SlideShare a Scribd company logo
1 of 20
 
จีน            ประเทศจีน เป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล และเป็นแหล่งรวมประชากรที่หนาแน่นแห่งหนึ่งของโลก  จีน จึงมีความหลากหลายทางภาษาและศิลปวัฒนธรรม  ประเทศจีน  เมืองหลวงคือ  กรุงปักกิ่ง  มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญๆ หลายแห่ง เช่น กำแพงเมืองจีน และ จัตุรัสเทียนอันเหมิน เป็นต้น ส่วนเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจนั้นจะอยู่ที่  เซี่ยงไฮ้  และ  ฮ่องกง  ประเทศจีน มีสถานที่ท่องเที่ยว มากมายหลายแห่งดังนี้
ธงประจำชาติของประเทศจีน
ลักษณะภูมิประเทศของประเทศจีน
กำแพงเมืองจีน
คนจีนก๊กต่าง ๆ ได้สร้างกำแพงเมืองจีนไว้เมื่อสองสามพันปีก่อน โดยสร้างกำแพงล้อมอาณาจักรของตนไว้ เมื่อพระเจ้าจิ๋นซีฮ่องเต้รวมเมืองจีนเข้าเป็นเอกภาพเมื่อ พ . ศ .  ๓๒๒ ก็เชื่อมต่อกำแพงที่ก๊กต่าง ๆ สร้างไว้เข้าด้วยกัน และสร้างต่อเติมขึ้นอีก          กำแพงเมืองจีนถือว่าเป็นโครงการก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เกิดด้วยฝีมือมนุษย์ มีการเกณฑ์แรงงานเกือบล้านคน และยังมีแรงงานจากพวกนักโทษผู้ซึ่งถูกโกนหัว และมีตรวนเหล็กคล้องคอ คนเหล่านี้ต้องทำงานในถิ่นทุรกันดารท่ามกลางอุณหภูมิเลวร้าย คือ ๓๕ องศาเซลเซียสในฤดูร้อน และ  - ๒๑ องศาเซลเซียสในฤดูหนาว ต้องอด ๆ อยาก ๆ เพราะเสบียงที่ส่งมามักถูกขโมยกินหรือถูกยักยอกนำไปขาย คนงานนับพันจึงต้องล้มตาย ร่างถูกฝังอยู่ใต้กำแพง กำแพงเมืองจีนจึงได้รับการขนานนามว่าเป็น “หลุมฝังศพที่ยาวที่สุดในโลก” ด้วย         
เหตุผลที่ว่า เหตุใดจึงมีการสร้างกำแพงอันยิ่งใหญ่นี้ขึ้นนั้นไม่มีผู้ใดทราบแน่นอน ที่มาเริ่มแรกเข้าใจว่าสร้างขึ้นเพื่อเป็นปราการป้องกันการบุกรุกของชนเผ่ามองโกเลียทางภาคเหนือแต่มีผู้ให้เหตุผลว่า ความจริงกำแพงสูงและยาวขนาดนี้ ไม่อาจป้องกันกองทัพใด ๆ ของผู้คิดจะบุกรุกจีนได้ เพียงทำลายส่วนหนึ่งของกำแพงลง ก็อาจยกทัพผ่านได้ ซึ่งก็เคยปรากฏอยู่เสมอในประวัติศาสตร์จีน กำแพงเป็นเพียงเครื่องสกัดกั้นหรือก่อให้ศัตรูยุ่งยากในด่านแรกเท่านั้น เหตุผลที่น่าฟังอีกอย่างหนึ่งคือ กำแพงนี้ได้ปิดกั้นทางน้ำไม่ให้ไหลออกไปภายนอก ชาวจีนทำไว้เพื่อให้ชนเผ่ามองโกเลียต้องลำบากในการปีนป่ายขึ้นมาหาน้ำเป็นสำคัญ แต่บางฝ่ายก็ให้เหตุผลว่า กษัตริย์จีนทรงสร้างกำแพงขึ้นเพื่อเป็นเครื่องประดับพระเกียรติ ผู้ยิ่งใหญ่ของจีนสนใจเฉพาะกำแพงตอนที่สร้างไว้รอบเมืองเก่าแก่เท่านั้น แต่ที่แน่นอนก็คือ กำแพงนี้ใช้เป็นเส้นกั้นพรมแดนระหว่างชาวตะวันออกกับตะวันตก
ประวัติกำแพงเมืองจีน          กำแพงเมืองจีนถูกสร้างขึ้นกว่า  2000  ปีมาแล้ว ตั้งแต่สมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิ์องค์แรกในประวัติศาสตร์จีน จุดประสงค์ก็เพื่อป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าทางตอนเหนือ  โดยมีการก่อสร้างเพิ่มเติมโดยกษัตริย์องค์ต่อมาอีกหลายพระองค์ จนสำเร็จในที่สุด กำแพงเมืองจีนถือเป็นงานก่อสร้างที่มหัศจรรย์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเท่าที่เคยมีม า
มีข้อเท็จจริงบางประการเกี่ยวกับกำแพงเมืองจีนดังนี้          1.  เราไม่สามารถมองเห็นกำแพงเมืองจีนจากดวงจันทร์ ไม่มีสิ่งก่อสร้างที่สร้างโดยมนุษย์ แม้แต่อย่างเดียวที่สามารถมองเห็นจากดวงจันทร์ ในระดับ  low earth orbit  เรา  สามารถมองเห็นกำแพงเมืองจีนโดยใช้  radar  การมองเห็นกำแพงเมืองจีนเป็นไปได้ยากเนื่องจาก สีของกำแพงเมืองจีนจะกลืนไปกับสีของธรรมชาติ ก็คือสีของดิน หิน   2.  กำแพงเมืองจีนไม่ใช่กำแพงยาวตลอด ความจริงแล้วกำแพงเมืองจีน ถูกสร้างขึ้นในหลายยุคหลายสมัยกินเวลานับพันปี โดยเป็นการเชื่อมต่อกำแพงแต่ละส่วนเข้าด้วยกัน จน  เป็นแนวทอดยาวหลายพันกิโลเมตร      3.  กำแพงเมืองจีนเป็นเสมือนสุสานของผู้ก่อสร้าง มีการบันทึกไว้ว่า นักโทษจากสงครามและทาสกว่า  1  ล้านคนถูกใช้เป็นแรงงงานเพื่อก่อสร้างกำแพงเมืองจีน ซึ่งจำนวนมาก  เสียชีวิตลงเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อย และความหิวโหย ซึ่งศพผู้เสียชีวิตก็จะถูกฝังอยู่ข้างใต้กำแพงนั่นเอง นานนับศตวรรษแล้ว ที่กำแพงเมืองจีนได้ชื่อว่าเป็นสุสานที่มีความ  ยาวที่สุดในโลก เป็นที่กล่าวขานกันว่าทุกๆ หนึ่งฟุตของกำแพงเมืองจีนก็คือหนึ่งชีวิตของผู้ก่อสร้างกำแพง
