การออกข้อสอบวัดผล O net วิทย์ ม.ต้น

แบบบันทึกข้อมูลข้อสอบ
1. ประเภทข๎อสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
2. กลุํมสาระการเรียนรู๎ วิชาวิทยาศาสตร์
3. ระดับชั้น
 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
 ม.ปลาย
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
4. มาตรฐานการเรียนรู๎ ว 1.1
5. ตัวชี้วัด ม. 1/2
6. สมรรถภาพ/องค์ประกอบ
 องค์ความรู๎  การจา
 การเข๎าใจ  การประยุกต์ใช๎
 การวิเคราะห์  การประเมิน  การสร๎างสรรค์
 ทักษะกระบวนการ (..................................................)  อื่นๆ(ระบุ)............................ ................
7. ชนิดข๎อสอบ  เลือกตอบ  เขียนตอบ  อื่นๆ (ระบุ)..............................................................
8. ข๎อที่
1. การจัดระบบของเซลล์สิ่งมีชีวิตจะมีการจัดระบบดังแผนภูมิตํอไปนี้
เซลล์

1

อวัยวะ

หมายเลข 1 และหมายเลข 2 คืออะไรตามลาดับ
ก. รํางกายและเนื้อเยื่อ
ข. เนื้อเยื่อและรํางกาย
ค. เนื้อเยื่อและโครงสร๎าง
ง. โครงสร๎างและเนื้อเยื่อ
9. เฉลย ข.
10. เกณฑ์การให้คะแนน

ข้อละ.........1........คะแนน

ระบบอวัยวะ

2

 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การวิเคราะห์  การประเมิน  การสร๎างสรรค์
2. ข๎อความในข๎อใดผิด
1. เซลล์เป็นหนํวยพื้นฐานที่เล็กที่สุดของสิ่งมีชีวิต
2. เซลล์มีรูปรํางและขนาดแตกตํางกันเซลล์พืชสํวนมากจะมีรูปสี่เหลี่ยม
3. เซลล์มีขนาดใหญํมองเห็นด๎วยตาเปลําได๎แกํ ไขํของสัตว์ปีก
4. เซลล์ที่ยังมีชีวิตจะต๎องมีโปรโทพลาซึมเสมอ
คาตอบที่ถูกต๎องคือ
ก. ข๎อ 1 เทํานั้น
ข. ข๎อ 2 เทํานั้น
ค. ข๎อ 3 เทํานั้น
ง. ไมํมีข๎อใดผิด
9. เฉลย ง.

ข้อละ.........1........คะแนน

 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
3. จากการทดลองในกิจกรรมการแพรํของสารใช๎กระดาษเซลโลเฟนบรรจุสารละลายน้าตาลเสียบหลอดแก๎วกลวง
นาไปวางในบีกเกอร์บรรจุน้าจืด ตํอมาระดับของเหลวในหลอดแก๎วคอยๆสูงขึ้น
เหตุที่ของเหลวในหลอดแก๎วสูงขึ้นเพราะ
ก. น้าในบีกเกอร์ออสโมซีสเข๎าในถุงสารละลาย
ข. น้าตาลในถุงเซลโลเฟนแพรํออกไปยังน้าในบีกเกอร์
ค. ทั้ง ก และ ข แตํข๎อ ก เกิดเร็วกวํา
ง. ทั้ง ก และ ข แตํข๎อ ข เกิดเร็วกวํา
9. เฉลย ก.

ข้อละ.........1........คะแนน

 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
4. รากกล๎วยไม๎สดสามารถสังเคราะห์ด๎วยแสงได๎ นักเรียนเห็นด๎วยกับข๎อความดังกลําวหรือไมํเพราะเหตุใด
ก. เห็นด๎วย เพราะรากกล๎วยไม๎จะดูดน้าที่เป็นวัตถุดิบสาคัญในการสังเคราะห์ด๎วยแสง
ข. เห็นด๎วย เพราะรากกล๎วยไม๎มีสารสีเขียวที่เรียกวําคลอโรฟิลล์อยูํภายในเซลล์
ค. ไมํเห็นด๎วย เพราะรากกล๎วยไม๎ทาหน๎าที่ยึดเกาะให๎กล๎วยไม๎ทรงตัวอยูํได๎เทํานั้น
ง. ไมํเห็นด๎วย เพราะรากกล๎วยไม๎อยูํในดินไมํสามารถรับแสงสวํางได๎

