบการณ์ดีๆที่เค้าเหล่านั้นได้รับจากการใช้สินค้าของเราจนนำไปสู่ขั้นสุดท้ายของ Customer engagement นั้นก็คือ passion
ในส่วนของ Passion หรือการมีส่วนร่วม การรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของ brand จะเห็นได้ว่ามีกลุ่มลูกค้าจำนวนมากที่หลงใหลในสินค้า Apple จนถึงขั้นมีการรวมตัวกันเป็น Fan club จัดตั้ง website เพื่อติดตามความเป็นไปของ Apple อยู่ตลอดเวลา หรือบางกลุ่มก็เฉพาะเจาะจงลงไปตามกลุ่มสินค้า เช่น I Phone fanclubหรือ mac book club เป็นต้นอย่างใน Apple Thailand Fanclubก็ถึงขั้นกับมอง Steve Jobs เป็นพระเจ้ากันเลยทีเดียว
จะสังเกตุได้ว่าในกลุ่มของ Passion นั้น พวกเค้าเหล่านั้นมีความหลงใหลในความเป็น Apple รักในความเป็น Apple มีความรู้สึกร่วมกับApple ออกมาปกป้องApple เมื่อมีคนมาว่า หรือเข้าใจผิดเพราะรู้สึกว่า Apple เป็นแบรนด์ที่เหมาะสมกับพวกเค้าที่สุด เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเค้าจนถึงขั้นไม่สามารถขาด Apple ไปได้เลย