4.  ความยาวของกำแพงเมืองจีน จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครทราบความยาวที่แท้จริงของกำแพงเมืองจีน ในภาษาจีน จะเรียกกำแพงเมืองจีนว่า  " กำแพงยาวหมื่นลี้ " ( หนึ่งลี้มีความ  ยาวประมาณ  1/3  ไมล์ )  โดยคร่าวๆ กำแพงเมืองจีนมีความยาวประมาณ  4  พันไมล์ หรือ  6,350  กิโลเมตร ทอดผ่านทุ่งหญ้า ทะเลทราย และเทือกเขาสูง ความสูงของกำแพงคือ  7  เมตร และกว้าง  5  เมตร   5.  การก่อสร้างกำแพงเมืองจีน ช่วยป้องกันการรุกรานได้หรือไม่ การเข้าครองอำนาจของมองโกล และแมนจู ทั้งสองครั้งเกิดขึ้นจากความอ่อนแอ ของราชวงศ์ที่ปกครอง  ประเทศจีนในขณะนั้นๆ พวกเขาใช้โอกาสในขณะที่เกิดกบฏภายใน เข้ายึดครองประเทศจีน โดยมีการต่อต้านที่น้อยมาก   6.  กำแพงเมืองจีนไม่ได้เป็นแค่กำแพง ทุกๆ  300  ถึง  500  หลา จะมีฐานบัญชาการเพื่อใช้สับเปลี่ยนเวรยามและใช้เป็นจุดสังเกตการณ์ มีหอสังเกตการณ์กว่า  1  หมื่นแห่ง
7.  กำแพงเมืองจีนเป็นเส้นทางคมนาคม ในระยะแรก ประโยชน์ของกำแพงเมืองจีนก็คือ มันช่วยให้การคมนาคมและขนส่งในเส้นทางทุรกันดาร เช่นตามเทือกเขาเป็นไปอย่าง  สะดวกยิ่งขึ้น   8.  กำแพงเมืองจีนสร้างขึ้นโดยใช้อะไรเป็นส่วนประกอบ ก่อนที่จะมีการใช้อิฐในการก่อสร้าง กำแพงเมืองจีนถูกสร้างขึ้น โดยใช้หิน ดิน และไม้ บางครั้งมีการแพ็คดินไว้ระหว่าง  ไม้แผ่นใหญ่ และมัดไว้ด้วยกันโดยเสื่อทอ บริเวณใกล้กรุงปักกิ่ง กำแพงเมืองจีนถูกสร้างโดยใช้หินอ่อน ในบางสถานที่กำแพงถูกสร้างโดยใช้หินแกรนิต บางแห่งก็ใช้ดินเผา  ทางตะวันตกของจีน กำแพงถูกสร้างโดยใช้โคลน ทำให้ชำรุดได้ง่ายกว่า กำแพงเมืองจีนที่เราเห็นกันทุกวันนี้ ส่วนใหญ่ถูกสร้างในราชวงศ์หมิง โดยใช้วัตถุที่ทนทานกว่าเช่นหิน   9.  สภาพของกำแพงเมืองจีนในขณะนี้ รายงานผลการสำรวจของนักอนุรักษ์เมื่อปี  2004  กล่าวว่า ขณะนี้ กำแพงเมืองจีนที่ยาว  6,350  กิโลเมตร เหลือให้เห็นเพียง  1/3  เท่านั้น  และกำลังสั้นลงเรื่อยๆ ปัญหาเกิดขึ้นเนื่องจากการขาดการดูแลและอนุรักษ์ โดยเฉพาะจากชาวไร่ชาวนาซึ่งอาศัยอยู่ใกล้กำแพงเมืองจีน ไม่สนใจประกาศของรัฐบาลที่กำหนด  ให้กำแพงเมืองจีนเป็นสมบัติของชาติ  
พระราชวังต้องห้าม กู้กง
สถานที่ตั้งของพระราชวังโบราณแห่งนี้แต่เดิมนั้นก็คือ พระราชวังหลวงของราชวงศ์หยวนแห่งมองโกล ซึ่งต่อมาเมื่อราชวงศ์หยวนล่มสลายลงแล้วมีราชวงศ์หมิงขึ้นมาแทน จักรพรรดิพระองค์แรกของราชวงศ์หมิง จักรพรรดิหงอู่ได้ย้ายเมืองหลวงจากปักกิ่งไปนานกิงและดำริให้รื้อถอนพระราชวังออก ซึ่งต่อมาเมื่อพระราชโอรสของพระองค์ จักรพรรดิหย่งเล่อได้ขึ้นครองราชย์ พระองค์ก็ได้ย้ายเมืองหลวงกลับปักกิ่งดั่งเดิม และทรงสั่งให้ก่อสร้างพระราชวังใหม่ขึ้นในปี พ . ศ . 1949  ซึ่งต่อมาได้กลายมาเป็นพระราชวังต้องห้ามแห่งนี้          ต่อมาในปี พ . ศ . 2187  ได้เกิดจลาจลขึ้นทำให้พระราชวังสมัยราชวงศหมิงเสียหายไป และเมื่อราชวงศ์ชิงขึ้นครองอำนาจต่อจากราชวงศ์หมิง ทางราชวงศ์ชิงก็ได้ก่อสร้างสร้างขึ้นมาใหม่บนฐานสิ่งก่อสร้างเดิม ทำให้พระราชวังกลายมาเป็นจุดศูนย์กลางอำนาจของจีนอีกครั้งหนึ่งเรื่อยมาจนถึงการล่มสลายของราชวงศ์ชิง และการเปลี่ยนมาเป็นระบอบสาธารณรัฐ
พระราชวังต้องห้าม จากชื่อภาษาจีน แปลตามตัวอักษรได้ว่า  " เมืองต้องห้ามสีม่วง "  พระราชวังต้องห้ามตั้งอยู่ใจกลางของกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศจีน เป็นพระราชวังหลวงมาตั้งแต่สมัยกลางราชวงศ์หมิงจนถึงราชวงศ์ชิง พระราชวังต้องห้ามยังรู้จักกันในนาม พิพิธภัณฑ์พระราชวัง ครอบคลุมพื้นที่  720,000  ตารางเมตร อาคาร  800  หลัง มีห้องทั้งหมด  9,999  ห้อง และมีพระที่นั่ง  75  องค์ ใช้ระยะก่อสร้างประมาณ  14  ปี ตั้งแต่ พ . ศ . 1949  จนถึง พ . ศ . 1963   พระราชวังต้องห้ามตั้งอยู่ทางทิศเหนือของ จัตุรัสเทียนอันเหมิน  นักท่องเที่ยวสามารถเข้าสู่พระราชวังต้องห้ามได้ทางจตุรัสนี้ ผ่านประตูเทียนอันเหมิน บริเวณรอบจตุรัสเทียนอันเหมิน เรียกว่า อาณาเขตหลวง โดยมีสิ่งก่อสร้างสำคัญอยู่โดยรอบ เช่น มหาศาลาประชาคม หอพระสมุด ห้องหับต่างๆอีกมาก รวมทั้งยังมีสวน ลานกว้าง ทางเดินเชื่อมกันโดยตลอด ในอดีตภายในเป็นที่ประทับของจักรพรรดิ โดยมีสนมกำนัล ขันที และข้าหลวงรับใช้ ซึ่งคนเหล่านี้ต้องอาศัยอยู่ในนครต้องห้ามตลอดชีวิต เพื่อความสำราญของจักรพรรดิ ในวังจะมีวิเสท  6,000  คน ประกอบพระกระยาหาร มีสนมกำนัล  9,000  นาง ซึ่งมีขันที  70,000  คน คอยดูแลให้ มีคำเล่าลือกันว่า พระนางซูสีไทเฮา เวลาเสวยก็จะมีพระกระยาหารถึง  148  ชุด และทรงส่งขันทีไปเสาะหาชายหนุ่มซึ่งเข้าวังแล้วจะไม่มีผู้ใดพบเห็นอีกเลย