ข้อละ.........1........คะแนน

 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
5. ตัวชี้วัด ม.1/1
5. เมื่อทดลองกรองสารผสม 3 ชนิด พบวําเป็นดังนี้
1) สารผสมชนิดที่ 1 กรองผํานกระดาษกรองได๎ทั้งหมด แตํไมํสามารถผํานเซลโลเฟน
2) สารผสมชนิดที่ 2 กรองผํานเซลโลเฟนได๎บางสํวน ที่เหลือผํานกระดาษกรองได๎
3) สารผสมชนิดที่ 3 ไมํสามารถกรองผํานทั้งกระดาษกรองและเซลโลเฟน
4) สารผสมชนิดที่ 4 กรองผํานกระดาษกรอง และเซลโลเฟนได๎
สารผสมใดบ๎างที่มีคอลลอยด์ผสมอยูํ
ก. ชนิดที่ 1 และ 2
ข. ชนิดที่ 1 ชนิดเดียว
ค. ชนิดที่ 3 ชนิดเดียว
ง. ชนิดที่ 4 ชนิดเดียว

ข้อละ.........1........คะแนน

 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
6. พิจารณากราฟความสามารถในการละลายของสาร ข๎อใดสรุปถูกต๎อง

ก.
ข.
ค.
ง.

สาร B สามารถละลายได๎ดีที่สุด
สาร A มีอัตราการละลายเพิ่มขึ้นอยํางรวดเร็วมากที่สุด
โดยเฉลี่ยสาร C สามารถละลายได๎พอ ๆ กันกับสาร D
เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้นความสามารถในการละลายของสาร
จะเพิ่มมากขึ้น


ข้อละ.........1........คะแนน

1. ประเภทข๎อสอบ
วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
2. กลุํมสาระการเรียนรู๎ วิทยาศาสตร์
ระดับชั้น
 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
องค์ความรู๎
ความรู๎ความจา
ความเข๎าใจ
การประยุกต์ใช๎

การประเมินคํา
การสร๎างสรรค์
 การวิเคราะห์
ทักษะกระบวนการ (........................................)
อื่นๆ (ระบุ)........................................
6. ชนิดข๎อสอบ
 เลือกตอบ
เขียนตอบ
อื่นๆ (ระบุ)........................................
7.ถ๎านาสาร X Y Z มาทดลองหาอุณหภูมิขณะเดือด แล๎วนาข๎อมูลมาเขียนกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหวําง
อุณหภูมิกับเวลา ดังรูป
สารใดควรเป็นสารละลาย
ก. X
ข. Y
ค. Z
ง.X และ Z

9. เฉลย ง
10. เกณฑ์การให๎คะแนน

ข๎อละ 1 คะแนน

 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การเข๎าใจ
 องค์ความรู๎
 การจา
 การประยุกต์ใช๎
การวิเคราะห์  การประเมิน  การสร๎างสรรค์
8. เมื่อนาของเหลว A B C ซึ่งเป็นสารเนื้อเดียวทั้ง 3 ชนิดมาระเหยแห๎งในถ๎วยกระเบื้อง ได๎ผลดังนี้
ของเหลว A ไมํมีอะไรเหลือในถ๎วยกระเบื้อง
ของเหลว B มีของแข็งสีขาวเหลืออยูํในถ๎วยกระเบื้อง
ของเหลว C ไมํมีอะไรเหลือในถ๎วยกระเบื้อง
ข๎อสรุปใดถูกต๎อง
ก. ของเหลว A เป็นสารละลาย
ข. ของเหลว C เป็นสารละลาย
ค. ของเหลว B เป็นสารละลาย
ง. ของเหลวทั้ง A และ C เป็นสารบริสุทธิ์
9. เฉลย ค.

ข้อละ.........1........คะแนน

 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
6.สมรรถภาพ/องค์ประกอบ
 การประยุกต์ใช๎

การวิเคราะห์
ทักษะกระบวนการ (........................................)
อื่นๆ (ระบุ)........................................
7.ชนิดข๎อสอบ
อื่นๆ (ระบุ)........................................
เลือกตอบ
8.
ข๎อที่ 9 รถคันหนึ่งขับด๎วยความเร็ว 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง วิ่งไปได๎ระยะทาง 270 กิโลเมตร แตํยังอยูํหําง
จากจุดหมายอีก 180 กิโลเมตร ถ๎ารถคันนี้ขับด๎วยความเร็วคงที่ตลอดการเดินทาง จะต๎องใช๎
เวลาทั้งหมดเทําใดกวําจะถึงจุดหมาย
ก. 2 ชั่วโมง
ข. 3 ชั่วโมง
ค. 4 ชั่วโมง
ง. 5 ชั่วโมง
9. เฉลย ง


2. กลุํมสาระการเรียนรู๎

วิทยาศาสตร์
 ม.ต๎น
ได๎แกํ
ได๎แกํ
ว 5.1

 ม.1
 ม.4

 ม.2
 ม.5

 ม.3
 ม.6

4. มาตรฐานการเรียนรู๎
องค์ความรู๎  ความรู๎ความจา

ทักษะกระบวนการ (........................................)
อื่นๆ (ระบุ)........................................
อื่นๆ (ระบุ)........................................
10. สุชาติวิ่งจากจุด ก. ตรงไปทิศเหนือถึงจุด ข. ได๎ระยะทาง 120 เมตร และเลี้ยวไปทางทิศตะวันออก
ตรงไปถึงจุด ค. ได๎ระยะทาง 90 เมตร ใช๎เวลาวิ่ง 1/5 วินาที/ระยะทาง 1 เมตร สุชาติวิ่งจาก ก. ถึง ค.
ด๎วยอัตราเร็วเทําใด
90 เมตร
120 เมตร

ค
150 เมตร

ก

9. เฉลย ง


ก.
.
ค.
ง.