แม้ว่าประเทศจีนจะไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว พระราชวังต้องห้ามก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของประเทศจีน และภาพประตูเทียนอันเหมินก็ยังปรากฏอยู่ในตราประจำสาธารณรัฐประชาชนจีนอีกด้วย นอกจากนี้ พระราชวังต้องห้ามยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งไม่นานมานี้ ทางรัฐบาลจีนได้มีนโยบายจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวเพื่อจะอนุรักษ์สภาพของอาคารและสวนหย่อมไว้   ยูเนสโกได้ประกาศให้พระราชวังต้องห้ามร่วมกับพระราชวังเสิ่นหยางเป็นหนึ่งในมรดกโลกในนาม พระราชวังหลวงแห่งราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงในปักกิ่งและเสิ่นหยาง เมื่อ พ . ศ . 2530 ( ค . ศ . 1987)  พระราชวังต้องห้ามเป็นที่รู้จักในหลากหลายชื่อ ในภาษาจีนนั้น ชาวจีนจะเรียกพระราชวังต้องห้ามว่า กู้กง ซึ่งแปลว่า พระราชวังเก่า นอกจากนี้ คำนี้ยังใช้เรียกพระราชวังเก่าตามเมืองต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วไปในประเทศจีนด้วย   ส่วนคำที่เรารู้จักกันดีว่า  " พระราชวังต้องห้าม "  นั้น แปลมาจากภาษาจีน จื่อจิ้น เฉิง ซึ่งแปลตามตัวอักษรได้ว่า  " เมืองต้องห้ามสีเลือดหมู "  ด้วยเหตุที่ว่า ห้ามสามัญชนเข้าไปในบริเวณวังหลวงโดยเด็ดขาด และสีเลือดหมูนั้นเป็นสีอาคารและหลังคาโดยทั่วไป
หอบูชาฟ้าเทียนถาน
หอบูชาฟ้า เทียนถาน   เทียนถานตั้งอยู่ทางทิศใต้ของกรุงปักกิ่ง สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง ค . ศ .1420  เปิดให้ผู้คนทั่วไปสามารถเข้าได้เมื่อปี  1949  มีเนื้อที่ทั้งหมด  2.73  ตารางกิโลเมตร เป็นสถานที่ซึ่งจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิง และราชวงศ์ชิงใช้เป็นที่บวงสรวงเทพยดา พระจักรพรรดิจะเสด็จไปประกอบพระราชพิธีบวงสรวงที่นั่นเพื่อให้การเก็บเกี่ยวได้ผลอุดม ตั้งแต่เริ่มนั้นเทียนถานใช้เป็นสถานที่บูชาทั้งฟ้าและดิน จนมาถึงสมัยของฮ่องเต้เจียจิ้งแห่งราชวงศ์หมิง  ( พ . ศ .2065-2110)  จึงได้มีการสร้างหอบูชาดิน หอบูชาพระอาทิตย์ และหอบูชาพระจันทร์ แยกออกไปต่างหาก เทียนถานจึงเหลือชื่อเรียกเพียงหอบูชาฟ้า
หอบูชาฟ้า เทียนถาน คำว่าเทียน  Tian  ในชื่อเทียนถาน หมายถึง ฟ้า ส่วนคำว่า ถาน  Tan  หมายถึง แท่นบูชา เคยสร้างและถูกทำลาย และเสียหายหลายครั้ง แต่ก็บูรณะขึ้นใหม่ทุกครั้ง ตำหนักที่โดดเด่นที่สุด และสำคัญที่สุดคือ ตำหนักฉีเหนียนเตี้ยน หรือ  " ตำหนักสักการะ "  ซึ่งจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง สถาปัตยกรรมของตำหนักนี้ จะใช้รูปทรงกลมเป็นต้นแบบ เนื่องจากความเชื่อว่า วงกลมหมายถึงโลกมนุษย์ สร้างเป็นแบบอาคารไม้ทรงกระบอกสูง  40  เมตร สร้างซ้อนกันขึ้นไป  3  ชั้น มุงด้วยกระเบื้องสีน้ำเงินเข้ม สีน้ำเงินเข้มของหลังคา มีความหมายว่าสวรรค์ มีเสารองรับน้ำหนักรวม  28  ต้น ภายในอาคารมีเสากลางขนาดใหญ่  4  ต้น เป็นตัวแทนของฤดูกาลทั้ง  4  ภายนอกชั้นแรก จะมีเสา  12  ต้น เป็นตัวแทนของเดือนทั้ง  12  เดือน และ  12  ต้นอยู่ภายนอกสุด แทนความหมายของ  12  ชั่วยามในหนึ่งวันตามหน่วยเวลาของจีนโบราณ และทางใต้ของอาคาร จะเป็นลานหินอ่อนรูปวงกลม คือแท่นบวงสรวงสวรรค์ หรือหยวนชิวถาน ที่เรียกกันว่าหอบูชาฟ้า เพราะตามความเชื่อของจีนโบราณ องค์จักรพรรดิทุกพระองค์จะนำข้าราชบริพารและเหล่าขุนนางกว่า  1,000  คน มาทำพิธีเซ่นไหว้บวงสรวงแด่สวรรค์ เพื่อทำการขอบคุณเทวดาที่ทำให้พืชผลเก็บเกี่ยวได้อย่างสมบูรณ์ และขอให้ฤดูกาลที่จะมาถึงพืชพันธุ์และน้ำท่าบริบูรณ์
ตำหนักหวงฉุงหยีว์  Huangqiongyu  หรือ ตำหนักเทพสถิต เป็นอาคารรูปทรงกลม สร้างเมื่อ พ . ศ .2073  ในสมัยของฮ่องเต่เจียจิ้งแห่งราชวงศ์หมิง ทำด้วยไม้ทั้งหลัง แต่ผนังโค้งด้านหลังก่อด้วยอิฐ หลังคามุงด้วยกระเบื้องสีน้ำเงิน ชื่อเรียกตำหนักเทพสถิตมาจากการที่ใช้ตำหนักแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานแผ่นป้ายของเทพเจ้าต่าง ๆ ที่ใช้ในการสักการะบวงสรวงฟ้าหรือสวรรค์ ภายในหอตั้งป้ายชื่อเทพเจ้าฟ้าดิน พระอาทิตย์และพระจันทร์ ใช้ในพิธีบวงสรวงของฮ่องเต้      หยวนซิวถาน  Yuanqiutan  หรือ แท่นบวงสรวงฟ้า หยวนซิวถานเป็นเนินรูปวงกลมสูงจากระดับพื้น  5  เมตร แยกออกเป็น  3  ชั้น สร้างขึ้นเมื่อ พ . ศ .2073  ในสมัยของฮ่องเต่เจียจิ้งแห่งราชวงศ์หมิง แต่มาปรับปรุงขยับขยายให้ดูยิ่งใหญ่ขึ้นในสมัยของฮ่องเต้เฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิงเมื่อ พ . ศ .2292  ใช้เป็นสถานที่ที่ฮ่องเต้มาประกอบพิธีบวงสรวงสักการะฟ้าหรือสวรรค์เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ล้อมรอบด้วยรั้วหินหยกขาว แกะสลักเป็นลวดลายเมฆและมังกร
 

More Related Content

More from Pornpan Larbsib

งานนำเสนอ31ส.ค
งานนำเสนอ31ส.คงานนำเสนอ31ส.ค
งานนำเสนอ31ส.คPornpan Larbsib
 
งานนำเสนอ31ส.ค
งานนำเสนอ31ส.คงานนำเสนอ31ส.ค
งานนำเสนอ31ส.คPornpan Larbsib
 
งานนำเสนอ31ส.ค
งานนำเสนอ31ส.คงานนำเสนอ31ส.ค
งานนำเสนอ31ส.คPornpan Larbsib
 
งานนำเสนอ31ส.ค
งานนำเสนอ31ส.คงานนำเสนอ31ส.ค
งานนำเสนอ31ส.คPornpan Larbsib
 
งานนำเสนอ31ส.ค
งานนำเสนอ31ส.คงานนำเสนอ31ส.ค
งานนำเสนอ31ส.คPornpan Larbsib
 
งานนำเสนอ31ส.ค
งานนำเสนอ31ส.คงานนำเสนอ31ส.ค
งานนำเสนอ31ส.คPornpan Larbsib
 
งานธุรกิจการท่องเที่ยว
งานธุรกิจการท่องเที่ยวงานธุรกิจการท่องเที่ยว
งานธุรกิจการท่องเที่ยวPornpan Larbsib
 
งานธุรกิจการท่องเที่ยว
งานธุรกิจการท่องเที่ยวงานธุรกิจการท่องเที่ยว
งานธุรกิจการท่องเที่ยวPornpan Larbsib
 
ธุรกิจการท่องเที่ยว
ธุรกิจการท่องเที่ยวธุรกิจการท่องเที่ยว
ธุรกิจการท่องเที่ยวPornpan Larbsib
 