3.00
3.57
4.50
5.00

เมตร / วินาที

 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
5. ตัวชี้วัด
1
องค์ความรู๎  ความรู๎ความจา

ทักษะกระบวนการ (........................................)
อื่นๆ (ระบุ)........................................
อื่นๆ (ระบุ)........................................
11.
อุณหภูมิ
C
F
K
R
จุดเดือด 100
y
z
80
จุดเยือกแข็ง x
32 273
0
ตารางกาหนดอุณหภูมิคํา x,y,z มีคําเทําไร ตามลาดับ
ก. 0C, 373F , และ 212 K
ข. 0C ,80F และ 273 K
ค. 0C, 212 F และ 373 K
ง. 0C ,80F และ 0 K
9. เฉลย ค
10. เกณฑ์การให๎คะแนน ข๎อละ 1 คะแนน

1.ประเภทข๎อสอบ
2.กลุํมสาระการเรียนรู๎ วิทยาศาสตร์
3.ระดับชั้น
 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
4.มาตรฐานการเรียนรู๎ ว 5.1
5.ตัวชี้วัด ม. 1/3
6.สมรรถภาพ/องค์ประกอบ
 การประยุกต์ใช๎

ทักษะกระบวนการ (........................................)
อื่นๆ (ระบุ)........................................
7.ชนิดข๎อสอบ
อื่นๆ (ระบุ)........................................
 เลือกตอบ
8.ข๎อที่
12.ข๎อใดเป็นการใช๎ประโยชน์จากการดูดกลืนแสงและคายความร๎อนของวัตถุ
ก. การเลือกเสื้อผ๎าสีอํอนในฤดูร๎อน
ข. การเก็บกระป๋องสเปรย์ไว๎ในที่มีอากาศเย็น
ค. การวางสายไฟฟ้าแรงสูง
ง. แก๎วจะแตกร๎าวเมื่อใสํน้าร๎อนลงไป
9.เฉลย ก
10.เกณฑ์การให๎คะแนน ข๎อละ 1 คะแนน

 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
5. ตัวชี้วัด 2
 การจา
13. จงพิจารณาข๎อความตํอไปนี้ ข๎อใดผิด
ก. ในชั้นบรรยากาศที่สูงจากผิวโลกมากขึ้นอุณหภูมิของอากาศจะยิ่งลดลง
ข. บรรยากาศชั้นสตราโตสเฟียร์ คือสํวนหนึ่งของบรรยากาศชั้นโอโซน
ค. พลังงานจากรังสีที่แผํมาจากดวงอาทิตย์จะทาให๎บรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์แตกตัวเป็นอิออน
ง. คลื่นโทรทัศน์และไมโครเวฟสะท๎อนกับบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟี ยร์
9.เฉลย ก

 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
14. ถ๎าตาบล A มีความกดอากาศต่ากวําตาบล B การเคลื่อนที่ของอากาศจะเป็นอยํางไร
ก. เคลื่อนจาก A ไป B
ข. เคลื่อนจาก B ไป A
ค. เคลื่อนที่สลับไปมาโดยเริ่มจาก A ไป B กํอน
ง. ไมํมีการเคลื่อนที่ของอากาศ
9.เฉลย ข

 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
5. ตัวชี้วัด 7
 การจา
15.จากขําวในหน๎าหนังสือพิมพ์รายงานวํา อุณหภูมิของบรรยากาศภายในโลกร๎อนขึ้นทุกปีและมักไมํเป็นไป
ตามฤดูกาลนั้นนักเรียนคิดวําเกิดจากสาเหตุใด
ก. ป่าไม๎มีปริมาณลดลง
ข. โลกหมุนรอบตัวเองเร็วขึ้น
ค. โลกเคลื่อนที่เข๎าใกล๎ดวงอาทิตย์มากขึ้น
ง. แหลํงอุสาหกรรมปลํอยแก๏สพิษ
9.เฉลย ง

 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
16. ด.ช.แดง อยากทราบว่าระหว่างอาหารปลาส้าเร็จรูปและลูกน้้า อาหารชนิดใดมีผลต่อสีของปลาทอง
มากกว่ากันเขาจะตั้งสมมติฐานว่าอย่างไร
ก. ถ๎าชนิดของอาหารมีผลตํอสีของปลา ดังนั้นปลาทองที่มีสีเข๎มจะกินลูกน้า
ข. ถ๎าชนิดของอาหารมีผลตํอสีของปลา ดังนั้นปลาทองที่มีสีเข๎มจะกินอาหารปลาสาเร็จรูป
ค. ถ๎าชนิดของอาหารมีผลตํอสีของปลา ดังนั้นอาหารปลาสาเร็จรูปและลูกน้ามีผลตํอสีของปลา
ง. ถ๎าชนิดของอาหารมีผลตํอสีของปลา ดังนั้นปลาทองที่กินลูกน้าจะมีสีเข๎มกวําปลาทองที่กินอาหารปลา
สาเร็จรูป
9.เฉลย ง

 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
17.วิทยาทดลองปลูกข๎าวโพดและบันทึกความสูงในเวลา 6 สัปดาห์ ได๎ผลตามตารางตํอไปนี้

เวลา (สัปดาห์)
ความสูง (ซม.)

1
5

2
8

3
12

กราฟในข๎อใดแสดงการเจริญเติบโตของข๎าวโพดได๎ใกล๎เคียงที่สุด
ก.
ข.

ค.

ง.

4
18

5
26

6
35

9. เฉลย ก


 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
5. ตัวชี้วัด ม. 1
 การจา
8. ข๎อที่ 18 หลังจากรับประทานลูกชิ้นเนื้อวัวกับข๎าวเหนียวนึ่งแล๎ว อาหารดังกลําวต๎องผํานกระบวนการ
ยํอยขณะเคลื่อนที่ลงมาตามทางเดินอาหาร
ข๎อใดสรุปถูกต๎องมากที่สุด
ก. การยํอยอาหารทั้งสองชนิดจะเกิดขึ้นสมบูรณ์เมื่ออาหารลงมาอยูํในลาไส๎เล็กแล๎ว
ข. ข๎าวเหนียวถูกยํอยโดยน้ายํอยในปาก และลูกชิ้นจะถูกยํ อยโดยน้ายํอยจาก
กระเพาะอาหาร
ค. ข๎าวเหนียวถูกยํอยโดยน้ายํอยจากตํอมน้าลาย น้ายํอยตับอํอน และน้ายํอยใน
ลาไส๎เล็ก ตามลาดับ
ง. ลูกชิ้นจะถูกยํอยโดยเพปซินจากกระเพาะอาหาร น้ายํอยทริปซินโรโมทริปซิน
และไดเพปติเดสจากลาไส๎เล็ก
9. เฉลย ก



 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
8. ข๎อที่ 19. นักเรียน ออกกาลังกายโดยการวิ่งรอบสนามมา 5 รอบ มีเหงื่อออกมาก อาการที่เหงื่ อออกนี้
เป็น
การปรับตัวของรํางกายเพื่ออะไร
ก. ปรับอุณหภูมิ และขับถํายของเสียในรํางกาย
ข. ตํอมเหงื่อทางานมากเพื่อขจัดของเสีย และจุลินทรีย์
ค. ขับถํายของเสียจากการเผาผลาญอาหารในปริมาณมาก
ง. รักษาสมดุลของน้าในรํางกาย เนื่องจากใช๎พลังงานมาก
9. เฉลย ก


 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
8. ข๎อที่ 20. สุนัขเมื่อเห็นอาหารที่ผู๎เลี้ยงนามาให๎แตํยังไมํเลี้ยงปลํอยให๎สุนัขรอสุนัขจะมีอาการน้าลายไหล
และจองดูอาหารนั้น การแสดงพฤติกรรมแบบนี้เกิดขึ้นเพราะสิ่งใด
ก. รส
ข. กลิ่น
ค. การได๎ยิน
ง. การมองเห็น
9. เฉลย ข
10.เกณฑ์การให๎คะแนน


 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
8. ข๎อที่ 21. จากตารางที่กาหนดให๎
ชนิดของสัตว์

อายุขัยเฉลี่ย จานวนลูกตํอครั้ง ระยะตัวอํอนที่อยูํ
(ปี)

(ตัว)

ในตัวแมํ(สัปดาห์)

จานวนลูกที่จะมีได๎
มากทีสุดในชํวงชีวิต
่
(ตัว)

A

15

1

10

10

B

15

8

30

20

C

15

1

50

10

D

15

6

70

10

เทคโนโลยีใดเหมาะสมที่สุด และจาเป็นตํอการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์
ก. สัตว์ชนิด
ข. สัตว์ชนิด
ค. สัตว์ชนิด
ง. สัตว์ชนิด
9. เฉลย ง

A
B
C
D

ควรใช๎การผสมเทียม เพราะสามารถมีลูกได๎เพียงครั้งละตัว
ควรใช๎ถํายฝากตัวอํอน เพราะสามารถมีลูกได๎ครั้งละหลายตัว
ควรใช๎ถํายฝากตัวอํอน เพราะสามารถมีลูกได๎เพียงครั้งเดียว
ควรใช๎การผสมเทียม เพราะสามารถมีลูกได๎ครั้งละหลายตัว