ครูเกษียณ
ครูเกษียณครูเกษียณ
ครูเกษียณPornpan Larbsib
 

More from Pornpan Larbsib (10)

งานนำเสนอ31ส.ค
งานนำเสนอ31ส.คงานนำเสนอ31ส.ค
งานนำเสนอ31ส.ค
 
งานนำเสนอ31ส.ค
งานนำเสนอ31ส.คงานนำเสนอ31ส.ค
งานนำเสนอ31ส.ค
 
งานนำเสนอ31ส.ค
งานนำเสนอ31ส.คงานนำเสนอ31ส.ค
งานนำเสนอ31ส.ค
 
งานนำเสนอ31ส.ค
งานนำเสนอ31ส.คงานนำเสนอ31ส.ค
งานนำเสนอ31ส.ค
 
งานนำเสนอ31ส.ค
งานนำเสนอ31ส.คงานนำเสนอ31ส.ค
งานนำเสนอ31ส.ค
 
งานนำเสนอ31ส.ค
งานนำเสนอ31ส.คงานนำเสนอ31ส.ค
งานนำเสนอ31ส.ค
 
งานธุรกิจการท่องเที่ยว
งานธุรกิจการท่องเที่ยวงานธุรกิจการท่องเที่ยว
งานธุรกิจการท่องเที่ยว
 
งานธุรกิจการท่องเที่ยว
งานธุรกิจการท่องเที่ยวงานธุรกิจการท่องเที่ยว
งานธุรกิจการท่องเที่ยว
 
ธุรกิจการท่องเที่ยว
ธุรกิจการท่องเที่ยวธุรกิจการท่องเที่ยว
ธุรกิจการท่องเที่ยว
 
ครูเกษียณ
ครูเกษียณครูเกษียณ
ครูเกษียณ
 

นางสาว พรพรรณ ลาภสิบ ม.6/7 เลขที่ 9

  • 1.  
  • 2. จีน           ประเทศจีน เป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล และเป็นแหล่งรวมประชากรที่หนาแน่นแห่งหนึ่งของโลก  จีน จึงมีความหลากหลายทางภาษาและศิลปวัฒนธรรม  ประเทศจีน  เมืองหลวงคือ กรุงปักกิ่ง มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญๆ หลายแห่ง เช่น กำแพงเมืองจีน และ จัตุรัสเทียนอันเหมิน เป็นต้น ส่วนเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจนั้นจะอยู่ที่ เซี่ยงไฮ้ และ ฮ่องกง ประเทศจีน มีสถานที่ท่องเที่ยว มากมายหลายแห่งดังนี้
  • 6. คนจีนก๊กต่าง ๆ ได้สร้างกำแพงเมืองจีนไว้เมื่อสองสามพันปีก่อน โดยสร้างกำแพงล้อมอาณาจักรของตนไว้ เมื่อพระเจ้าจิ๋นซีฮ่องเต้รวมเมืองจีนเข้าเป็นเอกภาพเมื่อ พ . ศ . ๓๒๒ ก็เชื่อมต่อกำแพงที่ก๊กต่าง ๆ สร้างไว้เข้าด้วยกัน และสร้างต่อเติมขึ้นอีก          กำแพงเมืองจีนถือว่าเป็นโครงการก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เกิดด้วยฝีมือมนุษย์ มีการเกณฑ์แรงงานเกือบล้านคน และยังมีแรงงานจากพวกนักโทษผู้ซึ่งถูกโกนหัว และมีตรวนเหล็กคล้องคอ คนเหล่านี้ต้องทำงานในถิ่นทุรกันดารท่ามกลางอุณหภูมิเลวร้าย คือ ๓๕ องศาเซลเซียสในฤดูร้อน และ - ๒๑ องศาเซลเซียสในฤดูหนาว ต้องอด ๆ อยาก ๆ เพราะเสบียงที่ส่งมามักถูกขโมยกินหรือถูกยักยอกนำไปขาย คนงานนับพันจึงต้องล้มตาย ร่างถูกฝังอยู่ใต้กำแพง กำแพงเมืองจีนจึงได้รับการขนานนามว่าเป็น “หลุมฝังศพที่ยาวที่สุดในโลก” ด้วย         
  • 7. เหตุผลที่ว่า เหตุใดจึงมีการสร้างกำแพงอันยิ่งใหญ่นี้ขึ้นนั้นไม่มีผู้ใดทราบแน่นอน ที่มาเริ่มแรกเข้าใจว่าสร้างขึ้นเพื่อเป็นปราการป้องกันการบุกรุกของชนเผ่ามองโกเลียทางภาคเหนือแต่มีผู้ให้เหตุผลว่า ความจริงกำแพงสูงและยาวขนาดนี้ ไม่อาจป้องกันกองทัพใด ๆ ของผู้คิดจะบุกรุกจีนได้ เพียงทำลายส่วนหนึ่งของกำแพงลง ก็อาจยกทัพผ่านได้ ซึ่งก็เคยปรากฏอยู่เสมอในประวัติศาสตร์จีน กำแพงเป็นเพียงเครื่องสกัดกั้นหรือก่อให้ศัตรูยุ่งยากในด่านแรกเท่านั้น เหตุผลที่น่าฟังอีกอย่างหนึ่งคือ กำแพงนี้ได้ปิดกั้นทางน้ำไม่ให้ไหลออกไปภายนอก ชาวจีนทำไว้เพื่อให้ชนเผ่ามองโกเลียต้องลำบากในการปีนป่ายขึ้นมาหาน้ำเป็นสำคัญ แต่บางฝ่ายก็ให้เหตุผลว่า กษัตริย์จีนทรงสร้างกำแพงขึ้นเพื่อเป็นเครื่องประดับพระเกียรติ ผู้ยิ่งใหญ่ของจีนสนใจเฉพาะกำแพงตอนที่สร้างไว้รอบเมืองเก่าแก่เท่านั้น แต่ที่แน่นอนก็คือ กำแพงนี้ใช้เป็นเส้นกั้นพรมแดนระหว่างชาวตะวันออกกับตะวันตก
  • 8. ประวัติกำแพงเมืองจีน        กำแพงเมืองจีนถูกสร้างขึ้นกว่า 2000 ปีมาแล้ว ตั้งแต่สมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิ์องค์แรกในประวัติศาสตร์จีน จุดประสงค์ก็เพื่อป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าทางตอนเหนือ โดยมีการก่อสร้างเพิ่มเติมโดยกษัตริย์องค์ต่อมาอีกหลายพระองค์ จนสำเร็จในที่สุด กำแพงเมืองจีนถือเป็นงานก่อสร้างที่มหัศจรรย์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเท่าที่เคยมีม า
  • 9. มีข้อเท็จจริงบางประการเกี่ยวกับกำแพงเมืองจีนดังนี้         1. เราไม่สามารถมองเห็นกำแพงเมืองจีนจากดวงจันทร์ ไม่มีสิ่งก่อสร้างที่สร้างโดยมนุษย์ แม้แต่อย่างเดียวที่สามารถมองเห็นจากดวงจันทร์ ในระดับ low earth orbit เรา สามารถมองเห็นกำแพงเมืองจีนโดยใช้ radar การมองเห็นกำแพงเมืองจีนเป็นไปได้ยากเนื่องจาก สีของกำแพงเมืองจีนจะกลืนไปกับสีของธรรมชาติ ก็คือสีของดิน หิน 2. กำแพงเมืองจีนไม่ใช่กำแพงยาวตลอด ความจริงแล้วกำแพงเมืองจีน ถูกสร้างขึ้นในหลายยุคหลายสมัยกินเวลานับพันปี โดยเป็นการเชื่อมต่อกำแพงแต่ละส่วนเข้าด้วยกัน จน เป็นแนวทอดยาวหลายพันกิโลเมตร   3. กำแพงเมืองจีนเป็นเสมือนสุสานของผู้ก่อสร้าง มีการบันทึกไว้ว่า นักโทษจากสงครามและทาสกว่า 1 ล้านคนถูกใช้เป็นแรงงงานเพื่อก่อสร้างกำแพงเมืองจีน ซึ่งจำนวนมาก เสียชีวิตลงเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อย และความหิวโหย ซึ่งศพผู้เสียชีวิตก็จะถูกฝังอยู่ข้างใต้กำแพงนั่นเอง นานนับศตวรรษแล้ว ที่กำแพงเมืองจีนได้ชื่อว่าเป็นสุสานที่มีความ ยาวที่สุดในโลก เป็นที่กล่าวขานกันว่าทุกๆ หนึ่งฟุตของกำแพงเมืองจีนก็คือหนึ่งชีวิตของผู้ก่อสร้างกำแพง