 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
8. ข๎อที่ 22. ถ๎าต๎องการกลั่นน้ามันดิบที่ขุดขึ้นมา ให๎เป็นน้ามันบริสุทธิ์หรือผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม นักเรียนควร
เลือกวิธีการใดจึงจะเหมาะสมที่สุด
ก. กลั่นโดยวิธีการกลั่นด๎วยไอน้า
ข. กลั่นโดยการกลั่นลาดับสํวน
ค. กลั่นด๎วยเอทานอล แล๎วระเหยเอทานอลออก
ง. นาน้ามันดิบไปผํานความร๎อน แล๎วใช๎เครื่องบีบคั้นน้ามันออก
9. เฉลย ข


 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
8. ข๎อที่ 23. เมื่อนาของเหลวสีแดงชนิดหนึ่งมากลั่น พบวําของเหลวนี้เดือดที่ 80 องศาเซลเซียส ของเหลวที่
กลั่นได๎ไมํมีสี เมื่อกลั่นตํอไปจนเกือบหมดของเหลวที่เหลื อยังคงเป็นสีแดง เราอาจสรุปได๎วําอยํางไร
ก.
ข.
ค.
ง.
9. เฉลย ค

สารละลายนี้เป็นสารละลายของสารสีแดงในน้า
สารละลายนี้เป็นสารละลายของสารสีแดงในของเหลวสีแดง
สารละลายนี้เป็นสารละลายของสารไมํมีสีในของเหลวสีแดง
สารละลายนี้เป็นสารละลายของสารสีแดงในของเหลวไมํมีสีที่ไมํใชํน้า



 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
 ทักษะกระบวนการ (..................................................)  อื่นๆ(ระบุ)............................ ................
8. ข๎อที่ 24. ทดลองนาสาร 2 ชนิดมาผสมกัน ได๎ผลตามตาราง
อุณหภูมิ (C)
กํอนผสม
หลังผสม
ก
A+B
29
31
ข
C+D
29
30
ค
E+F
29
28
ง
P+Q
29
25
การผสมสารคูํใด เกิดปฏิกิริยาแบบดูดความร๎อน

การทดลอง

สารที่ใช๎ผสม

ก. ก และ ค
ข. ข และ ง
ค. ค และ ง
ง. ข และ ค
9. เฉลย ค


การเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได๎
มีฟองก๏าซ
ไมํมีการเปลี่ยนแปลง
มีกลิ่นฉุนเกิดขึ้น
มีฟองแก๏ส

 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
8. ข๎อที่ 25. พิจารณาผลการทดลอง เมื่อนาของแข็ง A ผสมกับสารละลาย B ดังรูป พบวําที่ปลายหลอดนา
แก๏สมีฟองแก๏สเกิดขึ้น แตํน้าปูนใสไมํขุํน

ของแข็ง A และสารละลาย B ควรเป็นสารใด
ก. โลหะทองแดง, น้า
ข. หินปูน, กรดแอซิติก
ค. สังกะสี, กรดซัลฟิวริก
ง. โซเดียมไฮดรอกไซด์, กรดไฮโดรคลอริก
9. เฉลย ค


 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
8. ข๎อที่ 26.

จากรูป แรงคูํใดที่มขนาดเทํากัน
ี
ก. แรง ก = แรง ข
ข. แรง ข = แรง ง
ค. แรง ก = แรง ค
ง. ถูกทั้ง ข และ ค
9. เฉลย ข


 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
8. ข๎อที่ 27. ในกรณีใดที่ทาให๎มุมตกกระทบและมุมหักเหมีคําเทํากับศูนย์
ก. เมื่อเรามองวัตถุในน้าในแนวเฉียง
ข. เมื่อลาแสงจากแทํงพลาสติกออกสูํอากาศเป็นมุมป้าน
ค. เมื่อลาแสงสํองผํานจากอากาศตั้งฉากกับแทํงพลาสติ ก
ง. เมื่อลาแสงสํองผํานอากาศไปสูํแทํงพลาสติกเป็นมุมแหลม
9. เฉลย ค


 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
8. ข๎อที่ 28. ถ๎านาพลอยที่มีสีน้าเงินเข๎าไปภายในห๎องที่ฉายด๎วยแสงสีแดง เราจะมองเห็นพลอยเป็นสีอะไร
ก. สีเขียว
ข. สีดา
ค. สีฟ้า
ง. สีเหลือง
9. เฉลย ข


 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
8. ข๎อที่ 29. การที่ดินเหนียวตามแหลํงตํางๆมีสีไมํเหมือนกัน เชํน สีแดง สีดา เป็นเพราะสาเหตุใด
ก. แรํธาตุตํางๆที่ผสมอยูํแตกตํางกัน
ข. ขนาดอนุภาคของดินเหนียวแตกตํางกัน
ค. อุณหภูมิที่ทาให๎เกิดดินเหนียวแตกตํางกัน
ง. ผลึกของแรํชนิดเดียวกันมีขนาดตํางกัน สีของดินเหนียวจึงแตกตํางกัน
9. เฉลย ก


บันทึกข้อมูลข้อสอบ
 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
8. ข๎อที่ 30. สมศักดิ์ต๎องการปลูกอ๎อยในพื้นที่ของตนจึงได๎เชิญให๎นักวิชาการเกษตรมาตรวจสภาพดิน พบวํา
ในพื้นที่ของตนมีคํา pH เทํากับ 8.5 ถ๎าสมศักดิ์ต๎องการปลูกอ๎อยให๎ได๎ผลดีแล๎วเขาควรปฏิบัติตามข๎อใด
ก. เผาวัชพืชในพื้นที่เสร็จแล๎วจึงไถพรวนดิน
ข. ไถพื้นดินและตากดินไว๎ให๎แห๎งกํอนเพาะปลูก
ค. ปรับสภาพดินโดยเติมปุ๋ยแอมโมเนียมฟอสเฟตลงไป
ง. เติมแคลเซียมไฮดรอกไซด์เมื่อปลูกอ๎อยไปได๎ระยะหนึ่ง
9. เฉลย ค


 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
8. ข๎อที่ 31. หินชนิดใดจัดเป็นหินชนิดเดียวกันทั้งหมด
ก. หินบะซอลต์ หินแกรนิต ศิลาแลง
ข. หินบะซอลต์ หินแกรนิต หินสคอเรีย
ค. หินสคอเรีย หินบะซอลต์ หินชนวน
ง. หินสคอเรีย หินแกรนิต หินดินดาน
9. เฉลย ข


 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
8. ข๎อที่ 32. ตารางแสดงสมบัติบางประกานของแรํบางชนิด
แรํ
W
X
Y
Z

สี

ความแข็ง

ความวาว

สีผงละเอียด

ความหนาแนํน (g/cm3)

ขาว ไมํมีสี
3
คล๎ายแก๎ว
ขาว
3.70-3.75
ขาว
5
คล๎ายมุก
5.12-5.17
ขาว เทา
6
เทา
5.14-5.19
ขาว ไมํมีสี
7
ขาว
4.32-4.39
นาแรํก๎อนหนึ่งซึ่งมีสีขาวคล๎ายแก๎ว มีมวล 38.7 g และมีปริมาตร 7.5 cm3 แรํก๎อนนี้อาจจะเป็นแรํ
ชนิดใด
ก. แรํ W
ข. แรํ X
ค. แรํ Y
ง. แรํ Z

9. เฉลย ค


 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
8. ข๎อที่ 33. จงพิจารณาวําข๎อความในข๎อใดไม่ถูกต้อง
ก. ลมเป็นปัจจัยที่มีผลน๎อยที่สุดตํอการเกิดการกรํอน
ข. สิ่งมีชีวิตเป็นตัวการสาคัญที่สุดที่ทาให๎เกิดการผุพังอยูํกับที่เชิงเคมี
ค. หินงอกหินย๎อยภายในถ้าหินปูนเกิดจากการกรํอนที่เกิดจากปฏิกิริยาเคมี
ง. การทับถมของตะกอนที่ เกิดจากกระแสน้าไหลจากภูเขาสูํที่ราบที่มีรํองน้ากว๎าง
กวําเดิมมากๆ จะเกิดเป็นเนินตะกอนน้าพารูปพัด
9. เฉลย ข


 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
8. ข๎อที่ 34. ข๎อความตํอไปนี้ในข๎อใดเป็นจริง เมื่อกลําวถึงชั้น P
ก) สํวนที่อยูํภายนอกเป็นแผํนดินและน้า
ข) สํวนบนเป็นหินไซมา สํวนลํางเป็นหินไซอัล
ค) มีความหนาประมาณ 6-35 กิโลเมตร
ก. ก และ ข
ข. ข และ ค
ค. ก และ ค
ง. ก, ข และ ค
9. เฉลย ค


2. กลุมสาระการเรียนรู๎ วิชาวิทยาศาสตร์
ํ
 ม.ต๎น
ได๎แกํ
ได๎แกํ

 ม.1
 ม.4

 ม.2
 ม.5

 ม.3
 ม.6

 การจา
 ทักษะกระบวนการ (..................................................)  อื่นๆ(ระบุ)............................ ...............
8. ข้อที่ 35. ชายหญิงคูํหนึ่งมีลักษณะปกติ แตํทั้งคูํเป็นพาหะของโรคธาลัสซีเมีย โอกาสที่ลูกจะเป็นโรคนี้กี่
เปอร์เซ็นต์
ก.75 %
ข. 50 %
ค. 25 %
ง. 0 %
9. เฉลย ค
10. เกณฑ์การให้คะแนน ข๎อละ.......1........คะแนน