  • 10. 4. ความยาวของกำแพงเมืองจีน จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครทราบความยาวที่แท้จริงของกำแพงเมืองจีน ในภาษาจีน จะเรียกกำแพงเมืองจีนว่า " กำแพงยาวหมื่นลี้ " ( หนึ่งลี้มีความ ยาวประมาณ 1/3 ไมล์ ) โดยคร่าวๆ กำแพงเมืองจีนมีความยาวประมาณ 4 พันไมล์ หรือ 6,350 กิโลเมตร ทอดผ่านทุ่งหญ้า ทะเลทราย และเทือกเขาสูง ความสูงของกำแพงคือ 7 เมตร และกว้าง 5 เมตร 5. การก่อสร้างกำแพงเมืองจีน ช่วยป้องกันการรุกรานได้หรือไม่ การเข้าครองอำนาจของมองโกล และแมนจู ทั้งสองครั้งเกิดขึ้นจากความอ่อนแอ ของราชวงศ์ที่ปกครอง ประเทศจีนในขณะนั้นๆ พวกเขาใช้โอกาสในขณะที่เกิดกบฏภายใน เข้ายึดครองประเทศจีน โดยมีการต่อต้านที่น้อยมาก 6. กำแพงเมืองจีนไม่ได้เป็นแค่กำแพง ทุกๆ 300 ถึง 500 หลา จะมีฐานบัญชาการเพื่อใช้สับเปลี่ยนเวรยามและใช้เป็นจุดสังเกตการณ์ มีหอสังเกตการณ์กว่า 1 หมื่นแห่ง
  • 11. 7. กำแพงเมืองจีนเป็นเส้นทางคมนาคม ในระยะแรก ประโยชน์ของกำแพงเมืองจีนก็คือ มันช่วยให้การคมนาคมและขนส่งในเส้นทางทุรกันดาร เช่นตามเทือกเขาเป็นไปอย่าง สะดวกยิ่งขึ้น 8. กำแพงเมืองจีนสร้างขึ้นโดยใช้อะไรเป็นส่วนประกอบ ก่อนที่จะมีการใช้อิฐในการก่อสร้าง กำแพงเมืองจีนถูกสร้างขึ้น โดยใช้หิน ดิน และไม้ บางครั้งมีการแพ็คดินไว้ระหว่าง ไม้แผ่นใหญ่ และมัดไว้ด้วยกันโดยเสื่อทอ บริเวณใกล้กรุงปักกิ่ง กำแพงเมืองจีนถูกสร้างโดยใช้หินอ่อน ในบางสถานที่กำแพงถูกสร้างโดยใช้หินแกรนิต บางแห่งก็ใช้ดินเผา ทางตะวันตกของจีน กำแพงถูกสร้างโดยใช้โคลน ทำให้ชำรุดได้ง่ายกว่า กำแพงเมืองจีนที่เราเห็นกันทุกวันนี้ ส่วนใหญ่ถูกสร้างในราชวงศ์หมิง โดยใช้วัตถุที่ทนทานกว่าเช่นหิน 9. สภาพของกำแพงเมืองจีนในขณะนี้ รายงานผลการสำรวจของนักอนุรักษ์เมื่อปี 2004 กล่าวว่า ขณะนี้ กำแพงเมืองจีนที่ยาว 6,350 กิโลเมตร เหลือให้เห็นเพียง 1/3 เท่านั้น และกำลังสั้นลงเรื่อยๆ ปัญหาเกิดขึ้นเนื่องจากการขาดการดูแลและอนุรักษ์ โดยเฉพาะจากชาวไร่ชาวนาซึ่งอาศัยอยู่ใกล้กำแพงเมืองจีน ไม่สนใจประกาศของรัฐบาลที่กำหนด ให้กำแพงเมืองจีนเป็นสมบัติของชาติ  
  • 13. สถานที่ตั้งของพระราชวังโบราณแห่งนี้แต่เดิมนั้นก็คือ พระราชวังหลวงของราชวงศ์หยวนแห่งมองโกล ซึ่งต่อมาเมื่อราชวงศ์หยวนล่มสลายลงแล้วมีราชวงศ์หมิงขึ้นมาแทน จักรพรรดิพระองค์แรกของราชวงศ์หมิง จักรพรรดิหงอู่ได้ย้ายเมืองหลวงจากปักกิ่งไปนานกิงและดำริให้รื้อถอนพระราชวังออก ซึ่งต่อมาเมื่อพระราชโอรสของพระองค์ จักรพรรดิหย่งเล่อได้ขึ้นครองราชย์ พระองค์ก็ได้ย้ายเมืองหลวงกลับปักกิ่งดั่งเดิม และทรงสั่งให้ก่อสร้างพระราชวังใหม่ขึ้นในปี พ . ศ . 1949 ซึ่งต่อมาได้กลายมาเป็นพระราชวังต้องห้ามแห่งนี้          ต่อมาในปี พ . ศ . 2187 ได้เกิดจลาจลขึ้นทำให้พระราชวังสมัยราชวงศหมิงเสียหายไป และเมื่อราชวงศ์ชิงขึ้นครองอำนาจต่อจากราชวงศ์หมิง ทางราชวงศ์ชิงก็ได้ก่อสร้างสร้างขึ้นมาใหม่บนฐานสิ่งก่อสร้างเดิม ทำให้พระราชวังกลายมาเป็นจุดศูนย์กลางอำนาจของจีนอีกครั้งหนึ่งเรื่อยมาจนถึงการล่มสลายของราชวงศ์ชิง และการเปลี่ยนมาเป็นระบอบสาธารณรัฐ
  • 14. พระราชวังต้องห้าม จากชื่อภาษาจีน แปลตามตัวอักษรได้ว่า " เมืองต้องห้ามสีม่วง " พระราชวังต้องห้ามตั้งอยู่ใจกลางของกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศจีน เป็นพระราชวังหลวงมาตั้งแต่สมัยกลางราชวงศ์หมิงจนถึงราชวงศ์ชิง พระราชวังต้องห้ามยังรู้จักกันในนาม พิพิธภัณฑ์พระราชวัง ครอบคลุมพื้นที่ 720,000 ตารางเมตร อาคาร 800 หลัง มีห้องทั้งหมด 9,999 ห้อง และมีพระที่นั่ง 75 องค์ ใช้ระยะก่อสร้างประมาณ 14 ปี ตั้งแต่ พ . ศ . 1949 จนถึง พ . ศ . 1963 พระราชวังต้องห้ามตั้งอยู่ทางทิศเหนือของ จัตุรัสเทียนอันเหมิน นักท่องเที่ยวสามารถเข้าสู่พระราชวังต้องห้ามได้ทางจตุรัสนี้ ผ่านประตูเทียนอันเหมิน บริเวณรอบจตุรัสเทียนอันเหมิน เรียกว่า อาณาเขตหลวง โดยมีสิ่งก่อสร้างสำคัญอยู่โดยรอบ เช่น มหาศาลาประชาคม หอพระสมุด ห้องหับต่างๆอีกมาก รวมทั้งยังมีสวน ลานกว้าง ทางเดินเชื่อมกันโดยตลอด ในอดีตภายในเป็นที่ประทับของจักรพรรดิ โดยมีสนมกำนัล ขันที และข้าหลวงรับใช้ ซึ่งคนเหล่านี้ต้องอาศัยอยู่ในนครต้องห้ามตลอดชีวิต เพื่อความสำราญของจักรพรรดิ ในวังจะมีวิเสท 6,000 คน ประกอบพระกระยาหาร มีสนมกำนัล 9,000 นาง ซึ่งมีขันที 70,000 คน คอยดูแลให้ มีคำเล่าลือกันว่า พระนางซูสีไทเฮา เวลาเสวยก็จะมีพระกระยาหารถึง 148 ชุด และทรงส่งขันทีไปเสาะหาชายหนุ่มซึ่งเข้าวังแล้วจะไม่มีผู้ใดพบเห็นอีกเลย