แบบบันทึกข้อสอบ
 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
8. อที่ 36 ถ๎าลูกที่เกิดมาทั้งหญิงและชายมีโอกาสเป็นโรคโลหิตไหลไมํหยุด พํอและแมํควรมี
้
จีโนไทป์เป็นอยํางไร ? ถ๎า C เป็นยีนที่กํอให๎เกิดโรค c เป็นยีนควบคุมไมํให๎เกิดโรค
ก. XCXC XCY
ข. XcXc XCY
ค. XCXC XcY
ง. XCXc XCY

แบบบันทึกข๎อมูลข๎อสอบ
 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
 ทักษะกระบวนการ (..................................................)  อื่นๆ(ระบุ)............................
7. ชนิดข๎อสอบ  เลือกตอบ  เขียนตอบ  อื่นๆ(ระบุ)....................................
8. ข๎อที่ 37. กาหนดให๎
A = สิ่งมีชีวิตใดชนิดหนึ่ง
B = ประชากรกลุํมสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน
C = กลุํมสิ่งมีชีวิต คือสิ่งมีชีวิตหลายชนิด
D = ระบบนิเวศ
E = โลกของสิ่งมีชีวิต ระบบนิเวศหลายระบบ
ให๎นักเรียนเลือกข๎อที่มีการเรียงลาดับจากขนาดเล็กไปใหญํ
ก. A B C D E
ข. A C D B E
ค. C D A B E
ง. E D A B C

 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
8.ข๎อที่ 38. จากแผนภาพแสดงสายใยอาหารในคูน้าแหํงหนึ่ง
นกกินปลา
ปลาช่อน

้
ลูกกุง
ไรน้ า
หอยโ ่ง

หนอนแดง
แพลงตอนพืช

- ถ๎าไรน้าในแหลํงน้านี้กินแพลงตอนพืชที่มีดีดีทีส ะสมในเนื้อเยื่อ ดีดีทีจะถูกถํายทอดไปยังสิ่งมีชีวิต
ใดบ๎าง
ก. ลูกกุ๎ง ปลาชํอน นกกินปลา
. หอยโขํง ลูกกุ๎ง ปลาชํอน นกกินปลา
ค. หนอนแดง ลูกกุ๎ง ปลาชํอน นกกินปลา
ง. หอยโข่ง หนอนแดง ลูกกุ้ง ปลาช่อน นกกินปลา
9. เฉลย ข๎อ ก

แบบบันทึกข้อสอบ
 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
 ทักษะกระบวนการ (..................................................)  อื่นๆ(ระบุ)............................
8.

อที่ 39. โจทย์ และตัวเลือก
้

มาลีใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไรตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง?
ก. ใช้ตามรายได้ที่มีมากในครอบครัวเพื่อความสะดวกสบาย
. ใช้ตามความจาเป็ นที่ตองใช้จริ งในการดารงชีวต
้
ิ
ค. ใช้ตามการเปลี่ยนแปลง องสังคมเพื่อให้ทนสมัย
ั
ง. ใช้ตามความต้องการ องตนเอง
9. เฉลย .


 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
8. อที่ 40. ตั๊กแตนปาทังกา วางไขํในดิน เมื่อคนบุกรุกทาลายป่าเพื่อทาไรํสํงผลให๎ไขํตั๊กแตนได๎รับความ
้
อบอุํนจึงฟักออกเป็นตัวทาลายผลผลิต เพื่อแก๎ปัญหาระยะยาวควรป้องกันแก๎ไขโดยวิธีใด
ก. ทาลายพืชไรํบริเวณที่เคยมีการระบาดกํอนถึงชํวงเวลาฟักไขํ
ข. ราดสารเคมีลงดินบริเวณที่เคยมีการระบาดเพื่อทาลายไขํกํอน
ค. พํนสารเคมีลงดินกาจัดตัวเต็มวัยขณะระบาด
ง. ผัก ไมํบุกรุกทาลายป่าเพื่อทาไรํเลื่อนลอย
9. เฉลย ง

 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
5. ตัวชี้วัด ม. 3/2-3
 การจา
8. ข๎อที่ 41.แขวนวัตถุด้วยเส้นเชือกจากเพดาน แรงปฏิกิริยาตามกฎข้อที่ 3 ของนิวตันของแรงซึ่งเป็นน้้าหนักของวัตถุ
คือแรงใด

ก. แรงโน๎มถํวงที่วัตถุกระทาตํอโลก
ข. แรงที่วัตถุกระทาตํอเส๎นเชือก
ค. แรงที่เส๎นเชือกกระทาตํอวัตถุ
ง. แรงที่เชือกกระทาตํอเพดาน

 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
8.ข๎อที่ 42. ออกแรง F1 , F2 และ F3 พร๎อมกันในทิศตรงข๎ามกัน 4 ครั้ง กระทาตํอวัตถุ W ที่วาง
นิ่งอยูํบนพื้นลื่นได๎ผลการทดลองดังตาราง
F1
F3
w
F2
ตาราง แรงที่กระทาตํอวัตถุ W ในทิศทางตรงกันข๎ามพร๎อมกัน จานวน 4 ครั้ง
ครั้งที่
แรง F1 (นิวตัน)
1

25

25

50

2

25

25

40

3

30

30

70

4

60

40

100

การออกแรงครั้งใดทาให๎วัตถุ W เคลื่อนที่ด๎วยความเรํงในทิศเดียวกับแรง F3
ก. ครั้งที่ 1
ข. ครั้งที่ 2
ค. ครั้งที่ 3
ง. ครั้งที่ 4
9. เฉลย ค



 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
8.ข๎อที่ 43. จากภาพ คานจะอยูํในลักษณะสมดุล เมื่อ วัตถุ B มีคําเทําไร
4m
6 kg

ก. 6 kg.
ข. 8 kg.
ค. 10 kg.
ง. 12 kg.
9. เฉลย 2


3m
B

 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
8. ข๎อที่ 44.จากการทดลองพบวําขนาดของแรงที่กระทาบนวัตถุที่วางอยูํบนพื้นราบกับขนาดของความเรํง
ของวัตถุ ได๎ความสัมพันธ์ดังกราฟ

จากกราฟสามารถหาสัมประสิทธิ์ความเสียดทานจลน์ของวัตถุบนพื้นมีคําเทํากับ
ก. 0.5
ข. 0.3
ค. 0.2
ง. 0.1
9. เฉลย
ก.

 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
8. ข๎อที่ 45. เครื่องควบคุมอุณหภูมิในเครื่องใช๎ไฟฟ้า อาศัยหลักการอะไร
ก. กระแสไฟฟ้าไหลผํานโลหะคูํที่ ขยายตัวไมํเทํากัน
ข. กระแสไฟฟ้าไหลผํานขดลวดทาให๎เกิดอานาจแมํเหล็ก
ค. กระแสไฟฟ้าไหลผํานขดลวดทาให๎เกิดกระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนา
ง. กระแสไฟฟ้าไหลผํานโลหะทาให๎แผํนโลหะเกิดการเคลื่อนไหว
9. เฉลย
ก.
10. เกณฑ์การให๎คะแนน ข๎อละ 1 คะแนน

 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
8. ข๎อที่ 46. จงพิจารณาวําข๎อความใดถูกต๎อง
1. ไมํควรใช๎มือแตะขาตัวเก็บประจุที่เคยใช๎แล๎ว
2. การตํอตัวต๎านทานต๎องระวังการตํอขั้วไฟฟ้าให๎ถูกต๎อง
3. ทรานซิสเตอร์ทาหน๎าที่เป็นสวิตซ์ไฟฟ้าได๎
4. ไดโอดเปลํงแสงสามารถใช๎แทนแอมมิเตอร์เพื่อบอกวํามีกระแสไฟฟ้าไหลในวงจร
ได๎
ก. 1 , 2
ข. 1 , 3
ค. 1 , 2 และ 3
ง. 1 , 3 และ 4
9. เฉลย ข๎อ ง.


 ม.ต๎น
ได๎แกํ
 ม.1
 ม.2
 ม.3
ได๎แกํ
 ม.4
 ม.5
 ม.6
 การจา
8. ข้อที่ 47.บ้านหลังหนึ่งเปิดหลอดไฟฟ้า 220 โวลต์ 60 วัตต์จ้านวน 3 หลอด วันละ 5 ชั่วโมง เปิด
โทรทัศน์220 โวลต์ 750 วัตต์ วันละ 3 ชั่วโมง และใช้เตาไฟฟ้า 220 โวลต์ 1,000 วัตต์ วันละ 1
ชั่วโมง
ถ้าใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าพร้อมกันทั้ง 3 ชนิดนี้ จะมีกระแสไฟฟ้าไหลทั้งสิ้นเท่าใด
ก. 7.50 แอมแปร์
ข. 8.77 แอมแปร์
ค. 9.00 แอมแปร์
ง. 10.70 แอมแปร์
9. เฉลย ข
ข้อละ 1 คะแนน

การออกข้อสอบวัดผล O net วิทย์ ม.ต้น

การออกข้อสอบวัดผล O net วิทย์ ม.ต้น

Recommended

Recommended

More Related Content

Similar to การออกข้อสอบวัดผล O net วิทย์ ม.ต้น

Similar to การออกข้อสอบวัดผล O net วิทย์ ม.ต้น (20)

More from Weerachat Martluplao

More from Weerachat Martluplao (20)

การออกข้อสอบวัดผล O net วิทย์ ม.ต้น