  • 15. แม้ว่าประเทศจีนจะไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว พระราชวังต้องห้ามก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของประเทศจีน และภาพประตูเทียนอันเหมินก็ยังปรากฏอยู่ในตราประจำสาธารณรัฐประชาชนจีนอีกด้วย นอกจากนี้ พระราชวังต้องห้ามยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งไม่นานมานี้ ทางรัฐบาลจีนได้มีนโยบายจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวเพื่อจะอนุรักษ์สภาพของอาคารและสวนหย่อมไว้ ยูเนสโกได้ประกาศให้พระราชวังต้องห้ามร่วมกับพระราชวังเสิ่นหยางเป็นหนึ่งในมรดกโลกในนาม พระราชวังหลวงแห่งราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงในปักกิ่งและเสิ่นหยาง เมื่อ พ . ศ . 2530 ( ค . ศ . 1987) พระราชวังต้องห้ามเป็นที่รู้จักในหลากหลายชื่อ ในภาษาจีนนั้น ชาวจีนจะเรียกพระราชวังต้องห้ามว่า กู้กง ซึ่งแปลว่า พระราชวังเก่า นอกจากนี้ คำนี้ยังใช้เรียกพระราชวังเก่าตามเมืองต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วไปในประเทศจีนด้วย ส่วนคำที่เรารู้จักกันดีว่า " พระราชวังต้องห้าม " นั้น แปลมาจากภาษาจีน จื่อจิ้น เฉิง ซึ่งแปลตามตัวอักษรได้ว่า " เมืองต้องห้ามสีเลือดหมู " ด้วยเหตุที่ว่า ห้ามสามัญชนเข้าไปในบริเวณวังหลวงโดยเด็ดขาด และสีเลือดหมูนั้นเป็นสีอาคารและหลังคาโดยทั่วไป
  • 17. หอบูชาฟ้า เทียนถาน   เทียนถานตั้งอยู่ทางทิศใต้ของกรุงปักกิ่ง สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง ค . ศ .1420 เปิดให้ผู้คนทั่วไปสามารถเข้าได้เมื่อปี 1949 มีเนื้อที่ทั้งหมด 2.73 ตารางกิโลเมตร เป็นสถานที่ซึ่งจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิง และราชวงศ์ชิงใช้เป็นที่บวงสรวงเทพยดา พระจักรพรรดิจะเสด็จไปประกอบพระราชพิธีบวงสรวงที่นั่นเพื่อให้การเก็บเกี่ยวได้ผลอุดม ตั้งแต่เริ่มนั้นเทียนถานใช้เป็นสถานที่บูชาทั้งฟ้าและดิน จนมาถึงสมัยของฮ่องเต้เจียจิ้งแห่งราชวงศ์หมิง ( พ . ศ .2065-2110) จึงได้มีการสร้างหอบูชาดิน หอบูชาพระอาทิตย์ และหอบูชาพระจันทร์ แยกออกไปต่างหาก เทียนถานจึงเหลือชื่อเรียกเพียงหอบูชาฟ้า
  • 18. หอบูชาฟ้า เทียนถาน คำว่าเทียน Tian ในชื่อเทียนถาน หมายถึง ฟ้า ส่วนคำว่า ถาน Tan หมายถึง แท่นบูชา เคยสร้างและถูกทำลาย และเสียหายหลายครั้ง แต่ก็บูรณะขึ้นใหม่ทุกครั้ง ตำหนักที่โดดเด่นที่สุด และสำคัญที่สุดคือ ตำหนักฉีเหนียนเตี้ยน หรือ " ตำหนักสักการะ " ซึ่งจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง สถาปัตยกรรมของตำหนักนี้ จะใช้รูปทรงกลมเป็นต้นแบบ เนื่องจากความเชื่อว่า วงกลมหมายถึงโลกมนุษย์ สร้างเป็นแบบอาคารไม้ทรงกระบอกสูง 40 เมตร สร้างซ้อนกันขึ้นไป 3 ชั้น มุงด้วยกระเบื้องสีน้ำเงินเข้ม สีน้ำเงินเข้มของหลังคา มีความหมายว่าสวรรค์ มีเสารองรับน้ำหนักรวม 28 ต้น ภายในอาคารมีเสากลางขนาดใหญ่ 4 ต้น เป็นตัวแทนของฤดูกาลทั้ง 4 ภายนอกชั้นแรก จะมีเสา 12 ต้น เป็นตัวแทนของเดือนทั้ง 12 เดือน และ 12 ต้นอยู่ภายนอกสุด แทนความหมายของ 12 ชั่วยามในหนึ่งวันตามหน่วยเวลาของจีนโบราณ และทางใต้ของอาคาร จะเป็นลานหินอ่อนรูปวงกลม คือแท่นบวงสรวงสวรรค์ หรือหยวนชิวถาน ที่เรียกกันว่าหอบูชาฟ้า เพราะตามความเชื่อของจีนโบราณ องค์จักรพรรดิทุกพระองค์จะนำข้าราชบริพารและเหล่าขุนนางกว่า 1,000 คน มาทำพิธีเซ่นไหว้บวงสรวงแด่สวรรค์ เพื่อทำการขอบคุณเทวดาที่ทำให้พืชผลเก็บเกี่ยวได้อย่างสมบูรณ์ และขอให้ฤดูกาลที่จะมาถึงพืชพันธุ์และน้ำท่าบริบูรณ์
  • 19. ตำหนักหวงฉุงหยีว์ Huangqiongyu หรือ ตำหนักเทพสถิต เป็นอาคารรูปทรงกลม สร้างเมื่อ พ . ศ .2073 ในสมัยของฮ่องเต่เจียจิ้งแห่งราชวงศ์หมิง ทำด้วยไม้ทั้งหลัง แต่ผนังโค้งด้านหลังก่อด้วยอิฐ หลังคามุงด้วยกระเบื้องสีน้ำเงิน ชื่อเรียกตำหนักเทพสถิตมาจากการที่ใช้ตำหนักแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานแผ่นป้ายของเทพเจ้าต่าง ๆ ที่ใช้ในการสักการะบวงสรวงฟ้าหรือสวรรค์ ภายในหอตั้งป้ายชื่อเทพเจ้าฟ้าดิน พระอาทิตย์และพระจันทร์ ใช้ในพิธีบวงสรวงของฮ่องเต้      หยวนซิวถาน Yuanqiutan หรือ แท่นบวงสรวงฟ้า หยวนซิวถานเป็นเนินรูปวงกลมสูงจากระดับพื้น 5 เมตร แยกออกเป็น 3 ชั้น สร้างขึ้นเมื่อ พ . ศ .2073 ในสมัยของฮ่องเต่เจียจิ้งแห่งราชวงศ์หมิง แต่มาปรับปรุงขยับขยายให้ดูยิ่งใหญ่ขึ้นในสมัยของฮ่องเต้เฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิงเมื่อ พ . ศ .2292 ใช้เป็นสถานที่ที่ฮ่องเต้มาประกอบพิธีบวงสรวงสักการะฟ้าหรือสวรรค์เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ล้อมรอบด้วยรั้วหินหยกขาว แกะสลักเป็นลวดลายเมฆและมังกร
  • 20.